ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 30 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 597 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | การขอนำเข้าเอทานอลเพิ่มเติมเพื่อนำมาผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นการชั่วคราว | พน | 08/11/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำเข้า
เอทานอลได้เฉพาะส่วนที่ขาดในจำนวนไม่เกิน 20 ล้านลิตร โดยได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต อากรขา เข้า และกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) และให้ดำเนินการนำเข้าได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2549 ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กำกับดูแลอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวง พลังงานประสานกระทรวงการคลังเพื่อจัดทำร่างประกาศกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง และส่งให้สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นเจ้าภาพรับไปพิจารณาร่วมกับรอง นายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาแนวทางและมาตร การบริหารจัดการเกี่ยวกับการผลิตเอทานอลและการผลิตและใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้มีความสัมพันธ์ เชื่อม โยง สอดคล้องกันทั้งระบบ เช่น การผลิตวัตถุดิบ โครงสร้างราคาวัตถุดิบ การควบคุมดูแล การนำเข้าและ ส่งออกวัตถุดิบ ให้สอดคล้องกับความต้องการภายในประเทศ และการเร่งรัดและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ผลิตเอทานอลที่ได้รับอนุญาตแล้วดำเนินการผลิตเอทานอลให้เป็นไปตามแผนและสอดคล้องกับความต้อง การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
302 | การดำเนินการตามโครงการเร่งด่วนสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียงราย และจังหวัดตาก | นร | 25/10/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่าย
เศรษฐกิจ) ที่มีมติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเร่งด่วนสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียง ราย และจังหวัดตาก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยอนุมัติ ให้จังหวัดเชียงรายสามารถจ่ายเงินค่าชดเชยที่ดินเป็นกรณีพิเศษให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถส่ง มอบพื้นที่ให้กรมศุลกากรดำเนินการจัดตั้ง One Stop Service ชายแดน ณ ด่านแม่สาย 2 ได้ตามระยะเวลา ที่กำหนด ในส่วนของงบประมาณโครงการจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมแม่ระมาด จำนวน 53.16 ล้านบาท เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ประสานสำนักงบประมาณในการขอ รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางปี พ.ศ. 2549 (ค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยน แปลง วงเงิน 27,200 ล้านบาท) และประสานเทศบาลดำเนินการให้เกิดผลทางปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
303 | รายงานผลการดำเนินงาน Contract Farming บริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน | นร | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานผลการดำเนินงาน Contract Farming บริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีพื้นที่นำร่อง 3 ประเทศ ได้แก่ แม่สอด-เมียวดี (ไทย-พม่า) ไทย-ลาว (เลย-ไชยะบุรี) และจันทบุรี-พระตะบอง/ไพลิน (ไทย-กัมพูชา) มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ 46 ราย แบ่งเป็น รายย่อย 44 ราย และรายใหญ่ 2 ราย สามารถขยายพื้นที่ เพาะปลูกชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน 313,880 ไร่ กำหนดพืชเป้าหมาย 6 ชนิด จำนวน 278,040 ตัน มีผลต่อ การลดการนำเข้าพืชเป้าหมาย 4 ชนิด คือ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ข้าว โพดหวาน และละหุ่ง จากประเทศที่สาม ได้ ร้อยละ 1.64 กำหนดนำเข้าผลผลิตโดยได้รับสิทธิพิเศษภายใต้มาตรการผ่อนปรน เริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2548 -เมษายน 2549 สำหรับการดำเนินงานในขั้นต่อไปได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งเจรจาแผนลง ทุนกับ 3 ประเทศเพื่อนบ้านให้แล้วเสร็จ ก่อนประกาศดำเนินมาตรการผ่อนปรนอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ให้สำนักเศรษฐกิจการเกษตรเป็นเจ้าภาพประสานผู้มีสิทธินำเข้าถั่วเหลือง จำนวน 13 ราย จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดกระบวนการนำเข้าและรับซื้อถั่วเหลืองในโครงการ ฯ ให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพภายในเดือนกันยายน 2548 และให้กรมศุลกากรเร่งดำเนินการจัดทำแบบฟอร์มเฉพาะและออก ประกาศกระทรวงการคลังในลักษณะเดียวกับโครงการพัฒนาดอยตุง รวมทั้งได้ประสานจังหวัดเจ้าภาพดำเนิน การเพื่อให้เกิดผลทางปฏิบัติภายในเดือนกันยายน 2548 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
304 | ขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อดำเนินการโครงการใหม่ | กค | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กรมศุลกากรเปลี่ยนแปลงรายการงบ
ประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จากรายการก่อสร้างอาคารตรวจสินค้าด่านศุลกากรหนอง คาย พร้อมสิ่งปลูกสร้างประกอบ 1 แห่ง วงเงิน 43 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 8.6 ล้านบาท และผูกพันงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 34.4 ล้านบาท ไปเป็น รายการก่อสร้างอาคารที่ทำการด่านศุลกากรช่องจอม พร้อมสิ่งปลูกสร้างประกอบ 1 แห่ง โดยใช้งบ ประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 8.6 ล้านบาท และผูกพันงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 12.661 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
305 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมศุลกากรและกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับเครื่องมือตรวจสารกัมมันตภาพรังสี ที่ท่าเรือแหลมฉบัง | กค | 30/08/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอการจัดทำ
บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมศุลกากรและกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับเครื่องมือตรวจ สารกัมมันตภาพรังสี ที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าวเป็นการให้ ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่กรมศุลกากรในรูปของเครื่องมือและวัสดุ รวมถึงการฝึกอบรมและการให้ บริการเพื่อการใช้งานที่ท่าเรือแหลมฉบัง ในการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่มีสินค้าบรรจุอยู่ และเพื่อ ตรวจจับและห้ามวัตถุนิวเคลียร์และสารกัมมันตภาพรังสีอื่นที่ผิดกฎหมาย โดยกรมศุลการกรจะยกเว้น ภาษีศุลกากรและภาษีอื่นที่เกี่ยวข้อง สำหรับของที่นำเข้าภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ และให้อธิบดี กรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
306 | การห้ามนำเข้าไม้และสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้ในเขตพื้นที่จังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี | นร | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) เสนอขอทบทวน
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 เพื่อผ่อนปรนให้มีการนำเข้าสิ่งประดิษฐ์จากไม้จำพวกเฟอร์ นิเจอร์ ไม้แกะสลัก และประดิษฐกรรมจากไม้ ตามแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดตาก โดยอยู่ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 92 พ.ศ. 2535 สำหรับไม้แปรรูปและไม้ ซุงท่อน ยังคงห้ามการนำเข้าตามมาตรการเดิมไปก่อน และให้กรมป่าไม้ร่วมกับกรมศุลกากรและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องตรวจสอบสิ่งประดิษฐ์จากไม้ที่มีการนำเข้าที่ได้รับการผ่อนปรน โดยปฏิบัติตามกฎหมายอย่างอย่าง เคร่งครัด และให้มีการบันทึกภาพสิ่งของที่นำเข้าไว้เป็นหลักฐานและตรวจสอบลงนามร่วมกันทุกฝ่าย รวมทั้ง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดตากร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกำหนดคุณสมบัติและลักษณะ ของไม้แปรรูป และสิ่งประดิษฐ์ประเภทไม้คิ้วบัวให้เกิดความชัดเจนเพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบนำไม้แปรรูป เข้ามาในประเทศในฐานะสิ่งประดิษฐ์ในลักษณะของไม้อำพรางและคุณสมบัติหรือลักษณะที่กำหนดจะต้องใช้ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งในกรณีสิ่งประดิษฐ์ที่ทำภายในประเทศ และที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้ หน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการโดยด่วนต่อไป และโดยที่การนำเข้าไม้และสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้ ตามแนวชายแดนจังหวัดอื่น ๆ โดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดมีปัญหาทำนองเดียวกันกับจังหวัด ตากและจังหวัดกาญจนบุรี จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) พิจารณาปัญหาตาม สภาพข้อเท็จจริงของในแต่ละพื้นที่เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
307 | การขอแก้ไขความตกลงว่าด้วยสิทธิพิเศษทางการค้าไทย - ศรีลังกา | พณ | 26/07/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้ เห็นชอบความตกลงว่าด้วยสิทธิพิเศษทางการค้า
ไทย-ศรีลังกา โดยให้กระทรวงพาณิชย์สามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างความตกลง ฯ โดยไม่มีผลเปลี่ยนแปลง สาระสำคัญของร่างความตกลง ฯ รวมทั้งรายการสินค้าที่ไทยจะลดภาษีศุลกากรให้ศรีลังกา รวม 12 รายการ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามความตกลง ฯ ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และ มอบหมายให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามพันธกรณีของความตกลง ฯ ดังนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร ออกประกาศลด/ยกเลิกอากรศุลกากรนำเข้าของสินค้า จำนวน 12 รายการ ให้แก่ศรีลังกา และให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ออกประกาศกำหนดโควตาพิเศษสำหรับสินค้าชา จำนวน 125 ตัน ให้แก่ศรีลังกา เนื่องจากชาเป็นสินค้าที่มีโควตาภาษีและต้องมีการขออนุญาตนำเข้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
308 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ห้ามนำไม้สัก และไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้ดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรีเป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... | พณ | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ห้าม
นำไม้สัก และไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 รวม ถึงสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้ดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร ตามแนวชายแดนจังหวัด ตากและจังหวัดกาญจนบุรีเป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ประเภทไม้ที่หวงห้าม ได้แก่ ไม้ สัก และไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 รวมถึงสิ่ง ประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งที่ทำด้วยไม้ดังกล่าว โดยครอบคลุมพื้นที่ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก และจังหวัด กาญจนบุรี มีระยะเวลาการบังคับใช้ 1 ปี นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป และ ให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการค้าไม้และสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้ตามแนวชายแดน จังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรี สำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีมาตรการที่ชัดเจนอันจะ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้นำเข้าไม้ที่สุจริต จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดประชุมหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการในเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อใช้ทดแทนมาตรการชั่วคราวตามร่างประกาศที่เสนอต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
309 | มาตรการผ่อนปรนเพื่อให้สามารถใช้สิทธิการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับการดำเนินการ Contract Farming บริเวณชายแดน | นร | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติ
เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอมาตรการ ผ่อนปรนในการยกเว้นภาษีพืชเป้าหมายภายใต้แผนปฏิบัติการว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐ กิจ ระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า และไทย (ACMECS) โดยในระดับนโยบาย ขั้นที่ 1 ให้ทบทวนรายการพืช เป้าหมายใน One Way Free Trade จาก 8 รายการ เป็น 10 รายการ ขั้นที่ 2 จัดให้มีแบบฟอร์ม เฉพาะเพื่อให้หน่วยปฏิบัติ โดยเฉพาะกรมศุลกากรใช้เป็นหลักฐานในการอนุญาตให้สินค้าเข้าประเทศ ใน ระดับปฏิบัติการ ขั้นที่ 1 ให้กำหนดช่องทางเฉพาะและสร้างระบบบริหารจัดการในพื้นที่ ขั้นที่ 2 รวบรวม ปริมาณผลผลิตที่ต้องบริหารการนำเข้า ขั้นที่ 3 จัดคณะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกำหนดพื้นที่เพาะ ปลูก โดยกำหนดดำเนินการนำร่องในพื้นที่เป้าหมายพร้อมกันทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ แม่สอด-เมียวดี (ไทย -พม่า) เลย-ไชยะบุรี (ไทย-ลาว) และจันทบุรี-พระตะบอง/ไพลิน (ไทย-กัมพูชา) และมอบให้กระทรวง การต่างประเทศเจรจากับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับพื้นที่เป้าหมาย และประสานหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
310 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) | นร | 07/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของการ รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และรับทราบตามที่คณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและติดตามการดำเนิน งานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ป.ท.) เสนอความเห็น ผลการ พิจารณาและดำเนินการของคณะกรรมการ ป.ท. ซึ่งได้ดำเนินการสืบสวนและสอบสวนโดยให้องค์กรภาคประชา ชนเข้าไปมีส่วนร่วม สรุปได้ว่า การดำเนินงานของ รฟท. และผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริตจริง ส่วนการพิจารณาหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ คณะกรรมการ ป.ท. ได้เสนอรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด เสนอนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ รวมทั้งเสนอสำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณาดำเนินการ กับผู้กระทำความผิดตามอำนาจหน้าที่แล้ว นอกจากนั้นได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2548 ให้ กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม กรมศุลกากร และกรมสรรพากร พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้า ที่ทั้งในทางวินัยและทางกฎหมายต่อบุคคลทีเกี่ยวข้องด้วยแล้ว และให้แจ้งสภาที่ปรึกษา ฯ ทราบ โดยให้คณะ กรรมการ ป.ท. รับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็น ระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม 2547
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
311 | การจัดทำข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางศุลกากรระหว่างศุลกากรไทยและศุลกากรนิวซีแลนด์ | กค | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการจัดทำข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทาง
ศุลกากรระหว่างศุลกากรไทยและศุลกากรนิวซีแลนด์ โดยสาระสำคัญของการจัดทำข้อตกลง ฯ ทั้งสองฝ่ายจะ ช่วยเหลือในการตรวจจับ สืบสวน และป้องกันการกระทำผิดทางศุลกากร รวมทั้งการเคลื่อนย้ายบุคคลอย่าง ผิดกฎหมาย รักษาความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่าง สองประเทศ ให้ความร่วมมือในการวิจัย พัฒนา ทดสอบ และประเมินผลพิธีการศุลกากรแบบใหม่ และร่วมมือ ในการฝึกอบรม โดยแลกเปลี่ยนบุคลากรและการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ตลอดจนให้ความสนับสนุน มากที่สุดในการดำเนินงานขององค์กรระหว่างประเทศโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อทำให้ พิธีการศุลกากรเรียบง่ายและสอดคล้องกัน ทั้งนี้ ให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
312 | การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) ในวันที่ 1 เมษายน 2548 | นร | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการพิจารณาบำเหน็จความ
ชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ จำนวน 1 ขั้น ให้กับผู้ที่ช่วยปฏิบัติราชการในงานของผู้แทนการ ค้าไทยในวันที่ 1 เมษายน 2548 จำนวน 4 ราย ดังนี้ นางสาวศุภรำไพ หาญทวีพาณิชย์ นักวิชาการภาษี 8 ว กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง นายมานิตย์ วัชนะประพัน์ นักวิชาการพาณิชย์ 7 กรมส่งเสริมการส่ง ออก กระทรวงพาณิชย์ นายธรรม เนียมสกุล นักวิชาการพาณิชย์ 6 ว กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวง พาณิชย์ และนางสาวอนงคสิริ กุลกำม์ธร นักวิชาการประกันภัย 6 ว กรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ และส่งรายชื่อให้กระทรวง กรม ต้นสังกัดตรวจสอบคุณสมบัติและเลื่อนขั้นเงินเดือนต่อไปได้ โดยไม่ต้องเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
313 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากสหภาพพม่าภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ | กค | 12/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยก
เว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากสหภาพพม่าภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อัน เนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากสหภาพพม่า จำนวน 127 รายการ ภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) โดยของที่จะได้รับการยกเว้นอากรต้องมี หนังสือรับรองจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่อง มาจากพระราชดำริ โดยของที่จะได้รับการยกเว้นอาคารต้องนำเข้าทางด่านศุลกากรแม่สายหรือด่านศุลกากร เชียงดาว รวมทั้งผู้นำของเข้าต้องปฏิบัติตามระเบียบพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนด โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วัน ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
314 | การจัดทำข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางศุลกากรระหว่างไทยและศุลกากรฮ่องกงเกี่ยวกับความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร | กค | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางศุลกากร
ระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมศุลกากรและสรรพสามิตฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชา ชนจีนเกี่ยวกับความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร (Customs Cooperative Arrangement between the Customs Department of the Kingdom of Thailand and the Customs and Excise Department of Hong Kong, China Regarding Cooperation and Mutual Administrative Assistance in Customs Matters) และการจัดทำข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางศุลกากรระหว่างศุลกากรไทย และศุลกากรฮ่องกง เกี่ยวกับความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร โดยสาระสำคัญของข้อตกลง ฯ ดังกล่าว เป็นการให้ ความช่วยเหลือภายใต้กฎหมายและความสามารถของแต่ละประเทศ อาทิเช่น การให้ความร่วมมือด้านการ วิจัย พัฒนา และประเมินผลพิธีการศุลกากรระบบใหม่ การให้ข้อมูลทางศุลกากรในเรื่องที่ต้องการหรือตาม ที่ร้องขอ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้ในการบริหารและบังคับใช้กฎหมายศุลกากร การให้ความร่วมมือ ในการป้องกัน ปราบปราม ตรวจจับและสืบสวนการกระทำผิดกฎหมายศุลกากร การลักลอบหนีศุลกากร รวมถึงการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งรัดการเคลื่อนย้ายสินค้าและโดยสารข้าม แดน เป็นต้น ทั้งนี้ ให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
315 | การปรับปรุงระบบการตรวจสอบคอนเทนเนอร์สินค้านำเข้าของกรมศุลกากร | นร | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงระบบการตรวจสอบคอน
เทรนเนอร์สินค้านำเข้าของกรมศุลกากร โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศบาง รายมีเจตนาแจ้งบัญชีสำแดงสิน้าขาเข้าที่ไม่ถูกต้อง และไม่ตรงกับชนิดสินค้าที่บรรจุมาจริงในตู้คอนเทน เนอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องจักรหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ขนาดใหญ่ และได้ชำระภาษีอากรของสินค้าดัง กล่าวตามเอกสารที่แจ้งในลักษณะเหมาจ่าย โดยกรมศุลกากรได้ตรวจปล่อยสินค้าโดยมิได้ตรวจสอบ ความถูกต้องของสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และ สินค้าเถื่อนหลายชนิด จึงมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตรวจสอบและดำเนินการปรับปรุง แก้ไขวิธีการตรวจสอบสินค้าขาเข้าของกรมศุลการให้มีประสิทธิภาพและถูกต้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
316 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากร (อคล.12) (ฉบับที่ 10) และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับข้าวโพดที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ รวม 2 ฉบับ | กค | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้น
อากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากร (อคล. 12) (ฉบับที่ 10) โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกความในช่อง รายการและช่องอัตราในโควตาสำหรับของตามประเภทย่อย 2304.00 ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการ คลัง เรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากร (อคล.12) ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ภาค 2 พิกัดอัตราอากรขาเข้า ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากร ลดและ เพิ่มอัตราอากรศุลกากร (อคล.12) (ฉบับที่ 8) ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และให้ใช้ความตาม บัญชีท้ายประกาศแทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับข้าวโพดที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ลดอัตราอากร สำหรับข้าวโพดตามประเภทย่อย 1005.90 ในภาค 2 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 เฉพาะที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ ซึ่งนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2548 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ และเห็น ชอบในหลักการการประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อลดอัตราอากรศุลกากรในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็น ชอบการลดอัตราอากรดังกล่าวตามที่กระทรวงอื่นเสนอแล้วในคราวต่อไปให้กระทรวงการคลังออกประกาศ โดยให้กรมศุลกากรส่งร่างประกาศให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังลงนาม โดยมิต้องนำร่างประกาศเสนอคณะรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
317 | การดำเนินงานแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน และการจัดการของเสียจากเรือ | ทส | 23/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้าย ของเสียอันตรายข้ามแดนและการจัดการของเสียจากเรือ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ โดยเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องพัฒนาระบบประกันภัย และหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครองเสียหายที่เกิดจากการขน ส่งเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน เพื่อรองรับการดำเนินงานเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนตาม อนุสัญญาบาเซล และให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร ตรวจสอบการขนส่งของเสียบริเวณหน้าด่านขา เข้าและขาออกตามชายแดนระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจมีการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายโดย การขนส่งทางบกผ่านจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในไทยให้เกิดความรัดกุมยิ่งขึ้น และให้กระทรวงคมนาคม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการ ป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ. 1973 และพิธีสาร ค.ศ. 1978 (MARPOL 73/78) ด้านเทคนิควิชาการ ระบบ รองรับการจัดการของเสียจากเรือ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนด รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมอาศัย อำนาจตามความในพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดระเบียบ ข้อปฏิบัติ หรือหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อป้องกันมลพิษและลดปัญหามลพิษทางน้ำจากเรืออื่น ๆ ที่ไม่เข้าข่าย ตามหลักเกณฑ์การควบคุมของอนุสัญญา MARPOL 73/78
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
318 | สรุปข้อเท็จจริงกรณีการส่งออกข้าวของบริษัทเอกชนที่ประมูลซื้อข้าวของรัฐบาล (ช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2547) | พณ | 23/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปข้อเท็จจริงกรณีการส่งออกข้าวของ
บริษัทเอกชนที่ประมูลซื้อข้าวของรัฐบาลไม่ได้ส่งออกข้าวจริงตามเงื่อนไขของทางราชการ โดยเห็นว่าไม่น่าจะ กระทำได้ เนื่องจากกระบวนการส่งออกข้าวต้องดำเนินการผ่านหลายหน่วยงาน และในแต่ละหน่วยงานมีขั้น ตอนในทางปฏิบัติที่รัดกุม ทั้งในแง่ของข้อมูลเอกสารที่ใช้ประกอบการส่งออก การตรวจสอบคุณภาพและ ปริมาณที่ขออนุญาตส่งออก การดำเนินตามขั้นตอนพิธีการส่งออก หลักฐานการโอนเงินค่าสินค้า และการ นำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกมาแสดงต่อองค์การคลังสินค้าภายหลังที่ได้ส่งสินค้าออกไปแล้ว ประกอบกับข้อมูลการส่งออกข้าวของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2547 มีปริมาณ 7,229,409 ตัน ซึ่งใกล้เคียงกับข้อมูลของกรมศุลกากรที่มีปริมาณการส่งข้าว 7,272,839 ตัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่มีความผิดปกติในการส่งออกแต่อย่างใด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
319 | การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) ในวันที่ 1 ตุลาคม 2547 | นร | 26/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการพิจารณาบำเหน็จความ
ชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติจำนวน 1 ขั้น ให้แก่ผู้ที่มาช่วยปฏิบัติราชการ ในงานของผู้แทนการ ค้าไทยในวันที่ 1 ตุลาคม 2547 จำนวน 4 ราย ดังนี้ นางสาวศุภรำไพ หาญทวีพาณิชย์ นักวิชาการภาษี 8 ว กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง นาวาอากาศโท กำพจน์ พงศ์พันธ์พาณิชย์ หัวหน้าแผนกวิศวกรรม โรง พยาบาล กรมแพทย์ทหารอากาศ กองทัพอากาศ นายธรรม เนียมสกุล นักวิชาการพาณิชย์ 6 กรมส่งเสริม การส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และนางสาวอนงคสิริ กุลกำม์ธร นักวิชาการประกันภัย 6 กรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ โดยให้ส่งรายชื่อให้กระทรวง กรม ต้นสังกัดตรวจสอบคุณสมบัติ และเลื่อนขั้นเงินเดือนต่อ ไปได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
320 | การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน | พณ | 07/09/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเรื่อง การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศ
เพื่อนบ้านรวมตลอดทั้งปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไข และให้กระทรวงพณิชย์เป็นเจ้าภาพหลักใน การผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินการต่าง ๆ ร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ รับความเห็นการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น ไปประกอบการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานประสานและติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้การติดต่อระดับรัฐ ต่อรัฐเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเข้าใจถูกต้องครบถ้วนตรงกัน กับให้คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วม มือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (อพบ.) เร่งรัดดำเนินการจัดประชุมเพื่อพิจารณา กำกับ ติดตามการ ดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยควรจัดการประชุมคณะอนุกรรมการ ฯ ทุกเดือน และ ควรให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้นเข้าร่วมประชุมด้วย และให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องต่าง ๆ เร่ง พิจารณาและดำเนินการแก้ไขกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นปัญหา อุปสรรคต่อการดำเนินการ ตามกรอบความร่วมมือดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งประสานและสั่งการให้หน่วยงานของตนที่ตั้งอยู่ ในส่วนภูมิภาค หรือที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนได้ทราบอย่างชัดเจนและรวดเร็ว เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้รับไป ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ทันเหตุการณ์ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป เช่น หน่วยงานของกรมศุลกากร เป็นต้น |