ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 163 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3241 - 3260 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3241 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... และมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง | พณ | 08/05/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจ
ค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... ซึ่งได้ปรับปรุงแก้ไขตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2550 แล้ว ในส่วนของบทนิยาม "ธุรกิจ" คุณสมบัติต้องห้ามของกรรมการกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง องค์ประกอบ วาระและอำนาจหน้าที่ของ กรรมการ มาตรการกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง การลงโทษทางปกครองและบทเฉพาะกาล และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่าการกำหนดบทเฉพาะ กาลตามร่างมาตรา 66 ให้ภายในระยะเวลาสองปีนับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คณะกรรมการกลาง กำกับดูแลค้าปลีกค้าส่ง (กกค.) ทำหน้าที่และใช้อำนาจของคณะกรรมการระดับจังหวัดกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง (กจค.) มีความจำเป็นหรือไม่ รวมทั้งการกำหนดให้ กจค. ตามร่างมาตรา 23 และให้มีอำนาจในเขตจังหวัดตามร่าง มาตรา 24 มีความเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป และเห็นชอบมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาธุรกิจค้าปลีกค้า ส่ง เกี่ยวกับการชะลอหรือยับยั้งการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ไว้ก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยใช้ อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในการชะลอ หรือยับยั้งการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ในระหว่างที่ร่างพระราชบัญญัติ ฯ ยังไม่มีผลใช้บังคับ โดย มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3242 | การยอมรับว่าเวียดนามมีระบบเศรษฐกิจแบบกลไกตลาดภายใต้ WTO | พณ | 08/05/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการยอมรับว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีสถานะ
ทางเศรษฐกิจแบบกลไกตลาดภายใต้ WTO ทั้งนี้ เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ โดยไทยจะไม่ใช้มาตร การตอบโต้การทุ่มตลาด และมาตรการตอบโต้การอุดหนุนแบบพิเศษกับเวียดนาม
|
||||||||||||||||||||||||
3243 | สรุปผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ ช่วงเดือนตุลาคม 2549 - มีนาคม 2550 | พณ | 01/05/2550 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
3244 | การเจรจากรณีสหภาพยุโรปปรับเปลี่ยนระบบการบริหารโควตามันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศไทย | พณ | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการจัดส่งผู้แทนไปดำเนินการเจรจากับสหภาพ
ยุโรป กรณีที่สหภาพยุโรปขอปรับเปลี่ยนระบบการบริหารโควตานำเข้ามันสำปะหลังจากไทย ภายใต้กรอบที่ไทย จะยังคงได้โควตา 21 ล้านตัน ในระยะเวลา 4 ปี และการบริหารจะปรับเปลี่ยนจากที่ฝ่ายไทยเป็นผู้บริหารโควตา ส่งออกด้วยการออกใบรับรองการส่งออก (Export Certificate : EC) เป็นฝ่ายสหภาพยุโรปเป็นผู้บริหารโควตา ตามหลักการ First Comes First Served (FCFS) โดยฝ่ายไทยเป็นผู้ออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin : C/O) ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่มูลค่าของมันสำปะหลังในการพัฒนาปรับปรุง คุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้ได้มาตรฐานตามความต้องการของผู้ใช้ในสหภาพยุโรปมากขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณ การส่งออกไปสหภาพยุโรปให้มากขึ้นตามโควตาที่ได้รับ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อเป็นวัตถุดิบ อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์วัสดุชีวภาพ และพลังงานชีวภาพ (เอทานอล) โดยคำนึงถึงการสร้างมูล ค่าตลอดห่วงโซ่ของมันสำปะหลัง ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3245 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจภาคบริการ (Service Sector) | สสป | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติรับทราบ
ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจภาค บริการ (Service Sector) และเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอผลการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคบริการ โดยที่ประชุมได้มีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจภาคบริการในภาพรวมในการกำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาภาคบริการ มอบให้ สศช. เป็นหน่วยงานกลางจัดทำวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคบริการของประเทศ พร้อมทั้งพิจารณาความเหมาะ สมของกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ส่วนการกำหนดท่าทีในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ ควรให้ความสำคัญ กับธุรกิจการท่องเที่ยว ก่อสร้าง ซอฟต์แวร์ และโลจิสติกส์ เป็นลำดับแรก และให้มีการจัดระบบมาตรฐานของธุรกิจ ภาคบริการแต่ละประเภทให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นต้น สำหรับยุทธ ศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจภาคบริการ : กรณีด้านการท่องเที่ยว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงาน หลักในการจัดทำฐานข้อมูลโครงสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยครอบคลุมทั้งตัวสินค้า การบริการ และการ ตลาด กับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน เป็นหน่วยงานหลักในการ พัฒนามาตรฐานตัวสินค้าและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง และให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติทำหน้า ที่เป็นองค์กรประสานการพัฒนาโครงสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ และมีการปรับย้ายหน่วยงานให้สอด คล้องกับนโยบายการปรับโครงสร้างของ ก.พ.ร. ที่ต้องการรวมหน่วยงานอิสระ/องค์กรมหาชนด้านการท่องเที่ยวให้ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพียงหน่วยงานเดียว ทั้งนี้ ยกเว้นในประเด็นเกี่ยวกับการ จัดตั้งหน่วยงานเพื่อต่อต้านภาพพจน์เชิงลบของประเทศโดยมีงบประมาณกลางสนับสนุน กับให้กระทรวงพาณิชย์เป็น หน่วยงานเจ้าภาพเรื่องการจัดทำมาตรฐานธุรกิจภาคบริการของประเทศ สำหรับข้อเสนอที่ให้มีการจัดตั้งหน่วยงาน เพื่อทำหน้าที่ต่อต้านภาพพจน์เชิงลบด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยมีงบประมาณกลางสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง นั้น เนื่องจากขณะนี้มีหลายองค์กรที่จัดตั้งขึ้นในลักษณะเดียวกันแต่การดำเนินงานยังไม่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จึง เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการ เนื่องจากมีภารกิจด้านส่งเสริม การตลาดท่องเที่ยวของประเทศอยู่แล้ว ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ |
||||||||||||||||||||||||
3246 | แผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา (พ.ศ. 2551 - 2555) | อก | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็นชอบ
ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปจัดทำราย ละเอียดเพื่อบูรณาการในแผนโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของประเทศต่อไป โดยรับความเห็นของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ที่ให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการตามยุทศาสตร์ด้านต่าง ๆ โดยให้รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงอุตสาหกรรม (นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์) ช่วยประสานเชื่อมโยงเครือข่าย และให้กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็น หน่วยงานที่จะช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการด้านคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ด้านการส่งออก และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาบูรณาการการดำเนินงานตามแผนด้วย รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณาในการจัดทำรายละเอียดของแผน ฯ เพื่อให้เกิดการบูรณาการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3247 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งสับปะรดกระป๋องออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การส่งสับปะรดกระป๋องออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงมาตรการจัดระเบียบการ ส่งออกสับปะรดกระป๋องให้สามารถรักษาคุณภาพหรือมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ และให้ ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3248 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 | อก | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกอง
ทุน ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2547 จำนวน 12 คน ดังนี้ นายพินิจ กอศรีพร ผู้ตรวจราชการ กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางอรอนงค์ มณีกาญจน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนา ระบบการเงินการคลัง ผู้แทนกระทรวงการคลัง นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทน กระทรวงพาณิชย์ นายวิม รุ่งกรุต ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหรรม ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักจัดทำงบประมาณด้านการพัฒนาสังคม อาชีพ และสุขภาพ ผู้แทนสำนักงบประมาณ นางสมศจี ปัทมกิจสกุล ผู้บริหารส่วน ส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจด้านอุปทาน ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ สายนโยบาย การเงิน ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย นายเฉลียว ชินหอม ผู้แทนชาวไร่อ้อย นายมนตรี วิศณุพรประสิทธิ์ ผู้แทน ชาวไร่อ้อย นายอนันต์ ดาวดอน ผู้แทนชาวไร่อ้อย นายชนะ อัษฎาธร ผู้แทนโรงงาน นายกฤษณา มณเทียรวิเชียร ฉาย ผู้แทนโรงงาน และนายสุเทพ ตันติพิสิทธิ์ ผู้แทนโรงงาน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (24 เมษายน 2550) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
3249 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์ ณ ประเทศปากีสถาน | พณ | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์ ครั้ง
ที่ 31 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 เมษายน 2550 ณ เมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน โดยมีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม สำหรับประเด็นหลักของการประชุมในครั้งนี้เป็น การพิจารณาเพื่อหาแนวทางการดำเนินการร่วมกันของกลุ่มในการที่จะผลักดันการเจรจารอบโดฮา โดยเฉพาะใน เรื่องสินค้าเกษตรที่ชะงักงันมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2549 ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า กลุ่มควรสนับสนุน ให้ประธานกลุ่มเจรจาเกษตรจัดประชุมกลุ่ม ฯ โดยเร็ว เพื่อเร่งให้สามารถสรุปผลการเจรจาให้ทันภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งได้ออกปฏิญญารัฐมนตรี (Lahore Communique) เรียกร้องให้สมาชิกหันมาเจรจากันอย่างจริงจัง และ สนับสนุนกระบวนการเจรจาหลายฝ่ายที่จะจัดขึ้น ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้แสดงความเห็นต่อ ที่ประชุมว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อการเจรจาในขณะนี้ คือ การขาดเจตนารมณ์ทางการเมือง (Political will) จากสห ภาพยุโรป สหรัฐ ฯ ญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศสมาชิกภายในกลุ่มเคร์นส์ด้วยกันเอง นอกจากนี้ ประธานกลุ่มเจรจาจะ ต้องออกร่างเอกสาร negotiating text ซึ่งสะท้อนสิ่งที่สมาชิกจะสามารถตกลงกันได้เพื่อใช้ในการเจรจาต่อรองโดย เร็ว รวมทั้งต้องหารือกับสหภาพยุโรป สหรัฐ ฯ และญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่ากลุ่มต้องการข้อ สรุปการเจรจาที่มีระดับความทะเยอทะยานสูง เพื่อให้มีการปฏิรูปภาคเกษตรอย่างแท้จริง
|
||||||||||||||||||||||||
3250 | บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทยขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเพื่อรับโอนธุรกิจของบริษัท เอซ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย | พณ | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย
ให้แก่บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย เพื่อรับโอนธุรกิจของบริษัท เอซ อิน ชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย โดยให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยทุกประเภทยกเว้นการประกันภัยรถ และ กำหนดเงื่อนไขให้บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทยต้องรับโอนทรัพย์สิน หนี้ สิน และความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทเอซ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทยทั้งหมด พร้อม เปิดดำเนินการภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต และต้องไม่ดำเนินการใดๆ ให้เป็นที่เสื่อมสิทธิประโยชน์ ของผู้เอาประกันภัย และให้บริษัท เอซ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย จะต้องคืนใบอนุญาตและเลิกกิจการ เมื่อโอนทรัพย์สิน หนี้สิน และความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัท ฯ ให้แก่บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอ เวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ วันที่เลิกกิจการต้องเป็นวันเดียวกันกับวันที่ บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทยเปิดดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||
3251 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมีนาคม และไตรมาสแรกของปี 2550 | พณ | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมีนาคม และไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2550 ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดัง นี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนมีนาคม 2550 เท่ากับ 115.3 เปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2550 (114.5) สูงขึ้นร้อยละ 0.7 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งปัจจัยหลักมา จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาผักและผลไม้ร้อยละ 2.3 ได้แก่ มะนาว ผักกาดขาว ต้นหอม และส้มเขียวหวาน ดัชนีหมวดเนื้อสัตว์สูงขึ้นร้อยละ 1.6 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาเนื้อสุกรร้อยละ 2.6 และดัชนีและหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 5.2 และดัชนีราคายางรถยนต์ ปรับสูงขึ้นร้อยละ 0.7 และรถยนต์นั่งร้อยละ 0.4 ส่วนในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2550 ดัชนีราคาสูงขึ้น ร้อยละ 2.4 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 5.1 และดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ ใช่อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 0.9 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมีนาคม 2550 เท่า กับ 105.2 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2550 สูงขึ้นร้อยละ 0.1 เดือนมีนาคม 2549 สูงขึ้นร้อยละ 1.3 และ ไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2550 (มกราคม-มีนาคม 2550 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2549) สูงขึ้นร้อย ละ 1.4
|
||||||||||||||||||||||||
3252 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางฉวีวรรณ จันทนภุมมะ) | พณ | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้ง นางฉวีวรรณ จันทน
ภุมมะ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2550
|
||||||||||||||||||||||||
3253 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 10/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคน
ต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขระยะเวลาการ ประกอบธุรกิจตามบัญชีหนึ่งหรือบัญชีสองท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ที่ ให้ประกอบธุรกิจนั้นต่อไปได้ ตามร่างมาตรา 10 วรรคสอง (1) และวรรคสี่ จากเดิม "สองปีนับแต่วันที่พระราช บัญญัตินี้ใช้บังคับ" เป็น "สามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ" และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภา นิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป และให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (นายสมชาย สกุลสุร รัตน์ และคณะ) เป็นผู้เสนอที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภาย ในกำหนดเวลา พร้อมทั้งส่งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปเพื่อประกอบตามข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติ แห่งชาติข้อ 111 ด้วยว่าคณะรัฐมนตรีเห็นด้วยในหลักการที่จะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการประกอบ ธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน โดยได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และจะได้เร่งนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยเร็ว จึงขอให้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปก่อน เพื่อจะได้พิจารณาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3254 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำมันฝรั่ง เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และลำไยแห้ง เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. 2550 | พณ | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การนำมันฝรั่ง เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และลำไยแห้ง เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรี อาเซียน พ.ศ. 2550 มีสาระสำคัญคือ ให้สินค้าดังต่อไปนี้ ได้แก่ มันฝรั่ง เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และลำไย แห้งที่ผลิตและส่งมาจากประเทศภาคีอาเซียนเป็นสินค้าที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตในการนำเข้า หรือไม่ ต้องปฏิบัติตามมาตรการอื่นใดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่าง กฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3255 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ | พณ | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ทำ
สัญญาก่อหนี้ผูกพันการเช่าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เกินกว่า 1 ปีงบประมาณ สำหรับราย ละเอียดค่าใช้จ่ายให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3256 | การแก้ไขปัญหาการส่งออกข้าวไปรัสเซีย | กษ | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการแก้ไขปัญหาการส่งออกข้าวไปรัสเซีย
ตามมติที่ประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2550 โดยที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันว่ากระทรวงเกษตร และสหกรณ์ยังไม่ควรลงนามในเอกสารความร่วมมือด้านความปลอดภัยของข้าวไทยที่ส่งออกไปยังรัสเซียตามที่ รัสเซียเสนอ โดยในชั้นนี้ให้เป็นเรื่องที่จะต้องเจรจากันต่อไปก่อน และให้ทำหนังสือชี้แจงต่อกระทรวงเกษตรของ รัสเซียเรื่องความปลอดภัยของข้าวไทยโดยใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน รวมทั้งให้หยิบยกประเด็นปัญหา ดังกล่าวเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-รัสเซีย (Joint Commission) ครั้งที่ 4 ที่กระทรวง การต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ และให้เพิ่มคณะกรรมาธิการย่อยด้านการเกษตรและความร่วมมือด้านสุขอนามัย และสุขอนามัยพืช (Sub-commission on Agriculture and SPS) เพื่อเป็นกลไกการดำเนินงานแก้ไขปัญหาและ ความร่วมมือระหว่างกัน นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ชะลอเรื่องการเชิญทูตพาณิชย์รัสเซียเข้าหารือออกไป ก่อนเพื่อประมวลสถานการณ์ต่าง ๆ อีกระยะหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
3257 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... | พณ | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจการค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. ....
ไปพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีในประเด็นเกี่ยวกับคณะกรรมการกำกับดูแล ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ในส่วนของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ฯ ควรพิจารณาปรับปรุงให้ชัดเจน เข้าใจง่าย และ มีการกระจายอำนาจไปยังคณะกรรมการระดับจังหวัด โดยให้คำนึงถึงบทบาทของท้องถิ่นที่เหมาะสม สำหรับองค์ ประกอบและที่มาของคณะกรรมการ ฯ และคณะกรรมการระดับจังหวัด ควรปรับปรุงโดยให้ความสำคัญกับตัวแทน ผู้บริโภค และผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยในระดับชุมชนและท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มเติมกรรมการที่มีความรู้ด้านสุขภาพ อนามัยของประชาชนด้วย และประเด็นเกี่ยวกับมาตรการจัดระบบค้าปลีกค้าส่ง ควรปรับปรุงมาตรการตามร่าง พระราชบัญญัติฉบับนี้ให้มีความชัดเจน เป็นธรรมและตรงตามวัตถุประสงค์ที่จะให้การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ทั้งรายใหญ่และรายย่อยไม่กระทบต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชน เช่น การกำหนดที่ตั้งของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งราย ใหญ่ให้อยู่ห่างจากแหล่งชุมชน ซึ่งเป็นมาตรการที่ประเทศต่าง ๆ ใช้อยู่ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรนำมาตรการ ที่พิจารณาเห็นว่าเหมาะสมแล้วไปเผยแพร่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อประกอบการพิจารณาของ คณะรัฐมนตรีด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
3258 | โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย ด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน | พณ | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแนวทางการดำเนินโครงการจัดหารถจักรดีเซล
ไฟฟ้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน โดยให้ดำเนินการเจรจากับฝ่ายจีน จนได้ข้อยุติ และประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่ายในโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของ รฟท. แลกเปลี่ยนกับข้าวสาร ในสต๊อกรัฐบาล และเจรจาในลักษณะคู่ขนาน ดังนี้ เรื่องรถจักร มอบให้ รฟท. เจรจากับ CHINA NORTHERN LOCOMOTIVE & ROLLING STOCK INDUSTRY (GROUP) CORPORATION (CNR) ส่วนเรื่องข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์จะเจรจากับฝ่ายจีน รวมทั้งให้ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทยทำหน้าที่เกี่ยว กับธุรกรรมการเงิน ทั้งนี้ ให้ปรับชื่อโครงการเป็น "โครงการจัดหารถจักรดีเซลของการรถไฟแห่งประเทศไทย" |
||||||||||||||||||||||||
3259 | สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นายศิระชัย โชติรัตน์) เสนอ
แนวทางการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยต้องดำเนินการไป พร้อมกันอย่างคู่ขนานและให้เกิดความสมดุลใน 3 ด้าน คือ ด้านการทหาร ด้านประชาชน/มวลชน และด้าน การต่างประเทศ และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษา ธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ศึกษาและพิจารณาแนวทางในการดำเนินการ แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง แล้วประสานข้อมูลไปยังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และศูนย์ อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อพิจารณาดำเนินการในเชิงบูรณาการต่อไป และให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) รับไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการสร้างชุมชนเข้มแข็งตามยุทธ ศาสตร์อยู่ดีมีสุขในพื้นที่จังวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3260 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2550 | พณ | 13/03/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่ว ไปของประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2550 เท่ากับ 114.5 เปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2550 (115.0) ลดลง ร้อยละ 0.4 โดยดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 1.0 จากการลดลงของดัชนีราคาเนื้อสุกร ร้อยละ 6.1 ไก่สดลดลงร้อยละ 4.6 ปลาลดลงร้อยละ 1.2 ผักและผลไม้ร้อยละ 3.5 รวมทั้งดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.1 จากการลดลงของอัตราค่ากระแสไฟฟ้า 5 สตางค์ต่อหน่วย ทำ ให้ดัชนีราคาลดลงร้อยละ 1.7 และราคาอุปกรณ์สื่อสารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ลดลงเล็กน้อย สำหรับ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมกราคม 2550 เท่ากับ 105.1 เทียบกับเดือนมกราคม 2550 โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง และเดือนกุมภาพันธ์ 2549 สูงขึ้นร้อยละ 1.4
|
.....