ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 782 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15621 - 15640 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15621 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล) | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15622 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการจ่ายค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นจำนวน ๑.๕ เท่าของค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของจำนวนลูกจ้างในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ ควรมุ่งเน้นให้มีการจ้างงานผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในลักษณะการจ้างงานระยะยาวหรือเป็นพนักงานประจำเพื่อสนับสนุนให้คุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15623 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) (นางสาววัชรี วัฒนไกร และนางสาวถกลวรรณ ไกรสรกุล) | กร | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน กปร. เสนอ ดังนี้
๑. นางสาววัชรี วัฒนไกร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน กปร. ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๒. นางสาวถกลวรรณ ไกรสรกุล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน กปร. ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15624 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 | นร11 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์) ระหว่างวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์-๕ มีนาคม ๒๕๖๑ โดยมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ เช่น (๑) สร้างต้นทุนการทรัพยากรภาคเกษตรกรรมเพื่อการลงทุน (๒) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพสินค้าและบริการ เพื่อการท่องเที่ยว การค้า และพื้นที่ทางเศรษฐกิจ (๓) อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) เพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรม (Innovation) และแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) อย่างยั่งยืน เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15625 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 | นร11 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับด้านการบริหารจัดการน้ำ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้า การลงทุน และการค้าชายแดน รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15626 | การจัดงานฉลองครบรอบ 150 ปี สุริยุปราคา ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | วท | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันจัดงานฉลอง ๑๕๐ ปี สุริยุปราคา ณ หว้ากอ ในช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ และจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นประธาน ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาและบริหารอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Historic Science Theme Park) พร้อมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามการพัฒนาพื้นที่โครงข่ายเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบน (Riviera Thailand) ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการจัดงานดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรรไว้ หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15627 | การขยายผลธนาคารปูม้า เพื่อ "คืนปูม้าสู่ทะเลไทย" | นร04 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายผลธนาคารปูม้าเพื่อ “คืนปูม้าสู่ทะเลไทย” ไปสู่ชุมชนอื่น ๆ อย่างรวดเร็วในชุมชนชายฝั่ง จำนวน ๕๐๐ ชุมชน ในระยะเวลา ๒ ปี โดยให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเป็นหน่วยงานบูรณาการหลักและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมดำเนินการ ประกอบด้วย (๑) กรมประมง (๒) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (๓) ธนาคารออมสิน (๔) บริษัทประชารัฐรักสามัคคี (๕) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ (๖) กระทรวงพาณิชย์ โดยการนำผลงานวิจัยที่มีองค์ความรู้เดิมและมาต่อยอดเพื่อเพิ่มอัตราการรอดของลูกปูม้า ก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล และการขยายผลของธนาคารปูม้าที่มีอยู่และประสบความสำเร็จไปสู่ชุมชนอื่น ๆ อย่างเหมาะสมกับบริบทพื้นที่และสภาวะชุมชน โดยการสนับสนุนเงินทุน (สินเชื่อ) ในการจัดตั้งธนาคารปูม้า และสนับสนุนการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบ e-commerce เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เสนอ ทั้งนี้ ให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่กรมประมงได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมให้ความรู้แก่ชุมชน เรื่อง การจัดตั้งธนาคารปูม้าและติดตามผล ๑๕ แห่ง จำนวน ๙๐๐,๐๐๐ บาท และที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมการจัดการความรู้และเผยแพร่ผลผลิตจากผลการวิจัย และสิ่งประดิษฐ์ไปสู่การใช้ประโยชน์ จำนวน ๑๕๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินงาน ควรคำนึงถึงความพร้อมและความต้องการของชุมชนเป็นหลัก โดยประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนรับทราบประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สิน ในกรณีที่ชุมชนไม่สามารถบริหารจัดการสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคารออมสินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความเสี่ยงจากการขาดความต่อเนื่องในการดำเนินงานร่วมกันของคนในชุมชน รวมทั้งควรจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค ความสำเร็จ และผลกระทบจากการดำเนินงาน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์และเกิดความยั่งยืนในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15628 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนล่าง 2 และการเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่น ๆ | คค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ และการเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่น ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามข้อสั่งการในการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคกลาง (๑๖ จังหวัด) ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างทางหลวงสายเลี่ยงเมือง จากสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๕๑๐ (หนองหญ้าปล้อง) จังหวัดเพชรบุรี ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร ของกรมทางหลวง (๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๓) เร่งรัดการเปิดให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางน้ำโดยเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวไทยเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ของกรมเจ้าท่า ๒. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ของกระทรวงคมนาคม ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์) ได้แก่ (๑) พัฒนาความเชื่อมโยงสนับสนุนระบบโลจิสติกส์กับพื้นที่อื่น ๆ (๒) การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมเพื่อสนับสนุนการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยว และ (๓) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงไปยังพื้นที่เกษตรกรรม ๓. ผลการดำเนินงานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๐ ของพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๔ จังหวัด (จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์) ซึ่งได้รับความเสียหายจำนวนทั้งสิ้น ๓๓ สายทาง ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน ๒๒ สายทาง คิดเป็นร้อยละ ๖๖.๖๗ อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน ๔ สายทาง คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๑๒ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ จำนวน ๗ สายทาง คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๒๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15629 | แนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (The Royal Coast หรือ Thailand Riviera) | กก | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (The Royal Coast หรือ Thailand Riviera) ซึ่งประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ มาตรการสำคัญ และแผนงานโครงการเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก ๔ จังหวัด (จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง) ให้เต็มตามศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่ รวมถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐในอนาคต เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้สู่เมืองรองและชุมชนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวฯ ดังกล่าวต่อไป ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานโครงการเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔๕ โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๑๗๐.๖๙ ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ทันต่อสถานการณ์เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการเล่นกีฬาต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกีฬาที่ได้รับความนิยมและนักกีฬาชาวไทยที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ เช่น กีฬากอล์ฟ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนมาตรการทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟให้เหมาะสมเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้แก่นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้นด้วยในการแข่งขันกีฬาสู่ความเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15630 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการจัดบริการสาธารณสุข ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | สธ | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณ จำนวน ๕,๑๘๖.๑๓ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการบริการสาธารณสุขและเพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่องของหน่วยบริการ จำนวน ๒ รายการ ประกอบด้วย (๑) ค่าใช้จ่ายบริการสำหรับผู้ป่วยในสำหรับหน่วยบริการทุกสังกัด ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๔,๑๘๖.๑๓ ล้านบาท และ (๒) ค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานด้านการป้องกันโรคร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโครงการคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) ซึ่งเป็นบริการเชิงรุกเพื่อเน้นการดูแลป้องกันก่อนการเจ็บป่วย เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการปฏิบัติงานและภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อลดภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจัดทำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการให้บริการสาธารณสุขของไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15631 | การแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว | นร09 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชกำหนด จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกำหนดกระบวนการในการควบคุมและตรวจสอบการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงาน การทำงานของคนต่างด้าว การรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน ให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดให้ใช้ระบบอนุญาตเพียงเท่าที่จำเป็น ตลอดจนปรับปรุงอัตราโทษให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวทั้งระบบ ๑.๒ ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อยกเลิกการห้ามคนต่างด้าวเข้ามามีอาชีพเป็นกรรมกรหรือรับจ้างทำงานด้วยกำลังกายโดยไม่ได้อาศัยวิชาความรู้หรือการฝึกทางวิชาการ และกำหนดห้ามเฉพาะการเข้ามาทำงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15632 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม OECD SEARP Ministerial Conference | กต | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ซึ่งจะเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับรัฐมนตรีของโครงการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา [OECD Southeast Asia Regional Programme (SEARP) Ministerial Conference : OECD SEARP Ministerial Conference] ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง OECD กับประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้โครงการ SEARP เกี่ยวกับการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ OECD และอาเซียนใช้กลไกนี้ผลักดันให้เกิดการดำเนินงานด้านการเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยอาจกำหนดโครงการความร่วมมือที่ชัดเจนขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15633 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนริสชัย ป้อมเสือ) | นร | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนริสชัย ป้อมเสือ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15634 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้มีการบริโภคน้ำนมข้าวให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้สร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์จากการบริโภคน้ำนมข้าว เพื่อเป็นการส่งเสริมสินค้าที่แปรรูปมาจากข้าวและให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถบริโภคผลิตภัณฑ์นมที่มาจากสัตว์ด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาหารที่ให้สารโปรตีนไว้บริโภคเองให้มากยิ่งขึ้น เช่น การส่งเสริมให้เลี้ยงสุกรไว้บริโภคในครัวเรือน เป็นต้น ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งนำเรื่องเกี่ยวกับการจัดจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ ๓ (E-PASSPORT PHASE 3) เสนอคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างพิจารณาโดยด่วน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15635 | ผลการประชุมแนวทางปรับปรุงคูน้ำริมถนนวิภาวดี คลองเปรมประชากร บึงมักกะสัน เพื่อพัฒนาระบบระบายน้ำ พัฒนาชุมชนคลองเปรมประชากร และบึงมักกะสัน | นร04 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานผลการประชุมร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงคูน้ำริมถนนวิภาวดี คลองเปรมประชากร บึงมักกะสัน เพื่อพัฒนาระบบระบายน้ำ พัฒนาชุมชนคลองเปรมประชากร และบึงมักกะสัน เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15636 | ความเห็น ข้อเสนอแนะ และสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบ ของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี 2559 | พม | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็น ข้อเสนอแนะ และสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบ ของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี ๒๕๕๙ ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและกฎหมาย รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะของหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลต่อพื้นที่มากกว่าหนึ่งจังหวัด ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ๔ ประเด็นใหญ่ ๆ คือ ๑) การพัฒนาระบบการเกษตร ๒) การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓) การพัฒนาสังคม ๔) การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ๑.๒ รับทราบสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบและข้อเสนอแนะ แนวทางแก้ไขเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ ได้แก่ ๑) ปัญหาโรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าถ่านหิน ๒) การจัดการปัญหาขยะและปัญหาขยะในทะเล ๓) ปัญหาภัยแล้ง/น้ำท่วม ๔) ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ๒. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์ผลและความคืบหน้าการดำเนินการให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มกระทรวงมหาดไทยในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรส่งเสริมบทบาทและเสริมสร้างศักยภาพของสภาองค์กรชุมชนตำบล ควรเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลการดำเนินการของโครงการจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ควรเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ที่มีส่วนได้เสียอย่างน้อย ๒ ครั้ง โดยกำหนดเป็นข้อบังคับว่าในการรับฟังความคิดเห็นแต่ละครั้งจะต้องมีองค์ประกอบของที่ประชุมเป็นไปในลักษณะคณะกรรมการร่วม ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาองค์กรชุมชนตำบล ผู้นำท้องที่ ภาคประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของโครงการ ควรให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการเกษตร ให้มีการบูรณาการและการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆ และควรประมวลความคืบหน้าอย่างเป็นระบบเพื่อทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนงานที่สอดคล้องตามข้อเสนอ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15637 | การประกาศใช้บังคับมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 | ศร | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประกาศใช้บังคับมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญประกอบด้วย ๔ หมวด ได้แก่ (๑) มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ (๒) มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก (๓) จริยธรรมทั่วไป (๔) การฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ม.๒๑๙ ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15638 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีการและอัตราที่ผู้รับอนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำแม่น้ำต้องเสียค่าตอบแทนเป็นรายปี พ.ศ. .... | คค | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีการและอัตราที่ผู้รับอนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำแม่น้ำต้องเสียค่าตอบแทนเป็นรายปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดวิธีการและอัตราค่าตอบแทนที่ผู้รับอนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทยหรือบนชายหาดของทะเลดังกล่าว ต้องเสียค่าตอบแทนเป็นรายปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดมาตรการควบคุมกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย ในกรณีการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำน้ำมิให้เกิดผลกระทบต่อวิถีในการดำรงชีวิต โดยปกติของประชาชนหรืออาจก่อให้เกิดภาระต่อประชาชนจนเกินควร ๒.๒ รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับทุ่นหรือหลักผูกเรือสำราญและกีฬาตามมาตรา ๑๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนการเสียค่าตอบแทนเป็นรายปีจะต้องมีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหามลพิษที่จะเกิดจากการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำอย่างรัดกุม โดยเฉพาะปัญหาน้ำเสียและขยะมูลฝอย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15639 | การลงนามในกรอบข้อตกลงการดำเนินงานกับกองทุนโลกเพื่อต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรคและมาลาเรีย พ.ศ. 2561-2563 | สธ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการลงนามในกรอบข้อตกลงการดำเนินงาน (Framework Agreement) ระหว่างรัฐบาลไทยกับกองทุนโลกเพื่อต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ๑.๒ เห็นชอบเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทกับกองทุนโลกฯ โดยวิธีอนุญาโตตุลาการที่กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยใช้ภาษาอังกฤษ ตามกฎเกณฑ์ของอนุญาโตตุลาการของกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ (UNCITRAL Arbitration Rules) ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นคู่สัญญาแทนรัฐบาลไทย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในกรอบข้อตกลงการดำเนินงานในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ๑.๔ มอบหมายกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคลงนามในเอกสารยืนยันการรับทุน (Grant Confirmation) กับกองทุนโลกฯ และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกองทุนโลกฯ ในแต่ละรอบการให้ทุนของกองทุนโลกฯ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีตามข้อ ๑ วรรค ๑.๑(๒) (a) (ii) ของกรอบข้อตกลงฯ ซึ่งกำหนดให้ควรมีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินสนับสนุนจากกองทุนโลกฯ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการร่วมกับกองทุนโลกฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันและสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่กองทุนโลกฯ หรือองค์กรที่มีลักษณะเดียวกันในอนาคต ตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15640 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับกระทรวงการอุดมศึกษา การวิจัยและนวัตกรรม สาธารณรัฐฝรั่งเศส | วท | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการอุดมศึกษา การวิจัยและนวัตกรรมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ครอบคลุมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพและความหลากหลายทางชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอวกาศ การสำรวจระยะไกล ระบบภูมิสารสนเทศและการสอบเทียบ เป็นต้น รวมทั้งรูปแบบความร่วมมือจะเป็นไปในลักษณะของโครงการวิจัยและพัฒนาร่วม การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ การประชุมร่วม การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่มีความประสงค์จะให้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นความตกลงระหว่างประเทศก็สมควรเพิ่มเติมรัฐบาลของทั้งสองประเทศในชื่อของคู่ภาคีไว้ให้ชัดเจนด้วย และเห็นควรขยายขอบเขตความร่วมมือทางด้านการวิจัยและพัฒนา/ต่อยอดเทคโนโลยีในสาขาที่ฝรั่งเศสมีความโดดเด่นและมีศักยภาพสูงเพิ่มเติม อาทิ เทคโนโลยีทางการแพทย์ เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ยา/เภสัชภัณฑ์ และเทคโนโลยีเภสัชกรรม ตลอดจนความร่วมมือในด้านงานวิจัยพื้นฐาน รวมทั้งควรเร่งเตรียมความพร้อมด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ และระบบข้อมูลสำคัญ ๆ เพื่อรองรับความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภาคเอกชน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดสาขาโครงการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับนโยบายที่สำคัญต่าง ๆ ของประเทศ เช่น นโยบายประเทศไทย ๔.๐ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และ ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เป็นต้น เพื่อให้โครงการวิจัยตามบันทึกความเข้าใจฯ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
|
.....