คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง  การนำหัวมันฝรั่งเข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้โครงการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระ
วดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) สำหรับปี พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2549 โดยมีสาระสำคัญคือ ให้หัวมันฝรั่งที่
มีถิ่นกำเนิดและส่งมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสหภาพพม่า
ภายใต้โครงการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง  (ACMECS)  สำหรับปี
พ.ศ. 2549  เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า  (Form  AISP-Thailand)  โดยใช้หนังสือรับ
รองจากผู้ว่าราชการจังหวัด   หรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้นำเข้าได้ภายในวันที่  30  เมษายน
พ.ศ. 2549   ทั้งนี้   ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จนถึงวันที่  31
ธันวาคม พ.ศ. 2549 และให้ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ 49/2549  เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน
นายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม โดยมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเนวิน 
ชิดชอบ)   สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมในการติดตาม  เร่งรัด   และประสานการแก้ไข
ปัญหาที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยให้ประสานการดำเนินการร่วม
กับกระทรวงพาณิชย์  กระทรวงมหาดไทย  กระทรวงยุติธรรม  และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   และในกรณี
จำเป็นให้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่
ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรม
นูญมาตรา 213  และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ  เครืองาม) และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไป
ดำเนินการต่อไป  โดยให้ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรหารือกับสภาผู้แทนราษฎร และ
วุฒิสภา เพื่อพิจารณากำหนดวันและระยะเวลาอภิปรายให้เป็นไปตามความเหมาะสม  ทั้งนี้  ให้รัฐมนตรีและ
หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น จัดเตรียมข้อมูลเพื่อใช้ในการ
ชี้แจงในกรณีที่มีข้อซักถามที่เกี่ยวข้องด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 22 ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัทในส่วนที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนห้าง
หุ้นส่วนและบริษัท การจัดการงานของห้างหุ้นส่วนและบริษัทและอำนาจนายทะเบียนในการถอนทะเบียนห้าง
หุ้นส่วนและบริษัทร้าง  ร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด
บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการกำหนด
ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด  สมาคมและมูลนิธิ  เพื่อกำหนดความ
ผิด  รวมไปถึงบทลงโทษในส่วนที่มีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการในการแปรสภาพห้างหุ้นส่วน
เป็นบริษัทจำกัด  และการถอนทะเบียนร้างที่ได้แก้ไขใหม่  ร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด  (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ   ปรับปรุงพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน  จำกัด  พ.ศ. 2535   เพื่อยกเลิกการที่นาย
ทะเบียนต้องแต่งย่อรายการจดทะเบียน   และนำไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา    และแก้ไขให้รายการจด
ทะเบียนเป็นอันรู้แก่บุคคลทั้งปวงเมื่อได้มีการจดทะเบียนแล้ว  กับยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมการออกใบสำคัญ
และใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ให้สอดคล้องกับการยกเลิกการออกใบสำคัญการจดทะเบียนบริษัท
มหาชนจำกัด  ร่างพระราชบัญญัติหอการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัด
ตั้ง   การเข้าเป็นสมาชิกและองค์ประกอบของคณะกรรมการของหอการค้า   และการดำเนินกิจการและอำนาจ
หน้าที่ของนายทะเบียนในการควบคุมหอการค้า   และร่างพระราชบัญญัติสมาคมการค้า  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้ผู้เป็นนายทะเบียนให้หมายความรวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายด้วยเพื่อให้การปฏิบัติ
งานที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนสมาคมการค้ามีความสะดวกและคล่องตัวขึ้น   และยกเลิกคุณสมบัติของผู้เริ่ม
ก่อการ และผู้จะเป็นกรรมการที่กำหนดให้ต้องเป็นผู้มีฐานะดี   และแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการดำเนินกิจการ
ของสมาคมการค้า   เพื่อผ่อนคลายให้สมาคมการค้าสามารถนำทรัพย์สินไปลงทุน เพื่อนำรายได้มาใช้บริหาร
จัดการสมาคมการค้าได้เพิ่มขึ้น    ตลอดจนปรับปรุงบทบาทของนายทะเบียนในการควบคุมสมาคมการค้าให้
อยู่ในขอบเขตเฉพาะในอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับการจดทะเบียน   เช่นเดียวกับบทบาทของนายทะเบียนห้างหุ้น
ส่วนบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยรับข้อสังเกตของสำนักงานศาลยุติธรรม และความเห็นของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไปพิจารณา
ด้วย  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา  ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ต่อไป  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีเห็นว่า  การกำหนดให้ผู้บริจาคให้แก่หอการค้าสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้
ที่กรมสรรพากรประกาศกำหนดตามร่างมาตรา  14  ของร่างพระราชบัญญัติหอการค้า  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....
นั้น  ไม่ควรบัญญัติไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้   ควรให้กระทรวงการคลังรับไปกำหนดตามประมวลรัษฎากรจะ
เหมาะสมกว่า กับอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนและ
การรับจดทะเบียนของบริษัท พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ยกเลิกการออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนบริษัท
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสิน
ค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ยกเลิกมาตรา 14  และมาตรา 41
แห่งพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย  พ.ศ. 2537   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอ
สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป  ทั้งนี้  ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่ง
ประเทศไทย (สรท.) เกี่ยวกับกรณีหากมีการยกเลิกมาตราดังกล่าวแล้ว  อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนิน
งานของ  สรท.  ในการเป็นตัวแทนของผู้ส่งออกสินค้าทางเรือในการเจรจาต่อรอง  หรือดำเนินการใด ๆ
เพื่อประโยชน์ของผู้ส่งออก นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งความเข้มแข็งขององค์กรซึ่งเป็นตัวแทนของ
ผู้ส่งออก จึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนในด้านนโยบายและงบประมาณบางส่วนจากภาครัฐ  และเพื่อ 
เป็นการส่งเสริมการประกอบการค้าระหว่างประเทศ  รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐใน
ปัจจุบัน ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร และสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ที่จะเปลี่ยน
ไป  จึงขอเปลี่ยนชื่อองค์กรเป็น "สภาผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศ" และแก้ไขพระราชบัญญัติเพื่อให้
สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่  ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินงานตอบสนองนโยบายของภาครัฐในการมุ่งส่ง
เสริม  และพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณา
ดำเนินการต่อไป

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้
บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมกราคม 2549 สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค
ทั่วไปของประเทศเดือนมกราคม 2549 เท่ากับ 111.6  เทียบกับเดือนมกราคม 2548 สูงขึ้นร้อยละ 5.9 เป็น
ผลมาจากมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคอย่างต่อเนื่อง   ส่วนสินค้าหมวดอาหารและเครื่อง
ดื่มมีอัตราการเพิ่มของดัชนีชะลอตัวลง ร้อยละ 4.2 ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ  ได้แก่  ผัก
และผลไม้ ไข่ไก่ ขนมปังปอนด์ เครื่องปรุงรส (น้ำปลา ซีอิ๊ว  น้ำส้มสายชู) และเนื่องจากในช่วงเดือนนี้เป็นช่วง
เทศกาลตรุษจีน ทำให้ราคาสินค้าหมวดอาหาร เนื้อสุกร ไก่ ปลา และสัตว์น้ำ สูงขึ้น  แต่เป็นระยะสั้น ๆ  ส่วน
สินค้าอื่นที่มีราคาลดลง  ได้แก่  เครื่องใช้ไฟฟ้า   และค่าบริการสื่อสาร   ในขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 43.0  โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลสูงขึ้นร้อยละ 63.3  สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือน
มกราคม  เท่ากับ 103.4  เทียบกับเดือนธันวาคม  2548  โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง และเทียบกับเดือนมกรา
คม 2548 สูงขึ้นร้อยละ 2.5

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอแต่งตั้ง
นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีกับประเทศ
สหรัฐอเมริกา

ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549  นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการ
จัดตั้งโรงงานแปรรูปส้มในจังหวัดเชียงใหม่  จำเป็นจะต้องคำนึงถึงศักยภาพในการบริหารจัดการ  รวมทั้งการ
ดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในระยะยาว เช่น การตลาด  และการจัดจำหน่าย  เป็นต้น  จึงขอให้รัฐมนตรีช่วย
ว่าการกระทรวงพาณิชย์เชิญชวนให้ภาคเอกชนผู้ประกอบการที่มีทักษะและประสบการณ์ในด้านนี้เป็นผู้จัดตั้ง
และบริหารโรงงานดังกล่าว โดยภาครัฐอาจเข้าร่วมลงทุนบางส่วนหรือให้การส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินกิจ
การดังกล่าวในระยะเริ่มแรกตามความจำเป็นและเหมาะสม

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ขยายเวลาการใช้บังคับ
ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ  เรื่อง  การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม
ลงวันที่ 31 มกราคม 2548  ออกไปก่อน  และให้กระทรวงพาณิชย์รับเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง
หนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่าง
ประเทศของไทย ปี พ.ศ. 2548 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2548 โดยการส่งออกในเดือนธันวาคม 2548
มีมูลค่า 9,446.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
ร้อยละ  13.5  ขณะที่สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตรส่งออกลดลงร้อยละ  2.0  สินค้าเกษตร/อุตสาห
กรรมการเกษตร สินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง  ไก่แช่แข็งและแปรรูป  ปลา
กระป๋อง ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่  ข้าว และน้ำตาล  ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม
สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูง ได้แก่  เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ  แผงวงจรไฟฟ้า  เม็ดและ
ผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณี  ผลิตภัณฑ์ยาง  สิ่งพิมพ์และกระดาษ  เครื่องสำอาง   และผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่อง
มือแพทย์ สินค้าส่งออกที่ลดลง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เฟอนิเจอร์ เครื่องใช้-เครื่องประดับ
ตกแต่งบ้านและของเล่น  ส่วนการนำเข้าในเดือนธันวาคม 2548 มีมูลค่า 9,588.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เทียบ
กับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ  27.9   และเทียบกับเดือนพฤศจิกายน  2548  ลดลงร้อยละ  2.0
สินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงในเดือนธันวาคม 2548 ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง ทุน  วัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป  สำหรับดุล
การค้าในเดือนธันวาคม 2548 ไทยขาดดุลการค้า  142.1  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  ทำให้ปี พ.ศ. 2548 ขาดดุล
การค้ารวม  7,339.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้องค์การตลอดเพื่อเกษตรกร
(อ.ต.ก.) ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)  ครั้งที่ 14/
2548 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2548  โดยขยายระยะเวลาการบริหารจัดการลำไยตามโครงการรับซื้อลำไย
สดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี  2547  จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2548  เป็นสิ้นสุดเดือน
ธันวาคม 2549  และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน  โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการ
คลัง  กระทรวงพาณิชย์   และสำนักงบประมาณ อาทิเช่น ความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเร่งรัด
ให้มีการพิจารณาจำหน่ายลำไยอบแห้ง ปี 2547 โดยเร็ว เนื่องจากกลไกตลาดมีความผันผวน หากดำเนิน
การจำหน่ายล่าช้าจะทำให้สินค้าเสื่อมคุณภาพเกิดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และค่าชดเชยดอกเบี้ย
เงินกู้ธนาคารกรุงไทย  จำกัด  (มหาชน) เพิ่มสูงขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีทุจริตลำไยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว     รวมทั้งให้กำหนด
มาตรการให้รอบคอบรัดกุมเพื่อป้องกันมิให้เกิดการทุจริตขึ้นอีก

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวงจัดตั้งสำนักงานทะเบียน
หุ้นส่วนบริษัท  แต่งตั้งนายทะเบียน  และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและ
บริษัทจำกัด  พ.ศ. ....   มีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้นายทะเบียนกลางสามารถแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน
ตั้งแต่ระดับ  3  ขึ้นไป เป็นนายทะเบียนได้ และปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและ
บริษัทจำกัด   ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน  การขอตรวจเอกสาร  การขอ
สำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง  และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด  พ.ศ. ....   มี
สาระสำคัญคือ  ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสาร
พร้อมคำรับรองและค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด และร่างกฎกระทรวงกำหนด
อัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน  การขอตรวจเอกสาร  การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่า
ธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการ
จดทะเบียน  การขอตรวจเอกสาร  การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับ
บริษัทมหาชนจำกัด และให้ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศและร่างระเบียบกระทรวง
พาณิชย์เกี่ยวกับเรื่อง การยกเลิกและแก้ไขปรับปรุงมาตรการควบคุมการส่งออก  ที่สำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว รวม  5  ฉบับ ดังนี้ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งข้าว ช้าง
และไม้ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ....  ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวง
พาณิชย์เกี่ยวกับการส่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า สัตว์น้ำ  ซากของสัตว์น้ำ  และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำหรือ
ซากของสัตว์น้ำออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ....  ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์  เรื่อง  การส่งถ่านไม้
ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ....  ร่างระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยเอกสารหรือหลักฐานประกอบ
การขออนุญาตส่งถ่านไม้ออกไปนอกราชอาณาจักร  พ.ศ. ....    และร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์  เรื่อง
การส่งปลาทะเลสวยงามที่มีชีวิตออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... และให้ดำเนินการต่อไปได้

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานความเคลื่อนไหวดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนธันวาคม 2548  และปี พ.ศ. 2548  สรุป
ได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนธันวาคม 2548  เท่ากับ 111.4  เทียบกับเดือนพฤศจิกายน
2548 ลดลงร้อยละ 0.1  จากการลดลงของราคาสินค้าหมวดอาหาร ลดลงร้อยละ 0.6  โดยราคาสินค้าสำคัญ
ที่ราคาลดลงได้แก่ผักสด และผลไม้ ไข่ไก่ ไก่สด และข้าวสารเจ้า ในขณะที่ราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร
และเครื่องดื่มดัชนีราคากลับสูงขึ้นร้อยละ 0.2  เป็นผลจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ การปรับราคา
น้ำมันเบนซินและดีเซลในประเทศ   รวมทั้งค่าทัศนาจรต่างประเทศสูงขึ้น   สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
ของประเทศเดือนธันวาคม 2548 เท่ากับ 103.4  เปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2548  สูงขึ้นร้อยละ 0.2
เดือนธันวาคม 2547 สูงขึ้นร้อยละ 2.6 และเฉลี่ยทั้งปี พ.ศ. 2548 เทียบกับปี พ.ศ. 2547 สูงขึ้นร้อยละ 1.6

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ 5/2549 เรื่อง  มอบหมายผู้ช่วยรัฐมนตรีให้มีอำนาจหน้าที่ในกิจการที่เกี่ยวกับการประชุมนานาชาติทาง
การค้า การลงทุนและเศรษฐกิจ เพิ่มเติม  ลงวันที่ 11 มกราคม 2549  โดยมอบหมายให้นายอุตตม สาวนา
ยน และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นในส่วนของการ
ติดตามการดำเนินงานการเตรียมเรื่องเข้าประชุมการเจรจา และการประชุมนานาชาติทางการค้าการลงทุน
และเศรษฐกิจ

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานการส่งออก-นำเข้า
สินค้าระหว่างไทยกับจีน  ไทยกับอินเดีย  และไทยกับออสเตรเลีย  การส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับจีน  ตั้งแต่
เดือนตุลาคม 2546-พฤศจิกายน 2548 ไทยส่งสินค้าภายใต้ข้อตกลง ฯ มูลค่า  4,438.25  ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือ 181,352.48 ล้านบาท สินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องประมวลผลข้อมูล ฯ   ขณะที่ไทยนำ
เข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง ฯ มูลค่า 4,316.68 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 178,090.62 ล้านบาท สินค้าที่มีมูลค่า
มากที่สุด ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักร ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546-พฤศจิกายน 2548  ไทยได้ดุล
การค้ากับจีน จำนวน 121.57 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,261.86 ล้านบาท สำหรับการส่งออกสินค้าระหว่าง
ไทยกับอินเดีย ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547-พฤศจิกายน 2548  ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง ฯ  (จำนวน
82 รายการ) มูลค่า 364.15 ล้านเหรียญสหรัฐ  หรือ 14,646.24 ล้านบาท  สินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด
ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง  ฯ  มูลค่า  97.05  ล้านเหรียญสหรัฐ  หรือ
3,920.84 ล้านบาท สินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ กระปุกเกียร์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547-พฤศจิกา
ยน 2548 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับอินเดียจำนวน 267.10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10,725.40 ล้านบาท
ส่วนการส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย  ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2548 ไทยส่งออกสินค้า
ภายใต้ข้อตกลง  ฯ (จำนวน 5,505 รายการ) มูลค่า 2,929.99 ล้านเหรียญสหรัฐ  หรือ  117,082.80  ล้าน
บาท   สินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด  ได้แก่  ยานยนต์สำหรับขนส่งของ   ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อ
ตกลง ฯ  มูลค่า 3,041.44 ล้านเหรียญสหรัฐ  หรือ  121,841.16  ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี
ก่อน ร้อยละ 59   เนื่องจากได้มีการนำเข้าทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูปและน้ำมันปิโตรเลียมดิบและน้ำมันที่ได้จากแร่
บิทูมินัสเพิ่มขึ้น

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานภาวะการค้าระหว่าง
ประเทศของไทย ในระยะ 11 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2548 ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2548 การส่งออก
ในเดือนพฤศจิกายน  2548  มีมูลค่า  9,841.9  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5  เป็นการเพิ่มขึ้นทั้ง
สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร  การนำเข้าในเดือนพฤศจิกายน 2548  มีมูลค่า
9,786.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 และเทียบกับเดือนตุลาคม
2548   เพิ่มขึ้นร้อยละ  0.28   สินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าสูง  ได้แก่  สินค้าเชื้อเพลิง  ทุน  วัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป
สำหรับแนวโน้มการส่งออกปี  2548   คาดว่าจะสามารถส่งออกได้เป็นมูลค่าประมาณ  111,288  ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ การนำเข้า คาดว่าการนำเข้าในเดือนธันวาคม 2548 จะมีแนวโน้มการนำเข้าสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมัน
ดิบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทองคำ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรและส่วนประกอบ
เคมีภัณฑ์ และการนำเข้าสินค้าตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ในส่วนของดุลการค้าในเดือนพฤศจิกายน 2548
ไทยได้ดุลการค้า  55.3  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  ทำให้ดุลการค้าในระยะ 11  เดือนแรกของปี 2548  ขาดดุลรวม
7,197.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกในแต่ละศูนย์ภูมิภาค
ไว้ โดยศูนย์ภูมิภาคที่คาดว่าจะมีการขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ อินเดีย จีน  และอาเซียน  ที่ร้อยละ 60.0  29.9
และ 18.7 ตามลำดับ

               คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้
เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กลุ่มที่ 1 และ
จังหวัดเลย รวมทั้งแนวทางและข้อสั่งการการแก้ไขปัญหาของคณะรัฐมนตรีที่ได้ไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่  และเห็น
ชอบในหลักการแผนงานโครงการกลุ่มจังหวัดฯ และของจังหวัดเลย และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความ
เห็นของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณ
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในส่วนของความเห็นของคณะรัฐมนตรี
มีดังนี้ แนวทางการพัฒนากลุ่มจังหวัด  การขอขยายวิทยาเขตด้านวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยสุรนารี  มอบให้
กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการ  ส่วนการช่วยเหลือราคาข้าวโพด  มอบให้รอง
นายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พิจารณาในคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตร
กร (คชก.) แนวทางการพัฒนาจังหวัดเลย มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์พิจารณา
ร่วมกันถึงความเป็นไปได้ในการปลูกดอกไม้เมืองหนาวทดแทนการนำเข้าและให้ศึกษาความต้องการใบไม้สวย
งามเมืองร้อน  (tropical  leafs)  ที่ผู้มีรายได้สูงในภาคตะวันออกกลางนิยมใช้ตกแต่งสถานที่   รวมทั้งส่งเสริม
การปลูกและการจัดหีบห่อ (packaging) ส่งออกไปจำหน่ายในตลาดดังกล่าวด้วย สำหรับการพัฒนาตลาดใน
จังหวัดเลย มอบให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) พิจารณาร่วมกับหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการให้การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสภาพแวดล้อม และสุขอนามัยของ
ตลาด  โดยอาจให้สถาบันการเงินของรัฐให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft  loan) ในทำนองเดียวกับการพัฒนาตลาด
สดของกระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  5  ตุลาคม  2547    และรับทราบผลการประชุม
นายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชนกลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (หนองคาย หนองบัวลำภู เลย
อุดรธานี) และให้ดำเนินการตามมติที่ประชุมดังกล่าวต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม    ประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วน
ราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอผลการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 3/2548, 4/2548 และ 5/2548
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2548,  27 กรกฎาคม 2548 และ 21 กันยายน 2548 ตามลำดับ ที่ประชุมได้พิจารณา
ตัดสินชี้ขาดกรณีพิพาท  รวม  55  เรื่อง  เป็นกรณีพิพาทระหว่างส่วนราชการกับเอกชน จำนวน 40 เรื่อง กรณี
พิพาทระหว่างส่วนราชการกับส่วนราชการ  ส่วนราชการกับรัฐวิสาหกิจ  และรัฐวิสาหกิจกับรัฐวิสาหกิจ จำนวน 
15  เรื่อง  และในการพิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีดังกล่าว คณะกรรมการ ฯ มีมติให้ตั้งเป็นข้อสังเกตต่อ
คณะรัฐมนตรีรวม 3 ประการ ดังนี้ โดยที่ผ่านมามีเรื่องต้องยุติการดำเนินคดีเพราะเหตุไม่อาจฟ้องได้ทันภายใน
กำหนดเวลาตามกฎหมาย หน่วยงานต้นสังกัดจะต้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระมัดระวังดูแลมิให้เกิดความ
เสียหายในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีก หากเกิดความเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวขึ้นอีกก็ให้พิจารณาดำเนินการใน
เรื่องความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ต่อไป    กรณีการประกอบธุรกิจรถเช่าควรจัดให้มีมาตรการคุ้มครอง
ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่บุคคลอื่นอันเกิดจากการใช้รถเช่านั้น  เช่น  กำหนดให้มีการประกันภัย  เป็นต้น 
จึงควรมอบหมายกรมการประกันภัย   กระทรวงพาณิชย์   และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องศึกษาพิจารณาดำเนิน
การต่อไป    และเนื่องจากมีคดีเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองหลายคดี  ที่มิได้ยื่นฟ้องให้ทันภายในกำหนดเวลา
หนึ่งปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี
ปกครอง พ.ศ. 2542 ควรมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณามีหนังสือเวียนไปยังหน่วยงาน
ของรัฐเพื่อกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินคดีประเภทนี้      เพื่อป้องกันมิให้เกิด
ความเสียหาย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการ
กำหนดมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติม
ประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการกำหนดมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2542 ที่คณะ
รัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติในหลักการ  และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และ
ให้ดำเนินการต่อไปได้