ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 | สธ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการประกาศใช้กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 ที่ได้รับการรับรองจากการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 และมี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุน และให้กระทรวงต่าง ๆ ให้ความ ร่วมมือในการเฝ้าระวั ง แจ้งข่าว และควบคุมภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และหากพบปัญหาอุปสรรคของการ ปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ให้แจ้งกระทรวงสาธารณสุขทราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีหากมีข้อบท ใดในกฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปฏิบัติตาม ก็อาจตั้งข้อสงวน (reserva tion) ไม่รับข้อบทใดก็ได้ตามที่มาตรา 62 ของกฎอนามัย ฯ ได้ให้ทางเลือกไว้ ซึ่งการตั้งข้อสงวนหมายถึงคำแถลง การณ์ฝ่ายเดียวเพื่อมุ่งที่จะตัดออกหรือเปลี่ยนแปลงผลทางกฎหมายของบทบัญญัติบางตอน ทั้งนี้ หากเห็นควรที่ จะมีข้อสงวนใด ๆ ก็ให้แจ้งข้อสงวนและเหตุผลในการตั้งข้อสงวนไปพร้อมกับการแจ้งการยอมรับร่างกฎอนามัย ฯ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า กฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่มีเนื้อหาบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การค้าระหว่างประเทศ (Part II-Information and Public Health Response, Article 9, 10) ซึ่งควรได้รับการ พิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น บทบัญญัติที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกแจ้งองค์การอนามัยโลก (WTO) ทราบภาย ใน 24 ชั่วโมง ถ้าพบหลักฐานแสดงว่า การส่งออกหรือนำเข้าสินค้าจากประเทศใด ๆ อาจก่อให้เกิดการแพร่ ระบาดของโรคติดต่อระหว่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าหลังจากที่ WTO ได้รับแจ้งแล้วจะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จ จริงในเรื่องดังกล่าว (Verification) ก็ตาม แต่หากมีข่าวการแจ้ง WTO ว่าสินค้าของประเทศใดที่ส่งออกไปจำหน่าย ยังต่างประเทศมีเชื้อโรคปนเปื้อน (Goods that are contaminated) ก็จะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาได้ และทำให้ ประเทศที่จะนำเข้าสินค้าดังกล่าวบางประเทศอาจเกรงกลัวต่อโรคระบาดดังกล่าว และระงับการนำเข้าจากสินค้า นั้นทันที ซึ่งประเทศผู้แจ้งอาจจะใช้ช่องว่างของกฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าได้ เป็นต้น ไป พิจารณาด้วย
|