ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
41 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร) | นร. | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้น ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
42 | การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของเมืองน่าเที่ยว | นร. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน
ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอว่า ที่ผ่านมามีการใช้คำว่า “เมืองรอง”
เพื่อใช้เรียกจังหวัดที่ไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ของรัฐบาลที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub ของโลกด้วยกลยุทธ์ “เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว”
จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ใช้คำว่า “เมืองน่าเที่ยว” แทนคำว่า “เมืองรอง”
ซึ่งจะทำให้การเรียกจังหวัดต่าง ๆ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับแนวนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
43 | มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน (Quick Win) | กก. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน
(Quick Win) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวมทั้งสิ้น จำนวน ๔๓๓,๑๙๙,๓๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินโครงการการทำตลาดการท่องเที่ยวแพลตฟอร์มออนไลน์ และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดด้วยการจัดกิจกรรมบนอัตลักษณ์ถิ่น
“มหกรรมเสน่ห์ไทย” ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน
(Quick Win) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงวัฒนธรรม เห็นควรเน้นการทำงานแบบบูรณาการ สร้างการมีส่วนร่วม
สร้างการรับรู้ความเข้าใจในทุกภาคส่วน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามมาตรการ
บรรลุเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และมีประสิทธิภาพต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเร่งยกระดับคุณภาพมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
โดยเฉพาะสวัสดิภาพความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย
ที่จะส่งผลให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นการท่องเที่ยวสูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
44 | การพิจารณารับรองวัคคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิค พ.ศ. 2564 | วธ. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรับรองวัดคาทอลิก จำนวน ๕๖
วัด เป็นวัดคาทอลิกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงศึกษาธิการไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
ครบถ้วนถ้วนต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่ากรณีพื้นที่ที่ตั้งวัดคาทอลิกอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้จะต้องขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อนเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการ เห็นว่าควรให้มีรั้วแสดงขอบเขตของวัดคาทอลิกและโรงเรียนในระบบ
ซึ่งสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนออกจากกันอย่างชัดเจน โดยขนาดที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนที่เหลืออยู่จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ
ฯ
พร้อมทั้งให้โรงเรียนในระบบดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้งและขอเปลี่ยนแปลงขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบต่อผู้อนุญาตที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี หรือดำเนินการอย่างอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนกำหนดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
45 | ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) | คค. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) (โครงการฯ)
ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลขนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งเสนอพระราชบัญญัติบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
พ.ศ. .... ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว
เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบัตรโดยสารร่วมและโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในระบบขนส่งสาธารณะโดยนำร่องในระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ประชาชนหันมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้นได้ตามเป้าหมาย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการฯ ตามมาตรา ๔๓
แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ พิจารณาปรับแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ
ให้สอดคล้องกับผลการเจรจาเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการและป้องกันข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ๒.๒
เร่งรัดดำเนินการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และการส่งมอบพื้นที่ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ช่วงบางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (โครงการฯ ส่วนตะวันตก) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการสำรวจอสังหาริมทรัพย์และการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้อยู่ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ
(จำนวน ๑๔,๖๖๑ ล้านบาท)
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ [เรื่อง
ขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลขนแห่งประเทศไทย] เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการคลังของประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการเจรจากับเอกชนผู้ร่วมลงทุนในการปรับแผนการดำเนินงานและเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้แล้วเสร็จก่อนกำหนดตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย ๒.๓
เร่งเสนอร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งเร่งพัฒนาระบบการจ่ายเงินค่าโดยสารร่วมในระบบขนส่งสาธารณะโดยคิดอัตราค่าแรกเข้า
๑ ครั้งต่อ ๑ เที่ยว มาใช้สำหรับการเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าได้ในทุกกรณี |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
46 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา) | วธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิชาการละครและดนตรี (โขน ละคร และดนตรี)
(นักวิชาการละครและดนตรีทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
47 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวิเชียร สุขสร้อย) | วธ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิเชียร สุขสร้อย
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้น ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
48 | โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2572 | กษ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประมูลสิทธิ์จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๗๒ อนุมัติองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๗๒ ตามที่เสนอ และเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณารายละเอียดเอกสารสัญญา ให้มีความรอบคอบ รัดกุม
และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการใด ๆ
ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
49 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้าง หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยไม่ถือเป็นวันลา | วธ. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท
พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เป็นเวลา ๑๓ วัน
โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงาน
และได้รับเงินเดือนตามปกติ และให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ
ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่เป็นสตรี
ที่เข้าร่วมบวชชีพรหมโพธิ ถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้ สามารถลาปฏิบัติธรรมเป็นเวลา
๑๓ วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงาน และได้รับเงินเดือนตามปกติ
ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน
และขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง
การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม)
ในส่วนของการลาปฏิบัติธรรม ครั้งหนึ่งตลอดอายุราชการเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า ๑
เดือน แต่ไม่เกิน ๓ เดือน และยกเว้นการปฏิบัติธรรมในสถานที่ปฏิบัติธรรม
ตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง
แนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง
ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการขอยกเว้นการดำเนินการตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง
แนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง
ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ นั้น ให้กระทรวงวัฒนธรรมประสานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการบรรพชาอุปสมบท ๗๓ รูป
และบวชชีพรหมโพธิ ๗๓ คน เห็นสมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณีตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
50 | การกำหนดให้การไหว้เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทการทักทายและการแสดงความเคารพแบบไทย | นร.01 | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดให้การไหว้เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ
ประเภทการทักทายและการแสดงความเคารพแบบไทย ตามมติคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ
เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานราชบัณฑิตยสภาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นควรพิจารณาการจำแนกลักษณะการไหว้ประเภทต่าง ๆ ความหมาย
และการปฏิบัติให้ชัดเจนเพื่อให้เห็นความแตกต่างจากการไหว้ที่ปฏิบัติกันในประเทศต่าง
ๆ ที่มีการแสดงความเคารพโดยการไหว้แบบเดียวกัน
อันจะทำให้เกิดความชัดเจนในรูปแบบการไหว้ของไทย
และไม่ก่อให้เกิดปัญหาต้านวัฒนธรรมการไหว้กับประเทศต่าง ๆ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา เห็นว่า
เนื่องจากการไหว้เป็นวัฒนธรรมร่วมในภูมิภาค จึงควรประกาศโดยแสดงความเป็นอัตลักษณ์ของการไหว้แบบไทยอย่างชัดเจน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
51 | การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการร่วมงาน
“เปิดเมืองน่าเที่ยว” ทางภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาลตามนโยบาย IGNITE
TOURISM THAILAND โดยการเชื่อมโยงกิจกรรมการท่องเที่ยวเป็นเครือข่ายร่วมกับจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นเมืองน่าเที่ยว
รวมถึงค้นหาและพลิกฟื้นโอกาสของจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย
เช่น จังหวัดลำพูน ที่เป็นเมืองเก่าในภาคเหนือ มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ซึ่งสามารถผลักดันให้ประชาชนและคนรุ่นใหม่ชาวจังหวัดลำพูนฟื้นคืนคุณค่าของจังหวัดที่มีอยู่แต่เดิม
เปลี่ยนจังหวัดลำพูนให้เป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) หรือเมืองสร้างสรรค์ (Creative City) ได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดจัดทำแผนบูรณาการการท่องเที่ยวของเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวทั้ง
๕๕ จังหวัด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.
โดยที่ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองน่าเที่ยวทั้ง
๕๕ จังหวัด
รวมทั้งรับฟังปัญหาจากภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อนำมายกระดับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยด้วย
จึงขอให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำนโยบายหรือข้อสรุปที่จะได้จากการประชุมดังกล่าวไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน
(KPI) ในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปภายใน ๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
52 | การผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จังหวัดน่านเป็นจังหวัดในภาคเหนือที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง รวมถึงในอดีตถือเป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง
ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดังนั้น
หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน - หลวงพระบางให้เป็นเมืองคู่แฝดมรดกโลก
ก็จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสนับสนุนและผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจังหวัดน่านให้มีความสะดวก
ปลอดภัย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายสนามบินและขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการของสนามบินจังหวัดน่านให้สามารถให้บริการในช่วงเวลากลางคืนด้วย
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
53 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา | สว. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
54 | การมอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงวัฒนธรรม
โดยกรมศิลปากรมอบโบราณวัตถุ ๒๐ รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูซา
เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
รวมทั้งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นภาคีที่ยึดมั่นและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในความตกลงทวิภาคีอย่างเคร่งครัด
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการยกเว้นเงื่อนไขภายใต้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในการต่อต้านการเคลื่อนย้ายโดยผิดกฎหมายและการลักลอบขนข้ามแดนซึ่งสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมและส่งคืนให้แก่ประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิด
ข้อ ๔ วรรคสอง ที่กำหนดให้ค่าใช้จ่ายทั้งปวงอันเนื่องมาจากการส่งคืนและการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมให้เป็นภาระของภาคีที่ร้องขอ
นั้น ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การโอนเงินจัดสรร
และหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้อื่นในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าผู้ส่งออกโบราณวัตถุดังกล่าว
จะต้องปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ ท่าหรือที่ที่ส่งออก ตลอดจนปฏิบัติตามข้อห้ามหรือข้อจำกัดสำหรับการส่งออกตามกฎหมายอื่นให้ครบถ้วน
ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
55 | ขอความเห็นชอบให้กรมศิลปากรรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการ กลับคืนให้ประเทศไทยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา | วธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน
๒ รายการ ได้แก่ ประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The
Standing Shiva) หรือ Golden Boy และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ
(The Kneeling Female) คืนจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและหน้าที่และอำนาจต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
56 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (1.นายอำนวย โชติสกุล ฯลฯ รวม 7 คน) | พปส. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายอำนวย โชติสกุล ประธานกรรมการ ๒. นางสาวชูสะอาด กันธรส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกษม เพ็ญภินันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม ๕. ศาสตราจารย์สุมาลี วงษ์วิฑิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. นายบุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
57 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร.01 | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเกท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ
ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ โดยไม่ถือเป็นวันลา
เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติ ระหว่างวันที่ ๑๒ กรกฎาคม-๓
สิงหาคม ๒๕๖๗ รวม ๒๓ วัน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอแนะของกระทรวงวัฒนธรรม ที่เห็นว่าควรเพิ่มสถานที่บรรพชาอุปสมบท
ณ วัดไทยในต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
58 | การเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (เพิ่มเติม) | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
แก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย รวมตลอดถึงการจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนเพื่อมิให้เกิดความแออัด
และการบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะสม
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางสายหลักต่าง ๆ
ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
ประสานงานกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่างใกล้ชิดและบูรณาการการดำเนินการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง การจราจร และการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวตลอดช่วงเทศกาลดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการจัดงานเทศกาล “เย็นทั่วหล้า
มหาสงกรานต์” (เช่น กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชลบุรี
สมุทรปราการ) นั้น ขอมอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ เพิ่มเติม ดังนี้ ๑.
ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประสานงาน วางแผน
และปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือ ดูแล
และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ๒.
การจัดเตรียมรถสาธารณะให้เพียงพอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง
โดยต้องกำชับให้พนักงานขับรถปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ
และวินัยการจราจรอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งมีการหยุดพักรถตามช่วงเวลาที่กำหนดและพนักงานขับรถได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอด้วย ๓.
การบริหารจัดการการจราจร ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับตำรวจทางหลวง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเส้นทางการเดินรถและระบายการจราจรให้มีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกับสภาพการจราจรจริงในแต่ละพื้นที่และในแต่ละช่วงเวลา
โดยให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ข่าวสารการจราจรให้ประชาชนผู้สัญจรได้ทราบอย่างถูกต้อง
รวดเร็ว ทั่วถึง และต่อเนื่องด้วย ๔.
การรณรงค์ “ห้ามดื่มแล้วขับ” ให้กระทรวงมหาดไทย (ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน)
ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรณรงค์ในเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิดอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ
รวมทั้งการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและดูแลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุอย่างทันท่วงทีด้วย
๕. การอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยของสถานที่จัดกิจกรรม
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานสงกรานต์หรือจัดกิจกรรมอื่นในจุดต่าง
ๆ ให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยของจุดเล่นน้ำ สถานที่ท่องเที่ยว
รวมถึงบ้านเรือนของประชาชน ทั้งนี้
ให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านสายด่วน ๑๙๑ ตลอด
๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
59 | การตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราช | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช พบว่าจังหวัดดังกล่าวมีศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า)
เร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้เกี่ยวกับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่
(Cruise Terminal) ณ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในปี ๒๕๖๗
โดยให้ดำเนินการให้ครอบคลุมถึงเรื่องท่าจอดเรือมาริน่า (Marina) และการก่อสร้างอาคาร (Terminal) รองรับเครื่องบินน้ำ
(Sea plane) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการเปิดร้านค้าปลอดภาษี
(Duty free) ที่เกาะสมุย
โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประเพณีของอำเภอเกาะสมุย
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ซึ่งครอบคลุมในทุกมิติ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายรันเวย์
ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาคเร่งดำเนินการก่อสร้างท่อส่งน้ำประปาในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ให้นำกระบวนการผลิตน้ำแบบ Reverse Osmosis มาใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำประปาด้วย ๕.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้เป็นจังหวัดน่าอยู่น่าท่องเที่ยว
รวมทั้งให้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้พร้อมต่อการขยายตัวของเมือง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
60 | รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑
ด้านผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการมีสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
การเปิดสถานบันเทิงครบวงจรจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ
รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
และรัฐสามารถควบคุมหรือกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวมได้ดีขึ้น
ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในประเทศ
รวมทั้งรัฐควรต้องสร้างการรับรู้และมีการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ให้รอบด้านด้วย ๑.๒
ด้านโครงสร้างทางธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการเก็บรายได้เข้ารัฐ
โดยการศึกษารูปแบบของการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรและมีกาสิโนรวมอยู่ด้วย
เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วยการหารายได้เข้ารัฐ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น
โดยมีแนวทางดำเนินการในรูปแบบการให้ใบอนุญาตกับเอกชนตามระยะเวลาที่กำหนด
ซึ่งจะทำให้รัฐไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนหากแต่เป็นการกำกับควบคุมและดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดต่าง
ๆ รวมถึงการกำหนดขั้นตอนการตรวจสอบให้รัดกุม
พื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการจะตั้งเป็นสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
ต้องอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติ
มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานสามารถรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
ควรมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ ควรมีการกำหนดอัตราภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง
ๆ อย่างเหมาะสม และเป็นการเฉพาะต่างหากจากอัตราภาษีปกติทั่วไปที่มีอยู่
ควรมีการศึกษามาตรการป้องกันและการลดผลกระทบจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
ควรจัดตั้งหน่วยงานในกำกับดูแลการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
และควรมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีคณะกรรมการเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการกองทุนดังกล่าวมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนร่วมกันพิจารณาใช้เงินกองทุนเพื่อการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
โดยจัดสรรเงินรายได้จากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันเข้ากองทุน ๑.๓
ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ควรปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเป็นระบบ
โดยการถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตมาเป็นแนวทาง พร้อมทั้งทำการปรับปรุงกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วและเกี่ยวข้องควบคู่กันไป
เพื่อให้นโยบายการมีสถานบันเทิงครบวงจรสามารถดำเนินไปอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งมีมาตรการต่าง ๆ รองรับ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้ยกตัวอย่างร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
พ.ศ. .... ด้วยแล้ว ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|