ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 869 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17361 - 17380 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17361 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 50 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 20 | กค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ ๕๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๐ ระหว่างวันที่ ๖-๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ นครโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นการประชุมหารือเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของอาเซียน+๓ และการพัฒนาความร่วมมือระหว่าง ADB และไทย เช่น การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบผสมผสาน การสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลาง ADB ประจำภูมิภาค และการวางแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ของ ADB ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยในอนาคต รวมทั้งกำหนดวันและสถานที่สำหรับการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ในปี ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐฟิจิ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17362 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2559 | อก | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๙ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ แล้วมีความเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป โดยฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวดปีบัญชี ๒๕๕๙ กนอ. มีสินทรัพย์รวม ๒๓,๖๑๕.๖๐ ล้านบาท หนี้สินรวม ๑๑,๙๖๗.๕๑ ล้านบาท และส่วนของกองทุน จำนวน ๑๑,๖๔๘.๐๘ ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน ๒,๐๖๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17363 | สรุปผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม-๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ โดยสาระสำคัญของการเยือน ได้แก่ (๑) การลงนามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม [Illegal, Unreported and Unregulated (IUU) Fishing] ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงแห่งประเทศญี่ปุ่นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (๒) การประชุมหารือความร่วมมือด้านการเกษตรกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น ในประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือและสนับสนุนการต่อต้านการทำประมง IUU ระหว่างกัน การสนับสนุนและผลักดันการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการเกษตรของทั้งสองประเทศ และการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑๗ ในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ (๓) การประชุมหารือความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ และ (๔) การประชุมหารือความร่วมมือด้านสหกรณ์กับผู้บริหารของสหกรณ์การเกษตรฟุเอะฟุกิ ณ จังหวัดยามานาชิ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการสหกรณ์การเกษตรของญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17364 | รายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศเดนมาร์กและนอร์เวย์ | พน | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศเดนมาร์กและนอร์เวย์ ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะ สรุปได้ ดังนี้
๑. การศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศเดนมาร์ก คณะศึกษาดูงานฯ ได้เยี่ยมชมบริษัท Ramboll ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการวางแผนพลังงานทดแทนให้แก่ระบบพลังงานในหมู่บ้านเล็ก ๆ จนถึงเครือข่ายไฟฟ้าของเมืองขนาดใหญ่กว่า ๒๐๐ แห่งทั่วโลก และเกาะ Samso ซึ่งเป็นเกาะพลังงานสะอาดเนื่องจากสามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานความร้อนจากฟาง พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้เกือบร้อยละ ๑๐๐ สำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานฯ สามารถนำแนวทางการพัฒนาด้านพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบมาปรับใช้กับการบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศไทย ๒. การศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศนอร์เวย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้หารือข้อราชการกับปลัดกระทรวงปิโตรเลียมและพลังงานนอร์เวย์เพื่อรับทราบแนวทางบริหารจัดการประโยชน์ด้านปิโตรเลียมของนอร์เวย์ เช่น การบริหารจัดการระบบสัมปทานและเงื่อนไขการให้สัมปทานด้านพลังงานในรูปแบบผ่อนปรนเพื่อจูงใจนักลงทุน สำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากการดูงานฯ สามารถนำความรู้ดังกล่าวมาประกอบการจัดทำนโยบายและแผนงานด้านปิโตรเลียมของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17365 | การปรับรูปแบบและถ้อยคำของหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตเพื่อขยายอายุความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยสถานีวิทยุกระจายเสียง 1,000 กิโลวัตต์ ของสถานีวิทยุเสียงอเมริกา | กต | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) อนุมัติการขยายอายุความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่าด้วยสถานีวิทยุกระจายเสียง ๑,๐๐๐ กิโลวัตต์ ของสถานีวิทยุเสียงอเมริกา และเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทยที่ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น โดยที่ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่หนังสือของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมีรูปแบบเป็นหนังสือกลางไม่มีการลงนามจึงมีสถานะไม่เท่าเทียมกับหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยจึงได้ปรับรูปแบบและถ้อยคำของหนังสือดังกล่าวให้เป็นหนังสือที่ลงนามโดยเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้มีสถานะที่เหมาะสมและเท่าเทียมกับหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนในส่วนของเนื้อหาและสาระสำคัญของการขยายอายุความตกลงฯ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงนามหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ (ค.ศ. ๒๐๑๗) ตอบรับข้อเสนอของฝ่ายสหรัฐอเมริกาแล้ว ส่งผลให้การขยายอายุความตกลงฯ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17366 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร11 | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) โดยเพิ่มปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นกรรมการใน กพย. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ขอเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของ กพย. ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๕๖ ในข้อ ๙ โดยเพิ่มข้อย่อย ดังนี้ “(๑๒) กำหนดแนวทางและดำเนินการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) ตลอดจนกำกับและผลักดันหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนพัฒนาต่าง ๆ ของประเทศไทย ให้ทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ เพื่อประกอบการกำหนดหรือจัดทำแผน ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17367 | ขอยกเว้นให้โครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 3275 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล | กค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเว้นให้โครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๓๒๗๕ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโครงการตามนโยบายรัฐบาลในการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการทำคุณงามความดีและรำลึกถึง "ศาสตร์แห่งพระราชา" ให้สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูลตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการที่มีวงเงินมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนดในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๒๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยกำหนดเงื่อนไขให้เอกชนต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดทำแผนบริหารจัดการจราจรและการสัญจร การรักษาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชนในบริเวณดังกล่าวเสนอกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังพิจารณา รวมทั้งให้นำรายได้ที่เหลือจากการดำเนินโครงการฯ หลังหักค่าใช้จ่ายไปดำเนินการเชิงสังคมโดยมิให้นำมาแบ่งปันกัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรคำนึงถึงการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกำกับดูแลให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐอย่างเข้มงวด และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) วางแผนการบริหารจัดการโครงการฯ ภายหลังจากสัญญาที่ให้เอกชนร่วมลงทุนสิ้นสุดลง เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้หอชมเมืองกรุงเทพมหานครเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17368 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฮุน ซาเรือน (Mr. Hun Saroeun)] | กต | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮุน ซาเรือน (Mr. Hun Saroeun) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสระแก้ว บุรีรัมย์ จันทบุรี ปราจีนบุรี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ตราด และอุบลราชธานี สืบแทน นายบุน สกวิบล (Mr. Bun Sokvibol) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17369 | การแต่งตั้งข้าราชการ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์) | นร | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17370 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน 2560 | นร11 | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเร่งขึ้นตามการปรับตัวดีขึ้นของรายได้ในภาคเกษตร ในขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าและการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลงในช่วงที่การส่งออกยังอยู่ในระยะแรกของการฟื้นตัว และกำลังการผลิตส่วนเกินยังอยู่ในระดับสูง และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลลดลงจากที่มีการเร่งรัดเบิกจ่ายไปแล้วในช่วงก่อนหน้า สำหรับด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและดัชนีรายได้เกษตรกรขยายตัวในเกณฑ์สูงและเร่งขึ้นเช่นเดียวกับรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงตามการลดลงของการผลิตในหมวดยานยนต์ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากการปรับตัวดีขึ้นของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซน ญี่ปุ่น และเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียซึ่งปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเครื่องชี้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนแสดงถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายจากภายในประเทศ การปรับตัวของเศรษฐกิจในทิศทางดังกล่าว ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรอดูความชัดเจนของสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17371 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์] | กค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้จ่ายค่าซื้อ หรือค้าจ้างทำ หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาใช้ในการประกอบกิจการจากผู้ประกอบการที่ขาย หรือรับจ้างทำหรือให้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ปัจจุบันถูกยุบเลิกไปแล้วโดยพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐) สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ถูกยุบเลิกไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งกำหนดให้ยุบเลิกสำนักงานและให้โอนกิจการ เงิน และทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานไปเป็นของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จึงเห็นควรแก้ไขถ้อยคำในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการดังกล่าวควรจะสร้างความรับรู้และความเข้าใจ และประโยชน์ที่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) จะได้รับในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17372 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 ครั้งที่ 2 | กค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๑๐,๑๗๖.๗๘ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๙๙,๔๔๒.๔๘ ล้านบาท เป็น ๑,๕๘๙,๒๖๕.๗๐ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๔๐๐.๐๐ ล้านบาท จากเดิม ๑๕๐,๑๔๑.๗๔ ล้านบาท เป็น ๑๔๙,๗๔๑.๗๔ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนฯ ด้งกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๑.๖ รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ โดยมอบหมายให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นจากโครงการรถเมล์ฟรีและรถ PSO ๑.๗ รับทราบผลการติดตามการบริหารจัดการระบายยางพาราคงค้างของการยางแห่งประเทศไทย ๑.๘ มอบหมายให้ ขสมก. ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนด จำนวน ๓,๔๔๗.๒๗ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย อาทิ เห็นควรให้ ขสมก. ประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้สะสมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในระยะต่อไป สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะควรมีการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้ต่างประเทศภาครัฐให้เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งรัดการนำโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลการระบายยางพาราคงคลังของการยางแห่งประเทศไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางการตลาด โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและราคายางในท้องตลาด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17373 | ขอความเห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) สัญญาสัมปทานการลงทุนออกแบบก่อสร้างบริหารจัดการ ให้บริการและบำรุงรักษา โครงการทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร และร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 จำนวน 2 ฉบับ | คค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแก้ไขร่างสัญญาในสาระสำคัญและร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยก่อนลงนามในสัญญา ให้กระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระบุมูลค่างานก่อสร้างไว้ในร่างสัญญาตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด และให้กระทรวงคมนาคม โดย กทพ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเอกสารแนบท้ายสัญญาให้ถูกต้องและครบถ้วนตามมติคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (มติในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๙) เพื่อระบุเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ เพื่อให้มีการเชื่อมต่อทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครไปยังทางพิเศษศรีรัชด้านทิศเหนือ (มุ่งไปทางแจ้งวัฒนะ) ที่คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ ได้เห็นชอบ และสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาแล้ว ๑.๒ ร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) สัญญาสัมปทานการลงทุนออกแบบก่อสร้างบริหารจัดการ ให้บริการและบำรุงรักษาโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการก่อสร้างทางเชื่อมจากทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครไปยังทางพิเศษศรีรัชด้านทิศเหนือ (มุ่งไปทางแจ้งวัฒนะ) ที่คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครได้เห็นชอบ และสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาแล้ว ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย กทพ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่เห็นควรกำกับให้การดำเนินงานตามสัญญาสัมปทานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตามข้อกำหนดของสัญญา และให้ความสำคัญกับการวางแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นในโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ (ทางพิเศษศรีรัช) รวมทั้งจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า รวมถึงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย ตลอดจนประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและคณะกรรมการกำกับดูแลทั้ง ๒ โครงการ ติดตามกำกับดูแลโครงการให้มีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขสัญญาอย่างรอบคอบ คำนึงสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้รับบริการและคู่สัญญาอย่างเป็นธรรม และมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย กทพ. ดำเนินการ ๓.๑ พิจารณากำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดของค่าใช้จ่ายที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) จะสงวนสิทธิ์เรียกคืนจากผู้ที่รับดำเนินการโครงการทางเชื่อมเพิ่มเติมของทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครกับโครงสร้างทางยกระดับอุตราภิมุขตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓.๒ กำหนดรูปแบบโครงสร้างทางที่มีความเหมาะสมทางวิศวกรรมเพื่อให้ผู้ใช้ทางพิเศษสามารถเดินทางเชื่อมต่อโดยไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรของผู้ใช้ทางพิเศษศรีรัช พร้อมทั้งประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อกำหนดมาตรการกวดขันวินัยการจราจรบนโครงข่ายบนทางพิเศษ ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดบนโครงข่ายทางพิเศษในภาพรวม ๓.๓ ประสานงานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและ BEM อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการเข้าใช้พื้นที่ในการก่อสร้าง เพื่อให้ กทพ. สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ BEM ได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ต่อไป ๓.๔ เร่งพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการโครงการทางพิเศษศรีรัชที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี ๒๕๖๓ ตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17374 | การขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อสนับสนุนธุรกิจประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานีตามแนวทางการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" | ศอบต | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ (เรื่อง การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลน ประเทศไทย) วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง รายงานศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศ) และวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติเรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) เพื่อนำพื้นที่ป่าชายเลนในท้องที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำนวน ๓ ไร่ ไปสนับสนุนธุรกิจประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานีตามแนวทางการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอ และให้ ศอ.บต. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงคมนาคมที่ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า) รวมทั้งต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ ในการขออนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ และการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ให้อยู่ภายใต้บังคับตามมาตรา ๑๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ ศอ.บต. ดำเนินการตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมกรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด โดยจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ให้แล้วเสร็จก่อนดำเนินโครงการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17375 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | นร09 | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17376 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอน บ.นาไคร้ - อ.คำชะอี พ.ศ. .... | คค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน)-มุกดาหาร ตอน บ.นาไคร้-อ.คำชะอี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน)-มุกดาหาร ตอน บ.นาไคร้-อ.คำชะอี ในท้องที่อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอหนองสูง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง และปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17377 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. ....) | กก | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการข้อผูกพันที่มีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง กำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และกำหนดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางเงินหลักประกันต่อนายทะเบียน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทใบอนุญาต การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลา ในการดำเนินการตามข้อผูกพันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... ๒. รับทราบการรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีที่ไม่สามารถออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม ๖ ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามที่เสนอ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ให้ชัดเจนแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและกลุ่มวิชาชีพมัคคุเทศก์ทั่วประเทศ และควรสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจและกลุ่มมัคคุเทศก์เข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการและคุณภาพวิชาชีพ รวมทั้งควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการรายได้ที่มาจากการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมค่าระวางโทษปรับตามร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวที่ชัดเจน ครอบคลุม โดยเฉพาะกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้จากกองทุนฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17378 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ (คปช.) เพื่อทำหน้าที่กำหนดและขับเคลื่อนนโยบายของประเทศเกี่ยวกับการป่าไม้ทั้งระบบให้มีเอกภาพ ทันต่อสถานการณ์ และเกิดดุลยภาพสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติเป็นหน่วยราชการภายในกรมป่าไม้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้กรมป่าไม้เป็นผู้รับผิดชอบในงานธุรการและงานวิชาการของ คปช. และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาทิ ควรกำหนดอำนาจหน้าที่ของ คปช. ให้มีความชัดเจนโดยไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอื่น และมีกรอบการทำงานร่วมกันระหว่าง คปช. และคณะกรรมการอื่นตามกฎหมายเฉพาะที่มีอยู่ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการบูรณาการและได้มาซึ่งข้อมูลด้านการบริหารจัดการที่ดิน ทรัพยากรดิน และป่าไม้ ของประเทศครบถ้วนในทุกมิติ ในส่วนของการดำเนินงานควรประสานท่าทีและบูรณาการยุทธศาสตร์กับคณะกรรมการอนุรักษ์การใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ เพื่อให้นโยบายภาพรวมของประเทศมีความสอดคล้องกับการดำเนินงานตามพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป้าหมายไอจิด้านความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ องค์ประกอบของ คปช. ในส่วนของผู้แทนเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านควรจะกำหนดเงื่อนไขที่เปิดกว้างให้ครอบคลุมตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางด้านทรัพยากรธรรมชาติทุกกลุ่ม รวมถึงองค์กรพัฒนาเอกชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ส่วนการขอจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปดำเนินการตามแนวทางการขอจัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ต่อไป ๔. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามร่างระเบียบในเรื่องนี้ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของ คปช. คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน เห็นควรให้กรมป่าไม้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยคำนึงถึงการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17379 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง พ.ศ. .... | พณ | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๓๓๙ (ค.ศ. ๒๐๑๗) ว่าด้วยการต่ออายุมาตรการลงโทษทางอาวุธ การห้ามเดินทาง และการอายัดทรัพย์สินต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลางตามที่ระบุไว้ในข้อมติฯ ที่ ๒๒๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๖) ตลอดจนข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องออกไปอีก ๑ ปี โดยให้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17380 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2560 | กค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งประกอบด้วย ๓ เรื่อง คือ (๑) ความคืบหน้าของการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (๒) ความคืบหน้าการดำเนินงานของบริษัทในเครือที่ต้องยุบเลิกหรือถอนการลงทุน และ (๓) การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๗ แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติ คนร. ดังกล่าวต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คนร. เสนอ
|
.....