ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 30 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 597 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายนรินทร์ กัลยาณมิตร) | กค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
242 | การลงนามใน Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the People's Republic of China on Customs Cooperation | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านศุลกากร (Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the People’s Republic of China on Customs Cooperation) โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านศุลกากร รวมทั้งการอำนวยความสะดวกทางการค้าร่วมกัน ระหว่างศุลกากรของประเทศสมาชิกอาเซียนกับศุลกากรจีน ๒. อนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
243 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางฉวีวรรณ คงเจริญกิจกุล และนายบุญชัย พิทักษ์ดำรงกิจ) | กค | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางฉวีวรรณ คงเจริญกิจกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ๒. นายบุญชัย พิทักษ์ดำรงกิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
244 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2554 | นร | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของคณะกรรมการ กรอ. ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบตามมติคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ และส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา ที่เห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ แต่เห็นควรให้มีแนวทาง/มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้ยางพารา เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) ดำเนินการตามแนวทาง/มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้ยางพารา ตามมติคณะทำงานร่วมฯ และแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการต่ออายุใบอนุญาตอุตสาหกรรมไม้ทุกประเภท (รวมถึงไม้ยางพารา) ที่ได้ปรับปรุงแล้วเสร็จ ไปปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ และให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้รับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าว และนำไปปฏิบัติต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) เร่งรัดการออกระเบียบ ข้อกำหนด และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการจัดทำบัญชีไม้ การกำหนดค่ามาตรฐานในการแปลงค่าน้ำหนักเป็นปริมาตรเพื่อประกอบการจัดทำบัญชีไม้ และปรับปรุงการออกและต่ออายุใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ๑.๒ รับทราบผลการศึกษาการยกเลิกอัตราการนำเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยให้คงอัตราการนำเงินเข้ากองทุนฯ ๕ บาท ต่อกิโลกรัมจนกว่ากองทุนฯ จะชำระหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย) แล้วเสร็จ รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ เห็นชอบตามข้อเสนอบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย และให้ สศช. ประสานกับภาคเอกชนเพื่อพิจารณาในรายละเอียดการดำเนินงานต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักในการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เต็มตามศักยภาพ รวมทั้งการพัฒนาระบบข้อมูลการตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าให้เป็นมาตรฐานสากล และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์และข้อเสนอด้านงบประมาณในการจัดพิมพ์บัตร ตม.๖ ให้เพียงพอ รวมทั้งการปรับปรุงกฎกระทรวงเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบหนังสือเดินทางล่วงหน้าด้วย ๑.๕ รับทราบรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นศักยภาพในการรองรับอุตสาหกรรมของพื้นที่มาบตาพุด และให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทำหนังสือพร้อมหลักฐานการส่งข้อมูลแผนแม่บทการใช้ประโยชน์ที่ดินและการพัฒนาบนพื้นที่ถมทะเลให้กับคณะกรรมการ ๔ ฝ่าย (ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และนักวิชาการ) ด้วย ๑.๖ รับทราบผลการดำเนินการของกรมศุลกากร ตามมติคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ แนวทางแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้ ในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่ประชุมได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหานำเข้าสินค้าวัตถุอันตรายตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและการกำหนดหน่วยงานที่เป็น Contact Point ให้ชัดเจน โดยให้ สศช. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ แล้วนำเสนอคณะกรรมการ กรอ. พิจารณาต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ๒.๑ กรณีการขอผ่อนปรนกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หากผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่ามีประเด็นใดที่ต้องมีการทบทวนหรือปรับปรุงแก้ไข ก็ควรระบุให้ชัดเจน เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องตรงกันต่อไป ๒.๒ การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement : EPA) เนื่องจากปัจจุบันยังมีการใช้ประโยชน์จากความตกลงดังกล่าวค่อนข้างน้อย เช่น ความตกลงการค้าไทย - นิวซีแลนด์ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - อินเดีย เป็นต้น ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหาแนวทางเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนใช้ประโยชน์ของความตกลงการค้าและลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งควรขยายกรอบของความตกลงการค้าเพื่อให้สามารถขยายขอบเขตการลงทุน ฐานการผลิตในประเทศ และการส่งออก ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
245 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. ให้ข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามพิกัดอัตราศุลกากรขาเข้าประเภทย่อย ๑๐๐๕.๙๐.๙๐ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองเพื่อแสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร ได้แก่ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบฟอร์ม ดี (Form D) ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองดังกล่าวของประเทศที่ส่งออก หนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมาย และหนังสือรับรอง ใบรับรอง หรือเอกสารหลักฐานอื่นใด ซึ่งแสดงว่าสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยต่อชีวิต หรือสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ หรือพืช ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองดังกล่าวของประเทศที่ส่งออก ๒. การนำเข้าสินค้าตามข้อ ๑ ที่มีมูลค่าตามราคา เอฟ โอ บี ไม่เกินสองร้อยดอลลาร์สหรัฐ ไม่ต้องแสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบฟอร์มดี (From D) ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองดังกล่าวของประเทศที่ส่งออก ๓. ต้องนำเข้าระหว่างวันที่ ๑ มีนาคม ถึง วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๔. ต้องนำเข้าทางด่านศุลกากรที่มีด่านตรวจพืชและด่านกักสัตว์ หรือมีเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจของด่านดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ ๕. การขอและการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางสวนที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมาย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กรมการค้าต่างประเทศประกาศกำหนด ๖. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามข้อ ๑ เข้ามาในราชอาณาจักรในอัตราน้ำหนักสุทธิเมตริกตันละศูนย์บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
246 | แนวทางการบริหารการคลังในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2554 | กค | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอผลการคาดการณ์การจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งคาดว่าจะจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิจำนวน ๑,๗๗๐,๐๐๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗.๓ สูงกว่าที่จัดเก็บได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ไม่รวมรายได้พิเศษ (๑,๖๔๗,๓๒๕ ล้านบาท) จำนวน ๑๒๒,๖๗๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗.๔ โดยคาดว่าการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจจะสูงกว่าประมาณการ ภาษีที่คาดว่าจะจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้า ๒. เห็นชอบในหลักการให้มีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพิ่มเติม (งบกลางปี) เพื่อชดใช้เงินคงคลังที่ได้มีการใช้ไปในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๘๔,๑๔๒.๕๖ ล้านบาท จัดสรรเพิ่มเติมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนประมาณ ๕,๐๐๐ ล้านบาท และจัดสรรเป็นงบประมาณช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ จำนวนประมาณ ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งหมดไม่เกิน ๑๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย รับไปพิจารณารายละเอียดของงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วให้สำนักงบประมาณนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
247 | เสนอขอมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้งบประมาณเพื่อจ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างผลอาสิน และซื้อที่ดินในพื้นที่โครงการด่านศุลกากรบ้านประกอบส่วนขยาย ระยะที่ 2 | กค | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการใช้เงินงบประมาณในการจ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสิน และจัดซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ จ่ายเงินชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสิน ให้กับผู้ครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่ได้ตกลงโดยมีบันทึกยินยอมรับราคาตามที่คณะทำงานตกลงราคาและจ่ายเงินชดเชยกำหนดโดยไม่มีเงื่อนไข จำนวน ๔๗ แปลง เนื้อที่ ๑๒๔-๓-๓๑ ไร่ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๐,๓๘๒,๔๔๓ บาท สำหรับพื้นที่ส่วนที่เหลือ (๙ แปลง) ให้จ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสินโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ๑.๒ จัดซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ (น.ส.๓ ก) จำนวน ๑๗ แปลง เนื้อที่รวม ๒๔-๑-๒๒ ไร่ ตามราคาที่คณะทำงานตกลงราคาซื้อขายที่ดินด่านพรมแดนบ้านประกอบ ระยะที่ ๒ กำหนดในราคาตารางวาละ ๘๒๕ บาท (ไร่ละ ๓๓๐,๐๐๐ บาท) รวมกับราคาค่าสิ่งปลูกสร้างและราคาค่าต้นไม้ในที่ดินด้วย ๑.๓ ในระหว่างรอขั้นตอนดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งมอบพื้นที่ให้กรมศุลกากร อนุมัติให้กรมศุลกากรร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลาและสำนักงานจังหวัดสงขลาร่วมกันจ่ายเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการไปก่อน ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยให้กระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในประเด็นข้อกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยไว้ แต่ในกรณีที่รัฐเห็นสมควรให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องไร้ที่ทำกิน คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือได้ ส่วนกรณีที่รัฐประสงค์จะซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ รัฐต้องคำนึงถึงสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ กรณีเจ้าของที่ดินตกลงซื้อขายที่ดินย่อมตกอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ในการดำเนินกิจการของรัฐอันเป็นประโยชน์สาธารณะ แม้เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมในการตกลงซื้อขาย รัฐสามารถใช้อำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ของเอกชน แต่รัฐต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมให้แก่ผู้ถูกเวนคืนนั้นด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการปรับปรุงสภาพถนนบริเวณโครงการด่านศุลกากรบ้านประกอบส่วนขยาย ระยะที่ ๒ ตามแผนงานปรับปรุงด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการเดินทางและขนส่งสินค้าในสายทางดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาการจ่ายเงินชดเชยหรือเงินช่วยเหลือสิ่งปลูกสร้าง ผลอาสิน และซื้อที่ดินในพื้นที่สำหรับโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
248 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำมันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำพริกไทย น้ำตาลทราย และน้ำมันถั่วเหลือง เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 19/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ ที่ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเข้ามันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลำไยแห้ง พริก ไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ๑.๑.๑ ให้มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ซึ่งมีถิ่น กำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิก สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความตกลงเขตการค้า เสรีอาเซียนเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองแสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบ การใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร ๑.๑.๒ การขอและการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบาง ส่วน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกำหนด ๑.๑.๓ ให้สินค้าที่นำเข้าตามประกาศนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอื่นที่มิใช่มาตรการ ทางภาษีที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำพริกไทย น้ำตาลทราย และน้ำมันถั่วเหลือง เข้ามา ในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำพริกไทย น้ำตาลทราย และน้ำมันถั่วเหลือง เข้ามาในราชอาณาจักร ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าร่างประกาศในเรื่องนี้เกี่ยวพัน กับการใช้มาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers : NTBs) ซึ่งประเทศไทยควรดำเนิน การตามความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) เช่น การแจ้งต่อที่ ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจ (SEOM) และสำนักงานเลขาธิการอาเซียน การพิมพ์โฆษณาร่างประกาศ กระทรวงพาณิชย์ในเรื่องนี้ทางอินเทอร์เน็ตก่อนที่ประกาศฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับเพื่อลดความเสี่ยงในการที่ฝ่ายไทย จะถูกฟ้องร้อง ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
249 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement)] และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982) รวม 2 ฉบับ | กค | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วย การอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement)] ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยเสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาพร้อมกับร่างพระ ราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการอนุวัติการตามอนุสัญญาฉบับ เดียวกัน เพื่อให้มีเนื้อหาไปในแนวทางเดียวกัน ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ ศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1982) ไปพิจารณาดำเนินการ และให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีอนุ สัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1982 ต่อไป โดยความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะ ที่ 6) ต่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีดังนี้ 2.1 ในขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาฯ ซึ่งการเสนออนุสัญญาต่อรัฐสภาเพื่อ ขอความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศโดยตรง 2.2 แนวทางปฏิบัติที่ผ่านมามีการนำอนุสัญญาเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบแล้วจึงมีการตรากฎ หมายเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีในภายหลัง ดังนั้น การตรากฎหมายขึ้นใหม่หรือการแก้ไขกฎหมายควรพิจารณา เมื่อประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาฯ แล้ว จึงยังไม่ควรตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศุลกากรฯ ตามที่กระทรวง การคลังเสนอในขณะนี้ 2.3 ควรมีการหารือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเนื่องจากการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศุล กากรฯ โดยประสงค์ที่จะใช้สิทธิของรัฐในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ เขตไหล่ทวีป และเขตทะเลหลวง รวมถึงการใช้บังคับ เหนือเกาะเทียมโดยอนุโลม มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานไม่จำกัดเฉพาะกรมศุลกากรเท่านั้น ซึ่งอาจจำเป็น ต้องมีหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหลายเรื่องเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
250 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 13 ราย 1. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ฯลฯ) | กค | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภท
บริหารระดับสูง จำนวน 13 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุน เวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง 2. นายนริศ ชัยสูตร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 3. นายสมชัย สัจจพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ 4. นายวินัย วิทวัสการเวช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ 5. นายสาธิต รังคสิริ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร 6. นายประสงค์ พูนธเนศ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร 7. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต 8. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง 9. นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง 10. นายเทวัญ วิชิตะกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง 11. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง 12. นายมนัส แจ่มเวหา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง 13. นายประสิทธิ์ สืบชนะ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
251 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศ จำนวน 2 ฉบับ ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและ
ร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนิน การต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณา จักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 ให้ข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคม ประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง แสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร 1.2 การขอและการออกหนังสือรับรองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรม การค้าต่างประเทศประกาศกำหนด 2. ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำกากถั่วเหลืองเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลง เขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 2.1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์และกาก ถั่วเหลืองเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) พ.ศ. 2546 2.2 ให้กากถั่วเหลือง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศภาคีความตกลงว่าด้วยการใช้มาตร การกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนและพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการ กำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดเพื่อแสดงต่อ กรมศุลกากรประกอบพิธีการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
|
|||||||||||||||||||||||||||
252 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำมันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำมันฝรั่ง หอมหัวใหญ่
กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรี อาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ให้มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและ ส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองไปแสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบการใช้สิทธิ พิเศษทางด้านภาษีศุลกากร 2. การนำเข้าสินค้าตามข้อ 1 ที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากรตามประกาศนี้ จะต้องปฏิบัติ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขเกี่ยวกับด่านศุลกากรในการนำเข้าและช่วงเวลาในการนำเข้าสำหรับสินค้าแต่ละรายการ 3. การขอและการออกหนังสือรับรองตามข้อ 2 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี กรมการค้าต่างประเทศกำหนด 4. ให้สินค้าที่นำเข้าตามประกาศนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอื่นที่มิใช่มาตรการทางภาษี ที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
|
|||||||||||||||||||||||||||
253 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธรัฐรัสเซีย (ระหว่างวันที่ 19 - 23 พฤษภาคม 2553) | นร | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ
ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม 2553 ของผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์) พร้อม คณะ ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ผู้แทนภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ มีวัตถุ ประสงค์เพื่อเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการชาวรัสเซีย และหาโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับรัสเซีย ซึ่ง ผลจากการหารือได้ข้อสรุปดังนี้ 1. ไทยยังมีโอกาสทางการค้าการลงทุนในรัสเซียได้อีกมาก โดยเฉพาะสาขาก่อสร้าง อาหาร ยานยนต์ สปา สมุนไพร อาหารเสริม และอัญมณี ประกอบกับรัสเซียกำลังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของภาคตะวันออก ไกลของรัสเซีย และจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC 2010 ณ เมืองวลาดิวอสต็อก จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับ ภาคเอกชนไทยในการขยายตลาดไปยังรัสเซีย 2. ตลาดรถยนต์ของรัสเซียมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และค่านิยม การใช้รถเพื่อแสดงฐานะของชาวรัสเซีย ดังนั้น สินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยจึงยังมีโอกาสสูงที่จะส่งออกไปยังรัส เซีย และจากการหารือกับภาคเอกชนของรัสเซียเห็นว่า สินค้าประเภทชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยมีคุณภาพดี และ ราคาเหมาะสม 3. ผู้ประกอบการรัสเซียสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยอย่างมาก โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่รัสเซียสนใจเป็น พิเศษ ได้แก่ กลุ่มอาหารสมุนไพร เช่น ชาสมุนไพร กาแฟลดน้ำหลัก กลุ่มเครื่องสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสปา เช่น ลูกประคบสมุนไพร สมุนไพรแช่ตัว เกลือแช่ตัว เกลือแช่เท้า เกลือขัดผิว มาสก์หน้า มาสก์ตัว ครีมบำรุงผิว ครีม นวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ครีมนวดกระชับสัดส่วน และกลุ่มยาสมุนไพร เช่น ยาหม่องสมุนไพร พิมเสนน้ำสมุนไพร และในส่วนของการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยได้พบกับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตยารัสเซีย ซึ่ง สนใจผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร กลุ่มยาสมุนไพร และอาหารเสริมจากสมุนไพร 4. สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จำนวน 2 ฉบับ ร่วมกับ สมาคมผู้ค้าเพชรพลอย “Golden Fing of Russia” และบริษัท RESTEC โดยบันทึกความเข้าใจทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จะเป็นกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนผู้ประกอบการด้านอัญมณีฯ ในการเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้า ระหว่างไทยกับรัสเซีย การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลเทคโนโลยีการผลิต นวัตกรรมใหม่ ๆ การบริหารจัดการ และ ประสบการณ์เกี่ยวกับรูปแบบการจัดงานแสดงสินค้า รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านราคาและสถานที่จัดตั้งบูธแสดง สินค้าในแต่ละประเทศ 5. เพื่อให้ผลการหารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรมศุลกากร สสปน. สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย และ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ดำเนินการติดตามผลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
254 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ครั้งที่ 1/2553 | นร | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการประชุม คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2553 เมื่อ วันที่ 21 มิถุนายน 2553 2. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพิ่มเติมขอแก้ ไขมติคณะกรรมการ กบส. ในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร 1115/2330 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2553 หน้า 8 ข้อ 2.3.3.2 จากเดิมว่า "มอบหมายเลขาธิการนายก รัฐมนตรีพิจารณาการปรับแผนงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการพัฒนาระบบ National Single Window ในปีงบประมาณ 2554 และพิจารณาแนวทางการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยว ข้อง เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ National Single Window ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้กรมศุลกากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดส่งข้อมูลการปรับแผนงบประมาณ พร้อมทั้งกฎหมายและ ระเบียบที่จำเป็นต้องแก้ไข เพื่อนำเสนอเลขาธิการนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป" เป็น "มอบหมายให้เลขาธิการ นายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนระบบ National Single Window ของประเทศ เพื่อ พิจารณาการปรับแผนงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการพัฒนาระบบ National Single Window ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยให้กรมศุลกากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดส่งข้อมูลการปรับ แผนงบประมาณ พร้อมทั้งกฎหมายและระเบียบที่จำเป็นต้องแก้ไขเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป"
|
|||||||||||||||||||||||||||
255 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.) ครั้งที่ 1/2553 | นร | 20/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรม
การและเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านเสนอผลการประชุมคณะ กรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.) ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2553 สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ได้แก่ กรอบความ ร่วมมือ GMS กรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจ กรอบความร่วมมือ IMT-GT กรอบความร่วมมือ ACMECS กรอบความร่วมมือสามเหลี่ยมมรกต การประชุมระดับรัฐมนตรี JDS ครั้งที่ 2 และคณะกรรมาธิการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-มาเลเซีย (JC) ครั้งที่ 11 รวมทั้งการห้ามรถบรรทุกเปล่าของไทย และ สปป.ลาว เข้าไปรับสินค้าในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง 2. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างกลไกการดำเนินงานอำนวยความสะดวกการค้า และการขนส่งข้ามพรมแดน (Trade and Transport Facilitation : TTF) ของไทย โดยให้เปลี่ยนองค์ประกอบคณะ กรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนและขนส่งข้ามแดนแห่งชาติ (NTFC) จากผู้แทนกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้ แทนจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และมอบหมายกรมศุลกากรเร่งรัดกระบวนการนำเสนอ ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. .... (ว่าด้วยข้อบทเรื่องการผ่านแดน) ต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 3. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับการเตรียมการประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 16 ดังนี้ 3.1 มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา อีกครั้งหนึ่งหลังจากมีการปรับปรุงแก้ไข ก่อนประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 16 3.2 เห็นชอบข้อเสนอของฝ่ายไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรี GMS ครั้งที่ 16 3.3 มอบหมายให้ NTFC ของไทย (กระทรวงคมนาคม) เร่งรัดการให้สัตยาบันภาคผนวก 7, 9 และพิธี สาร 3 3.4 มอบหมายให้ NTFC ของไทย (กระทรวงคมนาคม) กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินงาน CBTA และให้นำ เสนอร่างกฎหมายรวม 5 ฉบับ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อให้สามารถให้สัตยาบันภาคผนวกและพิธีสารที่ เหลือได้ภายในปี พ.ศ. 2553 โดยให้เร่งรัดนำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการดำเนินงานด้านอำนวยความ สะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามพรมแดนภายใต้ความรับผิดชอบของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เสนอต่อ คตณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนมีนาคม 2553 3.5 ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดำเนินการตามความ เห็นที่ประชุมไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาให้การศึกษาโครงข่ายระบบรางของอนุภูมิภาค (GMS Railways Strategy Study) ที่จัดทำโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) สอดคล้องกับแนวทางและแผนการดำเนิน การของไทย และประสาน ADB ในการกำหนดแผนงานที่ชัดเจนเพื่อเร่งรัดจัดตั้ง SMEs Development Fund 4. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการพัฒนาเชื่อมโยงพื้นที่ภาคใต้ของไทยและพื้นที่ภาคเหนือ (NCER) และภาคตะวันออก (ECER) ของมาเลเซีย และให้ สศช. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำประเด็นความ ร่วมมือในรายละเอียด โดยให้รับความเห็นของที่ประชุมไปพิจารณาประกอบด้วย โดยให้แยกให้ชัดเจนระหว่างการ กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาภายในของไทย และยุทธศาสตร์พัฒนาร่วมกับประเทศมาเลเซีย
|
|||||||||||||||||||||||||||
256 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวเข้ามาในราชอาณา
จักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มี สาระสำคัญดังนี้ 1. ให้ข้าวตามพิกัดอัตราศุลกากร 10.06 ที่มีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคมประชา ชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองแสดงต่อ กรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากรในการนำเข้า มาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร 2. การนำเข้าข้าวที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากรจะต้องนำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแปร รูปอาหารเพื่อการอุปโภคบริโภคสำหรับมนุษย์เท่านั้น โดยไม่รวมถึงอุตสาหกรรมแปรสภาพ (การสีข้าว) ของโรง สี และต้องนำเข้าระหว่างเดือนพฤษภาคม กรกฎาคม และระหว่างเดือนสิงหาคม ตุลาคม และต้องนำเข้าทางด้าน ศุลกากรที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
257 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 2 ราย นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ และนายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์) | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ ดังนี้ 1. นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2552 2. นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่ม ธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและ แผนทรงคุณวุฒิ ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
258 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | นร | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของ
สนามบินสุวรรณภูมิเสนอ ดังนี้ 1. รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) สรุปได้ดังนี้ 1.1 ปัญหารถยนต์รับจ้างและมัคคุเทศก์ผิดกฎหมาย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ขยายแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำ และมัคคุเทศก์เถื่อนที่มาให้บริการโดยผิด กฎหมายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ออกไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2552 และได้ทำการย้ายจุดให้บริการรถ แท็กซี่ป้ายเหลืองจากชั้น 2 ลงมาชั้น 1 ส่วนรถลีมูซีนยังอยู่ชั้น 2 เหมือนเดิม โดย ทอท. ได้จัดทำป้ายบอกเส้นทาง ขึ้นรถแท็กซี่ตั้งแต่ที่สายพานรับกระเป๋า และป้ายแนะนำอื่น ๆ ตลอดเส้นทาง รวมถึงจัดทีม Airport Help ให้คำแนะ นำบริเวณประตูทางออกของผู้โดยสารหลังผ่านศุลกากรด้วย 1.2 ปัญหาการลักทรัพย์สินในกระเป๋า/สัมภาระของผู้โดยสารในพื้นที่คัดแยกสัมภาระ ทอท. ได้ตรวจ สอบประวัติพนักงานของบริษัทที่เข้ามารับดำเนินการ (Outsource) และมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและการ แต่งกายของพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการลักขโมยทรัพย์สินของผู้เดินทางและผู้โดยสาร และติดตั้ง CCTV เพิ่ม เติมในพื้นที่ล่อแหลม 327 ตัว 1.3 การลักทรัพย์หรือสินค้าในร้านปลอดภาษีของบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (King Power) ทอท. ได้จัดทำป้ายและตีเส้นแดงแสดงขอบเขตพื้นที่ของร้านค้าปลอดภาษีให้ชัดเจน และจัดทำป้ายแนะนำให้ชำระ ค่าสินค้าก่อนออกออกพื้นที่ของร้านค้านั้น ๆ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลลูกค้าบริเวณทางเดินเข้าร้านค้า และติด ตั้งเครื่องชำระเงินค่าสินค้าบริเวณทางเข้า-ออกร้านค้าด้วย 1.4 การนำสุราและบุหรี่เข้ามาในประเทศของผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว ทอท. ได้จัดทำป้ายเตือนทั้ง ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม และเพิ่มช่องตรวจศุลกากร (ช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง) ส่วนการดำเนิน การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการจับสุราและบุหรี่ รวมทั้งการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวเรื่องการตรวจซ้ำ (ของเจ้า หน้าที่ศุลกากรและสรรพสามิต) เมื่อกระทรวงการคลังได้ปรับปรุงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยให้มีการทำงาน ร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เพื่อพิจารณาผ่อนปรนกรณีมีการจับกุมนัก ท่องเที่ยวที่นำบุหรี่หรือสุราเข้ามาเกินจำนวนที่กำหนดซึ่งจะพิจารณาผ่อนปรนการจับกุมโดยให้เจ้าหน้าที่ตักเตือน ก่อน และหากต้องมีการจับกุมจะทำงานร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจซ้ำ 1.5 การดำเนินงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว ปัญหาที่พบส่วนใหญ่เกิดจากนักท่องเที่ยวไม่ได้ นำสินค้าให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจเพื่อประทับตราในเอกสารขอคืนภาษี 1.6 การปรับปรุงจุดตรวจค้นแบบรวมศูนย์ (Centralize Screening) ทอท. ได้ปรับปรุงระบบการตรวจ ค้นสัมภาระของผู้โดยสารที่นำติดตั้วขึ้นเครื่องบิน หากมีสิ่งของต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบินติดตัวมาทางเจ้าหน้าที่จะให้ ผู้โดยสารทิ้งสิ่งของเสียก่อน และเมื่อผ่านการตรวจค้นแล้วก็สามารถซื้อของและขึ้นเครื่องบินต่อไปได้ 1.7 การจัดตั้งศูนย์ Suvarnabhumi Airport One Stop Service หรือ S.O.S. ซึ่งศูนย์ดังกล่าวเปิดบริการ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร รับแจ้งเหตุ และแก้ไขข้อขัดข้องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว 1.8 การแก้ไขปัญหาระบบสาธารณูปโภคภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. ได้ดำเนินโครงการ จัดทำผนังกั้นทางเชื่อมเพื่อติดตั้งป้ายโฆษณาในพื้นที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารกับอาคารจอดรถและ มีโครงการจะปรับปรุงพื้นที่ชั้น 6 ของอาคารจอดรถ และจัดทำหลังคาเพื่อกันฝนซึ่งจะทำให้ปัญหาน้ำฝนไหลจาก ชั้น 6 อาคารจอดรถลงมาชั้นอื่นหมดไป 1.9 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการปิดสนามบินเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่อง เที่ยวต่างชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำลังทำการศึกษา (สศช.) เพื่อจัดทำ ข้อเสนอแนะแแนวทางการจัดทำแผน (Business Continuity Plan : BCP) ในระดับองค์กรธุรกิจเอกชนที่เป็นมาตร ฐานสากลที่เชื่อมโยงกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ฯ ซึ่งครอบคลุมประเภทของภัยพิบัติ กล ไกการกำกับดูแลและการปรับปรุงหรือพัฒนากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการของภาค เอกชนในภาวะเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาคเอก ชนมีความต่อเนื่องในกรณีที่เกิดวิกฤต ส่วนกรณีการป้องกันและแก้ไขปัญหาการปิดสนามบิน คณะกรรมการอำนวย การ ฯ ได้มอบหมายให้ ทอท. รับไปพิจารณาและหารือกับ สศช. เพื่อจัดทำแผนรองรับในเรื่องนี้โดยเร็ว 2. อนุมัติในหลักการให้จัดตั้งสถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi Airport Police) อยู่ ในสังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เรียกว่า "กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว" เพื่อรับผิดชอบ เฉพาะพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปดำเนินการในรายละเอียดตาม บทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
259 | อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายและสอดคล้องกันหรืออนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 02/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ส่งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายและสอดคล้อง (The International Convention on the Simplification and Harmonization of Customs Procedures) หรืออนุ สัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) (The Revised Kyoto Convention) ให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ พิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา แล้วให้เสนอคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไปเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบอนุสัญญา ฯ แล้ว ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) ฯลฯ] มีสาระสำคัญคือ 2.1.1 กำหนดนิยามคำว่า "อธิบดีกรมศุลกากร" หรือ "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรม ศุลกากรหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมศุลกากรมอบหมาย 2.1.2 กำหนดให้คำวินิจฉัยเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดหรือกฎหมายว่าด้วยถิ่นกำเนิดของสินค้า และ การออกคำวินิจฉัยพิกัดศุลกากรมีผลผูกพันตามระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายเปลี่ยน แปลงไป 2.1.3 แก้ไขช่องรายการประเภท 2 ประเภท 10 ประเภท 12 และเพิ่มช่องรายการประเภท 19 ในภาค 4 ของที่ได้รับยกเว้นอากร 2.2 ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามอนุสัญญาเกียว โต (ฉบับแก้ไข) และว่าด้วยการนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการศุลกากร] มีสาระสำคัญคือ 2.2.1 เพิ่มเติมบทนิยาม "อิเล็กทรอนิกส์" และคำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำวิธีการทางอิ เล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการศุลกากร 2.2.2 กำหนดให้พนักงานศุลกากรเป็นผู้ทำการชั่ง การสอบ การตีราคา ฯลฯ เพื่อประเมิน ค่าภาษีหรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่นทางราชการ รวมทั้งให้อำนาจอธิบดีวินิจฉัยราคาของผู้นำเข้าเพื่อความมุ่ง หมายในการจัดเก็บอากร และกำหนดให้กรมศุลกากรสามารถเรียกค่าธรรมเนียมในการวินิจฉัยได้ 2.2.3 กำหนดให้นำหลักบริหารจัดการความเสี่ยงมาใช้ในการควบคุมในการศุลกากร 2.2.4 กำหนดให้นำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการศุลกากร
|
|||||||||||||||||||||||||||
260 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุ
ดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. ให้ข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามพิกัดอัตราศุลกากรขาเข้าประเภทย่อยที่ 1005.90.90 ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความตกลง เขตการค้าเสรีอาเซียนเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) หนังสือรับรองแสดงการได้ รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน และหนังสือหรือใบรับรองสุขอนามัยพืช หรือเอกสารหลักฐาน อื่นที่แสดงการรับรองสุขอนามัยพืช แสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบการ ใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร 2. การขอและการออกหนังสือรับรองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามระเบียบที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กำหนด 3. การนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีมูลค่าตามราคา เอฟ โอ บี ไม่เกินสองร้อยดอล ลาร์สหรัฐ ไม่ต้องแสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) ต่อกรมศุลกากร
|
.....