ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 789 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15761 - 15780 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15761 | การปรับปรุงคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน (กขป.) | นร04 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน (กขป.) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิก กขป. คณะที่ ๖ ด้านท่องเที่ยว วัฒนธรรมและกีฬา โดยนำด้านท่องเที่ยวและกีฬา รวมไว้ใน กขป. คณะที่ ๒ และด้านวัฒนธรรม รวมไว้ใน กขป. คณะที่ ๓ ๒. มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) เป็นรองประธาน กขป. คณะที่ ๔ แทน รัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ พิจารณาทบทวนปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ ให้สอดคล้องกับวาระการขับเคลื่อนและปฏิรูป แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับผิดชอบการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนและท้องถิ่นในการพัฒนาเพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ๕. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) รับผิดชอบการประสานและขับเคลื่อนการบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาความยากจนลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15762 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | รง | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้กระทรวงแรงงานกำกับดูแลสำนักงานประกันสังคมให้เสนองบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนเงินทดแทนให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15763 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง วิกฤตทะเลสาบสงขลาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง วิกฤตทะเลสาบสงขลาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ รวมทั้งได้มีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเร่งด่วนเชิงนโยบาย ข้อเสนอแนะรายประเด็น และข้อเสนอแนะด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15764 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และการดำเนินการของสถานประกอบกิจการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ของลูกจ้างซึ่งเป็นวัยรุ่น พ.ศ. .... | รง | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และการดำเนินการของสถานประกอบกิจการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ของลูกจ้างซึ่งเป็นวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถานประกอบกิจการทุกประเภทจัดให้มีข้อมูลข่าวสารและความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นวัยรุ่น และให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างทำงานในขณะเดียวกันตั้งแต่ ๒๐๐ คนขึ้นไป ต้องจัดให้มีพยาบาลประจำสถานประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ของลูกจ้างซึ่งเป็นวัยรุ่น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอมาตรการการดำเนินงานจากสถานประกอบกิจการไปพิจารณาดำเนินการ เมื่อได้รับความเห็นและข้อเสนอมาตรการการดำเนินงานจากสถานประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎกระทรวงนี้แล้ว ให้แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15765 | รัฐบาลสาธารณรัฐแซมเบียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐแซมเบียประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายวาลูบีทา อีมาคันโด (Mr. Walubita Imakando)] | กต | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวาลูบีทา อีมาคันโด (Mr. Walubita Imakando) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแซมเบียประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นายลูพันโด ออกัสติน เฟสตัส คาโทโลชี อึมวาพี (Mr. Lupando Augustine Festus Katoloshi Mwape) ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแซมเบียประจำประเทศไทยคนล่าสุด ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายอักษรสาสน์ตราตั้ง เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15766 | การขอเลื่อนฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลีประจำจังหวัดภูเก็ต เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลี ณ จังหวัดภูเก็ต และการขอยกระดับ สถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลีประจำจังหวัดภูเก็ต เป็น สถานกงสุลใหญ่ กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลี ณ จังหวัดภูเก็ต (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฟรันเชสโก เปนซาโต (Mr. Francesco Pensato)] | กต | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เลื่อนฐานะ นายฟรันเชสโก เปนซาโต (Mr. Francesco Pensato) กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลีประจำจังหวัดภูเก็ต เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลี ณ จังหวัดภูเก็ต ๒. ยกระดับสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลีประจำจังหวัดภูเก็ต เป็น สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐอิตาลี ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช ปัตตานี พังงา พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15767 | การเสนอรายงานเกี่ยวกับหลักสูตรผู้บริหารงานด้านกฎหมายภาครัฐระดับสูง รุ่นที่ 6 | นร09 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานข้อเสนอต่อรัฐบาลหลักสูตรผู้บริหารงานด้านกฎหมายภาครัฐระดับสูง รุ่นที่ ๖ และรายงานสรุปผลการศึกษาการปฏิรูปกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ รวม ๒ ฉบับ โดยรายงานข้อเสนอต่อรัฐบาลฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้มีการวิเคราะห์สภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบอนุญาต ระบบคณะกรรมการ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการกำหนดโทษอาญาของประเทศไทย โดยมีข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาองค์ความรู้ทางกฎหมายอันจะเป็นแนวทางในการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายต่อไป ส่วนรายงานสรุปผลการศึกษาฯ เป็นการศึกษาโครงสร้างองค์กรและกระบวนการพัฒนากฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้ดำเนินการปฏิรูปกฎหมายเพื่อเป็นการควบคุม ตรวจสอบ และพัฒนาคุณภาพของกฎหมาย อันเป็นปัจจัยของความสำเร็จในการปฏิรูปกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเป็นตัวอย่างนำมาสำหรับการพัฒนาคุณภาพของกฎหมายในประเทศไทยต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งรายงานทั้งสองฉบับดังกล่าวไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริงไม่ใช้กฎหมายไปในทางที่จะสร้างความขัดแย้งระหว่างภาครัฐและประชาชน รวมทั้งเพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาองค์ความรู้ทางกฎหมายและเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15768 | ร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ให้แก่ทายาทของนายกี สุบินยัง พ.ศ. .... | กค | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ให้แก่ทายาทของนายกี สุบินยัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของทายาทนายกี สุบินยัง ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนบ้านกันเตรียง จังหวัดสุรินทร์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15769 | ร่างพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กรมศิลปากรถ่ายโอนอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการและดูแลบำรุงโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้รายได้และค่าธรรมเนียมจากการเข้าชมโบราณสถานเหล่านั้นตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับร่างมาตรา ๘/๑ ซึ่งกำหนดให้อธิบดีกรมศิลปากรมีอำนาจสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระงับการดำเนินการใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถานอย่างร้ายแรงนั้น ควรพิจารณาอำนาจการดำเนินการดังกล่าวให้มีความสอดคล้องกับหลักการของการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร เช่น การกำหนดบทนิยามในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับอื่น รวมทั้งการกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถขอรับการสนับสนุนบุคลากรและงบประมาณจากกรมศิลปากรและกองทุนโบราณคดีเพื่อดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และกรุงเทพมหานครที่เห็นว่า กรมศิลปากรควรมีแผนเตรียมความพร้อมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ และต้องทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและร่วมกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการตลอดระยะเวลาของการสร้างความพร้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15770 | การกำหนดโทษทางอาญาในกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร09 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ในการกำหนดโทษอาญาสำหรับกฎหมายที่จะตราขึ้นในอนาคต รวม ๓ ประการ โดยส่วนราชการที่จะเสนอกฎหมายใหม่หรือที่ต้องมีการทบทวนกฎหมายตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ พิจารณาดำเนินการกำหนดโทษอาญาในกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ ดังนี้ (๑) เป็นการกระทำที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอย่างร้ายแรงและมีผลกระทบต่อส่วนรวม (๒) เป็นกรณีที่ไม่สามารถใช้มาตรการอื่นใดเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างได้ผลหรือมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายได้ และ (๓) ความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวหรือที่มีโทษจำคุกและเปรียบเทียบปรับทำให้คดีอาญาระงับได้ หากโดยสภาพแล้วไม่ใช่ความผิดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอย่างกว้างขวาง สมควรใช้โทษปรับทางปกครองแทนหรือวิธีการอื่นแทนการปรับ และให้ดำเนินการต่อไปตามกรอบแนวทางการศึกษาและปรับปรุงกฎหมายเพื่อป้องกันมิให้มีการใช้ประโยชน์จากโทษอาญาที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15771 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย | กต | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๘๕ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย ที่ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ โดยข้อมติ UNSC มีสาระสำคัญเพื่อต่ออายุมาตรการลงโทษทางอาวุธและข้อยกเว้นต่าง ๆ สำหรับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย ออกไปจนถึงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยถือปฏิบัติ พร้อมทั้งปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรียให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็บไซต์ของสหประชาชาติ (United Nations : UN) (
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15772 | ร่างสัญญาการให้ (Grant Contract) ระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปของกิจกรรมการเสริมสร้างขีดความสามารถของสำนักเลขาธิการอาเซียนภายใต้โครงการ ARISE Plus | กต | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสัญญาการให้ (Grant Contract) ระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปของกิจกรรมการเสริมสร้างขีดความสามารถของสำนักเลขาธิการอาเซียนภายใต้โครงการสนับสนุนด้านการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติม (ASEAN Regional Integration Support from the EU : ARISE Plus) มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๔.๔ ล้านยูโร จากสหภาพยุโรป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการดำเนินการและการติดตามผลในพื้นที่หลักของสำนักเลขาธิการอาเซียน และพัฒนาระบบและสถาบันของสำนักเลขาธิการอาเซียนให้บรรลุมาตรฐานการจัดการระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินของโครงการ ARISE Plus ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และหลังจากนั้นให้รายงานผลเพื่อคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่ารัฐบาลไทยเห็นชอบร่างสัญญาฯ และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15773 | การพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าภาระโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบังของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบอัตราค่าภาระขั้นต่ำ-ขั้นสูงในอัตรา ๓๗๖ บาท และ ๘๓๕ บาท ตามลำดับ ต่อตู้สินค้าทุกขนาดและทุกสถานภาพ สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยเรียกเก็บในอัตรา ๓๗๖ บาท เมื่อเริ่มเปิดดำเนินการ และให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยสามารถปรับอัตราค่าภาระในการยกขนตู้สินค้าได้ภายในกรอบอัตราค่าภาระขั้นต่ำ-ขั้นสูงที่ขอความเห็นชอบไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากในอนาคตจะมีการปรับอัตราค่าภาระยกขนตู้สินค้าสำหรับโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนผู้ให้บริการยกขนตู้สินค้ามาเป็นการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้ประกอบการรายเดียวนั้น อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการให้บริการยกขนตู้สินค้าเอกชนที่ให้บริการอยู่เดิม กระทรวงคมนาคมควรพิจารณาถึงผลกระทบในด้านการประกอบกิจการของภาคเอกชนที่ให้บริการยกขนสินค้าอยู่เดิมด้วย และในกรณีที่จะมีการปรับอัตราค่าภาระยกขนตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบังตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคต การท่าเรือแห่งประเทศไทยควรพิจารณากำหนดอัตราค่าภาระที่ใช้ในการยกขนตู้สินค้าทางรถไฟในภาพรวมและคำนึงถึงต้นทุนทางการเงินที่ครอบคลุมการให้บริการของโครงการ รวมถึงนำอัตราค่าภาระของอุตสาหกรรม (Industry Norm) ที่เทียบกับภาคเอกชนและต่างประเทศและความเห็นของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาปรับอัตราค่าภาระ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณากำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมมิให้รถบรรทุกสินค้าบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นไปด้วยความเคร่งครัด ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งสินค้าจากถนนมาสู่ระบบราง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15774 | โครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 4 (ปี 2561 - 2565) | กษ | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนเรื่อง โครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๔ (ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕) คืนไปเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับงบประมาณในการจัดสรรทุนให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ โดยคำนึงถึงสาขาวิชาที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น หลักสูตร Data Analytics และพิจารณาทุนด้านการพัฒนาผลผลิตการเกษตรของสถาบันอื่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะหลักสูตรที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียไม่มีสอน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา เช่น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ ตั้งแต่ระยะที่ ๑-๓ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน โดยเฉพาะผลสัมฤทธิ์ที่มีต่อการดำเนินภารกิจด้านการวิจัย แนวโน้ม และบริบทการพัฒนางานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่อการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแผนการทดแทนและพัฒนาบุคลากรวิจัยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ให้ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดสรรทุนกับแหล่งทุนอื่น ๆ ที่มีการจัดสรรทุนให้แก่บุคลากรในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อให้การจัดสรรทุนของรัฐบาลในภาพรวมมีความเหมาะสมและไม่ซ้ำซ้อนกัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15775 | การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | พณ | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๕๐๙.๙๙ ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) จัดส่งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการตามปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดตัวชี้วัด เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ภายใต้แผนการปฏิบัติงานปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในเชิงคุณภาพควบคู่กับตัวชี้วัดเชิงปริมาณ มีการถ่ายทอดตัวชี้วัดเชิงยุทธศาสตร์ลงสู่โครงการ/กิจกรรม และมีการวางระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องทั้งในระหว่างดำเนินโครงการและหลังสิ้นสุดโครงการ รวมทั้งการปรับปรุงอัตราค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่น สำหรับคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการสรรหา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15776 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของสำนักงาน ปปง. | ปง | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของสำนักงาน ปปง. ภายในวงเงิน ๒๑๒,๔๒๙,๐๐๐ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๑,๘๖๔,๔๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๘๐,๕๖๔,๖๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงาน ปปง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแล โครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และในการดำเนินโครงการฯ หากมีการเปลี่ยนแปลงในหลักการและวัตถุประสงค์ไปจากเดิม จะต้องนำโครงการฯ เสนอให้คณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐพิจารณาอีกครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15777 | ขออนุมัติสั่งจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ 1 แห่ง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) | ยธ | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ๑ แห่ง ในวงเงิน ๘๓๑,๐๐๖,๐๐๐ บาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว [โดยได้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของราชการเป็นสำคัญ] ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15778 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2559 และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2560 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2559 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๙๗๓.๙๐๗ ล้านบาท และจำนวน ๕๕๕.๗๐๐ ล้านบาท ตามลำดับ และเห็นสมควรให้ ขสมก. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งวดที่ ๒ และเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งวดที่ ๒ จำนวน ๒๗๑.๕๕๓ ล้านบาท และ ๑๐๗.๕๒๓ ล้านบาท ตามลำดับ ๑.๒ รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๑,๙๔๖.๔๔๙ ล้านบาท และเห็นสมควรให้ รฟท. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งวดที่ ๒ จำนวน ๔๕๐.๗๑๕ ล้านบาท ๒. ให้ ขสมก.และ รฟท. รับความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาระต้นทุนขององค์กรและเงินงบประมาณอุดหนุนของภาครัฐ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพการให้บริการ และให้เร่งรัดดำเนินการลงทุนโครงการต่าง ๆ ตามที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและการตรงต่อเวลา รวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลให้ ขสมก. และ รฟท. เร่งรัดพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยอาจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในการบริหารจัดการการเดินรถโดยสารสาธารณะตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) และนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดทำข้อตกลงการให้บริการสาธารณะและเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่องของรัฐวิสาหกิจและภาระดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาให้บริการสาธารณะ และให้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายของตัวชี้วัดการให้บริการสาธารณะและการปรับปรุงระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะ และการสร้างการรับรู้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงต้นทุนที่แท้จริงจากการให้บริการสาธารณะ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15779 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ดศ | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ เนื่องจากมีความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ เพื่อให้การกำกับดูแลระบบการชำระเงินและบริการการชำระเงินของประเทศไทยอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับเดียวกัน และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15780 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง และกำหนดเพิ่มเติมให้ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการน้ำแห่งชาติ ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๒๑,๐๐๐ บาท และ ๑๔,๕๐๐ บาท ตามลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจหน้าที่และความรับผิดชอบของสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยให้สำนักงาน ก.พ. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อส่วนราชการและตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๖๑ เรื่อง การจัดสรรภารกิจและบุคลากรของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานเป็นลำดับแรก และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....