ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 162 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3221 - 3240 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3221 | โครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2549 - 2551 | นร | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เสนอโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) ประจำปี พ.ศ. 2549-2551 ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy-ACMECS) โดยการพิจารณาแผนการลงทุน ฯ ในแต่ละปี มอบให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักโดย ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการ โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรี ต่อไป สำหรับการพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการจัดทำและเสนอแผนการดำเนินงานของโครงการ ลงทุนเกษตรแบบมีสัญญาของพืชพลังงานในประเทศเพื่อนบ้าน และนำเข้ามาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตพลังงานทดแทนใน ประเทศไทย มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และ สศช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนิน การ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และ สศช. รับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรให้กระทรวงการต่าง ประเทศ และ สศช. เร่งรัดการดำเนินการลงนาม MOU on Contract Farming กับประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และจัดตั้ง คณะทำงานร่วมระหว่างประเทศ (Joint Committee) ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเห็น ว่า แผนการลงทุนที่เสนอ ควรเสนอเป็นลักษณะ Indicative Plan การพิจารณาและจัดทำแผนพัฒนาพืชพลังงาน ควร พิจารณาจัดทำให้ครอบคลุมพืชผลิตพลังงานทดแทนทั้งหมด รวมทั้งควรศึกษาจัดทำโครงการด้านการลงทุนเพื่อสนับ สนุน Contract Farming เช่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ การสนับสนุนด้านสินเชื่อ ตลอดจนปัจจัยโครงสร้าง พื้นฐานทางการเกษตร และข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการนำเข้าพืชเป้าหมายภายใต้โครงการ Contract Farming สำหรับแผนการลงทุนในปีต่อ ๆ ไป ควรให้ผู้นำเข้าใช้เอกสารใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form AISP) ประกอบการนำเข้า เพื่อรับสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรแบบที่ถือปฏิบัติกันในประเทศสมาชิกอาเซียน ส่วนการจะ นำเข้าพืชปาล์มน้ำมันเข้าในโครงการ Contract Farming โดยจะได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นภาษีอากรในการนำเข้าจาก ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชา อาจก่อให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นได้ อีกทั้งใน แต่ละปีไทยมีการผลิตปาล์มน้ำมันภายในประเทศเป็นจำนวนมาก การทำ Contract Farming พืชปาล์มน้ำมัน อาจมี ผลต่อราคาปาล์มน้ำมันในประเทศและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตปาล์มในระยะยาวได้ เป็นต้น ไปพิจารณาต่อ ไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3222 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม 2550 | พณ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม 2550 ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2550 เท่ากับ 117.3 เทียบกับเดือนเมษายน 2550 สูงขึ้นร้อยละ 0.8 (เมษายน 2550 สูงขึ้นร้อย ละ 1.0) โดยดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.0 (เมษายน 2550 สูงขึ้นร้อยละ 1.5) จากการสูงขึ้น ของราคาไก่สด ไข่ไก่ ผักบางชนิดโดยเฉพาะผักใบ เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักชี มะเขือเทศ และถั่วฝักยาว รวมทั้งนมและ ผลิตภัณฑ์นม ส่วนดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.5 จากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเบน ซิน ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลทรงตัว รวมทั้งค่าธรรมเนียมศึกษาในระดับต่าง ๆ ที่ปรับสูงขึ้น สำหรับดัชนีราคาผู้ บริโภคพื้นฐานทั่วประเทศเดือนพฤษภาคม 2550 เท่ากับ 105.4 เทียบกับเดือนเมษายน 2550 โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยน แปลง ส่วนเดือนพฤษภาคม 2549 สูงขึ้นร้อยละ 0.7
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3223 | การประเมินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกและมันสำปะหลัง ปี 2548/49 และ ปี 2549/50 | พณ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปผลการประเมินโครงการรับจำนำข้าว
เปลือก และมันสำปะหลัง ปี 2548/49 และ ปี 2549/50 ดังนี้ ราคารับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิ ปี 2549/50 อยู่ที่ 8,700-9,000 บาท/ตัน ปี 2548/49 อยู่ที่ 9,700-10,000 บาท/ตัน ส่วนราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ปี 2549/50 อยู่ที่ 5,900-6,500 บาท/ตัน ปี 2548/49 อยู่ที่ 6,700-7,100 บาท/ตัน ซึ่งจากการดำเนิน การรับจำนำทั้ง 2 ปี มีผลให้รายได้ของเกษตรกรทั้งระบบเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาในตลาด สำหรับ ราคารับจำนำมันสำปะหลังและปริมาณรับจำนำ ในปี 2549/50 ได้กำหนดราคารับจำนำเป็นขั้นบันได โดยเริ่ม จากเดือนพฤศจิกายน 2549 กิโลกรัมละ 1.25 บาท ปรับเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.05 บาท/กิโลกรัม จนกระทั่งเดือน เมษายน 2550 ราคารับจำนำกิโลกรัมละ 1.50 บาท มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งโรงแป้งและลานมันทำให้สามารถ รองรับปริมาณการจำนำของเกษตรกรได้มากขึ้น โดยมีปริมาณรับจำนำ จำนวน 1,141,261 ตัน ส่วนปี 2548/ 49 ได้กำหนดราคารับจำนำเป็น 2 ช่วง คือ เดือนธันวาคม 2548 กิโลกรัมละ 1.30 บาท และเดือนมกราคม- เมษายน 2549 กิโลกรัมละ 1.50 บาท มีผู้เข้าร่วมโครงการเฉพาะลานมันส่งผลให้ปริมาณรับจำนำมีเพียงจำนวน 777,879 ตัน ซึ่งจากการดำเนินการทั้ง 2 ปี ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3224 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้า จำนวน 6 ราย (1. นางสาวสายพิณ มณีพันธ์ฯ) | พณ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้ง นางสาวสายพิณ มณีพันธ์ นายศักดา
ธนิตกุล นายสมพร อิศวิลานนท์ นายชัยวัฒน์ ต่อสกุลแก้ว นายวินธัย โกกระกูล และนายสุเทพ ลิ้มทองกุล เป็นกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 โดย ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (12 มิถุนายน 2550) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3225 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ10 (นางศรีวิชชา รักจำรูญ) | พณ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้ง นางศรีวิชชา รักจำรูญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้
ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3226 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | กค | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอใช้จ่ายงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อ
ชดเชยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในวงเงิน 28,891.97 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นเงินกู้ ค้างชำระ จำนวน 19,514.87 ล้านบาท และดอกเบี้ยชดเชยแทนเกษตรกร จำนวน 9,377.10 ล้านบาท และให้คณะ กรรมการนโยบายข้าวและคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรนำแนวทางการแก้ไขปรับปรุงการ ดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาโครงการเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกร มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และไม่ก่อให้เกิดภาระด้านงบประมาณแก่รัฐบาล ได้แก่ การกำหนดนโยบายการรับ จำนำผลิตผลการเกษตรให้ใกล้เคียงกับสภาพความจำเป็นทางการเกษตร การรับจำนำข้าวเปลือกควรเน้นจำนำที่ยุ้ง ฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้มีการปรับปรุงยุ้งฉาง การจัดทำโครงการ รับจำนำต้องมีแผนการตั้งแต่การรับฝาก ผลิตผลจำนำ การเก็บรักษา การระบายหรือแปรรูป โดยให้สอดคล้องกับ สภาพทางการตลาด และมีแผนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ตลาดกลางการเกษตร และตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อเป็นการลดบทบาทการแทรกแซงตลาดโดยวิธีการรับจำนำ โดยให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรประเมินผล การดำเนินงานแต่ละโครงการแล้วรายงานผลสำเร็จ ผลกระทบด้านต่าง ๆ ปัญหาอุปสรรค ข้อดีข้อเสียเพื่อเสนอให้ คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป อาทิ ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร โดย เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทบทวนอัตราดอกเบี้ยสำหรับโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรต่างๆ ที่สิ้นสุดระยะเวลาดำเนิน การแล้ว แต่ยังคงมีหนี้ค้างชำระคืนค่าผลผลิตที่จำนำไว้ และให้ คชก. เร่งปิดบัญชีให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี เมื่อโครงการ รับจำนำผลผลิตการเกษตรแต่ละโครงการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และควรมีระบบบริหารจัดการในการเรียกเก็บเงิน คืนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วเพื่อให้ภาระหนี้ค้างจ่าย ธ.ก.ส. ลดลง ส่วนการวางแผนดำเนินโครงการแทรกแซง ราคาผลผลิตการเกษตรให้มีการศึกษาความเหมาะสมของราคารับจำนำ เนื่องจากการกำหนดราคารับจำนำที่สูงเกิน ไป อาจทำให้เกษตรกรไม่ไถ่ถอนผลผลิตในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บผลผลิตและสินค้าจะ เสื่อมสภาพ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิดผลขาดทุนเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการใน การแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการแปรรูปผลผลิต เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพใน การแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้มากขึ้นและช่วยลดภาระให้รัฐบาลอีกทางหนึ่ง เป็นต้น และให้กระทรวงพาณิชย์รับ ไปประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดดำเนินการประเมิน ผลการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยการแทรกแซงราคาและรับจำนำผลผลิตการเกษตรต่าง ๆ ที่ผ่าน มา รวมทั้งปัญหาอุปสรรคข้อดีข้อเสีย ผลกระทบ ตลอดจนข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินการและเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบตามความเหมาะ สมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3227 | ขอแก้ไขหลักการของร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแล้ว | พณ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า โดยที่การประกอบธุรกิจประกันภัยมีความสำคัญต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจของ
ประเทศ ดังนั้น หลักการที่กำหนดให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจดังกล่าวต้องเป็นบริษัทมหาชนจำกัด จึงเป็นหลักการที่ มีความถูกต้องและเหมาะสมอยู่แล้ว สำหรับกำหนดเวลาที่จะกำหนดให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจอยู่เดิมต้องแปรสภาพ เป็นบริษัทมหาชนจำกัด นั้น ให้กระทรวงพาณิชย์หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาทราบเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3228 | กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 | สธ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการประกาศใช้กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 ที่ได้รับการรับรองจากการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 และมี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุน และให้กระทรวงต่าง ๆ ให้ความ ร่วมมือในการเฝ้าระวั ง แจ้งข่าว และควบคุมภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และหากพบปัญหาอุปสรรคของการ ปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ให้แจ้งกระทรวงสาธารณสุขทราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีหากมีข้อบท ใดในกฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปฏิบัติตาม ก็อาจตั้งข้อสงวน (reserva tion) ไม่รับข้อบทใดก็ได้ตามที่มาตรา 62 ของกฎอนามัย ฯ ได้ให้ทางเลือกไว้ ซึ่งการตั้งข้อสงวนหมายถึงคำแถลง การณ์ฝ่ายเดียวเพื่อมุ่งที่จะตัดออกหรือเปลี่ยนแปลงผลทางกฎหมายของบทบัญญัติบางตอน ทั้งนี้ หากเห็นควรที่ จะมีข้อสงวนใด ๆ ก็ให้แจ้งข้อสงวนและเหตุผลในการตั้งข้อสงวนไปพร้อมกับการแจ้งการยอมรับร่างกฎอนามัย ฯ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า กฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่มีเนื้อหาบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การค้าระหว่างประเทศ (Part II-Information and Public Health Response, Article 9, 10) ซึ่งควรได้รับการ พิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น บทบัญญัติที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกแจ้งองค์การอนามัยโลก (WTO) ทราบภาย ใน 24 ชั่วโมง ถ้าพบหลักฐานแสดงว่า การส่งออกหรือนำเข้าสินค้าจากประเทศใด ๆ อาจก่อให้เกิดการแพร่ ระบาดของโรคติดต่อระหว่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าหลังจากที่ WTO ได้รับแจ้งแล้วจะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จ จริงในเรื่องดังกล่าว (Verification) ก็ตาม แต่หากมีข่าวการแจ้ง WTO ว่าสินค้าของประเทศใดที่ส่งออกไปจำหน่าย ยังต่างประเทศมีเชื้อโรคปนเปื้อน (Goods that are contaminated) ก็จะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาได้ และทำให้ ประเทศที่จะนำเข้าสินค้าดังกล่าวบางประเทศอาจเกรงกลัวต่อโรคระบาดดังกล่าว และระงับการนำเข้าจากสินค้า นั้นทันที ซึ่งประเทศผู้แจ้งอาจจะใช้ช่องว่างของกฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าได้ เป็นต้น ไป พิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3229 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 4 เดือนแรก ปี 2550 (มกราคม - เมษายน) | พณ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 4 เดือนแรก ปี พ.ศ. 2550
(เดือนมกราคม-เมษายน 2550) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ การส่งออกในระยะ 4 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2550 มีมูลค่า 45,698.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 คิดเป็นร้อยละ 31.31 ของเป้าหมายการส่งออก เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยหมวดสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร ร้อย ละ 22.4 สินค้าอุตสาหกรรม ร้อยละ 15.6 และสินค้าอื่น ๆ ร้อยละ 25.3 สำหรับการนำเข้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2550 มีมูลค่า 41,172 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 โดยมีการนำ เข้าเพิ่มขึ้นในหมวดวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 16.8 สินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 23.8 สินค้ายานพาหนะและ อุปกรณ์การขนส่ง ร้อยละ 5.4 ส่วนสินค้าเชื้อเพลิ ง สินค้าทุน และสินค้าอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่น ๆ ลดลงร้อย ละ 14.4, 5.7 และ 6.9 ตามลำดับ ในส่วนของดุลการค้าในระยะ 4 เดือนแรกปี พ.ศ. 2550 ไทยเกินดุลการค้ารวม 4,526.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3230 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำหัวมันฝรั่งเข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้โครงการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS) พ.ศ. 2550 | พณ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การนำหัวมันฝรั่งเข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้โครงการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระ ยา-แม่โขง (ACMECS) พ.ศ. 2550 มีสาระสำคัญคือ ให้หัวมันฝรั่ง ตามพิกัดอัตราศุลกากรขาเข้าประเภทย่อยที่ 0701.10.00 และ 0701.90.00 ที่ผลิตและส่งมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักร กัมพูชา และสหภาพพม่า โดยมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า แบบฟอร์ม AISP (Form AISP-Thailand) ของ ประเทศผู้ส่งออกสินค้าสดังกล่าว เพื่อแสดงต่อกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ประกอบพิธีการนำเข้ามาในราช อาณาจักร เป็นสินค้าที่ได้รับยกเว้น ไม่ต้องขออนุญาตในการนำเข้า และให้ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่ เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3231 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550 | พณ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3232 | การลงนามบันทึกการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและราชอาณาจักรไทยภายใต้ข้อ 28 ของความตกลงแกตต์ 1994 สำหรับสินค้าไก่ | พณ | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างบันทึกการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและ
ราชอาณาจักรไทยภายใต้ข้อ 28 ของความตกลงแกตต์ 1994 สำหรับสินค้าไก่ โดยสาระสำคัญของร่างบันทึก การเจรจา ฯ สหภาพยุโรปตกลงชดเชยความเสียหายให้ไทยในรูปของโควตาภาษีสำหรับไก่ปรุงสุก และไก่หมัก เกลือจำนวน 160,033 ตัน และ 92,610 ตัน ตามลำดับ และจะลดภาษีในโควตาสำหรับไก่ปรุงสุกจากร้อยละ 10.9 เหลือร้อยละ 8 โดยมอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงบรัสเซลส์หรืออุปทูตเป็นผู้แทนไทยลงนาม ในบันทึกการเจรจา ฯ และสามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างบันทึกการเจรจา โดยไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงบรัสเซลส์หรืออุปทูตเป็นผู้ลงนามในบันทึกการเจรจา ฯ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3233 | ผลกระทบจากการดำเนินการตามมาตรฐานบัญชีการเงินระหว่างประเทศ ฉบับที่ 39 ต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการผ่อนผันให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถ
นำค่าเผื่อหนี้สูญที่ต้องสำรองเพิ่มตามหลักเกณฑ์มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (International Accounting Standard-IAS) ฉบับที่ 39 มาบวกกลับในกำไรสุทธิหน้างบการเงินเพื่อเป็นกำไรเพื่อคำนวณโบนัสและรายได้นำ ส่งคลังเฉพาะในช่วงระยะเวลา 3 ปี ในอัตราลดลงในแต่ละปี ดังนี้ อัตราการบวกกลับค่าใช้จ่ายที่ตั้งสำรองเพิ่มตาม IAS 39 ปีที่ 1 ร้อยละ 40 ปีที่ 2 ร้อยละ 35 และปีที่ 3 ร้อยละ 30 โดยวงเงินการจ่ายโบนัสพนักงานจะต้องไม่เกิน กำไรสุทธิหน้างบการเงินในปีนั้น ๆ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายลูกหนี้ ทางการค้า (Factoring) เติบโตได้ช้าเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนักในประเทศไทย หน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ควรพิจารณาดำเนิน การให้เกิดการรับรู้และส่งเสริมให้ธุรกิจนี้มีบทบาทในการเสริมสภาพคล่องทางด้านการเงินให้กับการดำเนินธุรกิจ การส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3234 | ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 22/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้แยกหลักการเฉพาะสาระสำคัญในเรื่องการ
บริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง และบทกำหนดโทษ ออกจากร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกา โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรม การประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3235 | สรุปผลการประชุม Thailand Rice Convention 2007 | พณ | 22/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2007 ของ
กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 -12 พฤษภาคม 2550 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระชนมายุครบ 80 พรรษา โดยมีผู้แทนรัฐบาลระดับรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโส สื่อมวล ชน นักธุรกิจ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตการค้าข้าวและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ โดยในส่วนของการจัดงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ "ในหลวงกับข้าวไทย" ได้มีการ จำลองภูมิทัศน์อย่างสมจริง แสดงถึงวิวัฒนาการในด้านวัฒนธรรม การผลิต การค้า และการส่งออกของข้าวไทย แบบเบ็ดเสร็จครบวงจร การจัดประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนในวงการค้าข้าว และวิทยากรผู้ทรง คุณวุฒิทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ การหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือในเรื่องข้าวของ ประเทศในกลุ่ม ACMECS ซึ่งประกอบด้วย ไทย เวียดนาม กัมพูชา พม่า และลาว รวมทั้งการเจรจาการค้าภาครัฐ และเอกชนทั้งนี้ ผลของการจัดงานโดยสรุปครั้งนี้ประสบผลสำเร็จและบรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างดียิ่งทุกประการ คือ ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาและร่วมงานนิทรรศการได้ทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อเกษตรกรไทยและพระปรีชา สามารถด้านเกษตรกรรม เสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรสากลด้านข้าว ผู้ ค้าข้าว และผู้ซื้อข้าวไทยในทุกภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งเป็นการช่วยขยายโอกาสทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้น และสร้างความ เชื่อมมั่นในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งข้าวออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตลอดจนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยให้เป็น เอกลักษณ์ของประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3236 | การสำรองข้าวในเอเชียตะวันออก | กษ | 22/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้มีการนำข้าวสำรองฉุกเฉิน
ของอาเซียน จำนวน 15,000 เมตริกตัน ที่ประเทศไทยประกาศสำรองไว้ภายใต้ข้อตกลงเรื่องการสำรองอาหาร เพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2523 มาใช้ในโครงการนำร่อง เพื่อระบบสำรองข้าวในเอเชียตะวันออก และให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในเรื่องการบริหารจัดการสำรองข้าว ตามแนวทางการสำรองและระบายข้าวเพื่อยามฉุกเฉินใต้ระบบสัญญา (Earmarked reserve) ของโครงการนำ ร่องเพื่อระบบสำรองข้าวในเอเชียตะวันออก และเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำแผนการระบายข้าวเพื่อ ยามฉุกเฉินภายใต้โครงการนำร่องเพื่อการสำรองข้าวในเอเชียตะวันออกของประเทศไทย ตามระบบการสำรอง รูปแบบสัญญา (Earmarked reserve) ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับแผนการระบายข้าวฉุกเฉินภายใต้ความตกลง ว่าด้วยการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียนของประเทศไทย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3237 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 3 เดือนแรก ปี 2550 (มกราคม - มีนาคม) | พณ | 15/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 3 เดือนแรก ปี
พ.ศ. 2550 (เดือนมกราคม-มีนาคม) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ การส่งออกในระยะ 3 เดือนแรก ของปี พ.ศ. 2550 มีมูลค่า 34,824.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 คิดเป็นร้อยละ 23.86 ของเป้าหมายการส่งออก เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกหมวด โดยหมวดสินค้า เกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร ร้อยละ 20.6 สินค้าอุตสาหกรรม ร้อยละ 17.0 และสินค้าอื่น ๆ ร้อยละ 20.6 สำหรับการนำเข้าในระยะ 3 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2550 มีมูลค่า 30,553 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เทียบ กับปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 โดยกลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 15.2 สินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 17.3 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ร้อยละ 0.34 ส่วนกลุ่ม สินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง ร้อยละ 14.0 สินค้าทุน ร้อยละ 9.2 และสินค้าอาวุธ ยุทธ ปัจจัยและสินค้าอื่น ๆ ร้อยละ 7.6 ในส่วนของดุลการค้าในระยะ 3 เดือนแรกปี พ.ศ. 2550 ไทยเกินดุลการ ค้ารวม 4,270.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดดุลการค้า 492.4 ล้านเหรียญ สหรัฐ ฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3238 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (กระทรวงพาณิชย์) (จำนวน 2 ราย นายกุญญพันธ์ แรงขำ และนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค) | พณ | 15/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้ง นายกุญญพันธ์ แรงขำ
และนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ 10 ชช.) สำนักงาน ปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2550 และวันที่ 15 มีนาคม 2550 ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3239 | ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 08/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการ
เกี่ยวกับกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติให้ อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2535 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งผู้ว่าการคนหนึ่ง และผู้ว่าการสำรองอีกคนหนึ่ง เพื่อ ปฏิบัติงานในคณะมนตรีผู้ว่าการตามที่กำหนดไว้ในความตกลงกองทุนร่วม รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้า ที่ของแต่ละกระทรวง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสาน งานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3240 | การจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า | พณ | 08/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ชอบในหลักการการสนับสนุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทาง การค้า ของกระทรวงพาณิชย์ โดยในเบื้องต้นให้ดำเนินการเฉพาะในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2551 ก่อน ดังนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาเจียดจ่ายจากงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ โดยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้สำนักงบประมาณจัดตั้งงบประมาณ รายจ่ายประจำปี และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณารูปแบบการ จัดตั้งกองทุน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |