ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 862 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17221 - 17240 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17221 | การทบทวนมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ | พณ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการทบทวนมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กรมปศุสัตว์ได้รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การบริหารจัดการการนำเข้าวัตถุดิบอื่นทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) โดยตั้งแต่วันที่ ๑๙ มกราคม-๒๗ เมษายน ๒๕๖๐ มีการอนุญาตนำเข้าข้าวสาลี รวม ๕๕ ราย จำนวน ๔๗๖,๔๕๔.๒๒๙ ตัน และปริมาณการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน ๑,๔๓๙,๗๐๕.๔๑๙ ตัน ๑.๒ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ มีมติให้ปรับอัตราการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ จากเดิมกำหนดอัตราส่วน ๑ : ๓ เป็นอัตราส่วน ๑ : ๒ เฉพาะผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่นำเข้าทั้งข้าวสาลีคุณภาพสูง และไม่มีบริษัทในเครือรองรับการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์อื่น ๆ และมอบหมายให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการติดตามตรวจสอบปริมาณการใช้และปริมาณการนำเข้าข้าวสาลีของผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง และในการประชุม นบขพ. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ มีมติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลีแก่กลุ่มผู้ผลิตกุ้ง จำนวน ๖ ราย ตามปริมาณที่สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยเสนอ ปริมาณรวมไม่เกิน ๑๕๐,๔๒๓ ตัน/ปี ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์กำกับการดำเนินการตามมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาทบทวนความเป็นไปได้ในการกำหนดอัตราอากรข้าวสาลีที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน ภายใต้พันธกรณีกับองค์การการค้าโลก (WTO) และ/หรือพันธกรณีระหว่างประเทศอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อคุ้มครองดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและพืชอื่นที่เกี่ยวข้องในประเทศ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17222 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชั่น อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ....) | คค | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอย ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า แนวเขตบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามร่างพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับดังกล่าวได้เคยมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๖ และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมระยะเวลาทั้งสิ้นฉบับละ ๔ ปี จึงเห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งรัดการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่มีพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับใหม่ ประกอบกับปัจจุบัน รฟท. มีแผนพัฒนาระบบรถไฟในพื้นที่บริเวณสถานีชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอยหลายโครงการ จึงเห็นควรให้ รฟท. พิจารณากำหนดแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตทางรถไฟในพื้นที่บริเวณชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่และลดภาระงบประมาณของภาครัฐในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17223 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17224 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทาน ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 2 ฉบับ (ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทาน ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๒ ฉบับ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบางซ้าย-ลาดบัวหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17225 | รายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร12 | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งผลการประเมินการปฏิบัติงานฯ ขององค์การมหาชน รวม ๓๑ แห่ง พบว่า ไม่มีองค์การมหาชนใดที่มีคะแนนรวมต่ำกว่าเป้าหมาย โดยองค์การมหาชนที่มีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย มีจำนวน ๒ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๖.๔๕ ได้แก่ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ได้คะแนน ๓.๗๐๘๙ และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ได้คะแนน ๓.๙๔๘๒ ส่วนองค์การมหาชนที่มีผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย มีจำนวน ๗ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๕๘ เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ได้คะแนน ๔.๓๑๔๖ และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้คะแนน ๔.๑๑๗๑ เป็นต้น และองค์การมหาชนที่มีผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมายมาก มีจำนวน ๒๒ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๙๗ เช่น สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร ได้คะแนน ๔.๙๔๒๐ และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ได้คะแนน ๔.๘๓๒๙ เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17226 | การแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น | อก | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น โดยการแก้ไขดังกล่าวเป็นการปรับหัวข้อให้มีความกระชับมากขึ้น เพื่อให้เห็นความชัดเจนในการยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศทั้ง ๑๐ อุตสาหกรรม โดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า การแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำเป็นการแก้ไขในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ จึงสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ บันทึกแสดงเจตจำนงฯ ดังกล่าวได้มีการลงนามเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๔-๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อเข้าร่วมประชุม Thailand-Japan High Level Joint Commission : HLJC ครั้งที่ ๓ และการประชุม Nikkei Forum ครั้งที่ ๒๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17227 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนพฤษภาคม 2560 | พณ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมการส่งออก เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า ๑๙,๙๔๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยการส่งออกขยายตัวดีขึ้นในทุกตลาดสำคัญ และขยายตัวในระดับสูงในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่เติบโตต่อเนื่องทั้งในด้านราคาและปริมาณ ๒. มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๖๘๐,๑๒๕ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๑๑.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๖๕๕,๙๘๕ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๑๖.๑ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๒๔,๑๔๐ ล้านบาท สำหรับมูลค่าการค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๑๙,๙๔๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๑๙,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๘.๒ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๙๔๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๓. การส่งออกรายสินค้า เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวร้อยละ ๑๗.๖ (YoY) โดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวดี ได้แก่ ยางพารา ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และข้าว ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๑๒.๘ (YoY) โดยสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ๔. การส่งออกไปตลาดสำคัญ ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนที่ขยายตัวคิดเป็นมากกว่าร้อยละ ๙๐ ของตลาดทั้งหมด ๕. การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ มีมูลค่าทั้งสิ้น ๑๑๒,๓๓๙ ล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ ๑๓.๒ (YoY) เป็นผลจากการขยายตัวของการค้าชายแดนเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17228 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเลย พ.ศ. .... | มท | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเลย เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกและค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17229 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 4 กรกฎาคม 2560 พ.ศ. .... | กค | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดทำเหรียญกษาปณ์ทองคำ ชนิดราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคาแปดร้อยบาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคาห้าสิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17230 | การรับรองร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยการประกาศเริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทย - ตุรกี | พณ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยการประกาศเริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี (Joint Declaration on the Launch of Negotiations for the Turkey-Thailand Free Trade Agreement) มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศคู่เจรจาในการประกาศเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ไทย-ตุรกี และรับรองที่จะดำเนินการตามเอกสารกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการเจรจาความตกลงฯ (Terms of Reference Negotiations Guidelines for Turkey-Thailand FTA) และเอกสารแนวทางการเจรจาบทว่าด้วยการค้าสินค้าในความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี (The Guidelines for Trade in Goods Negotiations for Turkey-Thailand FTA) โดยจะมีการลงนามร่างปฏิญญาฯ ในระหว่างการประชุมเจรจา FTA ไทย-ตุรกี (เฉพาะการค้าสินค้า) รอบที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐตุรกี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ควรให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการกำหนดท่าทีการเจรจาในรายละเอียดของประเด็นความตกลงฯ จากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนบนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17231 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม อำเภอดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ....) | คค | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอย ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า แนวเขตบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามร่างพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับดังกล่าวได้เคยมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๖ และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมระยะเวลาทั้งสิ้นฉบับละ ๔ ปี จึงเห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งรัดการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่มีพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับใหม่ ประกอบกับปัจจุบัน รฟท. มีแผนพัฒนาระบบรถไฟในพื้นที่บริเวณสถานีชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอยหลายโครงการ จึงเห็นควรให้ รฟท. พิจารณากำหนดแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตทางรถไฟในพื้นที่บริเวณชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่และลดภาระงบประมาณของภาครัฐในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17232 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูปที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17233 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2559 | สช | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) น้ำดื่มที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน (๒) การจัดการและพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน และเมืองเพื่อสุขภาวะ (๓) การสร้างเสริมสุขภาวะเด็กปฐมวัยด้วยการบูรณาการอย่างมีส่วนร่วม และ (๔) สานพลังปราบยุงลายโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17234 | การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมระดับจังหวัด (กพยจ.) | ยธ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมระดับจังหวัด (กพยจ.) ที่แต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเป็นกลไกการอำนวยความยุติธรรมและประสานความร่วมมือในระดับจังหวัด ประกอบด้วย อัยการจังหวัด เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ และมีกรรมการในระดับจังหวัด จำนวน ๑๒ คน มียุติธรรมจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่ยุติธรรมจังหวัดมอบหมาย จำนวน ๒ คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอแผนการดำเนินการไปสู่แผนยุทธศาสตร์ของจังหวัด บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน กำหนดแนวทางในการเสริมสร้างให้ประชาชนในจังหวัดเข้าถึงการบริการในกระบวนการยุติธรรม กำหนดแนวทางการป้องกัน เฝ้าระวังปัญหาอาชญากรรม การทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ในจังหวัด รวมถึงการแจ้งเบาะแสข้อมูลการกระทำผิดกฎหมาย เป็นต้น และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้ กพยจ. กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หากการแต่งตั้ง กพยจ. ดังกล่าวเป็นผลให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีภาระงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มขึ้น หรือมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด ก็เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้วแต่กรณี สำหรับงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17235 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไมปลอดโรค เพื่อให้ผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานมีหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าบริการตรวจสอบและค่าใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรที่สอดคล้องกัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17236 | การยกเลิกงบลงทุน ประจำปี 2560 รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อก | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกงบลงทุน ประจำปี ๒๕๖๐ รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) วงเงินงบประมาณ ๑๓.๗๖๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กนอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการศึกษาความเป็นไปได้ของรูปแบบเขื่อนป้องกันน้ำท่วมให้มีความเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ในปัจจุบันโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่โดยรอบ และควรเตรียมความพร้อมในเรื่องการทำคันกั้นน้ำชั่วคราว ชนิดติดตั้งเร็ว และเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์เฉพาะหน้า รวมถึงควรศึกษา ออกแบบ หาแนวทางที่สามารถป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ได้อย่างครบวงจรเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว ตลอดจนควรมีแผนงานและมาตรการรองรับเพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้ประกอบการและท้องถิ่นว่า กนอ. สามารถจะบริหารจัดการได้หากเกิดเหตุฉุกเฉินช่วงระหว่างที่รอผลการศึกษารูปแบบแนวทางการปรับปรุงระบบป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมบางปู สำหรับการดำเนินการปรับปรุงระบบระบายน้ำท่วมขังและการป้องน้ำท่วมในอนาคต เห็นควรใช้เงินลงทุนจากงบประมาณของ กนอ. เป็นลำดับแรกก่อน เพื่อเป็นการลดจำนวนเงินกู้ยืมและภาระหนี้ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17237 | รัฐบาลสหรัฐอเมริกาแสดงความประสงค์จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ จังหวัดเชียงใหม่ | กต | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มเติม จำนวน ๑๐ แปลง เนื้อที่ดิน ๑ ไร่ ๒ งาน ๔๗.๓ ตารางวา เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๐ (เรื่อง รัฐบาลสหรัฐอเมริกาแสดงความประสงค์จะซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ จังหวัดเชียงใหม่) ให้ได้ข้อยุติแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17238 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน | กต | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๕๓ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เพื่อต่ออายุมาตรการลงโทษสาธารณรัฐเซาท์ซูดานออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป ทั้งนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติฯ ดังกล่าว หรือประสงค์ที่จะขอรับความกระจ่างเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อมติฯ ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17239 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา | ยธ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17240 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี และตำบลต้นโพธิ์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี และตำบลต้นโพธิ์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล และควรต้องติดตามดูแลให้เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินสามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่มั่นคง และรักษาที่ดินที่ได้รับเพื่อเป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืนเป็นไปตามเจตนารมณ์และขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และให้ ส.ป.ก. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความรู้กับเกษตรกรด้านการวางแผนการผลิตและส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพองพื้ที่และความต้องการของตลาด และจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ให้มีความพร้อมต่อการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำ รวมทั้งสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาพื้นที่ และการสนับสนุนทางเลือกในการทำเกษตรกรรมยั่งยืนให้กับเกษตรกรที่มีความพร้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....