คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักประสานงานการเมืองเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการ
ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ปนช.) ครั้งที่ 5/2550 วันจันทร์ที่  5  กุมภาพันธ์  2550  ซึ่งที่ประชุมมี
มติให้กระทรวงพาณิชย์นำร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวน
ใหม่

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือถึงกระทรวง
พาณิชย์จีนขอให้จีนยืนยันการสนับสนุนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง (เชียงของ-ห้วยทราย) ในฝั่งลาวอย่าง
เป็นทางการ  เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549  และได้รับหนังสือยืนยันสนับสนุนการสร้างสะพานจากรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงพาณิชย์จีนแล้ว เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ  ยกเลิกการกำหนดให้นายทะเบียนประกาศรายการย่อแสดงข้อความที่รับจดทะเบียนไว้ใน
ราชกิจจานุเบกษาและการให้ถือว่าบุคคลทั่วไปได้ทราบข้อความที่ประกาศนั้น และกำหนดให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจ
การค้าหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบในความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียวได้
และยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการออกใบสำคัญหรือใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด  พ.ศ. 2535  มีสาระสำคัญคือ  ยกเลิกการ
กำหนดให้นายทะเบียนต้องออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการ
จดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร  การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง  และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับบริษัทมหา
ชนจำกัด  (ฉบับที่  ..)   มีสาระสำคัญคือ   ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการออกใบสำคัญหรือใบแทนใบสำคัญ
แสดงการจดทะเบียน  ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติให้คณะ
กรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา  ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป   สำหรับ
ร่างกฎกระทรวงทั้งสองฉบับ ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้มีผลใช้บังคับพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระ
ราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
(กกร.) ที่ให้กำหนดรายการสินค้าและบริการควบคุม ปี พ.ศ. 2549 จำนวน 35 รายการ เป็นสินค้าและบริการ
ควบคุมต่อไป ในปี พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย สินค้าควบคุม จำนวน  33  รายการ  และบริการควบคุม จำนวน 2
รายการ

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ ช่วงเดือนตุลาคม-
ธันวาคม 2549  ซึ่งมีผลการดำเนินงานสรุปได้ดังนี้ ด้านการส่งเสริมการส่งออกและบริการ ในช่วงไตรมาสสุด
ท้ายของปี พ.ศ. 2549  การส่งออกของไทยมีมูลค่า 34,331.7 ล้านเหรียญสหรัฐ  ฯ  เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน
ของปีก่อนหน้าร้อยละ  19.3  ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยตลอดทั้งปี พ.ศ. 2549 เกินดุล  เป็นมูลค่า  3,100.9
ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ (เทียบกับปี พ.ศ. 2548 ที่ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า  7,236.7  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ) ด้าน
การดูแลตลาดและราคาสินค้าเกษตร  ได้กำหนดราคารับจำนำข้าวและมันสำปะหลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เพื่อเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรในการขายผลผลิต  จัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  และ
จัดทำโครงการนำร่องสำหรับสินค้ามันสำปะหลัง   ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค  ได้ปรับปรุงกฎระเบียบและแนว
ทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และส่งเสริมให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการร้านอาหารธงฟ้า โครงการตลาดสดดีเด่น
และโครงการรับประกันคุณภาพสินค้า เป็นต้น ด้านการปฏิรูปกฎหมายและกำกับดูแลการค้า ได้ทำการศึกษา
ยกร่างแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542  กำหนดหลักเกณฑ์  เงื่อน
ไข  และแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งหรือขยายสาขาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่   และยกร่างพระราช
บัญญัติประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. .... เพื่อให้การค้าเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย  เป็นต้น  ด้านการส่งเสริมการ
ค้าที่เสรี เป็นธรรม ค่อยเป็นค่อยไป และมีแนวคุ้มกัน  ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อรองรับการปรับตัวของอุตสาหกรรม
และเกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า  และด้านการเสริมสร้างความสามารถในแข่งขัน
ได้แก่ การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs  โดยเน้นการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการในภูมิภาคให้มีศักยภาพใน
การประกอบธุรกิจในประเทศ  และผลักดันสู่สากล  สนับสนุนตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนในภูมิภาคโดยคัดสรรและ
วางแผนจัดการด้านการตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรและชุมชนต่าง ๆ ที่มีศักยภาพด้านการ
ตลาดครบทุกจังหวัดเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการส่งเสริมด้านการตลาด  พัฒนาระบบโลจิสติก์การค้าเพื่ออำนวย
ความสะดวกและลดต้นทุนทางการคา และพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์โดยจัดตลาดนัดทรัพย์สิน
ปัญญา สำหรับแผนงานสำคัญที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป ได้แก่ การผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวได้
ตามเป้าหมายที่วางไว้  พัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า  พัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางการค้า  การวางแนวคิด
โครงสร้าง  และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศในสาขาที่นักลงทุนไทยมีศักย
ภาพ (outward investment) รวมถึงกำกับดูแลให้ระดับราคาสินค้ามีความเหมาะสมไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อระดับ
เงินเฟ้อซึ่งได้กำหนดไว้ที่ร้อยละ 2.5-3.5 ในปี พ.ศ. 2550 เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวงจำนวน  8  ฉบับ ได้แก่
ร่างกฎกระทรวกำหนดแบบพิมพ์ที่ใช้ในการจดทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และ
วิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่าง
กฎกระทรวงกำหนดรายการที่ต้องมีในรายงานประจำปีของคณะกรรมการบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ....  ร่างกฎ
กระทรวงกำหนดประเภท   จำนวน   หลักเกณฑ์   และวิธีการว่าด้วยการจัดให้มีหลักประกันเพื่อประกันความรับ
ผิดต่อบุคคลที่สาม ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ....  ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอ
อนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า พ.ศ. ....  ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการอนุญาต  การจดทะเบียน
การขอตรวจหรือคัดเอกสาร  การขอให้คัดและรับรองสำเนาเอกสาร   และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับสมาคมการ
ค้า พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตจัดตั้งหอการค้า พ.ศ. .... และร่างกฎ
กระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการอนุญาต  การจดทะเบียน  การขอตรวจหรือคัดเอกสาร   การขอให้คัด
และรับรองสำเนาเอกสาร และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับหอการค้า  พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  อาทิ  สำนักงานคณะกรรม
การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ
ว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน  การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน  และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่าในส่วน
ของข้อห้ามมิให้บริษัทมหาชนจำกัดซื้อหุ้นคืนเกินวงเงินกำไรสะสมของบริษัทนั้น  หากประสงค์จะให้หมายความ
เฉพาะ "กำไรสะสมที่ยังมิได้จัดสรร" ของบริษัท  ควรจะระบุให้ชัดเจน  รวมทั้งความเห็นของตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทยเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวว่า   บริษัทไม่ควรต้องกันเงินสำรองสำหรับหุ้นซื้อคืนที่ได้จำหน่าย
ไปแล้วเนื่องจากบริษัทอาจจะทำการลดทุนได้แต่ไม่เกินจำนวนหุ้นซื้อคืนที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป ดังนั้น บริษัท
ควรมีการกันกำไรสะสมเท่ากับจำนวนเงินที่บริษัทได้จ่ายเพื่อซื้อหุ้นคืนและยังไม่ได้จำหน่ายออกไปเท่านั้น  เป็น
ต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 8/2550  ลงวันที่ 17 มกราคม 2550  ยกเลิก
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี  ที่ 284/2549  ลงวันที่  26  ธันวาคม  2549  เรื่อง  แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง
เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  รวม  2  คณะ  และคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  รวม 2
คณะ ขึ้นใหม่ ดังนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  1  มีรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราช
วงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เป็นประธานกรรมการ  ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา   กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวง
วัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ ราชบัณฑิตยสถาน  สำนักงาน ก.พ.  สำนักงบประมาณ  และองค์กรอิสระต่าง ๆ
ตลอดจนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย และคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 2 มีรองนายกรัฐมนตรี  (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์)  เป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรอง
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   กระทรวงแรงงาน
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  กระทรวงสาธารณสุข  กระทรวงอุตสาหกรรม  สำนักงานปลัดสำนักนายก
รัฐมนตรี  สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  กรมประชาสัมพันธ์   สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
สำนักงาน ก.พ.ร.  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   และสำนักงานสภาที่ปรึกษา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์ข้าว และผลการรับจำนำข้าว
เปลือกนาปี ปีการผลิต 2549/50 ของเดือนธันวาคม 2549 สรุปได้ดังนี้ ข้าวขาว 100% ชั้น 2 และข้าวขาว 5%
ราคาสูงขึ้น  ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2  และข้าวสารเหนียว 10% เมล็ดยาว  ราคาทรงตัว  ขณะที่ข้าวนึ่ง 100%
ราคาลดลง  ส่วนราคาส่งออก F.O.B.  ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวขาว 100% ชั้น 2 และข้าวขาว 5% ปรับตัว
สูงขึ้นตันละ 1-5 ดอลลาร์สหรัฐ ข้าวสารเหนียว 10% เมล็ดยาว ราคาทรงตัวในเกณฑ์สูง  ข้าวนึ่ง 100%  ราคา
ลดลงตันละ 6 ดอลลาร์สหรัฐ ข้าวขาว 5% ของเวียดนามราคาทรงตัวที่ตันละ  293  ดอลลาร์สหรัฐ  ต่ำกว่าข้าว
ขาว 5% ของไทยตันละ 24 ดอลลาร์สหรัฐ  และราคาข้าวขาว 25% คุณภาพต่ำของประเทศปากีสถาน ราคาตัน
ละ 222 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าข้าวขาว 25% ของไทยที่มีราคาตันละ  274  ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ตันละ  52  ดอล
ลาร์สหรัฐ  ในด้านการส่งออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-21 ธันวาคม 2549 มีปริมาณการส่งออก จำนวน 7.234
ล้านตันข้าวสาร  คิดเป็นร้อยละ 96  ของเป้าหมายการส่งออกที่กำหนดไว้ 7.5 ล้านตันข้าวสาร  สำหรับผลการ
รับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2549/50  ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-27 ธันวาคม 2549 มีโรงสีเปิดรับจำนำ 371
โรง ผลรับจำนำข้าวเปลือกรวม จำนวน 1,008,759 ตัน  ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2548/49  ซึ่งมีโรงสีเปิด
รับจำนำ 618 โรง  ปริมาณรับจำนำข้าวเปลือก จำนวน  2,803,331  ตัน  โดยลดลงจำนวน  1,794,572  ตัน 
หรือลดลงร้อยละ 64

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่
มีค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 3 โครงการ ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่
6/2549 วันที่  25  กันยายน  2549  ได้แก่ โครงการขยายพันธุ์โคนม ขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่ง
ประเทศไทย (อ.ส.ค.) เป็นเงิน 54,000,000 บาท  โครงการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบ ของสหกรณ์
และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้กับ อ.ส.ค. ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นเงิน 397,205,626.26 บาท  และโครง
การเร่งรัดการปลูกยางพาราทดแทนมันสำปะหลังในภาคตะวันออก ขององค์การสวนยาง  (อ.ส.ย.)  เป็นเงิน
57,338,547.81  บาท  โดยคณะรัฐมนตรีข้อสังเกตว่า อ.ส.ค. มักประสบปัญหาการขาดทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง
สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง คือ การที่มีการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผล
ผลิตนมในประเทศและผลิตภัณฑ์นมของ อ.ส.ค. โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วม
กับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการบริหารจัด
การนมทั้งระบบ   รวมตลอดถึงนโยบายการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศ  และนโยบายการส่ง
เสริมกิจการโคนมในประเทศให้เหมาะสมสอดคล้องกันต่อไป

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคา
ผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนธันวาคม และปี พ.ศ. 2549 ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคา
ผู้บริโภคทั่วไปเดือนธันวาคม 2549 เท่ากับ 115.3  เปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2549 (115.4) ลด
ลงร้อยละ 0.1 โดยดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.4  จากการลดลงของดัชนีราคาหมวดผัก
สดและผลไม้ร้อยละ  2.2  และจากการลดลงของราคาเนื้อสุกรอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะ  5  เดือนที่ผ่านมา
ในขณะที่ดัชนีหมวดอื่น ๆ  ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ  0.1  จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาน้ำมัน
เชื้อเพลิง ร้อยละ 1.4  และดัชนีราคาค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศ สูงขึ้นร้อยละ  6.6  ส่วนบริการที่ปรับ
อัตราลดลง ได้แก่ อัตราค่าโดยสารรถประจำทางปรับอากาศชั้น 1  และ 2  ของรัฐบาล  ลดลงในอัตราร้อย
ละ 15  และค่าโดยสารร่วม บขส. ของเอกชน  ส่วนดัชนีเฉลี่ยทั้งปี  2549  สูงขึ้นร้อยละ 4.7  จากการสูงขึ้น
ของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง   ค่ากระแสไฟฟ้า   ค่าโดยสารสาธารณะ   ผักสดและผลไม้ซึ่งได้รับผลกระทบจาก
ภาวะฝนแล้ง รวมทั้งราคาน้ำตาลทราย น้ำอัดลม และสินค้าบริการส่วนบุคคลอื่น ๆ  บางรายการ  สำหรับ
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนธันวาคม  2549  เท่ากับ  105.0   เทียบกับเดือนพฤศจิกายน
2549 โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง  เดือนธันวาคม 2548  สูงขึ้นร้อยละ 1.5  และดัชนีเฉลี่ยทั้งปี สูงขึ้นร้อยละ
2.3

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจ
ของคนต่างด้าว  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงแก้ไขบทนิยามคนต่างด้าวเพื่อให้ครอบคลุมถึง
เรื่องสิทธิในการออกเสียง เพิ่มบทกำหนดโทษเกี่ยวกับความผิดกรณีฝ่าฝืนประกอบธุรกิจสงวนให้สูงขึ้น และแก้
ไขปรับปรุงบัญชีท้ายพระราชบัญญัติเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการกำกับดูแล  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีการตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับบทบัญญัติตามร่างมาตรา  9  วรรค
สอง  จะมีปัญหาเกี่ยวกับหลักความรับผิดทางอาญา  (Criminal  liability)  หรือหลักการไม่เลือกปฏิบัติ  (Non-
discrimination) หรือไม่ อย่างไร  และการปรับปรุงบัญชีสามท้ายพระราชบัญญัติ ตามร่างมาตรา 10 โดยให้ยก
เลิก (18) การนำเที่ยว เนื่องจากมีกฎหมายเฉพาะกำกับดูแลอยู่แล้วนั้น จะต้องไม่กระทบต่อการประกอบธุรกิจ
การนำเที่ยวของคนไทยที่มีอยู่เดิม     รวมทั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตาม
พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 23 ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบ
การยกเว้นการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ควรปรับปรุงให้มีความกะทัดรัด เพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ได้
อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้นไปพิจารณาด้วย และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อน
เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร
ครั้งที่ 3/2549 วันที่ 19 กรกฎาคม 2549 ครั้งที่ 4/2549  วันที่ 21 สิงหาคม 2549  และครั้งที่ 6/2549 วันที่
25 กันยายน 2549  เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร  (อ.ต.ก.)  มีหนี้ค้าง
ชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร  (รวม  8  โครงการ)  ได้แก่  โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดปี 2522/2523
โครงการแทรกแซงราคาข้าวเปลือก  ประจำปี  2524/25  โครงการแลกเปลี่ยนมันสำปะหลังกับปุ๋ยระหว่างไทย
กับสาธารณรัฐเกาหลี ปี 2525  โครงการแลกเปลี่ยนมันสำปะหลังเส้นของไทยกับปุ๋ยเคมีของสาธารณรัฐเกาหลี
ปี 2527  โครงการแลกเปลี่ยนปุ๋ยเคมีของประเทศสาธารณรัฐเกาหลีกับผลิตผลการเกษตร  ปี 2528  โครงการ
จัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูการผลิต ปี 2528/2529 โครงการแลกเปลี่ยนข้าวโพดกับปุ๋ยสูตร 15
-15-15   ของประเทศสาธารณรัฐเกาหลี   และโครงการรับซื้อข้าวเปลือกและรับชำระหนี้ค่าปุ๋ยด้วยข้าวเปลือก
ประจำปี 2529  และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับไปตรวจสอบ  ติดตาม  และประเมิน
ผลการปฏิบัติงานของ อ.ต.ก. และองค์การคลังสินค้า (อคส.)  ตามลำดับด้วยว่าจะสามารถปรับปรุงการบริหาร
งานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้มากขึ้นหรือไม่ หรือสมควรยุบเลิกเพื่อมิให้เป็นภาระด้านงบประมาณ
ของรัฐ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้ ให้คณะกรรมการคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อ
ไป โดยมีการปรับปรุงองค์ประกอบ จำนวน 2 คณะ  ได้แก่  คณะกรรมการนโยบายอาหาร  และคณะกรรมการ
แก้ไขปัญหาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย และให้คณะกรรมการคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยมีอำนาจหน้าที่และองค์
ประกอบคงเดิม จำนวน 1 คณะ คือ คณะกรรมการปฏิบัติการตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ  11  เดือนแรก
ของปี พ.ศ. 2549  (มกราคม-พฤศจิกายน 2549)  ของกระทรวงพาณิชย์  สรุปได้ดังนี้ การส่งออกในระยะ
11 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 มีมูลค่า 118,989.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน
ร้อยละ 17.2  คิดเป็นร้อยละ 91.2  ของเป้าหมายการส่งออก  เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกหมวดใน
สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตรร้อยละ 19.6 สินค้าอุตสาหกรรมร้อยละ 14.2 และสินค้าอื่น ๆ ร้อย
ละ  26.8  ด้านตลาดส่งออกสำคัญ   ในส่วนของการส่งออกไปตลาดใหม่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ
25.1  ขณะที่ตลาดหลักก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น  โดยขยายตัวร้อยละ  11.9  สำหรับการนำเข้าในระยะ  11
เดือนแรก มีมูลค่า  116,800.2  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ  7.5  โดย
กลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่  สินค้าเชื้อเพลิง  สินค้าทุน  สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป  และสินค้าอุปโภค
บริโภค ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ สินค้ายานพาหนะ/อุปกรณ์ขนส่ง และสินค้าอาวุธยุทโธป
กรณ์และสินค้าอื่น  ๆ   ในของส่วนดุลการค้าเดือนพฤศจิกายน  2549  ไทยเกินดุลการค้า  1,742.2  ล้าน
เหรียญสหรัฐ ฯ   ส่งผลให้ดุลการค้าในระยะ  11  เดือนแรก ไทยเกินดุลการค้ารวม  2,189.3  ล้านเหรียญ
สหรัฐ ฯ ซึ่งระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า ขาดดุลสูงถึง 7,088 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศ
หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 8 เรื่อง
ห้ามกักตุนสินค้า ลงวันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2549 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกประกาศหัวหน้า
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  ฉบับที่ 8  เรื่อง  ห้าม
กักตุนสินค้า ลงวันที่  20  กันยายน  พุทธศักราช 2549 โดยหากมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือกักตุนสินค้า
ให้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กำกับดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคมิ
ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบได้  และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วส่งให้คณะกรรมการ
ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานเป้าหมายการส่งออก ปี 2550 สรุปได้ดังนี้
เป้าหมายการส่งออกในปี 2550  กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดเป้าหมายให้การส่งออกขยายตัวร้อยละ 12.5  คิด
เป็นมูลค่าประมาณ 145,220 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ทั้งสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรม และสินค้าอุตสาหกรรม  โดย
ปัจจัยที่จะสนับสนุนการส่งออก คือ ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการเจาะ
และขยายตลาดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มตลาดใหม่ที่สำคัญคือ จีน  อินเดีย  ตะวันออกกลาง  และ
แอฟริกา (กานา แอฟริกาใต้  เซเนกัล  และไนจีเรีย) รวมไปถึงความต้องการสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศที่ยัง
มีอยู่มากทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่  สำหรับกลยุทธ์และแผนส่งเสริมการส่งออก  ได้แก่  ใช้การเจรจาการค้า
เพื่อเปิดตลาด และแก้ไขปัญหากีดกันทางการค้าที่เกิดขึ้น  การส่งเสริมการส่งออกเพื่อรักษาตลาดหลักไม่ให้การ
ส่งออกลดลง โดยวางแผนให้มีการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในตลาดหลักไม่น้อยกว่าปี 2549 ตลอดจน
เร่งส่งเสริมการส่งออกเป็นกรณีพิเศษในตลาดใหม่  ๆ  บางกลุ่มที่ผู้บริโภคนิยมสินค้าไทย และให้คุณค่ามากกว่า
สินค้าจากประเทศคู่แข่ง   และส่งเสริมธุรกิจบริการใหม่  ๆ   เพิ่มเติมจากธุรกิจบริการที่ส่งเสริมเดิม   นอกจากนี้
กระทรวงพาณิชย์ได้วางรากฐานการส่งออก  ในระยะกลาง/ยาว  อาทิ  การสร้างและพัฒนาผู้ส่งออกรายใหม่ ๆ
ให้เพิ่มขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและจังหวัดให้สามารถส่งออกได้  โดยฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่
จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาความเป็นสากลของผู้ประกอบการ (Internationaliza
tion) โดยส่งเสริมและผลักดันให้ภาคเอกชนและผู้ส่งออกไปลงทุนและดำเนินธุรกิจในต่างประเทศให้มากขึ้น  ทั้ง
ในเรื่องการลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้า การทำ Contract Farming  การเปิดสาขา  หาตัวแทนและหุ้นส่วนในต่าง
ประเทศ  เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจไทยในต่างประเทศ  แสวงหาแหล่งวัตถุดิบ   และสร้างตราสินค้าไทย  (Brand
Name) ให้มากขึ้น เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้กรมส่งเสริมการส่งออกทำสัญญาก่อหนี้ผูก
พันการเช่าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ชั้นที่ 10 อาคารเลขที่ 1166 Albemi Street, Vancouver,
BritishColumbia นครแวนคูเวอร์  ประเทศแคนาดา  เกินกว่า  1  ปีงบประมาณ  (ระยะเวลา 5 ปี วงเงินทั้งสิ้น
10,407,357.08 บาท)  สำหรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจาก
รถ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535
บางประการ เช่น บทบัญญัติเกี่ยวกับหลักฐานการมีประกันความเสียหายการแจ้งการบอกเลิกกรมธรรม์ การ
ใช้จ่ายเงินกองทุน  การจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นจากเงินกองทุน  และการเรียกค่าเสียหายเบื้องต้นคืน  รวมทั้ง
ปรับปรุงบทกำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น   ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว   และ
ให้นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของคณะ
รัฐมนตรีไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงสาธารณสุข  กระทรวงการคลัง  และกระทรวง
แรงงานด้วยว่าเมื่อเกิดความเสียหายแก่ผู้ประสบภัยจากรถมักจะมีผลกระทบไปยังงบประมาณหรือกองทุนอื่น
ที่เกี่ยวข้อง  เช่น  งบประมาณด้านการประกันสุขภาพถ้วนหน้า   งบประมาณด้านสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล
ของข้าราชการ หรือกองทุนประกันสังคม เป็นต้น เนื่องจากการขอรับชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นหรือค่าสินไหม
ทดแทนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535  มีวิธีปฏิบัติและมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ยุ่งยาก
นอกจากนี้  การบริหารจัดการในลักษณะที่มีการแยกเป็นกองทุนบริหารโดยเอกชน  นั้น  อาจทำให้เกิดภาระ
ค่าใช้จ่ายมาก   จึงสมควรพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเป็นไปตามวัตถุ
ประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและมีความชัดเจนต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ โดยที่ประธานคณะกรรมการการค้าแบบแลกเปลี่ยนแจ้งว่า ได้ข้อสรุปจาก
การประชุมร่วมกันระหว่างส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องแล้วว่า  ควรยกเลิกการค้าต่างตอบแทนและ
การค้าแบบแลกเปลี่ยนและอยู่ระหว่างการดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี จึงขอให้คณะกรรม
การการค้าแบบแลกเปลี่ยนรับไปประสานกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เพื่อเร่งรัดการดำเนิน
การเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป   และเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอขอยกเลิก  ชะลอ
หรือยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการค้าแบบแลกเปลี่ยน  พ.ศ. 2549   สำหรับ
การจัดหาสิ่งอุปกรณ์ของกองทัพไทย  โดยในระหว่างที่การดำเนินการขอยกเลิกการค้าแบบแลกเปลี่ยนยังไม่
แล้วเสร็จ หากกระทรวงกลาโหมมีความจำเป็นต้องขอยกเลิก ชะลอ หรือยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการค้าแบบแลกเปลี่ยน พ.ศ. 2549 ประการใด ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้เป็น
ไปตามนัยข้อ 15 ของระเบียบดังกล่าว

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการจัดทำพิธีสารเพิ่มเติม
พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูเพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าและอำนวยความสะดวกทางการ
ค้า  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศและการท่องเที่ยว
เปรูได้ลงนามพิธีสาร ฯ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ การลงนาม
ดังกล่าวได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในพิธีสารเพิ่มเติม ฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น  และไม่เปลี่ยนสาระ
สำคัญ ซึ่งประเด็นที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม  ได้แก่  ความหมายของ  "สัดส่วนโพลิเมอร์ในประเทศ"  และแก้ไขข้อ
ความคำจำกัดความของต้นทุนทางตรง ในข้อ 13(ข)