ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 949 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 18961 - 18980 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
18961 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - รัสเซีย | คค | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-รัสเซีย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิความจุความถี่ สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ การทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและรัสเซีย (เกี่ยวกับการพัฒนาบริการเดินอากาศระหว่างสองประเทศ) ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมประชาสัมพันธ์ให้สายการบินต่าง ๆ ของไทยทราบถึงสิทธิการบินระหว่างไทย-รัสเซีย เพื่อสนับสนุนให้สายการบินของไทยพิจารณาทำการบินในเส้นดังกล่าวต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรเวลาเข้า-ออก (Slot) ของอากาศยานในแต่ละท่าอากาศยานในประเทศให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๙ [เรื่อง ขออนุมัติขยายกรอบวงเงินลงทุนเพื่อการดำเนินการชดเชยผลกระทบด้านเสียงสืบเนื่องจากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)] รวมทั้งในการเจรจาการบินเพื่อกำหนดสิทธิการบินในเส้นทางสายต่าง ๆ ให้คำนึงถึงความสามารถและข้อจำกัดของท่าอากาศยานและแผนพัฒนาท่าอากาศยานในอนาคตด้วย เพื่อให้สามารถรองรับการทำการบินได้ตามที่เจรจาไว้ต่อไป ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานด้านความมั่นคงพิจารณาเพิ่มมาตรการด้านความมั่นคงให้เหมาะสมเพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นตามผลการเจรจาการบินเพื่อกำหนดสิทธิการบินในเส้นทางสายต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18962 | ความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงินระหว่างอาเซียนและอียู ในโครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรป เพิ่มเติม (ASEAN Regional Integration Support from the EU: ARISE Plus) การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่ความคุ้มครองในอาเซียน (Biodiversity Conservation and Management of Protected Areas in ASEAN: BCAMP) และโครงการการใช้ป่าพรุที่ยั่งยืนและการบรรเทาหมอกควันในอาเซียน (Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN: SUPA) | กต | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงิน (Financing Agreement : FA) สำหรับโครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติม (ASEAN Regional Integration Support from the EU : ARISE Plus) โครงการการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่ความคุ้มครองในอาเซียน (Biodiversity Conservation and Management of Protected Areas in ASEAN : BCAMP) และโครงการการใช้ป่าพรุที่ยั่งยืนและการบรรเทาหมอกควันในอาเซียน (Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN : SUPA) รวม ๓ ฉบับ โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และหลังจากนั้นให้รายงานผลเพื่อคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่ารัฐบาลไทยเห็นชอบต่อความตกลงฯ ทั้ง ๓ ฉบับ และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการขอรับเงินสนับสนุนกิจกรรมของประเทศใดประเทศหนึ่งในกลุ่มสมาชิกอาเซียนภายใต้ร่างความตกลงฯ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงข้อผูกพันเชิงกฎหมาย โดยเฉพาะเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรจุลชีพ ซึ่งควรพิจารณาให้มั่นใจว่าหากให้การรับรองร่างความตกลงฯ หรือเข้าร่วมด้วย โดยรับเงินเพื่อดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรจุลชีพจะไม่ถูกนำมาบังคับใช้กับประเทศสมาชิกอาเซียนผู้ให้การรับรองหรือเข้าร่วมกิจกรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18963 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้บริษัทที่รับประกันภัยสามารถจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่หน่วยงานผู้รับผิดชอบที่เข้าช่วยเหลือ เคลื่อนย้าย บำบัด บรรเทา หรือขจัดความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการขนส่งวัตถุอันตรายได้ทันต่อสถานการณ์ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมในประเด็นที่แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันภัยความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุอันตรายแต่ละรูปแบบการขนส่ง ได้แก่ การขนส่งทางบก (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ หมวด ๒ มาตรา ๒๐ ถึงมาตรา ๓๒) การขนส่งทางน้ำ (กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการอนุญาตใช้เรือและการประกันภัยเรือสำหรับโดยสาร พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๖) การขนส่งทางอากาศ (พระราชบัญญัติการรับขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๖) และการขนส่งทางราง (พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ มาตรา ๕๑ และมาตรา ๕๕ พระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๕๘) ว่าจะซ้ำซ้อนกับร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแก้ไขหรือไม่ ดังนั้น ในชั้นตรวจร่างกฎหมายควรเชิญหน่วยงานของกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการพิจารณาในประเด็นดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18964 | ขอความเห็นชอบทบทวนโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะขยายผล ปี พ.ศ. 2559 - 2562 | กษ | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิม “โครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก” เป็น “โครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์การตลาดเพื่อลดต้นทุนสมาชิก” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม ๒. อนุมัติให้ขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมจากเดิม โดยให้ครอบคลุมถึงวิสาหกิจชุมชน และให้เพิ่มเติมรายการอุปกรณ์การตลาด และโรงสีข้าวชุมชน ขนาดไม่เกิน ๕ ตัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้โครงการ ในระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยในการชดเชยเงินกู้โครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กำหนดอัตราดอกเบี้ยโครงการเป็น MLR-๑ และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลา ๕ ปี นับตั้งแต่วันที่สหกรณ์กู้ยืมเงิน ภายในกรอบวงเงิน ๒๗๘,๙๔๐,๐๐๐ บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายชำระคืนเงินต้นและค่าชดเชยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบภาระดอกเบี้ยร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับสถาบันเกษตรกรจากการแก้ไขปัญหาต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการชดเชยภาระดอกเบี้ยให้กับ ธ.ก.ส. ควรพิจารณาเทียบเคียงกับโครงการนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตรที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราประมาณร้อยละ ๓ ต่อปี และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการให้ความรู้เพิ่มเติมแก่เกษตรกร ทั้งในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตและด้านการตลาดโดยใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร ตลอดจนให้มีการติดตามและประเมินผลของโครงการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้งบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการเกิดประสิทธิภาพและสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรได้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ประเภทเครื่องจักรกลการเกษตร เงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการ และการบริหารจัดการเครื่องจักรกลให้ชัดเจน โดยให้คำนึงถึงความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการคัดเลือกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมโครงการ แล้วดำเนินการต่อไปได้และให้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยจัดทำทะเบียนรายชื่อโรงสีคุณธรรมในทุกจังหวัด เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบายร่วมกับรัฐบาลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18965 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2559/60 ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวปี 2559/60 รอบที่ 2 [มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2559/60 ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียน] | กษ | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบการปรับเปลี่ยนชื่อมาตรการจาก “มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวปี ๒๕๕๙/๖๐ รอบที่ ๒” เป็น “มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียน” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม ๒. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียน จำนวน ๒ โครงการ วงเงินรวม ๘,๔๘๗,๒๕๕,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย วงเงินสินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และวงเงินค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการของหน่วยงานที่รับผิดชอบ จำนวน ๔๘๗,๒๕๕,๐๐๐ บาท ได้แก่ โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ดำเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน วงเงิน ๓๘๓,๔๙๐,๐๐๐ บาท และโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร วงเงิน ๑๐๓,๗๖๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ กรณีเงินทุนของ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมดินและรับซื้อคืนเมล็ดพันธุ์ โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด จำนวน ๒๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รัฐจะชดเชยเงินต้นและต้นทุนเงินในอัตรา FDR+๑ และให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป ๒.๒ ให้กรมพัฒนาที่ดินปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ภายในกรอบวงเงิน ๒๙,๗๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่ารับซื้อเมล็ดพันธุ์โครงการปลูกพืชปุ๋ยสดของกรมพัฒนาที่ดิน ๒.๓ ค่าใช้จ่ายบริหารโครงการและประเมินผลโครงการปลูกพืชปุ๋ยสด กรมพัฒนาที่ดิน จำนวน ๕๘,๗๔๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดทำเวทีชุมชนและรับสมัครเกษตรกร ค่าใช้จ่ายในการรับสมัครและบันทึกข้อมูล และการถ่ายทอดความรู้ ประชาสัมพันธ์ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน ๒๔,๗๖๕,๐๐๐ บาท รวม ๘๓,๕๐๕,๐๐๐ บาท ให้กรมพัฒนาที่ดินและกรมส่งเสริมการเกษตรปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนต่อไป ๒.๔ วงเงินสินเชื่อของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๒-๕ เดือน จำนวน ๗๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ รวมทั้งกำกับและตรวจสอบโครงการที่ได้รับอนุมัติ ทั้งโครงการเดิมและโครงการใหม่ทั้งหมดมิให้มีการรั่วไหล โดยรายงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวทราบเป็นประจำทุก ๓ เดือน ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดพื้นที่ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการของตลาด และจัดให้มีการรับซื้อผลผลิตตามโครงการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกำหนดจุดรับซื้อที่มีความเหมาะสม ไม่เกิดภาระต่อเกษตรกรและไม่กระทบต่อราคาตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยรวม และกำหนดกลุ่มเป้าหมายเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน รวมทั้งไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกับโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลายในฤดูนาปรัง ของกรมส่งเสริมการเกษตร หรือโครงการอื่นใดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดพื้นที่ปลูกข้าวรอบที่ ๒ ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้วย นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดประชาสัมพันธ์โครงการ และลงพื้นที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ตลอดจนการติดตามการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเอกชนอย่างต่อเนื่อง และรายงานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทราบ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18966 | ร่างแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 | กค | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ โดยมีวิสัยทัศน์ คือ “ระบบการเงินที่สามารถตอบสนองความต้องการทางการเงินของประชาชนได้ทุกระดับอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน” ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การสร้างรายได้และพัฒนาศักยภาพด้านการเงินของประชาชนระดับฐานราก (๒) การพัฒนาผู้ให้บริการทางการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และ (๓) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน (Financial Infrastructure) ให้เหมาะสมต่อการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างยั่งยืน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามร่างแผนพัฒนาฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่เห็นว่า มาตรการส่วนใหญ่ เช่น มาตรการด้านการสร้างรายได้และพัฒนาศักยภาพด้านการเงินของประชาชนระดับฐานราก และการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรการเงินชุมชนให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างยั่งยืน ยังเน้นดำเนินการกับประชาชนฐานรากเท่านั้น ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแผนในการส่งเสริมให้มีระบบการเงินที่สามารถตอบสนองความต้องการทางการเงินของประชาชนได้ทุกระดับอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ส่วนมาตรการการส่งเสริมการจัดสวัสดิการโดยองค์กรการเงินหรือองค์กรสวัสดิการชุมชนและการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ควรระบุองค์กรสวัสดิการชุมชนที่เป็นการจัดสวัสดิการของชุมชนที่ใช้เงินสมทบจากสามฝ่าย (ชุมชน รัฐ อปท.) รวมทั้งการพัฒนาผู้ให้บริการทางการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ควรนำร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานรากที่ผ่านความเห็นชอบของสภาปฏิรูปแห่งชาติและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศแล้วมาบรรจุไว้ในแผนด้วย นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในเรื่องการสร้างทักษะให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการทางการเงินของตนเองได้อย่างเป็นระบบ รวมถึงการมีความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัย และการบริหารความเสี่ยง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินงานต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18967 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายธีรัชย์ อัตนวานิช) | กค | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีรัชย์ อัตนวานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18968 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มในการนำเข้าเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ประเภททองคำจากต่างประเทศ) | กค | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มในการนำเข้าเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประเภททองคำจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะที่กรมธนารักษ์เป็นผู้นำเข้าและขายในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18969 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ASEAN Economic Community : AEC พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี การสหกรณ์ไทย พ.ศ. .... | กค | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ASEAN Economic Community : AEC พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ASEAN Economic Community : AEC ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี การสหกรณ์ไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี การสหกรณ์ไทย ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18970 | การสนับสนุนให้หน่วยงานราชการไทยจัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ 2 ภาษา | กต | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้หน่วยงานราชการไทยพิจารณาจัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ ๒ ภาษา (ภาษาไทยควบคู่ภาษาอังกฤษ) เพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนในด้านการลดภาระค่าใช้จ่ายจากการแปลเอกสารของประชาชน รวมทั้งลดขั้นตอนและกระบวนการรับรองเอกสาร และเพื่อผลักดันให้หน่วยงานราชการไทยตระหนักถึงความสำคัญของการจัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ ๒ ภาษา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแผนการดำเนินงานให้เกิดความชัดเจน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรทำในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จัดทำเฉพาะเอกสารที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นเท่านั้น มีมาตรฐานการใช้คำที่ถูกต้องเหมาะสม โดยให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจร่างแบบฟอร์มฯ ของหน่วยงานก่อนนำมาใช้อย่างเป็นทางการ ควรมีมาตรการเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานในเรื่องของงบประมาณดำเนินการ บุคลากร อุปกรณ์ และระบบเทคโนโลยี กำหนดรูปแบบและคำแปลมาตรฐานของเอกสารทางราชการ รวมทั้งจัดทำเอกสารหรือคู่มือคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการแปล และให้แต่ละหน่วยงานจัดทำเอกสาร ๒ ภาษานำร่องไปพร้อมกันโดยเลือกแบบฟอร์มเอกสารที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศมาจัดทำก่อน รวมถึงบูรณาการและรวบรวมแบบฟอร์มเอกสารประเภทต่าง ๆ จัดทำเป็นระบบเพื่อให้บริการแบบดิจิทัล สำหรับงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าวให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณก่อนในลำดับแรก โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้เร่งดำเนินการสำหรับเอกสารราชการที่ประชาชนต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และเอกสารที่เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าว สำหรับเอกสารราชการอื่น ๆ ให้พิจารณาดำเนินการตามลำดับความสำคัญ ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี ๒๕๖๔ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รวบรวมผลการดำเนินงานแล้วรายงานต่อนายกรัฐมนตรีทุก ๖ เดือน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18971 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการดำเนินการจัดหาครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศสถานีตำรวจ (CRIMES) | ตช | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๘๒,๒๗๘,๐๐๐ บาท ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการจัดหาครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์โครงการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศสถานีตำรวจ (Criminal Record Information Management Enterprise System : CRIMES) ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18972 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 67/2559 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย | สลธ.คสช. | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๗/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย สั่ง ณ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18973 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการตามที่ปรากฏในพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2559 (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๑๐,๕๒๑,๙๘๙ บาท เพื่อดำเนินรายการตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อ จำนวน ๘๓ รายการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18974 | ร่างกรอบความร่วมมือระหว่างโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (EANET) ในการบริหารจัดการข้อกำหนดการให้บริการของสำนักเลขาธิการ EANET (Framework between the United Nations Environment Programme (UNEP) and the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET) on Arrangements for UNEP's Provision of Secretariat Services to the EANET) | ทส | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกรอบความร่วมมือระหว่างโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) และเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (The Acid Deposition Monitoring Network in East Asia : EANET) ในการบริหารจัดการข้อกำหนดการให้บริการของสำนักเลขาธิการ EANET (Framework between the United Nations Environment Programme (UNEP) and the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET) on Arrangements for UNEP''s Provision of Secretariat Services to the EANET) ซึ่งจัดทำขึ้นทดแทนฉบับเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการและแนวทางการดำเนินงานของสำนักเลขาธิการ EANET รวมถึงการประสานงานร่วมกับประเทศเครือข่ายและศูนย์เครือข่าย EANET โดยมีข้อกำหนดทั้งสิ้น ๑๔ ข้อ และตั้งใจให้มีรูปแบบที่ไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ ๑.๒ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเห็นชอบต่อร่างกรอบความร่วมมือฯ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐบาล (Intergovernmental Meeting : IG) ครั้งที่ ๑๘ (IG18) ของ EANET ในระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาสาระของกรอบความร่วมมือฯ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ ๑๔ อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเลและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ในเป้าประสงค์ที่ ๑๔.๓ ลดและแก้ปัญหาผลกระทบของการเป็นกรดในมหาสมุทร โดยผ่านทางความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ในทุกระดับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18975 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | สธ | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การเฝ้าระวังโรคติดต่อ การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อและโรคติดต่ออุบัติใหม่ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข การเสริมสร้างระบบการส่งต่อข้ามพรมแดน และการเสริมสร้างการประสานงานด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นระหว่างจังหวัดชายแดน โดยผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนาทรัพยากรบุคคล การวิจัยและการศึกษาร่วมกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขไทย-กัมพูชา (Thailand-Cambodia Ministerial Meeting on Health Cooperation) ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18976 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมและการฝึกอบรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและการฝึกอบรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ (๑) การประชุม IAEA/RCA Final Project Assessment Meeting และการฝึกอบรม Training Workshop on Uranium Geochemistry in the Asia-Pacific Region เพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้ง IAEA ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการระบุยืนยันในหนังสือตอบรับของฝ่ายไทยว่า ไทยจะสามารถให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่บุคคลที่มีสิทธิที่จะได้รับตามความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ IAEA เท่านั้น หรือ IAEA ต้องมีหนังสือยืนยันว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมของ IAEA ทุกคนเข้าข่ายเป็นบุคคลประเภทใดประเภทหนึ่งที่มีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามความตกลงฯ เพื่อให้ฝ่ายไทยสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องออกหรือแก้ไขพระราชบัญญัติเพื่อรองรับพันธกรณีในเรื่องนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งรัดการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศไทย โดยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และโมเดล “ประเทศไทย ๔.๐” และนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18977 | ขอความเห็นชอบในการนำเสนอท่าทีร่วมของอาเซียนในประเด็นเกี่ยวกับเกษตร (ASEAN Common Position on Issues Related to Agriculture) ในการ ประชุม UNFCCC COP 22 และการประชุมที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 7 - 18 พฤศจิกายน 2559 ณ เมืองมาร์ราเกซ ราชอาณาจักรโมร็อกโก | กษ | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างท่าทีร่วมของอาเซียนในประเด็นเกี่ยวกับการเกษตร (ASEAN Common Position on Issues Related to Agriculture) สำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๒ (United Nation Framework Convention on Climate Change : UNFCCC COP 22) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๗-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองมาร์ราเกซ ราชอาณาจักรโมร็อกโก ๑.๒ มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมในฐานะเป็นผู้แทนหลักของประเทศไทยสำหรับ UNFCCC (UNFCCC Focal Point) นำท่าทีร่วมของอาเซียนฯ ผนวกเข้ากับท่าทีของประเทศไทยในภาคเกษตร เพื่อให้คณะผู้แทนที่ได้มอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจเจรจาในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญา UNFCCC สมัยที่ ๒๒ นำไปใช้ประกอบในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีร่วมของอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18978 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายบุญส่ง จำปาโพธิ์) | ศธ | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบุญส่ง จำปาโพธิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18979 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (จำนวน 9 คน 1. นายครรชิต มาลัยวงศ์ ฯลฯ) | นร01 | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
๑. นายครรชิต มาลัยวงศ์ ๒. นายเธียรชัย ณ นคร ๓. ศาสตราจารย์นันทวัฒน์ บรมานันท์ ๔. นายนคร เสรีรักษ์ ๕. นายประวัติ วีรกุล ๖. นายมานะ นิมิตรมงคล ๗. นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ ๘. นายศักดิ์ เสกขุนทด ๙. นายสนิท ชมชาญ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18980 | แต่งตั้งผู้แทนจากกองทัพอากาศเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (พลอากาศเอก ทวิเดนศ อังศุสิงห์) | คค | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลอากาศเอก ทวิเดนศ อังศุสิงห์ ผู้แทนกองทัพอากาศ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย แทน พลอากาศเอก วิจิตร์ จิตร์ภักดี กรรมการเดิมที่ลาออกเนื่องจากเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
.....