ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | ผลการพิจารณารายงานความก้าวหน้าการติดตามการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เรื่อง การคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานความก้าวหน้าการติดตามการปฏิรูปประเทศด้านสังคม
เรื่อง การคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เรื่อง
การคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... แล้ว โดยสรุปผลการพิจารณาเห็นว่า ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น
เพื่อจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบของกฎหมายตามมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และได้แก้ไขชื่อร่างพระราชบัญญัติเป็นร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... เพื่อให้ครอบคลุมสาระสำคัญทั้ง ๓ ด้าน คือ การส่งเสริม คุ้มครอง และการอนุรักษ์วิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าอุทัยธานี เมืองเก่าตรัง และเมืองเก่าฉะเชิงเทรา | ทส. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า
และแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าอุทัยธานี เมืองเก่าตรัง และเมืองเก่าฉะเชิงเทรา
ซึ่งได้ผ่านการประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ เรียบร้อยแล้ว
โดยขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าอุทัยธานี มีเนื้อที่ประมาณ ๑.๖๙ ตารางกิโลเมตร
(๑,๐๕๘.๘๗ ไร่) ครอบคลุมองค์ประกอบเมืองที่สำคัญ เช่น วัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์)
พื้นที่ย่านการค้าดั้งเดิมบริเวณถนนศรีอุทัยและถนนท่าช้าง
ย่านชุมชนชาวจีนตรอกโรงยา และชุมชนชาวแพแม่น้ำสะแกกรัง ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าตรัง
เนื้อที่ประมาณ ๑.๙๑ ตารางกิโลเมตร (๑,๑๙๒.๙๕ ไร่) ครอบคลุมองค์ประกอบเมืองที่สำคัญ
เช่น หอนาฬิกาจังหวัดตรัง สถานีรถไฟตรัง และขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าฉะเชิงเทรา
เนื้อที่ประมาณ ๓.๙๖ ตารางกิโลเมตร (๒,๔๗๕.๖๙ ไร่)
ครอบคลุมองค์ประกอบเมืองที่สำคัญ เช่น ป้อมและกำแพงเมือง วัดโสธรวรารามวรวิหาร ย่านการค้าตลาดทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ประกอบด้วยแนวทางทั่วไป
เช่น การมีส่วนร่วมและการประชาสัมพันธ์ การสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน
การส่งเสริมกิจกรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น และแนวทางสำหรับพื้นที่หลัก เช่น ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน
ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม ด้านระบบการราจรและคมนาคมขนส่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น หน่วยงานผู้รับผิดชอบในพื้นที่ควรมีแผนการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว
และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว
โดยต้องคำนึงถึงสุขอนามัย ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ
หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น
รวมถึงองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญกับการนำแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง
และในการจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าฉะเชิงเทราซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตพัฒนาภาคตะวันออก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนานบิน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า
และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีอย่างเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ที่เกี่ยวข้องบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันให้ถูกต้อง
เหมาะสม รวมทั้งสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการกำหนดขอบเขตพื้นเมืองเก่าให้ทั่วถึงด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | การสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (ICS-ICH) วาระปี พ.ศ. 2565 – 2569 | วธ. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้ราชอาณาจักรไทยสมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
(Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible
Cultural Heritage : ICS-ICH) วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙ และเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียงและแลกเสียงสนับสนุนกับรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
และการไขว้เสียงกับอนุสัญญาอื่น ๆ รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการฯ
วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙ ให้แก่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อใช้ในกิจกรรมการรณรงค์สมัครเข้ารับการคัดเลือกและกิจกรรมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง (กำหนดการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการฯ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙ จะจัดขึ้นในการประชุมสมัชชาของรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
สมัยสามัญ ครั้งที่ ๙ ประมาณเดือนสิงหาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส)
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเตรียมการที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการฯ
เห็นควรให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องใช้จ่ายจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรให้กระทรวงวัฒนธรรมหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาประเด็นเรื่องจำนวนสัดส่วนของประเทศสมาชิกอาเซียนกับตำแหน่งที่ว่างของกรรมการดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง สภาพปัญหาและแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง สภาพปัญหาและแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย
ของคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า
กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... และได้มีการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มชาติพันธุ์ในการจัดสรรที่ดินทำกิน รวมทั้งเร่งรัดกระบวนการทางสัญชาติไทยให้โดยเร็วเพื่อให้เข้าถึงสิทธิทางการศึกษา
สิทธิรักษาพยาบาล สิทธิผู้สูงอายุ สิทธิผู้พิการ
ตลอดจนการออกเอกสารรับรองตัวบุคคลให้กับกลุ่มชาติพันธุ์
สร้างความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาชนต่าง ๆ สนับสนุนให้เกิดแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับอัตลักษณ์
วิถีชีวิตชนเผ่า ประเพณี วัฒนธรรม รวมถึงการส่งเสริมรูปแบบการจัดสวัสดิการสังคมโดยชุมชน
และมีการจัดทำแผนพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีสามารถพึ่งพาตนเองได้
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | ขออนุมัติเพิ่มระยะเวลาและวงเงินก่อหนี้ผูกพันค่าเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย | วธ. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมเพิ่มวงเงินค่าเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) รายการค่าเช่าทรัพย์สิน จากเดิมวงเงิน ๓๒,๖๔๓,๑๐๐ บาท เป็นภายในกรอบวงเงิน
๑๙๕,๓๘๘,๒๖๔ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๗๗ ได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
ส่วนภาระงบประมาณในปีต่อไปเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงวัฒนธรรม และ รฟท.
ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าเช่าที่ดินให้เป็นไปตามแนวทางการดำเนินการกรณีหน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้จัดให้ส่วนราชการเช่าใช้ประโยชน์ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การกำหนดแนวทาง/มาตรการป้องกันหรือแก้ไขปัญหากรณีที่หน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ปรับอัตราค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่หน่วยงานราชการอื่นได้เช่าใช้ประโยชน์
โดยปรับอัตราค่าเช่าเพิ่มสูงมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น) ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรม และ รฟท.
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่อยู่ติดกับพื้นที่เช่าตามสัญญาเช่าที่ดิน
รฟท. เพื่อจะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | แนวทางและมาตรการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2564 ภายใต้แนวคิด“สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย” | วธ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางและมาตรการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม
เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๔ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย”
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์แบบ New
Normal โดยเน้นเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี การท่องเที่ยวและสุขภาพ
งดเว้นการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากและมีการสัมผัสกันใกล้ชิด ๒.
ดำเนินกิจกรรมสงกรานต์ให้สอดคล้องกับแนวทางมาตรการเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๖๔
ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ดังนี้ ๒.๑ การจัดพิธีรดน้ำดำหัว ขอให้ยึดถือมาตรการ
DMHT (T:Tracking) หลีกเลี่ยงการจัดในที่คับแคบ
หรือในพื้นที่ห้องปรับอากาศ จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม ตามขนาดของสถานที่ ๑ คน ต่อ ๑
ตารางเมตร และการรดน้ำฯ
ให้มีการเรียงแถวเข้ารดน้ำแบบเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย ๑ เมตร
และสวมหน้ากากอนามัยทุกคน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน ๒.๒ การจัดงานสงกรานต์ ขอให้ยึดถือตามมาตรการ
DMHT (T:Tracking) ควรจัดให้พื้นที่โล่งแจ้ง
อากาศระบายได้ดี และในพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึง
จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดของสถานที่ ๑ คน ต่อ ๑ ตารางเมตร
งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ได้แก่
งดการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ และงดการจัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสกันใกล้ชิด
ได้แก่ งดประแป้ง งดการเล่นปาร์ตี้โฟม หลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยง และสังสรรค์
ในกลุ่มที่มาจากหลากหลายพื้นที่ ๓.
การขอความร่วมมือองค์กร/หน่วยงานผู้จัดงาน
ดำเนินกิจกรรมสงกรานต์ให้สอดคล้องกับมาตรการผ่อนปรนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 และขอความร่วมมืองดดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่สาธารณะตาม
พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๔. กิจกรรมอื่น ๆ
นอกจากนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | การเสนอต้มยำกุ้งเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
เอกสารนำเสนอต้มยำกุ้งขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
[องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and
Cultural Organization : UNESCO)] ๒. ให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอต้มยำกุ้งในฐานะตัวแทนของประเทศไทย
เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | ขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน–บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย–บ้านแพ้ว ในส่วนของงานโยธา ของกรมทางหลวง | คค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข ๘๒ สายบางขุนเทียน-นแพ้ว
ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ในส่วนของงานโยธา วงเงินค่าก่อสร้าง ๑๙,๗๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางตามแผนประมาณการรายจ่ายที่จะขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังภายหลังได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง) พิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๘๒ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว เมื่อการก่อสร้างสายทางในระยะที่ ๑
ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย แล้วเสร็จด้วย
เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนเส้นทางดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ
และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
กรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
ให้กรมทางหลวงขออนุมัติแผนประมาณการรายจ่ายเพื่อดำเนินโครงการฯ กับกระทรวงการคลังภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๘๒ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว
เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | การจัดกิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์ รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช 2564 | ศธ. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์
รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง ๑๐๐ ปี แห่งการสิ้นพระชนม์
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช ๒๕๖๔ ๑.๒ ให้หน่วยราชการแต่ละหน่วยใช้งบประมาณของตนเองในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ในการดำเนินงาน
หรือทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมได้ ๑.๓
ให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์
รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง ๑๐๐ ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช ๒๕๖๔ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธาน ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
ให้หน่วยราชการแต่ละหน่วยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่ขอเสนอให้เพิ่มเติมอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
เป็นกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์ รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง
๑๐๐ ปี แห่งการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช
๒๕๖๔ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (พ.ศ. 2563 – 2565) | วธ. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยของไทย
โดยมีกลไกในการขับเคลื่อนประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ส่งเสริมการวิจัย
องค์ความรู้นวัตกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ (๒)
ส่งเสริมให้มีการพัฒนาพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อการเรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
(๓) ส่งเสริมการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที่สร้างคุณค่าทางจิตใจ สังคม
และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการบนฐานของทุนทางวัฒนธรรม และ (๔)
ส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่ายด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยทั้งในและต่างประเทศบนฐานมรดกทางวัฒนธรรม
โดยมีกรอบวงเงินในการดำเนินการ รวมทั้งสิ้น ๒๙,๕๖๕.๙๕ ล้านบาท
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงอุตสาหกรรม และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เช่น
กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งขอปรับปรุงวงเงินงบประมาณของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่
โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาสู่สากล จากเดิม ๓๓.๑๖
ล้านบาท เป็น ๑๑ ล้านบาท เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้ดำเนินการในลักษณะบูรณาการของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่มีอยู่หรือสามารถมาใช้จ่ายได้
นำไปเป็นแนวทางในการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | การเตรียมการด้านงบประมาณสำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี 2565 | กต. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำบิมสเทค
ครั้งที่ ๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี ๒๕๖๕ จำนวน ๒๗๕,๐๒๖,๓๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวขอให้กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นตามภารกิจ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดจากการจัดประชุมดังกล่าว
รวมทั้งหารือรายละเอียดและรูปแบบในการจัดงานอย่างชัดเจนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดหลักในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว
เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม และรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม | วธ. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรมและรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายประสพ เรียงเงิน โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ๒. นางสาวเพชรรัตน์
สายทอง รองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | การเตรียมการด้านงบประมาณสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทย ปี 2565 | กต. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓,๐๒๓,๑๗๕,๗๐๐ บาท
เพื่อเป็นเงินสนับสนุนให้แก่หน่วยสนับสนุนนโยบายของเอเปค (Policy
Support Unit : PSU) และเพื่อจัดการประชุมและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
(Asia Pacific Economic Cooperation : APEC) หรือเอเปค ในปี ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒) ประกอบด้วย
กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ๒๕๖๖ จำนวน ๒,๑๘๒,๔๐๙,๐๐๐
บาท และ ๘๔๐,๗๖๖,๗๐๐ บาท ตามลำดับ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวขอให้กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นตามภารกิจเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ๒๕๖๖ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เช่น
กระทรวงการต่างประเทศควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดจากการจัดประชุมดังกล่าว
สำหรับการตั้งคำของบประมาณขอให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี 2564 | นร 05 | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่อง
การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค
รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี ๒๕๖๔ แล้ว ลงมติว่า ๑. เห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและวันหยุดราชการประจำภูมิภาค
ประจำปี ๒๕๖๔ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๔ วันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และวันศุกร์ที่ ๒๔
กันยายน ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ๑.๒ กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคเหนือ
(ประเพณีไหว้พระธาตุประจำปี) วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(ประเพณีงานบุญบั้งไฟ) วันพุธที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคใต้ (ประเพณีสารทเดือนสิบ)
และวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคกลาง (เทศกาลออกพรรษา) ๑.๓
ให้เลื่อนวันหยุดชดเชยวันปิยมหาราชจากวันจันทร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันศุกร์ที่
๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ ๑.๔
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนหรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร
โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ๑.๕ ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน
และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงานพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดเป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีต่อไป
๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม
และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและบริโภคสินค้าภายในประเทศมากขึ้น
เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก
รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการ (จำนวน 9 ราย) | นร.05 | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการ
(จำนวน ๙ ราย) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
รองนายกรัฐมนตรี
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) ๒.
นายจำเริญ โพธิยอด ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
กระทรวงการคลัง ๓.
นายประสพ เรียงเงิน ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
กระทรวงวัฒนธรรม ๔.
นายปิยะ คงขำ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๕
นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๖.
นายสำเริง แสงภู่วงศ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๗.
นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ๘.
พลตำรวจตรี ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๙.
นายวิชัย ไชยมงคล ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (1. นายโกวิท ผกามาศ) | วธ. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายโกวิท ผกามาศ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางยุถิกา อิศรางกูร ณ
อยุธยา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายชัยพล สุขเอี่ยม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสตวัน ฮ่มซ้าย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ) | วธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | การดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรม “ส่งสุขวิถีใหม่ สืบสานวิถีไทย ปลอดภัยสร้างสรรค์” เพื่อมอบเป็นของขวัญ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | วธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรม
“ส่งสุขวิถีใหม่ สืบสานวิถีไทย ปลอดภัยสร้างสรรค์” เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.
๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย ๓ กิจกรรมหลัก ได้แก่ (๑)
กิจกรรมทางศาสนาเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล (๒) กิจกรรมเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
และ (๓) กิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม ส่งความสุขแบบไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. .... | วธ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้งวัดคาทอลิกและการขอให้รับรองวัดคาทอลิก
โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิกมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างระเบียบในเรื่องนี้ในประเด็นการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิกหรือให้การรับรองวัดคาทอลิกของพนักงานเจ้าหน้าที่
ระยะเวลาการแก้ไขเอกสารของมิซซังและระยะเวลาในการให้มิซซังร้องขอให้รับรองวัดคาทอลิก
ความสอดคล้องของร่างระเบียบนี้กับพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณ ฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิกในกรุงสยาม
ตามกฎหมาย ร.ศ. ๑๒๘
และสิทธิของมิซซังหลังการจัดตั้งวัดคาทอลิกหรือได้รับการรับรองวัดคาทอลิก
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทยตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอในประเด็นจำนวนบาทหลวงที่ต้องพำนักอยู่ที่วัดคาทอลิก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังในประเด็นด้านภาระภาษีและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | การเสนอความเห็นการดำเนินการสำหรับทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินผลการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินผลที่กำหนดเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการพิจารณาการดำเนินการสำหรับทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินผลการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินผลที่กำหนดเป็นเวลา
๓ ปี ติดต่อกัน จำนวน ๓ ทุน ประกอบด้วย (๑)
กองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (๒)
เงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ (๓)
กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สังกัดสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ได้พิจารณาผลการประเมินผลการดำเนินงานทั้ง ๓
ทุนหมุนเวียนแล้วมีมติยุบกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
และยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา
สำหรับกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยให้ดำเนินการต่อไป แต่หากผลการประเมินของกองทุน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๔ ต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินผลที่กำหนด ให้ยุบเลิกกองทุนต่อไป
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปดำเนินการต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
ส่วนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในประเด็นที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
และมีนโยบายที่จะรวมภารกิจของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชนกับกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษาให้เป็นกองทุนเดียวกัน
ไปพิจารณาทบทวนตามหน้าที่และอำนาจอีกครั้งหนึ่ง
๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ยุบเลิกทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |