ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 867 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17321 - 17340 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17321 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมทั้งควรกำหนดให้ข้าราชการอัยการซึ่งมีอายุครบ ๖๕ ปี ต้องเข้ารับการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ และการประเมินสมรรถภาพควรที่จะมีการประเมินทั้งทางร่างกาย ซึ่งนอกจากการตรวจร่างกายโดยทั่วไปแล้ว ควรมีการตรวจความสามารถด้านการฟังและสายตา และการตรวจประเมินด้านสุขภาพจิตโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการเลือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ ควรกำหนดให้มีหลักเกณฑ์ว่าการกระทำใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการหาเสียงเพื่อให้ข้าราชการอัยการลงคะแนนหรืองดเว้นลงคะแนนเลือกบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการฝ่ายอัยการ โดยในระหว่างที่ยังไม่ได้แก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ สำนักงานอัยการสูงสุดควรออกหลักเกณฑ์ในลักษณะดังกล่าวเพื่อใช้บังคับไปพลางก่อน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17322 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกับทุกภาคส่วน และจัดทำร่างคู่มือการปราบปรามการค้ามนุษย์และคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้เรื่องกฎหมาย แนวทางปฏิบัติ และแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ ได้มีหนังสือแจ้งกระทรวงแรงงานเพื่อรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ และนำไปชี้แจงทำความเข้าใจกับสถานประกอบการหรือโรงงาน และหนังสือเวียนแจ้งประกาศคณะกรรมการป้องกันเจ้าหน้าที่จองรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เพื่อเป็นการเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17323 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงพาณิชย์) (นางสาวเรวดี วีระวุฒิพล) | พณ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งเรวดี วีรวุฒิพล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17324 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช) | กค | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17325 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา พ.ศ. ....) | มท | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดอ่างทอง เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17326 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ปง | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการฟอกเงิน (๒) ผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันการฟอกเงิน (๓) ผลการดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน (๔) ผลการปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๕) ผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ๔ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการ ปปง. คณะกรรมการธุรกรรม คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ปปง. และคณะกรรมการเปรียบเทียบ และ (๖) ผลการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขกฎหมายและออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน ตามที่สำนักงาน ปปง. เสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ได้แก่ ปัญหาฯ ด้านการขอใช้ที่ราชพัสดุในการก่อสร้างสำนักงาน ปปง. แห่งใหม่ เห็นว่าสามารถแจ้งขอรับการสนับสนุนจากกรมธนารักษ์ได้โดยตรง ส่วนปัญหาฯ ด้านกรอบกฎหมายในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เห็นว่าปัจจุบันกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลดังกล่าวนั้น ได้มีผลใช้บังคับแล้ว เช่น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องด้วย สำหรับปัญหฯ ด้านการปรับปรุงจัดเก็บข้อมูลสถิติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปและแนวทางการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมต่อไป และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17327 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | กษ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิก จังหวัดพิจิตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงราคาค่าทดแทนให้กับเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนอย่างเหมาะสม ทันสมัย และเป็นธรรม โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อส่วนรวมของโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมกับประชาชน/ชุมชนในพื้นที่โครงการตั้งแต่ก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และหลังโครงการแล้วเสร็จอย่างจริงจัง โดยชี้ให้เห็นความจำเป็นของโครงการ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ สร้างการยอมรับของประชาชนในพื้นที่ต่อโครงการ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17328 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวาของแม่น้ำน้อย - แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวาของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวาของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่ ในท้องที่ตำบลองครักษ์ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ถึงในท้องที่ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำสำหรับกิจการโรงงานการประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่การเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17329 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต พ.ศ. .... | นร12 | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืช กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานสินค้าเกษตร แทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับกรณีที่พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม มี ๖ หน่วยงานรับผิดชอบในการกำกับดูแลตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๕๖ และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมธุรกิจพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงต้องมีการระบุขอบข่ายการดำเนินการให้ชัดเจนว่าพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับดังกล่าวใช้บังคับกับหน่วยงานใด ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วหากสภานิติบัญญัติแห่งชาติมิได้มีมติทักท้วง ให้นำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17330 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำไม้หวงห้าม พ.ศ. .... | นร09 | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำไม้หวงห้าม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตทำไม้หวงห้ามให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในการให้บริการประชาชนที่ขออนุญาตทำไม้หวงห้าม รวมทั้งการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการอนุญาตทำไม้หวงห้าม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17331 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) | สผ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีต่อไปได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๐ รวม ๒ รายการ ประกอบด้วย (๑) รายการโครงการปรับปรุงอาคารที่พักสวัสดิการเคหะสงเคราะห์สำหรับข้าราชการ วงเงินงบประมาณ ๑๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) รายการจ้างที่ปรึกษาออกแบบและพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย วงเงินงบประมาณ ๑๐,๔๗๕,๐๐๐ บาท ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเร่งรัดการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน อย่างโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันรายการดังกล่าวได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17332 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรา 78 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) | ลต | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนตามมาตรา ๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เพื่อให้ประชาชนรวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ทราบรายละเอียดของรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เหมาะสมเห็นควรดำเนินการ ในวงเงิน ๑๑๔,๖๐๓,๖๐๐ บาท โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือใช้เงินเหลือจ่ายสะสมของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากมีงบประมาณไม่เพียงพอหรือไม่สามารถปรับแผนฯ มาดำเนินการได้ ก็เห็นสมควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๑๑๔,๖๐๓,๖๐๐ บาท โดยขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ๒. ในการดำเนินการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง รัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งตามภารกิจต่าง ๆ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ นั้น ขอให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาและให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างให้ประชาชนและผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการและแนวคิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาและปฏิรูปประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติตามมาตรา ๒๕๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17333 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน (องค์การเภสัชกรรม) | สธ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของ อภ. โดยวิธีการกู้เงินแบบเบิกเงินเกินบัญชีและแบบตั๋วสัญญาใช้เงินในลักษณะ Roll Over ครอบคลุมระยะเวลาการกู้ ๕ ปี ๑.๒ อนุมัติวงเงินกู้เป็นจำนวน ๑,๒๐๐ ล้านบาท ๒. ให้ อภ. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยหาก อภ. มีเงินสดเพียงพอสำหรับการดำเนินงาน ให้บริหารสภาพคล่องจากเงินที่ได้รับชำระหนี้แทนการกู้เงิน เพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยจากการกู้เงิน ทั้งนี้ ให้ อภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เห็นควรจัดทำแผนบริหารหนี้ระยะยาวหรือแผนประมาณการรายรับจากการชำระหนี้เพื่อใช้ในการวางแผนติดตามชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์ความเสี่ยงและภาระงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต พิจารณาฐานะเงินสดในขณะดำเนินการกู้เงินจริง และเร่งรัดการชำระหนี้คงค้างเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในอนาคตจากการกู้ยืมเงิน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หน่วยงานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานประกันสังคมเร่งรัดชำระหนี้ให้แก่ อภ. โดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17334 | การให้เงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียน - เกาหลี | กต | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศให้เงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียน-เกาหลี เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ เป็นต้นไป จำนวนปีละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายในการให้เงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียน-เกาหลี ในปี ๒๕๖๑ เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ที่เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้วในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายดังกล่าว ให้ดำเนินการได้เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในการให้เงินอุดหนุนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป นั้น เห็นควรที่กระทรวงการต่างประเทศจะจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17335 | บันทึกความร่วมมือสาขาการดูแลสุขภาพระหว่างกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น กับกระทรวงสาธารณสุข ราชอาณาจักรไทย | สธ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือสาขาการดูแลสุขภาพระหว่างกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น กับกระทรวงสาธารณสุข ราชอาณาจักรไทย มีสาระสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านสาธารณสุข รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือสาขาการดูแลสุขภาพในประเด็นที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกัน โดยจะมีการลงนามร่วมกันในระหว่างการประชุม ASEAN-Japan Health Ministers Meeting on Universal Health Coverage and Population Ageing ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามบันทึกความร่วมมือฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17336 | การขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ | มท | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการแจ้งรายชื่อฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ซึ่งต้องใช้ในการบริการประชาชนไปยังกระทรวงมหาดไทยภายใน ๓ เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ แล้วให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมและพิจารณารายชื่อฐานข้อมูลดังกล่าวแจ้งให้หน่วยงานเจ้าของฐานข้อมูลทราบโดยเร็ว ๒. ให้หน่วยงานเจ้าของฐานข้อมูลจัดเตรียมฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายชื่อฐานข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย แล้วให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเชื่อมระบบฐานข้อมูลดังกล่าวกับระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรและเปิดให้หน่วยงานที่ร้องขอใช้งานได้โดยเร็ว สำหรับภาระงบประมาณ หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยคำนึงถึงการจัดทำงบประมาณแบบบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ในการขับเคลื่อนแนวทางบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรม รวมทั้งติดตามและประเมินผลการเชื่อมโยงข้อมูลของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเป็นระยะ ๆ ต่อไป ๔. ให้กระทรงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาข้อมูลสถานภาพและความพร้อมของฐานข้อมูลเพื่อวางแผนการให้บริการในอนาคต โดยให้กระทรวงมหาดไทยติดตามผลการเชื่อมโยงข้อมูลของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการสนับสนุนเครื่องอ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมีการปรับปรุงระบบบริการประชาชนที่รองรับกับการใช้เครื่องอ่านบัตรดังกล่าว รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐและพิจารณากรอบการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลและบริการกลางในแต่ละด้าน โดยเฉพาะการรักษาสมดุลระหว่างความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล กับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐของกระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ประชาชนสามารถเข้าใช้บริการได้แล้ว ณ ปัจจุบัน ให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนได้เลือกใช้บริการได้ตามความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17337 | ข้อเสนอจากมติสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติ ปี 2560 | พม | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอจากมติสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติ ปี ๒๕๖๐ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) เป็นประธาน ได้มีมติรับรองมติสมัชชาฯ ใน ๓ ประเด็น คือ (๑) การขยายโอกาสในการทำงานของแรงงานสูงอายุนอกระบบเข้าสู่วิสาหกิจชุมชน (๒) การขยายอายุการทำงานของแรงงานในสถานประกอบการจากอายุ ๕๕ ปี เป็น ๖๐ ปี และ (๓) การสร้างหลักประกันรายได้ยามสูงวัย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนและดำเนินการตามมติสมัชชาฯ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17338 | สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยสถาบัน IMD ปี 2560 | นร11 | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยสถาบันการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development : IMD) ปี ๒๕๖๐ ซึ่ง IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของเขตเศรษฐกิจทั่วโลก จำนวน ๖๓ ประเทศ โดยผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ๕ อันดับแรก ได้แก่ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียน IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ๕ อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ปรับตัวดีขึ้นสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นของสภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาค เสถียรภาพและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักธุรกิจต่อประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐ รวมทั้งกฎระเบียบ/กฎหมายทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการทำธุรกิจของภาคเอกชนมากขึ้น อย่างไรก็ดี ยังคงมีตัวชี้วัดย่อยบางประการที่มีอันดับลดลง เช่น ตัวชี้วัดการลงทุนจากต่างประเทศ และกลุ่มตัวชี้วัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ ด้านสุขภาพ และด้านการศึกษา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17339 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 | กค | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ มีจำนวน ๖,๑๖๖,๕๔๙.๓๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๒.๒๗ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๗๒๘,๖๕๕.๖๐ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๖๒,๘๘๕.๓๒ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๔๕๕,๕๘๐.๑๘ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๙,๔๒๘.๒๒ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๑ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๔๙,๕๘๔.๒๒ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๔๕,๕๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๖๑ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของรัฐวิสาหกิจ จากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจพบว่า มีโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่มีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17340 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลีย | กห | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลีย) ๑.๒ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลีย มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารที่จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศในอนาคต โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เข้าร่วมแต่ละฝ่ายจัดเตรียมหรืออำนวยความสะดวกในการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงร่วมกันภายใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ นโยบายและวิธีปฏิบัติและพันธกรณีระหว่างประเทศของตน เช่น การสนับสนุนวัสดุ อะไหล่ ชิ้นส่วนซ่อม การซ่อมบำรุงการบริการทางเทคนิคทางการทหาร บริการด้านการแพทย์ การเคลื่อนย้ายการอพยพบุคลากรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การแลกเปลี่ยนบุคลากรและข้อมูล การจัดให้มีการฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยมีกำหนดการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและประสานงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๑๐ ถึง ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๑.๓ ให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
.....