ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 870 จากทั้งหมด 6236 หน้า แสดงรายการที่ 17381 - 17400 จากข้อมูลทั้งหมด 124707 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 17381 | ขอรับโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายชลธิศ สุรัสวดี) | นร | 03/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายชลธิศ สุรัสวดี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ (นักบริหารระดับสูง) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17382 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (นายปกรณ์ นิลประพันธ์) | กก | 03/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปกรณ์ นิลประพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย เป็นกรรมการในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ ตุลาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17383 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 60/2560 และครั้งที่ 61/2560 | นร | 03/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๖๐/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๖๑/๒๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17384 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) และปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะให้สหภาพยุโรปยกเลิกการกำหนดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงที่จะถูกจัดให้เป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือ (possibility of identifying as non-cooperating country) ภายใต้กฎระเบียบ IUU ของสหภาพยุโรป (ยกเลิกใบเหลือง) ภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องกำกับ ติดตามการปฏิบัติงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตหรือประพฤติมิชอบใด ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ ให้สร้างการรับรู้แก่บุคลากรในสังกัดให้มีความเข้าใจถูกต้องตรงกันด้วยว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาข้างต้นต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาความสงบเรีบบร้อยในแต่ละพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและความสงบสุข รวมทั้งปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการร้องเรียนจากประชาชน เช่น ตลาดโบ๊เบ๊ นั้น ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยให้มีการบูรณาการด้านการข่าวและการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้หัวหน้าส่วนราชการสอดส่องและกำกับดูแลไม่ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดการดำเนินการตามแผนการจัดระเบียบการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด การสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำตามพื้นที่ต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17385 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต ขาย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ | 03/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต ขาย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ (วัตถุออกฤทธิ์ที่ไม่ใช้ในทางการแพทย์ และอาจก่อให้เกิดการนำไปใช้ หรือมีแนวโน้มในการนำไปใช้ในทางที่ผิดสูง) เช่น คาทิโนน (CATHINONE) ดีอีที (DET) และดีเอ็มเอชพี (DMHP) ฯลฯ และการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ (วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอาจก่อให้เกิดการนำไปใช้หรือมีแนวโน้มในการนำไปใช้ในทางที่ผิดสูง) เช่น แอมฟิพราโมน (AMFEPRAMONE) โบรติโซแลม (BROTIZOLAM) และอีเฟดรีน (EPHEDRNE) ฯลฯ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต การขาย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ พ.ศ .... ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นชอบด้วยกับร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๒ แต่ไม่จำเป็นต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตหมายเลข ๓ ส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตามร่างข้อ ๑๒ (๔) ในร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ แต่อย่างใด ประกอบกับเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดในส่วนของการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงควรให้พิจารณาทบทวนร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17386 | พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร | นร | 03/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นพระราชพิธีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของประเทศและถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลที่จะต้องกำกับดูแลและดำเนินการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติอย่างสูงสุด จึงมีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐทำความเข้าใจแก่บุคลากรในสังกัดให้ถูกต้องตรงกันเพื่อให้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงาน/บุคลากรที่เกี่ยวข้องที่จะต้องให้ความสำคัญอย่างสูงสุดในการดำเนินการ/ร่วมมือกันดำเนินการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้พระราชพิธีดังกล่าวเป็นไปด้วยความถูกต้อง เรียบร้อย เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างสมบูรณ์โดยปราศจากข้อผิดพลาดและความบกพร่องใด ๆ อย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐพิจารณามอบหมายหน้าที่ ความรับผิดชอบในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่บุคลากรในสังกัด ตลอดจนกำหนดผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งการให้เหมาะสมชัดเจน รวมทั้งให้ดำเนินการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินงานของหน่วยงานให้ถูกต้องและเป็นระบบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17387 | แนวทางการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น | นร10 | 03/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบแนวทางการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการบริหารและพัฒนากำลังภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้ อ.ก.พ. กระทรวง บริหารจัดการอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยทดแทนอัตราว่างดังกล่าวที่มีในแต่ละปีด้วยรูปแบบการจ้างงานที่ไม่ใช่ข้าราชการตามแนวทางที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) กำหนด ดังต่อไปนี้ ๑.๑.๑ การทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการในสายงานสนับสนุน ประกอบด้วยตำแหน่งประเภททั่วไปในสายงานสนับสนุน ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐ ของอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุในสายงานสนับสนุนที่ส่วนราชการมีในปีนั้น) สำหรับตำแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโส ให้ยกเว้นการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น เนื่องจากเป็นทางก้าวหน้าของข้าราชการในสายงานสนับสนุน ส่วนตำแหน่งประเภทวิชาการในสายงานสนับสนุน ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ ของอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของตำแหน่งประเภทวิชาการในสายงานสนับสนุนที่ส่วนราชการมีในปีนั้น ๑.๑.๒ การทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการในสายงานหลัก ประกอบด้วยตำแหน่งประเภทวิชาการ ให้พิจารณาทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น โดยคำนึงถึงความจำเป็นตามภารกิจของส่วนราชการ ความมีประสิทธิภาพและความคุ้มค่า และเงื่อนไขในการจ้างงานภาครัฐ ส่วนตำแหน่งประเภททั่วไป ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ ของอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของตำแหน่งประเภททั่วไปในสายงานหลักที่ส่วนราชการมีในปีนั้น ๑.๒ ให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ บริหารจัดการอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการในแต่ละปี โดยทดแทนอัตราว่างดังกล่าวด้วยรูปแบบการจ้างงานที่ไม่ใช่ข้าราชการ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คปร. กำหนดโดยอนุโลม ๑.๓ ให้ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. ศึกษาแนวทางและมาตรการเพื่อจูงใจให้ส่วนราชการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ข้าราชการ รวมทั้งหามาตรการจูงใจให้ส่วนราชการใช้อัตรากำลังอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๔ เงื่อนไขการดำเนินการ ให้การดำเนินการตามแนวทางนี้มีผลบังคับใช้สำหรับทดแทนอัตราการว่างงานจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป และให้ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. สื่อสารสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับส่วนราชการด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้มาตรการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเข้มงวดในการจ้างงานตามระยะเวลาของสัญญาจ้างเพื่อให้ได้เจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และควรทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการของตำแหน่งในสายงานสนับสนุน หรืองานที่มิใช่ภารกิจหลักของส่วนราชการ เช่น การจ้างพนักงานราชการเพื่อเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐมิให้สูงขึ้น โดยต้องพิจารณาถึงลักษณะงานและภารกิจที่จำเป็นของแต่ละส่วนราชการด้วย และกำหนดให้ส่วนราชการทบทวนบทบาทภารกิจให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทิศทางการพัฒนาประเทศในอนาคต และความต้องการของประชาชน รวมทั้งการนำระบบดิจิทัลสมัยใหม่มาใช้ในการจัดบริการสาธารณะ ตลอดจนการจัดทำแผนกำลังคนและการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการในระยะ ๓ ปี ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจในอนาคตโดยค่าใช้จ่ายภาครัฐจะต้องไม่เพิ่มขึ้น สำหรับแนวทางการดำเนินงานในส่วนของการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการในสายงานสนับสนุนตำแหน่งประเภททั่วไปที่กำหนดแนวทางโดยให้ทดแทนอัตราว่างฯ ด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐ ของอัตราว่างฯ ในสายงานสนับสนุนที่มีส่วนราชการในปีนั้น) ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนแนวทางดังกล่าวเป็นการยุบเลิกอัตราเกษียณของข้าราชการทั้งหมด (ร้อยละ ๑๐๐ ของอัตราว่างฯ ในสายงานสนับสนุนที่มีส่วนราชการในปีนั้น) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17388 | การเข้าร่วมปฏิบัติงานจิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้ข้าราชการทุกหมู่เหล่าได้มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในห้วงเดือนตุลาคมศกนี้ได้อย่างพร้อมเพรียงกัน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเชิญชวนให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐของทุกหน่วยงาน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่มีความพร้อม เข้าร่วมเป็นจิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรับสมัครในระหว่างเวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยสมัครได้ทั้งในกรุงเทพมหานคร (ณ สนามเสือป่าและสำนักงานเขตทุกแห่ง) และในต่างจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัดหรือที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง และจะสิ้นสุดการเปิดรับสมัครในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ นี้ ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานรวบรวมจำนวนผู้ที่สมัครในสังกัดเปรียบเทียบกับจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ทั้งหมดและรายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีเจ้าสังกัดโดยด่วน เพื่อรวบรวมและนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17389 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. .... | สว | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเห็นควรกำหนดด้านเพิ่มเติมมาตรา ๘ (๑๑) รวม ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (๒) ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (๓) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนด้านการเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม และด้านการปกครองท้องถิ่น และเรื่องระบบราชการ เห็นควรให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม สำหรับด้านการศาสนา เห็นควรให้รวมอยู่ภายใต้การปฏิรูปประเทศด้านสังคมหรือการศึกษา และเรื่องการผังเมืองและการพัฒนาเมือง เห็นควรให้มีการกำหนดเนื้อหาและประเด็นการปฏิรูปให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นก่อน รวมทั้งจะรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เกี่ยวกับประเด็นการใช้อำนาจของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณีที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศเห็นว่ามีปัญหาอุปสรรคไม่อาจดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศได้หรือมีเหตุอื่นใดเป็นการเฉพาะเรื่องนั้น โดยจะนำไปปฏิบัติโดยเคร่งครัด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17390 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2559 | นร12 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้
๑. รายงานผลการพัฒนาระบบราชการที่สำคัญ ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบด้วย ผลที่เกิดจากการผลักดันของ ก.พ.ร. ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการในด้านต่าง ๆ เพื่อนำนโยบายของรัฐไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิผลอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของประชาชน ได้แก่ การประเมินการปฏิบัติราชการของหน่วยงานของรัฐ ส่วนราชการ จังหวัด สถาบันอุดมศึกษา และองค์การมหาชน การอำนวยความสะดวกและสร้างความเป็นเลิศในการให้บริการประชาชน การพัฒนาองค์การให้มีขีดสมรรถนะสูง การบริหารราชการแบบบูรณาการ และการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ๒. รายงานการดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบด้วย ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงาน ก.พ.ร. และผลการดำเนินงานที่สำคัญ ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้แก่ วิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ โครงสร้าง อัตรากำลัง งบประมาณรายจ่ายประจำปี ผลการดำเนินงานที่สำคัญ และงบแสดงฐานะการเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17391 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... | นร09 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17392 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสองปี 2560 | นร11 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสองปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) สถานการณ์ทางสังคม ซึ่งมีประเด็นที่มีความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญในเชิงบวกและประเด็นที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง ได้แก่ การจ้างงานโดยรวมเพิ่มขึ้น ค่าจ้างแรงงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น หนี้สินครัวเรือนชะลอตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เด็กไทยมีระดับสติปัญญา (IQ) เฉลี่ยสูงขึ้น คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคไม่ติดต่อมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ลดลง คดีอาญาโดยรวม ยาเสพติดลดลง การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ยังคงมุ่งมั่นแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อไป การร้องเรียนสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น การสร้างสภาพแวดล้อมสีเขียวด้วยการใช้พลังงานสะอาด พบว่ามีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเปิดพื้นที่การเรียนรู้ : การศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์กับ “โรงเรียนมีชัยพัฒนา” หรือโรงเรียนไม้ไผ่ จังหวัดบุรีรัมย์ และ (๒) บทความเรื่อง “ดัชนีความก้าวหน้าของคน ปี ๒๕๖๐ : เครื่องมือวัดความก้าวหน้าของคนในระดับจังหวัด” ซึ่งภาพรวมของประเทศ การพัฒนาคนด้านที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมมีความก้าวหน้ามากที่สุด แต่ด้านการศึกษาก้าวหน้าน้อยที่สุด โดยในระดับภาค ภาคกลางมีความก้าวหน้ามากที่สุด ส่วนภาคใต้มีความก้าวหน้าน้อยที่สุด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17393 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 | กค | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17394 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.123/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.719/2560 ระหว่างสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ฟ้องนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลปกครองสูงสุด เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี | อส | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.๑๒๓/๒๕๕๗ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๗๑๙/๒๕๖๐ ระหว่างสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17395 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 | กค | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17396 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 | คค | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ สำหรับรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อเสนอแนะด้านการดำเนินงานการบริหารแผนงบประมาณ การใช้จ่ายเงินตามแผนงานหรือโครงการ และการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพย์สิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17397 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ปีงบประมาณ 2561 | พณ | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) จำนวน ๒๑๓ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๓๔.๒๙ ล้านบาท จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๙ หน่วยงาน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ มีมติอนุมัติแล้ว ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์การเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์และผลักดันการส่งออก จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงินรวม ๒๑๘.๐๘ ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ๓ ด้าน คือ (๑) การขยายส่วนแบ่งตลาดในตลาดหลักสำคัญให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน (๒) การพัฒนาตลาดใหม่และกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และ (๓) การผลักดันการค้าผ่านช่องทางตลาดและช่องทางกระจายสินค้ารูปแบบใหม่ ผลักดันการส่งออกโดยใช้การตลาดนำการผลิต (Demand-Driven) และการกำหนดกลยุทธ์ในเชิงลึกลงถึงระดับเมือง (city-focus) ๒. ยุทธศาสตร์การเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๒๗ โครงการ วงเงินรวม ๑๖.๗๕ ล้านบาท ได้แก่ การประชุมเจรจาเชิงรุก และการปกป้องผลประโยชน์ และการแก้ไขอุปสรรคทางการค้า ๓. ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ จำนวน ๖๗ โครงการ วงเงินรวม ๗๔๙.๔๖ ล้านบาท เช่น การผลักดันคลัสเตอร์เป้าหมายสำคัญ การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการการค้าระหว่างประเทศของไทย การพัฒนาส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มและการสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมการสร้างแบรนด์สินค้าและบริการ (Innovation, Value Creation & Branding) และการพัฒนาองค์กรสู่อนาคต ๔. แผนงานตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน จำนวน ๑ โครงการ วงเงินรวม ๕๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17398 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 2/2560 | ทส | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) และครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว โดยยังคงมีเรื่องที่มีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเพิ่มเติมอีก ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในท้องที่ดังกล่าวข้างต้น พ.ศ. .... (๒) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... (๓) โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการทำเหมืองแร่ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดดินดาน และชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และ (๕) โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๗/๒๕๕๗ ของบริษัทชีวิลเอนจีเนียริง จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔ เรื่อง เช่น (๑) รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงาน EIA โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต : การปรับปรุง Runway Strip, RESA และทางขับขนานท่าอากาศยานภูเก็ต ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (๒) รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เรื่อง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา ของกรมทางหลวง (๓) โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ส่วนต่อขยายช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน และบ้านฉิมพลี-ศาลายา ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการอาคารศูนย์บริการทางการแพทย์หริภุญไชยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๕) การปรับปรุงมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ในบรรยากาศโดยทั่วไป และ (๖) ร่างนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17399 | รายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ปี พ.ศ. 2558 - 2559 | ทส | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ ๒ ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ สถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และส่วนที่ ๒ สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17400 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | สว | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้
๑. องค์การมหาชนใดมีความประสงค์ให้มีระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุขึ้นใช้เองทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เพื่อให้การดำเนินการยืดหยุ่นและคล่องตัว สามารถขอยกเว้นมายังคณะกรรมการนโยบาย สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการยกเว้นตามพระราชบัญญัติที่ไม่สามารถดำเนินการได้ขณะนี้ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพื่อนำมากำหนดเป็นหลักเกณฑ์ให้ครอบคลุมทุกสถาบันการศึกษา รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่จัดซื้อจัดจ้างในเรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความทันต่อเวลาเป็นสำคัญ และการป้องกันการทุจริต ซึ่งรายละเอียดในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะกำหนดในระเบียบที่จะออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ต่อไป และกำหนดให้มีความยืดหยุ่นของระยะเวลาการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ๒. การกำหนดให้เจ้าหน้าที่ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับพัสดุ ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษหรือเงินอื่นทำนองเดียวกัน กรมบัญชีกลางพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. แล้ว เห็นว่า การกำหนดเงินเพิ่มดังกล่าวถือเป็นกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดในเรื่องดังกล่าว จึงไม่ต้องพิจารณาตามระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๒ แต่อย่างใด ๓. ได้จัดทำร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... นำเสนอรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๐ แล้ว และกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะที่เกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐนั้น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้ และกฎหมายอื่นประกอบด้วย เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ตรงต่อวัตถุประสงค์ของการใช้งานอันมีผลกระทบต่อประชาชนหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
