คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเดินทางเยือนกรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศส  และนครอิสตันบูล  ประเทศตุรกี  ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เมื่อวันที่  21 - 22  มิถุนายน  2549 โดยผลการเยือนประเทศฝรั่งเศส  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงพาณิชย์ได้พบหารือกับบุคคลสำคัญของฝรั่งเศส อาทิเช่นการหารือร่วมกับรัฐมนตรีการค้าต่างประเทศ
ฝรั่งเศสเรื่องการลงทุนในไทย  ซึ่งฝรั่งเศสสนใจจะลงทุนในไทย เพื่อให้ไทยเป็นฐานการกระจายสินค้าไปยังกลุ่ม
ประเทศในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง  และยินดีให้ความร่วมมือพัฒนาศักยภาพ
ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs  ของไทย  และการหารือร่วมกับรัฐมนตรีการท่องเที่ยวฝรั่งเศส  ซึ่งผลการหารือฝรั่งเศส
สนใจจะร่วมมือพัฒนาการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการกระจาย
นักท่องเที่ยวในรูปแบบแพ็คเกจทัวร์พิเศษ เป็นต้น  สำหรับผลการเยือนประเทศตุรกี  ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือ
ในประเด็นการจัดตั้ง  Thai-Turkish Business Coucil  เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในภาคอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ
สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ ยานยนต์และชิ้นส่วน และอาหาร  เป็นต้น  ซึ่งผลการหารือทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ
ให้จัดตั้ง  Thai-Turkish Business Council  รวมทั้งเห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนการค้าระหว่างกันให้
มากขึ้น  เพื่อให้ตุรกีเป็นประตูสู่สหภาพยุโรปและประเทศในกลุ่มบอลข่าน   และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง  ๆ
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้กรมส่งเสริมการส่งออกทำสัญญาก่อหนี้
ผูกพันการเช่าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ  ณ  นครซิดนีย์  ประเทศออสเตรเลีย  และสำนักงาน
ส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เกินกว่า 1 ปีงบประมาณ สำหรับการเช่าสำนักงาน
ส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม ซึ่งจะเริ่มในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณที่
จัดสรรเพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ  (38 แห่ง)  ไว้แล้ว  จำนวน 121.217
ล้านบาท ส่วนงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานการค้าระหว่างประเทศ
ของไทยในระยะครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2549  ตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2549  ดังนี้ การส่งออกในเดือน
มิถุนายน 2549 มีมูลค่า  10,956.6  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ  18.0  การส่งออกยังมีแนวโน้มขยาย
ตัวต่อเนื่อง  โดยสินค้าเกษตรกรรม/อุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.2  สินค้าอุตสาหกรรม
เพิ่มขึ้นร้อยละ  10.7  และสินค้าอื่น  ๆ  เพิ่มขึ้นร้อยละ  48.4  ส่วนการนำเข้าในเดือนมิถุนายน 2549  มีมูลค่า
11,384.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนเพียงร้อยละ 3.0  โดยกลุ่มสินค้าที่มีการนำ
เข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าทุน  สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป   และสินค้าอุปโภคบริโภค   สำหรับดุลการค้าเดือน
มิถุนายน 2549  ไทยขาดดุลการค้า  427.6  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2548  ขาดดุล
ลดลง ร้อยละ 75.7 ส่งผลให้ดุลการค้าในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2549  ไทยขาดดุลการค้ารวม 2,029.3 ล้าน
เหรียญสหรัฐ ฯ  ลดลงร้อยละ 73.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

             คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับรัฐมนตรีช่วย
ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  (นายอดิศร  เพียงเกษ)  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  (นายปรีชา
เลาหพงศ์ชนะ)  และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  (นายเสริมศักดิ์  พงษ์พานิช)  รับเรื่องการจัดหาที่
ดินเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ของกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์  ไปพิจารณาและตรวจสอบความเป็นไปได้ในการจัดหาที่ดินทำกินให้กับราษฎรดังกล่าวแทน
การจ่ายเงินชดเชย ให้ได้ข้อยุติโดยด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง  และในกรณีที่สามารถจัดหาที่ดิน
ได้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปดำเนินการตามแนวทาง "นิคมเศรษฐกิจพอเพียง" ต่อไป ทั้งนี้ ควรจัดหา
ปัจจัยการผลิตให้กับราษฎรด้วย เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพในที่ดินได้อย่างยั่งยืนต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอร่างแผนงานความร่วมมือ
อาเซียน-แคนาดา ปี ค.ศ. 2005-2007 (2548-2550)  โดยสาระสำคัญของร่างแผนงานดังกล่าว ระบุสาขา
ความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่อาเซียนและแคนาดาจะสามารถร่วมมือกันได้ในช่วง 3 ปี (2548-2550) อาทิ  การ
ส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมือง  ความมั่นคง  เศรษฐกิจ  การค้า  การลงทุน  การพัฒนา  และความสัมพันธ์
ระหว่างประชาชน รวมทั้งความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น เอเปค องค์การสหประชาชาติ องค์
การการค้าโลก  และหากจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนงานร่วม ฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผล
ประโยชน์ของไทย  ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นว่าแผนงานดังกล่าว
มีบางประเด็นควรปรับแก้ไขถ้อยคำให้เหมาะสม ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ 
จำกัด แห่งหมู่เกาะเบอร์มิวด้า จัดตั้งสาขาบริษัทประกันวินาศภัยต่างประเทศเพื่อรับโอนทรัพย์สิน หนี้สินและ
ความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยทั้งหมดของบริษัท เอซ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย โดยกำหนด
เงื่อนไขตามที่กระทรวงพาณิชย์  (กรมการประกันภัย)  กำหนด ดังนี้ ให้บริษัท  เอซ  ไอเอ็นเอ  โอเวอร์ซีส์ ฯ
นำเงินสดเข้ามาในประเทศไทย  เพื่อเป็นทรัพย์สินที่ต้องดำรงไว้ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่าจำนวนเงินกองทุนที่
บริษัท เอซ อินชัวรันซ์ ฯ ต้องดำรงตามมาตรา 7  และมาตรา 27  และเพื่อนำมาวางเป็นหลักทรัพย์ประกันไว้
กับนายทะเบียน ตามมาตรา  19  แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535  รวมทั้งเพื่อรับโอนธุรกิจ
ของบริษัท  เอซ  อินชัวร์รันซ์ ฯ  และจัดตั้งสาขาแล้วให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย
ต่อรัฐมนตรีภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการให้ความเห็นชอบ    เมื่อได้รับอนุญาต
แล้ว  สาขาของบริษัทต้องรับโอนทรัพย์สิน  หนี้สิน  และความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัท เอซ
อินชัวรันซ์ ฯ ทั้งหมด และจะต้องไม่ดำเนินการใด ๆ ให้เป็นที่เสื่อมสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย  และใน
การรับโอนดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ   และให้บริษัท  เอซ  อินชัวรันซ์ ฯ
โอนทรัพย์สิน หนี้สิน และความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย   รวมทั้งสิทธิในทรัพย์สิน  ตลอดจนภาระผูก
พันในหนี้สินของบริษัทให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง    และแจ้งความประสงค์ขอเลิกกิจการพร้อมทั้งคืนใบ
อนุญาต และดำเนินการชำระบัญชีตามมาตรา 57 และมาตรา 60 ถึงมาตรา 62

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานความเคลื่อนไหวดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั่วไป และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2549  และระยะ  6  เดือนแรก
ของปี พ.ศ. 2549  สรุปได้ดังนี้  ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมิถุนายน 2549 เท่ากับ  115.1  เทียบกับเดือน
พฤษภาคม 2549 (เดือนพฤษภาคม 2549 สูงขึ้นร้อยละ 0.7) โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง แสดงถึงแรงกดดันต่อ
ภาวะเงินเฟ้ออ่อนตัวลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญที่มาจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลง ร้อย
ละ 1.1  ในขณะที่ดัชนีหมวดอื่น ๆ  ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ร้อยละ 0.5  ปัจจัยสำคัญยังคงเป็นการเพิ่ม
ขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า  ค่าโดยสารเครื่องบิน  (ภายในประเทศ)  ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศช่วง 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 ดัชนีราคาสูงขึ้น ร้อยละ 5.9  สาเหตุหลักมาจากการสูง
ขึ้นของดัชนีหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มซึ่งสูงขึ้น ร้อยละ 6.7  ในขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่อง
ดื่มสูงขึ้นเพียง ร้อยละ 4.6 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2549 เท่ากับ 104.8
เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2549  สูงขึ้น ร้อยละ 0.1  เดือนมิถุนายน 2548  สูงขึ้น ร้อยละ 2.7  และช่วง 6
เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 (มกราคม-มิถุนายน 2549) เทียบกับช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2548  สูงขึ้นร้อยละ
2.7

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอการต่อเวลาการดำรงตำแหน่ง
ของนางอภิรดี  ตันตราภรณ์  อธิบดี  (นักบริหาร 10)  กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ต่อ
ไปอีก 1 ปี (เป็นการต่อเวลา ครั้งที่ 1) ตั้งแต่วันที่  1  พฤษภาคม  2549-30  เมษายน  2550  เนื่องจากมีราช
การสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลและจำเป็นต้องมีความต่อเนื่องในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีความ
จำเป็นต้องเร่งเจรจาให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับผลการเบิกจ่ายงบประมาณปี
พ.ศ. 2549 และงบประมาณเหลื่อมปี  โดยผลการเบิกจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2549 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548
-พฤษภาคม 2549  ในภาพรวมมีผลการเบิกจ่ายประมาณ 68.46%  โดยมีงบรายจ่ายที่เบิกจ่ายต่ำกว่า  50%
ได้แก่ งบลงทุน และงบรายจ่ายอื่น  โดยในส่วนของงบลงทุน  ส่วนใหญ่เป็นครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ซึ่งได้มีการทำ
สัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว การเบิกจ่ายจะเป็นไปตามงวดงาน  สาเหตุที่ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันล่าช้า เนื่องจาก
ข้อเท็จจริงได้มีการดำเนินการจัดซื้อ/จัดจ้างตามระเบียบพัสดุ (e-Auction) ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณแต่บางราย
การต้องยกเลิก 2-3 ครั้ง  เนื่องจากผู้รับจ้างมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน/หรือมีผู้เสนอเพียงรายเดียว  ส่วนงบราย
จ่ายอื่น ได้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว การเบิกจ่ายจะเป็นไปตามงวดงานและแผนงานที่กำหนดไว้ โดยราย
การที่ทำให้ผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นรายการค่าใช้จ่ายในการจัดทำเขตการค้าเสรี (FTA) ของกรม
เจรจาการค้าระหว่างประเทศ   ซึ่งชะลอการเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา  และประเทศอื่น ๆ
ออกไปก่อน สำหรับงบประมาณเหลื่อมปี พ.ศ. 2548 รายการที่มีผลการเบิกจ่ายต่ำกว่า 50% เป็นงานเจรจา
ปกป้อง และแสวงผลประโยชน์ทางการค้า ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ  (เป็นการดำเนินการร่วมกับ
หน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงการต่างประเทศ)  การเบิกจ่ายจะเป็นไปตามงวดงานในสัญญาจ้างซึ่งสิ้นสุดเดือน
กันยายน 2549

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานความเคลื่อนไหวดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม 2549  สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคา
ผู้บริโภคทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2549 เท่ากับ 115.1 เทียบกับเดือนเมษายน 2549 (114.3) สูงขึ้นในอัตราที่
ชะลอตัวลง คือร้อยละ 0.7  โดยดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 0.9  สาเหตุหลัก
มาจากการขึ้นของดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 2.8 ส่งผลให้มีการปรับค่าธรรมเนียมรถไฟ  รวมถึงค่าโดย
สารประเภทอื่น เช่น รถเมล์เล็กในท้องถิ่น รถจักรยานยนต์รับจ้าง ได้มีการปรับขึ้นด้วย  นอกจากนี้  ยังมีค่าใช้
จ่ายเพื่อการศึกษา  และค่าใช้จ่ายของใช้ส่วนบุคคล  ส่วนดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม  ในเดือนนี้สูงขึ้น
เล็กน้อยร้อยละ 0.3 โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผลไม้สด น้ำอัดลม  ปลาและสัตว์น้ำ  ข้าวสารเหนียว  และ
ขนมปังปอนด์ สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม 2549 เท่ากับ 104.7 เทียบกับ
เดือนเมษายน 2549 สูงขึ้นร้อยละ 0.6 และเดือนพฤษภาคม 2548 สูงขึ้นร้อยละ 2.7

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับกรณีนายมาซากิ ฟุรุยุ ชาว
ญี่ปุ่นได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า "ฤาษีดัดตน" ต่อสำนักงานสิทธิบัตรญี่ปุ่น (Japan Patent Office
: JPO) ในสินค้าและบริการต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์และนิตยสาร การสอนโยคะแบบไทย  การจัดกิจกรรมที่มี
หัวข้อเกี่ยวกับโยคะแบบไทย การให้บริการสถานที่เพื่อจัดกิจกรรมโยคะแบบไทย  เป็นต้น  และได้ยื่นคำขอจด
ทะเบียนดังกล่าวเช่นกันในผลิตภัณฑ์และบริการประเภทอื่น ๆ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเพื่อสุขภาพ  เป็นต้น
ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ  JPO  นั้น  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยัง JPO
เพื่อพิจารณาเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว และขอให้ไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการ
ค้า รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้พิจารณา
เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว นอกจากนี้ ทางสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ณ กรุงโตเกียว ได้มอบอำนาจให้ทนายความของบริษัท Loi Kroh ซึ่งเป็นบริษัทสปาญี่ปุ่นซึ่งจะได้รับผลกระทบ
ยื่นหนังสือคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว  ซึ่ง  JPO  ได้รับคำรองคัดค้านดังกล่าวแล้วเมื่อ
วันที่  26  พฤษภาคม  2459  อย่างไรก็ตาม ได้ทราบข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่า นายมาซากิ ฟุรุยะ พร้อม
จะเพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานและตรวจสอบประเด็นทางกฎหมาย

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศของ
ไทยในระยะ 4 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2549 ดังนี้  การส่งออกในระยะ 4
เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 มีมูลค่า  38,766.1  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9  เป็นการขยายตัว
ของการส่งออกสินค้าเกษตรกรรม/อุตสาหกรรมการเกษตร ร้อยละ 13.5  สินค้าอุตสาหกรรม ร้อยละ 14.6
และสินค้าอื่น ๆ ร้อยละ 23.4 สำหรับการส่งออกไปตลาดหลักขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ
ในตลาดนั้น ๆ โดยการส่งออกไปสหรัฐ ฯ ขยายตัวร้อยละ 16.1 สหภาพยุโรป ร้อยละ 8.3 อาเซียน (5) ร้อย
ละ 6.7 และญี่ปุ่น ร้อยละ 4.2 ส่วนการนำเข้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 มีมูลค่า 39,721.3 ล้าน
เหรียญสหรัฐ ฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1  โดยกลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมาก  ได้แก่
สินค้าเชื้อเพลิงและสินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ  34.4  และ  13.7  ในขณะที่สินค้าทุนมีการนำ
เข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8  ในส่วนของดุลการค้า  เดือนเมษายน 2549  ไทยขาดดุลการค้า  551.0  ล้านเหรียญ
สหรัฐ ฯ เทียบกับเดือนเมษายน 2548  ขาดดุลลดลงร้อยละ 62.8  ส่งผลให้ดุลการค้าในระยะ  4  เดือนแรก
ของปี พ.ศ. 2549 ขาดดุลการค้ารวม 955.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  ลดลงร้อยละ 78.1  จากช่วงเดียวกันของปี
ก่อน ซึ่งมีการขาดดุล 4,359.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ  แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติบางประการของพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ให้เหมาะ
สมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น แก้ไขให้บริษัทที่จะประกอบธุรกิจประกันชีวิตจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
เท่านั้น และปรับเปลี่ยนหลักการของการดำรงเงินกองทุนตามขนาดความเสี่ยงภัยของสินทรัพย์และภาระผูกพันของ
บริษัท  เป็นต้น   และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย  (ฉบับที่  ..)  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  แก้ไขเพิ่มเติมบท
บัญญัติบางประการของพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย  พ.ศ. 2535   ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไป  เช่น
แก้ไขให้บริษัทที่จะประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเท่านั้น   และปรับเปลี่ยนหลัก
การของการดำรงเงินกองทุนตามขนาดความเสี่ยงภัยของสินทรัพย์และภาระผูกพันของบริษัท เป็นต้น  และส่งสำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอการปรับปรุงอัตรานิตย
ภัตฉบับใหม่ ตามผลการพิจารณาของผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายกิตติ ลิ่มสกุล)  ร่วม
กับผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2548 โดยการปรับเพิ่มอัตรานิตยภัตในแต่ละตำแหน่ง
ให้ใช้เกณฑ์การวัดระดับการครองชีพของประชากรจากดัชนีราคาผู้บริโภค  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537-พ.ศ. 2547
ของกระทรวงพาณิชย์ ยกเว้นตำแหน่งพระอธิการ  (เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ที่ไม่ได้เป็นพระครูสัญญาบัตร)  ให้
ปรับฐานอัตรานิตยภัตจากเดิม 500 บาท/รูป/เดือน เป็น 1,000 บาท/รูป/เดือน ก่อน  จึงปรับเพิ่มโดยใช้
เกณฑ์การวัดระดับการครองชีพฯ เป็น 1,500 บาท/รูป/เดือน ส่วนตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะตำบลอัตรา
นิตยภัตเดิม 500 บาท/รูป/เดือน ให้ปรับเพิ่มเป็น 1,000 บาท/รูป/เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม
2549 เป็นต้นไป  สำหรับการขอปรับเปลี่ยนเบี้ยกันดารเป็นนิตยภัตเพิ่มพิเศษอีก 500 บาท/รูป/เดือน ให้
ปรับเปลี่ยนเฉพาะในพื้นที่ดังต่อไปนี้ (1) อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอขุนยวม  อำเภอบางมะผ้า  จังหวัดแม่ฮ่อง
สอน (2) ทุกอำเภอในจังหวัดยะลา (3) ทุกอำเภอในจังหวัดปัตตานี (4) ทุกอำเภอในจังหวัดนราธิวาส และ
(5) ทุกอำเภอในจังหวัดสตูล ทั้งนี้ มีข้อสังเกตด้วยว่า  การปรับปรุงอัตรานิตยภัตไม่ควรยึดโยงกับระดับการ
ครองชีพของประชากร  และอัตราภาวะเงินเฟ้อ  สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอัตรา
นิตยภัต  ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอตั้งงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป  ตามความเห็น
ของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งนางฉวีวรรณ จันทนภุมมะ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ 10 ชช) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์
ตั้งแต่วันที่  23  มีนาคม  2549  ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม
คณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้
บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2549 สรุปได้ดังนี้  ดัชนีราคาผู้บริโภค
ทั่วไปเดือนเมษายน 2549  เท่ากับ 114.3  เทียบกับเดือนมีนาคม 2549 (113.0)  สูงขึ้นร้อยละ 1.2 เป็นผล
มาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะตลาดโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้น
ทุนการผลิตและค่าขนส่งสูงขึ้นทำให้ดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 2.0 รวมทั้งหมวด
อื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 0.7  โดยในส่วนของดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่อง
ดื่มที่สูงขึ้น  ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการขึ้นของดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 39  ส่งผลให้อัตราค่าโดยสาร
สาธารณะสูงขึ้นร้อยละ 1.4  จากการอนุมัติให้รถ ขสมก. ปรับราคา  (รถครีมแดง  และครีมน้ำเงิน)  ขึ้นอัตรา
ค่าโดยสาร 1 บาท  รวมถึงรถเมล์เล็กและรถสามล้อเครื่องในต่างจังหวัดสูงขึ้นด้วย  สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2549 เท่ากับ 104.1 เทียบกับเดือนมีนาคม 2549 สูงขึ้นร้อยละ 0.3  และ
เดือนเมษายน 2548 สูงขึ้นร้อยละ 2.9

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอรายงานการดำเนินงานของรัฐต่อสาธารณะ
รายปี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศของ
ไทย ในระยะ 3 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2549  การส่งออกในเดือนมีนาคม
2549 มีมูลค่า 11,099.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
โดยสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9  ในขณะที่สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร  เพิ่มขึ้นร้อยละ
16.9 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้าเดือนมีนาคม 2549  มีมูลค่า 10,775.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  เทียบกับระยะ
เดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.32 และเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2549 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.93  สินค้าที่มี
มูลค่าการนำเข้าสูง  ได้แก่  สินค้าเชื้อเพลิง  ทุน  วัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป  สำหรับดุลการค้าเดือนมีนาคม 2549 
ไทยเกินดุลการค้า 324.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  การขาดดุลการค้าในไตรมาสแรกของปีนี้  ลดลงจากช่วงเดียว
กันของปีก่อนถึงร้อยละ 86 คิดเป็นมูลค่า 2,471.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งนายบุญยง อัศรัสกร เป็นกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ โดยให้มีผล
ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 พฤษภาคม 2549) เป็นต้นไป  ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกา
ว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอถอดถอน นายนภศูล อังคทะวานิช ผู้อำนวย
การองค์การคลังสินค้า ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2549 เป็นต้นไป