ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขลักษณะ
ชนิด ประเภทของส่วนประกอบครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และส่วนประกอบครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
รวมถึงกำหนดสีประจำวิทยาลัยนาฏศิลปและวิทยาลัยช่างศิลปทุกแห่งที่มีการเปิดสอนระดับปริญญาเพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา | อว. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา
คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วสรุปผลการพิจารณาว่าการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน
(องค์การมหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูล ค้นคว้า เผยแพร่
ส่งเสริมและสนับสนุนเกี่ยวกับภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน รวมทั้งทำหน้าที่บูรณาการขับเคลื่อนงานกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อวางกรอบนโยบายเกี่ยวกับภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่มีภารกิจดังกล่าว
เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย)
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยภาษาและนวัตกรรมเอเชีย
มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันภาษาไทยสิรินธรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้น
เพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อนของภารกิจ
จึงเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นในการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดินเป็นองค์การมหาชน
อย่างไรก็ตาม ควรจัดตั้งสถาบันฯ ให้เป็นหนึ่งในสถาบันภายใต้วิทยสถานด้านสังคมศาสตร์
มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (Thailand Academy of Social Sciences, Humanities and Art :
TASSHA) หรือ “ธัชชา” ร่วมกับสถาบันที่มีอยู่แล้ว ได้แก่
สถาบันสุวรรณภูมิศึกษา สถาบันโลกคดีศึกษา สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง
สถาบันพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมแห่งชาติ และสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น เนื่องจากบทบาทและพันธกิจของธัชชาเป็นไปในลักษณะเดียวกับบทบาทของสถาบันฯ
เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาวอันเนื่องมาจากการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงาน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | การเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ | นร. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึง
คาดว่าจะมีประชาชนใช้เส้นทางคมนาคมและบริการรถขนส่งสาธารณะเดินทางไป-กลับจากภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศมากกว่าปกติเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
แก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย
รวมตลอดถึงการจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนเพื่อมิให้เกิดความแออัด
และการบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะสม
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางสายหลักต่าง ๆ
ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างทำให้ไม่สามารถใช้ผิวทางจราจรได้อย่างเต็มศักยภาพ
เช่น ถนนพระราม ๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | การเสนอรายการ “ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ” (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The Thai National Costume) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอรายการ “ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ
และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ” (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The
Thai National Costume) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
ซึ่งเป็นแสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย
ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาช้านาน
บ่งบอกถึงความผูกพันของครอบครัว ชุมชนและสังคม
การสวมใส่ชุดไทยช่วยเสริมบุคลิกภาพของสตรีไทยให้ดูสง่างามในความเป็นไทย เป็นต้น และให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอฯ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | การเสนอรายการ "มวยไทย" (Muay Thai : Thai Traditional Boxing) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอรายการ “มวยไทย” (Muay Thai : Thai Traditional Boxing) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
และให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอรายการ “มวยไทย” (Muay Thai : Thai Traditional Boxing) ในฐานะตัวแทนของประเทศไทย
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้พิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นลำดับแรก
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี | ทส. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน
จังหวัดเพชรบุรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ดังนี้ ๑. การเร่งรัดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๒. การพิจารณาจัดตั้งกลไกในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยให้เป็นรูปธรรม
มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ จัดตั้งกลไกในการดำเนินงาน ได้แก่ ๑) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี
ได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่าง
ๆ ๒) มีหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
กรมทรัพยากรน้ำ ได้เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน
การเกษตร ระบบน้ำ - ไฟฟ้า ชีวิตความเป็นอยู่ ๓) มีหน่วยงานต่าง ๆ
ได้ให้ความช่วยเหลือโดยให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาล
และกระทรวงศึกษาธิการ ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ๔) กระทรวงมหาดไทยได้สำรวจการถือครองที่ดินจัดทำทะเบียนประวัติสถานะบุคคลและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ๓. การบูรณาการการแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกตามข้อ ๒
นั้น
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันใน
๕ ขั้นตอน ดังนี้ ๑) ให้มีคณะทำงานที่มีองค์ประกอบทั้ง ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และคณะกรรมการอิสระ ๒) ให้มีการสำรวจที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของประชาชนในพื้นที่บ้านบางกลอยให้แล้วเสร็จ
๓) จัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ ๔) ให้ชาวบ้านได้เข้าไปทดลองใช้ประโยชน์ในพื้นที่
โดยมีหน่วยงานเข้าไปกำกับดูแล และ ๕) ให้มีการประเมินผลการทดลอง รวมทั้งได้มีคณะทำงานและคณะกรรมการหลายชุด
เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยมาโดยตลอดด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายโกวิท ผกามาศ และนายประสพ เรียงเงิน) | วธ. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายโกวิท ผกามาศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) | กค. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการของมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เป็นการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ซึ่งคาดว่าจะมีศักยภาพในการขยายตัว โดยการใช้ทุนวัฒนธรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศิลปะและรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เช่น ภาคการท่องเที่ยว แฟชั่น
การออกแบบอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงวัฒนธรรม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ให้เหมาะสม ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ด้วย ดังนี้ ๑.๑
ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะโดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมงานศิลปะจากศิลปินชาวไทย
รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการส่งออกงานศิลปะที่ผลิตโดยศิลปินชาวไทยไปยังต่างประเทศด้วย
เพื่อสนับสนุนงานศิลปะและช่วยสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินชาวไทย ๑.๒
หารือร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การดำเนินมาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะเป็นไปอย่างมีเอกภาพและต่อเนื่องกัน ๑.๓
ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดคำนิยาม
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ให้เหมาะสมชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างแท้จริง ๑.๔
ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานเกี่ยวกับการใช้งาน
รวมทั้งมาตรการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพเครื่องยนต์ของรถยนต์โบราณ (Classic Cars) โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการปล่อยมลพิษทางอากาศด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ
ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๘ ประเด็น โดยในส่วนของประเด็นที่เห็นควรให้แก้ไขผู้รักษาการตามกฎหมาย
จาก “นายกรัฐมนตรี” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” นั้น ยังมีความเห็นบางส่วนที่เห็นว่า
การให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายมีความเหมาะสมแล้ว
เนื่องจากการดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้จำเป็นจะต้องมีการบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อให้นโยบาย แผนงาน และมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รวมทั้งการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์เกิดผลสัมฤทธิ์
ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒.
รับทราบคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเป็นการปรับปรุงคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้รักษาการในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับสถานที่ห้ามจำหน่ายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพิ่มอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณาเพื่อการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ
หรือชักจูงใจ กำหนดให้มีการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพแก่ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และกำหนดเวลาห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ทั้งนี้
ให้ส่งความเห็นที่มีต่อร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานศาลยุติธรรม
และผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
และความเห็นที่มีต่อประเด็นดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (นายณัฐพัชร จันทรสูตร) | พปส. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายณัฐพัชร จันทรสูตร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านกฎหมาย) ในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากลาออก
โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม
๒๕๖๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | การเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมต่อยูเนสโก (ชุดไทยพระราชนิยม) | นร. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน
ได้มีมติให้จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (ชุดไทยพระราชนิยม)
เสนอต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations
Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO)
หรือยูเนสโก
เพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ต่อไปนั้น รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
เพื่อผลักดันวัฒนธรรมไทยให้แพร่หลายและยกระดับไปสู่ระดับโลกต่อไป ดังนั้น
จึงขอให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งรัดติดตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ
แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็ว
ก่อนนำเสนอต่อยูเนสโกพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.02 | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยผลการดำเนินงานของ กปช. มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
การสร้างความตระหนักรู้
ความเข้าใจเรื่องสื่อสารที่สำคัญของประเทศและเกิดพฤติกรรมที่เหมาะสม
เสริมสร้างค่านิยมที่ดีในสังคม เช่น การพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG สังคมสูงวัย กับวิถีชีวิตในอนาคต
(๒) การสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทยต่อประชาคมโลก เช่น Health
Care ความก้าวหน้าทางการแพทย์ระดับโลก (๓)
การส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะการรู้เท่าทันสื่อและข่าวปลอม (Fake News) สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น
การจัดการข่าวปลอมผ่านรูปแบบของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และ (๔)
การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศที่เหมาะสมกับยุคดิจิทัล
เช่น การพัฒนาหลักสูตรนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารของภาครัฐ และมอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ให้กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัด ๗๖ จังหวัด ให้ความสำคัญกับงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนในพื้นที่และสั่งการให้หน่วยงานในระดับจังหวัดสนับสนุนและประสานการดำเนินงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ควรพิจารณาในมิติของการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
การรับรู้อย่างเท่าทัน และการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ในกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ถูกต้อง
รวดเร็ว ปลอดภัย และมีภูมิคุ้มกันต่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cyber
Crime) ควรพิจารณารูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมให้แก่คนพิการตามประเภทความพิการ
ในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้คนพิการทุกประเภทได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ชัดเจน
และตรงประเด็น และในประเด็นที่ ๕ การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลควรให้มีการรณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม
ในมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนใช้วัฒนธรรมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเอง
และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้กับประชาชนในทุกภาคส่วนให้รู้เท่าทันสังคมโลก
และประเด็นที่ ๖ ส่งเสริมค่านิยมที่ดีของไทย
ควรผลิตสื่อส่งเสริมค่านิยมไทยในรูปแบบที่หลากหลาย ทันสมัย และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งภาครัฐควรพัฒนาแอปพลิเคชันทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุ
เพื่อให้ข้อมูลและบริการครบทุกวงจร รวมถึงมุ่งเน้นการสื่อสารสร้างค่านิยมไทยร่วมสมัยให้ประชาชนตระหนักว่าการประพฤติตนตามคุณธรรมและค่านิยมพื้นฐานเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ควรเป็นการบังคับ
ตลอดจนธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วยรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจและแปลกใหม่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | การรับรองร่างปฏิญญาวังเวียงว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจวัฒนธรรมขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | วธ. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาวังเวียงว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจวัฒนธรรมขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะแห่งราชอาณาจักรไทยรับรองร่างปฏิญญาฯ
โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญในการเสริมสร้างการพัฒนาทุนมนุษย์ของอาเซียน
โดยเฉพาะในด้านการเรียนรู้และด้านสมรรถนะของวิสาหกิจวัฒนธรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการสร้างศักยภาพสำหรับวิสาหกิจวัฒนธรรมขนาดกลางและขนาดย่อมในอาเซียน
สนับสนุนกิจกรรมต้นน้ำภายใต้ภาคส่วนวัฒนธรรมและศิลปะในระดับที่ต่างกัน
(ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระหว่างประเทศ) รวมถึงยืนยันบทบาทและการสนับสนุนที่สำคัญของภาควัฒนธรรมและศิลปะในเป้าหมาย
การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าร่างปฏิญญาฯ ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
กอปรกับไม่มีการลงนามในร่างปฏิญญาดังกล่าว ดังนั้น ร่างปฏิญญาฯ
จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาวังเวียงว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจวัฒนธรรมขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 | กก. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติมว่า
โดยที่การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water
Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ๒๕๖๗ เป็นเงินจำนวน ๑๓๔,๘๗๒,๐๐๐ บาท
ในครั้งนี้รวมถึงรายการค่าสนับสนุนการจัดงานสงกรานต์ในพื้นที่อัตลักษณ์ทั่วประเทศไทย
จำนวน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นรายการเดียวกับที่กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการขอรับจัดสรรงบประมาณในภาพรวม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงขอปรับลดวงเงินที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ในครั้งนี้ (โดยไม่รวมถึงรายการดังกล่าว) ลงเหลือ จำนวน ๑๐๔,๘๗๒,๐๐๐ บาท เท่านั้น
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติม
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๑๓/๓๓๓๔ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีโดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการ
กรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ แล้วแต่กรณี
ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) รวมถึงเตรียมความพร้อมและวางแผนดำเนินงานที่รอบคอบรอบด้าน
โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศให้มีเที่ยวบินเพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว
การดูแลความปลอดภัยในบริเวณพื้นที่จัดงานให้มีความเข้มแข็ง
รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านปัจจัยพื้นฐาน เช่น สุขา ร้านอาหาร
และรถรับส่งนักท่องเที่ยวมายังพื้นที่จัดกิจกรรม เป็นต้น รวมทั้ง ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดทุกภูมิภาคมีโอกาสเข้ามาเรียนรู้การจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการสร้างการมีส่วนร่วม
(Inclusive) กับกลุ่มคนต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ที่จะสามารถต่อยอดการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ไปสู่การจัดพื้นที่กิจกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ
และเป็นการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมรูปแบบใหม่ ๆ ในพื้นที่
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. ....) | นร.09 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
(ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ซึ่งนายศักดิ์ดา
แสนมี่ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๑๒,๘๘๘ คน เป็นผู้เสนอ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2567 (เพิ่มเติม) | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดให้วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ อีก ๑ วัน ในปี ๒๕๖๗ ๒.
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น หรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน ๓. ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน
ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงานพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดให้วันดังกล่าวข้างต้น
เป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปรามศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | คค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน
เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช
แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด
แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค
แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต
แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน
แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง
เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน
แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด แขวงอรุณอมรินทร์
แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงศิริราช แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย
แขวงชนะสงคราม แขวงบ้านพานถม แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพระบรมมหาราชวัง
เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี
แขวงถนนพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี แขวงปทุมวัน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง
เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนและกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
(โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย)
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
และเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม ที่เห็นควรคำถึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับโบราณสถาน
ทั้งที่ตั้งอยู่เหนือพื้นดินและใต้ดินหรือใกล้เคียงกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม
รวมทั้งต้องคำนึงถึงผลกระทบของการดำเนินการในเขตกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง ๔ เขต ได้แก่
กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก พื้นที่ฝั่งตรงข้ามบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์
และพื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีโบราณสถานสำคัญตั้งอยู่อย่างหนาแน่น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... | วธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกของภาครัฐในการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์
เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคมและบทบัญญัติมาตรา ๗o ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่บัญญัติให้รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทย กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ
ให้มีสิทธิดำรงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี
และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุข ไม่ถูกรบกวน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ทำหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัติฯ ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม
และปฏิบัติหน้าที่เลขานุการร่วมในคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
ในการดำเนินการจัดทำธรรมนูญของพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
แผนที่หรือการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรอบคอบ
รวมถึงการกำหนดให้กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพยากรธรรมชาตินั้น
มีความสอดคล้องหรือขัดแย้งกับกฎหมายฉบับอื่นอย่างไรหรือไม่ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกินสมควร
การกำหนดชื่อและสาระให้ตรงกับหลักการด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตฯ
ในพื้นที่ที่มีกฎหมายเฉพาะ และความจำเป็นของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น อาจพิจารณาจัดการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อวางแนวทางให้การดำเนินงานของกลไกต่าง
ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
การกำหนดและทบทวนกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนให้มีขนาดที่เหมาะสม) ซึ่งได้เห็นชอบแนวทางการกำหนดและทบทวนกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนให้มีขนาดที่เหมาะสม
โดยให้ตรึงกรอบอัตรากำลังขององค์การมหาชนจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้มีกรรมการที่เป็นผู้แทนหน่วยงานของรัฐเพิ่มเติม
ได้แก่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการเพิ่มเติม
และให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นกรรมการโดยตำแหน่งเพิ่มเติม รวมทั้งควรกำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ
และวิธีการสรรหาให้มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับได้ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รองประธานกรรมการ ที่กำกับดูแลกรมบัญชีกลาง ๓. ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงคมนาคม กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๖. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๗. ปลัดกระทรวงกลาโหม กรรมการ ๘. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ ๙. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ ๑๐. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กรรมการ และสิ่งแวดล้อม ๑๑. ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ กรรมการ วิจัยและนวัตกรรม ๑๒. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการ ๑๓. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรรมการ ๑๔. ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑๕. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กรรมการ ๑๖. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๑๗. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๑๘. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๑๙. อธิบดีกรมบัญชีกลาง กรรมการ ๒๐. ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรรมการ ๒๑. ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการ กรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ ๒๒. ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กรรมการ ๒๓. ที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดี กรรมการและเลขานุการร่วม กรมบัญชีกลางมอบหมาย ๒๔. ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการ กรรมการและเลขานุการร่วม ที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย ๒๕. ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการ กรรมการและเลขานุการร่วม ที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | การพิจารณารับรองวัดคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 | วธ. | 16/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองวัดคาทอลิก จำนวน ๔๑ วัด
เป็นวัดคาทอลิกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นว่า ๑) ควรพิจารณาจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
(Universal Design
: UD) อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และปลอดภัย ให้ครบทั้ง ๕ ด้าน
ได้แก่ ทางลาด ห้องน้ำ ที่จอดรถ ป้ายสัญลักษณ์ และบริการข้อมูล
เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง สามารถประกอบศาสนกิจ
และกิจกรรมต่าง ๆ ภายในวัดคาทอลิกได้อย่างสะดวกถ้วนหน้า
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจพิจารณาจัดกิจกรรมยกย่อง เชิดชูเกียรติองค์กรศาสนาที่มีผลงานดีเด่นในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่องค์กร บุคลากร และผู้ร่วมปฏิบัติงานให้แก่องค์กรศาสนานั้น
ๆ พร้อมทั้งมีการยกย่ององค์กรศาสนาต้นแบบที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่องค์กรศาสนาอื่น
ๆ ในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมหรือให้การสนับสนุนด้านสังคม เช่น
การจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตประจำชุมชน เป็นต้น ๒) ควรให้มีรั้วแสดงขอบเขตของวัดคาทอลิกและโรงเรียนในระบบออกจากกันอย่างชัดเจน
โดยขนาดที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนที่เหลืออยู่จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบฯ
พร้อมทั้งให้โรงเรียนในระบบดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้งและขอเปลี่ยนแปลงขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบต่อผู้อนุญาตที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี หรือดำเนินการอย่างอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนกำหนดต่อไป
และ ๓) กรณีการถือครองที่ดินว่า
ถึงแม้วัดคาทอลิกจะได้รับความเห็นชอบในการจัดตั้งตามมติคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิกโดยชอบแล้ว
แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งของวัดคาทอลิกด้วยประการใด ๆ
ก็ตามซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นใหม่นั้น
วัดคาทอลิกจำเป็นที่จะต้องมีการยื่นขอความเห็นชอบดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิกตามระเบียบฯ
อีกครั้งหนึ่ง
รวมทั้งเห็นควรเชิญผู้แทนกรมป่าไม้เข้าร่วมเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการฯ
เพื่อร่วมตรวจสอบที่ดินอันเป็นที่ตั้งของวัดคาทอลิกซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจทับซ้อนกับพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้เกิดความชัดเจนและรัดกุมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|