ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
121 | ขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2570 | นร.52 | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ทั้งนี้
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามระบบและมีความต่อเนื่อง
ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของโครงการฯ
ให้กลุ่มเป้าหมายทราบอย่างชัดเจน พิจารณาปรับแผนงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ตามระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๗๐
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้บูรณาการการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมมีความเหมาะสม คุ้มค่า
เป็นไปตามความลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อลดความซ้ำซ้อน
เกิดความเสมอภาค และไม่เป็นภาระงบประมาณเกินจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
122 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ (จำนวน 15 ราย) | นร.05 | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ
จำนวน ๑๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. พลเอก นุชิต ศรีบุญส่ง รองปลัดกระทรวงกลาโหม ๒. นางวรนุช ภู่อิ่ม รองปลัดกระทรวงการคลัง ๓. นายอภัย
สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. นายวันชัย
วราวิทย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๕. นายสมคิด
จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๖. นางโชติกา
อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ๗. นายทวีศิลป์
วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๘.
นายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล กรรมการร่างกฎหมายประจำ
นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ ๙. นายประเสริฐ
ศิรินภาพร รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๑๐. นางสุพร
ตรีนรินทร์ ที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ ๑๑. พลตำรวจโท
กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผู้บัญชาการประจำ
สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ๑๒. นายเทพสุ
บวรโชติดารา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๑๓. นายพุฒิพงษ์
เลิศสถิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๑๔. นายทศพร
แย้มวงษ์ รองเลขาธิการวุฒิสภา ๑๕. พลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
123 | การประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา | กก. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มทะเลทราบสงขลาขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา [องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)]
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าในการดำเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของงบประมาณแผ่นดิน
และคำนึงถึงภารกิจหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานเป็นหลัก
และการดำเนินงานด้านงบประมาณต้องพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ
และเป็นไปตามกฎหมายของทางราชการ รวมทั้ง
ไม่ส่งผลต่อวงเงินงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่เป็นสำคัญ
ควรกำหนดเพิ่มเติมในแผนยุทธศาสตร์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาว่า
กรณีเป็นแผนหรือโครงการที่ต้องดำเนินการในเขตโบราณสถาน
จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ก่อนดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการดังกล่าว
และควรกำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานตามแผนการขับเคลื่อนฯ ให้มีความชัดเจน
รวมทั้งควรพิจารณาถึงกรอบวงเงินรวมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑
อย่างเคร่งครัดในการจัดตั้งสำนักงานการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของงบประมาณในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวกับการเสนอแผนงานยุทธศาสตร์ชาติการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
และดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า
เมื่อการพิจารณาประกาศกำหนดให้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาตามลำดับในลักษณะ
Bottom Up จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องไปสู่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติแล้ว
ยังสมควรที่จะต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการประกาศกำหนดพื้นที่ดังกล่าวหรือไม่
ประการใด เพื่อพิจารณาทบทวนและแก้ไขพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
124 | การดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน | วธ. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรม
เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย ๓ กิจกรรม ได้แก่
(๑) กิจกรรมทางศาสนาเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล (๒) กิจกรรมท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
และ (๓) กิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม ส่งความสุขแบบไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
125 | การจัดทำร่างโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างปี พ.ศ. 2565-2570 | วธ. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อการจัดทำร่างโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย
ระหว่างปี ๒๕๖๕-๒๕๗๐ โดยร่างโครงการฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับอินเดียให้ขยายผลยิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องครอบคลุมกิจกรรมการแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน
มุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีศักยภาพ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมรหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
๒๕๖๖
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่าย หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
แล้วแต่กรณี และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึง ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่จะได้รับเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
126 | การดำเนินโครงการบรรพชาอุปสมบทถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา | วธ. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท ๙๙ รูป
ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ณ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
โดยไม่ถือเป็นวันลา
เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติระหว่างวันที่ ๒๓ ธันวาคม
๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
127 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. 2551 (1. นางกนกวลี กันไทยราษฎร์ ฯลฯ จำนวน 12 คน) | วธ. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย จำนวน ๑๒ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย ๑.๑ นางกนกวลี
กันไทยราษฎร์ สาขาวรรณศิลป์ ๑.๒ ผู้ช่วยศาสตราจารย์โสภาวรรณ
บุญนิมิตร สาขาภาพยนตร์ ๑.๓ นายพิชิต วีรังคบุตร สาขาเรขศิลป์ ๑.๔
นายศิริชัย ทหรานนท์ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกาย ๑.๕
นายสมเถา สุจริตกุล สาขาดนตรี ๑.๖
นางมาริษา เจียวรานนท์ สาขาทัศนศิลป์ ๑.๗
นางเยาวณี นิรันดร สาขาทัศนศิลป์
(จิตรกรรม ประติมากรรม) ๑.๘
นายณรงค์ ปรางค์เจริญ สาขาดนตรี ๒.
ผู้ทรงคุณวุฒิจากนักวิชาการด้านศิลปะร่วมสมัยจากสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ๒.๑
ศาสตราจารย์พรรัตน์ ดำรุง สาขาศิลปะการแสดง ๒.๒
ศาสตราจารย์เอกชาติ จันอุไรรัตน์ สาขามัณฑนศิลป์ ๒.๓
ศาสตราจารย์ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ สาขาทัศนศิลป์
(มีเดียอาร์ตและสื่อผสม)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
128 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายมณเฑียร ชูเสือหึง) | วธ. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมณเฑียร ชูเสือหึง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรม
(จิตรกรเชี่ยวชาญ) สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่างศิลปกรรม (ช่างศิลปไทย)
(นักวิชาการช่างศิลป์ทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๓๐
ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
129 | แผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ.2564-2570 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2566-2570 และ (ร่าง) แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566-2570 | อว. | 13/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ (แผนด้านการอุดมศึกษาฯ) และ (ร่าง)
แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
เป็นแผนภายใต้กรอบนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ (แผนด้าน ววน.) จัดทำขึ้นเพื่อใช้ทดแทนนโยบายและยุทธศาสตร์เดิม
โดยกำหนดให้มีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดในช่วงเวลาเดียวกัน ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑.๑ แผนด้านการอุดมศึกษาฯ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) พัฒนาศักยภาพคน (Capacity Building) (๒) ส่งเสริมระบบนิเวศวิจัยอุดมศึกษา (Research Ecosystem
Building) (๓) จัดระบบอุดมศึกษาใหม่ (Higher Education
Transformation) และมีการขับเคลื่อนสำคัญกำหนดเป็น ๗ นโยบายหลัก (Flagship
Policies) และ ๓ กลไกหลัก (Flagship Mechanisms) ตามความสำคัญเร่งด่วน เช่น กำลังคนระดับสูงที่มีทักษะรองรับอุตสาหกรรมและบริการใหม่แห่งอนาคตเพิ่มขึ้น
การรองรับสังคมสูงวัยและการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยสมบูรณ์
การยกระดับฐานข้อมูลระบบอุดมศึกษาให้มีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง แม่นยำ มีเสถียรภาพ
เป็นต้น
๑.๒ (ร่าง) แผนด้าน ววน. พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่
(๑) การพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้มีความสามารถในการแข่งขันและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พร้อมสู่อนาคต โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม (๒)
การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ไขปัญหาท้าทาย
และปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยใช้วิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม (๓) การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุคเพื่อสร้างโอกาสใหม่และความพร้อมของประเทศในอนาคต
และ (๔) การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ให้เป็นฐานการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศแบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน
โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม ๒. ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุข
เช่น แผนด้านการอุดมศึกษาฯ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
ควรมีความสอดคล้องกับความต้องการและความจำเป็นด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ และควรมีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐในการพัฒนานวัตกรรมที่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการดำเนินงาน
และติดตามความก้าวหน้าให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมตามห้วงระยะเวลาที่กำหนดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
130 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และปีแห่งการแลกเปลี่ยนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี ปี พ.ศ. 2566 - 2567 ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐเกาหลี | กก. | 13/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว
และปีแห่งการแลกเปลี่ยนระหว่างราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา
และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๗
ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพร่วมกัน
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
131 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) | วธ. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดย (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
มีสาระสำคัญเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมคุณธรรม/การทำความดีที่เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย
เพื่อให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาครัฐ พัฒนาระบบ และการเสริมสร้างขีดความสามารถของกลไกเพื่อการขับเคลื่อนและส่งเสริมคุณธรรม
และเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนและองค์กรเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรม
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงาน ก.พ.ร.
และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน
ก.พ. และข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ควรเพิ่มเติมในเรื่องของนวัตกรรม
ในแนวทางการพัฒนาที่ ๓ ด้วย
เพื่อให้ครอบคลุมการส่งเสริมให้การวิจัยและนวัตกรรมเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
โดยปรับเป็น “ส่งเสริมงานวิชาการ งานวิจัยและนวัตกรรม และพัฒนา...” ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับจังหวัดในการดำเนินการจัดทำแผนจังหวัดและแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด
เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรมในพื้นที่ ตามนโยบาย หลักเกณฑ์
และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ให้ทุกหน่วยงานจัดกิจกรรมจิตอาสาส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
132 | การพิจารณารับรองวัดคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 | วธ. | 08/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองวัดคาทอลิกเป็นวัดคาทอลิกตามกฎหมาย
จำนวน ๓๔ วัด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
ได้รับความเห็นชอบให้ยื่นคำขอรับรองวัดคาทอลิกจากสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
(๒) มีข้อมูลที่ตั้งวัด (๓) มีข้อมูลที่ดินที่ตั้งวัดและการอนุญาตให้ใช้ที่ดิน (๔)
มีรายชื่อบาทหลวงซึ่งจะไปประกอบศาสนกิจ ประจำ ณ วัดคาทอลิก (๕) มีข้อมูลอื่นที่จำเป็นเกี่ยวกับการรับรองวัดคาทอลิก
เช่น คุณค่าและประโยชน์ของวัดคาทอลิก การอุปถัมภ์และทำนุบำรุงจากภาคส่วนต่าง ๆ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นว่ากรณีพื้นที่ที่ดำเนินการอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และพื้นที่ที่ดำเนินการในเขตป่า ตามาตรา ๔(๑) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้
พุทธศักราช ๒๔๘๔
ขอให้ดำเนินการตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
133 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.02 | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบ
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อเรื่องสื่อสารที่สำคัญ (๒)
สร้างความตระหนักรู้ ทัศนคติเชิงบวกและการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยและชาวต่างประเทศต่อการต่างประเทศ
(๓) บริหารจัดการข้อมูลข่าวสารพัฒนาสื่อสร้างสรรค์สร้างการรู้เท่าทันและการมีส่วนร่วม
(๔) พัฒนาคลังข้อมูลข่าวสารอัจฉริยะ (๕)
ยกระดับบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศ และ (๖)
ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติระดับจังหวัดตามแนวทางการพัฒนาทั้ง
๔ แนวทาง ๒. มอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงยุติธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ๓. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัด
๗๖ จังหวัด
ให้ความสำคัญกับงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนในพื้นที่และสั่งการให้หน่วยงานในระดับจังหวัดสนับสนุนและประสานการดำเนินงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
134 | การรับรองเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (AMCA) ครั้งที่ 10 และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา หัวข้อ “การส่งเสริมบทบาทด้านวัฒนธรรมและศิลปะอาเซียนในยุคหลังการระบาดของโควิด-19 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ผ่านระบบการประชุมทางไกล | วธ. | 25/10/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
ครั้งที่ ๑๐ (Draft Joint Media Statement of the 10th
AMCA) มีสาระสำคัญเป็นการแถลงผลการประชุม AMCA ครั้งที่ ๑๐ เกี่ยวกับการส่งเสริมบทบาทของวัฒนธรรมและศิลปะของอาเซียน
และการเสริมสร้างความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนกับประเทศคู่เจรจาอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
และร่างถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Joint
Ministerial Statement on Cultural Property Protection) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะในการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันเป็นมรดกร่วมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะแห่งราชอาณาจักรไทยรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ ในการประชุม AMCA ครั้งที่ ๑๐
และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๕
ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมฯ
และร่างถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรีฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
135 | การรับรองร่างเอกสารวาระบาหลี 2022 : แผนที่นำทางระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Bali Agenda 2022: A Global Roadmap for Creative Economy) | วธ. | 05/10/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารวาระบาหลี ๒๐๒๒ : แผนที่นำทางระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Bali
Agenda 2022 : A Global Roadmap for Creative Economy) เพื่อให้ทันต่อกำหนดเวลาในการรับรองเอกสารวาระบาหลี
๒๐๒๒ : แผนที่นำทางระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Bali
Agenda 2022 : A Global Roadmap for Creative Economy)
ระหว่างการประชุม World Conference on Creative Economy
ครั้งที่ ๓ วันที่ ๕-๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ ซึ่งจะจัดขึ้นในรูปแบบผสมผสาน ณ Bali
International Convention Center (BICC) เมืองบาหลี
สาธารณรัฐอินโนนีเซีย และอนุมัติให้ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างเอกสารวาระบาหลี
๒๐๒๒ : แผนที่นำทางระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Bali
Agenda 2022 : A Global Roadmap for Creative Economy) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารวาระบาหลี ๒๐๒๒ : แผนที่นำทางระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Bali Agenda 2022 :
A Global Roadmap for Creative Economy)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน)
บูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินการด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยในภาพรวม
ให้สอดคล้องและเป็นไปตามแนวทางการประชุม World Conference on Creative Economy (WCCE) ครั้งที่
๓ และแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) ต่อไป ๓.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
136 | การส่งเสริมการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทย | นร.01 | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ๔ มกราคม ๒๕๒๖ และ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๕) เห็นชอบให้เสื้อชุดไทยหรือชุดไทยพระราชทานเป็นเครื่องแบบราชการและสามารถใช้แทนเสื้อสากลได้
เพื่อเป็นการประหยัดและเหมาะสมกับสภาวะอากาศของประเทศไทย
รวมทั้งได้มีการรณรงค์และเชิญชวนให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ
ตลอดจนประชาชนทั่วไปแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยอันแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ไทยมาจนถึงปัจจุบัน
นั้น โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยประสบกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ของโลก
ส่งผลให้อุณหภูมิในภาพรวมของประเทศสูงขึ้น
ทำให้ต้องมีการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นเพื่อปรับอากาศในอาคารสถานที่ต่าง ๆ ให้เย็นมากขึ้น
ในขณะที่รัฐบาลมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยได้ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net
Zero Greenhouse Gas Emission) ให้ได้ภายในหรือก่อนหน้าปี ค.ศ. ๒๐๖๕
ดังนั้น การแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ
รวมทั้งประชาชนทั่วไป
จึงถือเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถตอบสนองต่อการดำเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นของไทย สวมใส่สบาย คลายร้อน แต่อาจต้องพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดของรูปแบบและวิธีการตัดเย็บให้สามารถระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในปัจจุบันและสามารถใช้สวมใส่ในวาระ/โอกาสต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสม สวยงามและยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไทยไว้ดังเดิม
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับเรื่องนี้ไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการในรายละเอียดต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันกับกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเน้นย้ำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐแต่งกายด้วยผ้าไทย
รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนในทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือดำเนินการในทำนองเดียวกันตามความเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
137 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกฤษฎา คงคะจันทร์ และนางโชติกา อัครกิจโสภากุล) | วธ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายกฤษฎา คงคะจันทร์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
138 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร | กก. | 20/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร
วงเงิน ๒๑๒,๑๐๒,๘๒๙.๖๒
บาท ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณฯ
รวมทั้งจะได้เร่งคืนเงินตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้แก่ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศทั้ง
๖ เรื่องดังกล่าวภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรร่วมมือเพื่อวางกลยุทธ์การใช้ประโยชน์จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อาทิ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ให้กับบุคลากรและธุรกิจภาพยนตร์ของไทย
และการส่งเสริมและการสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์และนโยบายการพัฒนาของประเทศไทยผ่านภาพยนตร์ต่างประเทศในรูปแบบ
Soft Power เป็นต้น รวมทั้ง อาจพิจารณามาตรการจูงใจอื่น ๆ
เพิ่มเติมในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
139 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓
กันยายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
140 | โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบด้านศิลปวัฒนธรรม : เมืองเก่าสงขลา (Culture Smart City : Songkhla Old Town) | วธ. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบด้านศิลปวัฒนธรรม
: เมืองเก่าสงขลา (Culture Smart City : Songkhla Old Town) ในนามรัฐบาล โดยวงเงินงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบฯ
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ เป็นจำนวน ๖๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการควรบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น
ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมวัฒนธรรมในพื้นที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ประกอบกับโครงการเป็นการใช้งบประมาณผูกพันระยะยาว ๕ ปี
เห็นควรให้มีการติดตามประเมินผลและทบทวนถึงปัญหาอุปสรรคอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ
และให้มีการจัดทำบทเรียนกลไกความสำเร็จในการพัฒนาให้เกิดเป็นเมืองต้นแบบ
เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนของประเทศในภาพรวมด้านการพัฒนาพื้นที่เชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
บนฐานการเชื่อมต่อการทำงานกับกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้ง
ในส่วนของการผลักดันประเด็นเรื่อง soft power ของกระทรวงวัฒนธรรมควรมีการจัดทำแผนในลักษณะบูรณาการทุกมิติร่วมกันเป็นภาพใหญ่ของประเทศ
โดยกำหนดบทบาทของแต่ละหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
บนพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงความหมายและขอบเขตของการใช้ soft
power ในมิติการพัฒนาประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |