ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 784 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15661 - 15680 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15661 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประจำปี 2560 | ยธ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประจำปี ๒๕๖๐ ในอัตราไม่เกิน ๘,๓๘๖ คน จากจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดทั้งหมด ๖๑๙,๓๖๑ คน โดยจัดสรรให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในกรอบอัตราไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง และไม่เกินร้อยละ ๐.๕ ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อนตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และหากไม่เพียงพอก็ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการโดยยึดหลักความโปร่งใสและเป็นธรรม โดยให้พิจารณากำหนดสัดส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษในส่วนกลาง ในส่วนภูมิภาค และในพื้นที่ชายแดน ให้ชัดเจน เหมาะสม และเป็นธรรม ๓. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีการตรวจตราและเฝ้าระวังพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15662 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวนิลเนตร วีระสมบัติ) | สธ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวนิลเนตร วีระสมบัติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) (ด้านเวชกรรม) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15663 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช 2481 พ.ศ. .... | นร09 | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ พ.ศ. .... ของกระทรวงคมนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ยกร่างขึ้นใหม่ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นกับกรณีของเรือประมง โดยแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบการจดทะเบียนเรือประมง สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของเจ้าของเรือหรือผู้ครอบครองเรือประมง ตลอดจนการกำหนดบทลงโทษให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำความผิดอันจะทำให้การแก้ไขปัญหาการทำประมงสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนและเป็นระบบ อันจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการประมงของประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนและพิจารณาจัดสรรในส่วนของอัตรากำลังให้กับกรมเจ้าท่าให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15664 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมฯ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ ไปปฏิบัติและติดตาม ซึ่งการประชุมฯ มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) เอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุม โดยที่ประชุมคณะมนตรีประสานอาเซียนยืนยันว่าเอกสารฉันทามติอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของแรงงานต่างด้าว ซึ่งผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้ลงนามแล้วมิได้มีข้อผูกพันทางกฎหมาย และฝ่ายไทยได้แจ้งที่ประชุมว่าการลงนามในเอกสารดังกล่าวจะไม่ถือว่าเป็นการสร้างพันธกรณีทางกฎหมายให้ฝ่ายไทย และ (๒) ประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น การย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในวิวัฒนาการของการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคและการรักษาความเป็นเอกภาพของอาเซียนเพื่อรับมือกับโลกที่มีพลวัตรและความท้าทายรูปแบบใหม่ ๆ โดยเฉพาะการรับมือกับปัญหาภายในและภายนอกภูมิภาค สถานการณ์ในรัฐยะไข่ ผู้นำทุกประเทศแสดงความห่วงกังวลต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นสถานการณ์หนี่งในภูมิภาคที่เป็นบททดสอบสำคัญของอาเซียนในการรับมือและแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมและการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน รวมทั้งสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ผู้นำทุกประเทศแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีและหลายประเทศเห็นพ้องกันว่าควรแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค พร้อมสนับสนุนให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุนิวเคลียร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการติดตามผลการประชุมฯ ในประเด็นด้านเศรษฐกิจ เรื่องการสนับสนุนให้ปฏิบัติตามวาระการดำเนินงานในการสร้างความตระหนักในเรื่องการส่งเสริมขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของสตรีในอาเซียน (Action Agenda on Mainstreaming Women’s Economic Empowerment in ASEAN) และถ้อยแถลงมะนิลาว่าด้วยการส่งเสริมขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของสตรีในอาเซียน (Manila Statement on Mainstreaming Women’s Economic Empowerment in ASEAN) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15665 | ผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 9 | กต | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๙ (9th Mekong-Japan Summit) ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าร่วมการประชุมฯ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพ และการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมในลุ่มน้ำโขงผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ (Hard Connectivity) ในเส้นทางที่สำคัญ และการพัฒนาความเชื่อมโยงที่จับต้องไม่ได้ (Soft Connectivity) โดยเฉพาะด้านกฎระเบียบ และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ซึ่งจะช่วยให้ประเทศลุ่มน้ำโขงสามารถบูรณาการเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลก (Global Value Chain) ได้ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการรับมือกับประเด็นระดับภูมิภาคและโลกต่าง ๆ เช่น ข้อริเริ่มแม่โขงสีเขียว (Free and Open Indo-Pacific Strategy) ของญี่ปุ่น เพื่อสร้างสันติสุข ความมั่นคง และการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในภูมิภาค รวมทั้งข้อริเริ่ม Asia Health and Wellbeing Initiative ของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขร่วมกัน เป็นต้น และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15666 | รายงานผลการทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงในประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ (Out-of-Cycle Review of Notorious Markets) ของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) | พณ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงประจำปี ๒๕๖๐ (2017 Out-of-Cycle Review of Notorious Markets) ซึ่งสหรัฐอเมริกา โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (United States Trade Representative : USTR) ได้ทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงประจำปี ๒๕๖๐ ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) และตลาดออนไลน์ (Online Markets) โดยในปีนี้ไม่ปรากฏชื่อย่านการค้าหรือศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็น Notorious Markets ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) ตลาดออนไลน์ (Online Markets) รวมทั้งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบอื่น ได้แก่ การละเมิดลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และการผลิต นำเข้า จำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย หรือรับติดตั้งกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ๒.๒ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น สอดส่องดูแลไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในพื้นที่ของตน และหากพบการจำหน่ายสินค้าละเมิด ให้พิจารณาดำเนินมาตรการทางปกครองตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่เห็นควรให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบและเจ้าของอาคารสถานที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเฝ้าระวัง ให้ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เจ้าของอาคารสถานที่ และเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาจะต้องประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดร่วมมือกันในการป้องกันมิให้มีการซื้อขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15667 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. .... | พณ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรยกเว้นค่าธรรมเนียม กรณีหน่วยราชการขอเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อไปปฏิบัติงานของหน่วยงาน เช่น การดำเนินคดี เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณากำหนดมาตรการควบคุมตรวจสอบการจดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ให้มีความถูกต้องและโปร่งใส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริต รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาลดขั้นตอนและระยะเวลาในการจดทะเบียนให้กระชับมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการให้ใกล้เคียงกับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับในลำดับต้น ๆ เช่น ประเทศนิวซีแลนด์ และควรประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าวให้ผู้ประกอบการโดยทั่วไปรับทราบอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรบูรณาการความร่วมมือเพื่อลดขั้นตอนและเอกสารที่ซ้ำซ้อนในกระบวนการจัดตั้งและจดทะเบียนการประกอบธุรกิจ ตลอดจนเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15668 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายปัญญาพล ศรีแสงแก้ว) | นร05 | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปัญญาพล ศรีแสงแก้ว ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15669 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... | มท | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลดอนมะโนรา ตำบลบางนกแขวก ตำบลบางคนที ตำบลยายแพง ตำบลบางยี่รงค์ ตำบลจอมปลวก ตำบลกระดังงา ตำบลโรงหีบ ตำบลบ้านปราโมทย์ ตำบลบางกระบือ ตำบลบางสะแก ตำบลบางกุ้ง และตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวง ควรกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ และกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน มีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับอุตสาหกรรมบางประเภท และควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15670 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... | พณ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลงอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15671 | ข้อเสนอแนะเรื่องการครอบครองที่ดินของคนต่างด้าว | มท | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเรื่องการครอบครองที่ดินของคนต่างด้าวของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และผลการพิจารณาข้อเสนอแนะดังกล่าว ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยข้อเสนอเร่งด่วน กรมที่ดินและกรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับที่จะนำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติราชการ โดยบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดให้มีศูนย์ข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ช่องว่างของกฎหมายในการถือครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีหน่วยงานมีกฎหมายและระเบียบอยู่แล้ว ให้เร่งรัด กำชับเจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ส่วนข้อเสนอระยะยาว กรมที่ดินและกรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับไปศึกษาทบทวนแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดิน (เรื่องเพิ่มโทษ) พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ (เรื่อง คนต่างด้าวมีอำนาจบริหารหรือครอบงำนิติบุคคล) และพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการพิจารณาดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีกฎหมายหลายฉบับยกเว้นให้บุคคลต่างด้าวสามารถถือครองที่ดินเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ เช่น พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ และร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... รวมทั้งมีร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเงินสินบนแก่ผู้ชี้ช่องแจ้งเบาะแสกรณีคนไทยถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว หรือกรณีความผิดต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) จะรับไปศึกษานั้น สมควรจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบให้เหมาะสม เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่และยังไม่มีกฎหมายและหลักเกณฑ์ใด ๆ รองรับ และให้แจ้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15672 | ความเห็น ข้อเสนอแนะ และสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบ ของที่ประชุมในระดับชาติ ของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี 2560 | พม | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็น ข้อเสนอแนะ และสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบ ของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี ๒๕๖๐ ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและกฎหมาย รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะของหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลต่อพื้นที่มากกว่าหนึ่งจังหวัด ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ๗ ประเด็นใหญ่ ๆ คือ ๑) สิทธิชุมชนกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒) ผลกระทบจากการใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ ๓) ผลกระทบจากพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และฉบับเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๐ ๔) การแก้ปัญหายางพารา ๕) การจัดการปัญหาที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม ๖) สังคมไทยกับการพัฒนาระบบรองรับสังคมสูงวัย ๗) ความมั่นคงทางอาหารต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ๑.๒ รับทราบสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบและข้อเสนอแนะ แนวทางแก้ไขเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ ได้แก่ ๑) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ๒) ปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ ๓) ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ๔) ปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง และถนนมอเตอร์เวย์ ๒. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์ผลและความคืบหน้าการดำเนินการให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นว่าในประเด็นการขยายระยะเวลาการขึ้นทะเบียนแก่ประชาชนที่ยังไม่ดำเนินการขออนุญาตการจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาอนุญาต ควรกำหนดให้มีองค์ประกอบจากหลายภาคส่วน ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐ ผุ้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาชน สภาองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคมท้องถิ่น ท้องที่ เพื่อร่วมให้ความเห็นในการพิจารณาต่อสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ สำหรับประเด็นการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ควรรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงแก้ไขให้เกิดความเหมาะสม และจัดทำมาตรการเพื่อผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป และสำหรับประเด็นปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง และถนนมอเตอร์เวย์ เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกำหนดอัตราค่าชดเชยให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรมและควรคิดคำนวณรวมค่าเสียโอกาสในการประกอบอาชีพในระหว่างการรื้อย้ายให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบรวมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15673 | ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลสหกรณ์ | กษ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลสหกรณ์ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งผลการพิจารณาในภาพรวม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น การให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนซึ่งมีอยู่จำนวนมากอาจส่งผลต่องานในหน้าที่หลักซึ่งกระทบต่อหลายหน่วยงาน รวมถึงระบบการเงินของประเทศด้วย และในกรณีการให้มีหน่วยงานอิสระในการกำกับดูแลสหกรณ์ เห็นควรให้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบองค์การหรือหน่วยงานอิสระที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินกิจการของสหกรณ์ด้วย เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลสหกรณ์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้ภายใน ๑ ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15674 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... | สว | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของเลขาธิการตามมาตรา ๔๔ ควรมีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคน โดยคณะกรรมการดังกล่าวควรประกอบด้วยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญอันจะเป็นประโยชน์แก่การกำหนดนโยบายและการดำเนินการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ๑.๒ ในกรณีที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องใด ๆ ควรให้ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพเรือ และภาคประชาชนด้วย ๑.๓ เพื่อให้การประกาศกำหนดให้บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษได้รับการลดหย่อนภาษีตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง บังเกิดผลเป็นรูปธรรม เมื่อคณะกรรมการนโยบายประกาศตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ เพื่อให้การกำหนดตามมาตรานี้บังเกิดผลประโยชน์สูงสุด ๑.๔ การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกรณีที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราตามมาตรา ๕๘ (๑) คณะกรรมการนโยบายควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลอื่นใดแยกต่างหากจากกัน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้มีการอาศัยสิทธิพิเศษที่ได้รับตามกฎหมายนี้เป็นช่องทางในการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศได้ง่ายจนปราศจากการควบคุมหรือนำไปใช้จ่ายในกิจการที่ไม่เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายนี้ ๑.๕ การใช้อำนาจในการพิจารณางดหรือลดค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๓๕ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15675 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระของส่วนราชการ | นร07 | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ หนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นได้ดำเนินการชำระหนี้แล้ว จำนวน ๖๖๔.๖๘๙ ล้านบาท (ร้อยละ ๗๒.๕๓) จากยอดหนี้รวม ๙๑๖.๔๙๐ ล้านบาท คงเหลือหนี้ค้างชำระ ๒๕๑.๘๐๑ ล้านบาท ๑.๒ หนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นได้ดำเนินการชำระหนี้แล้ว จำนวน ๓๗,๒๐๔.๑๐๙ ล้านบาท (ร้อยละ ๙๔.๒๕) จากยอดหนี้รวม ๓๙,๔๗๔.๓๓๓ ล้านบาท คงเหลือหนี้ค้างชำระ ๒,๒๗๐.๒๒๔ ล้านบาท ๒. เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระของส่วนราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ ต่อไป รวมทั้งให้ความสำคัญกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การลดพลังงานมาเป็นตัวชี้วัดเพื่อการปฏิรูปหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานราชการเชิงผลสัมฤทธิ์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15676 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกิจการภายในแห่งรัฐบาลแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน | วธ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกิจการภายในแห่งรัฐบาลแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน (Home Affairs Bureau of the Government of the Hong Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of China) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเสริมสร้างความร่วมมือในด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และมีเนื้อหาโดยรวมในการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประชาชนและหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและศิลปะ และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมและศิลปะระหว่างกัน โดยจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ในช่วงการเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของฮ่องกง (นาย Lau Kong-wah) ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์-๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15677 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา | นร | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ต่อสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเป็นกรณีเฉพาะราย วงเงิน ๔๐,๗๙๓,๔๗๐ บาท หรือ ๑,๒๙๐,๙๓๒.๕๘ ดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๑.๖๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ การดำเนินการเช่าอาคารดังกล่าว สกท. จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ตลอดจนจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ สกท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มบทบาทด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจ และมีการสนับสนุนให้การดำเนินภารกิจของสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนในต่างประเทศเป็นไปอย่างครบถ้วน มีประสิทธิภาพ และมีความคุ้มค่า รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนในต่างประเทศเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15678 | การพิจารณากำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ในปี 2561 | นร05 | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ในปี ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. กำหนดให้วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๑ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษอีก ๑ วัน ในปี ๒๕๖๑ เพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวม ๕ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๒-๑๖ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดเป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีต่อไป ๓. ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน ๔. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เร่งรัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนและมาตรการด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15679 | การรับรองเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 8 | วธ | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ประธานสำหรับการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๘ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงโซเฟีย บัลแกเรีย โดยร่างแถลงการณ์ประธานฯ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นการสนับสนุนบทบาทของวัฒนธรรมในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครอง ฟื้นฟู ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมเป็นพิเศษ ๑.๒ อนุมัติให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๘ ให้การรับรองเอกสารแถลงการณ์ประธานฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ประธานฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15680 | การเตรียมการเพื่อดำเนินนโยบายสำคัญของทางราชการ | กค | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลว่า การกำหนดรายละเอียดหรือคุณลักษณะของงานก่อสร้างหรือปรับปรุงถนน สนามกีฬา ฯลฯ โดยมีความจำเป็นจะต้องกำหนดที่มาของวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการดำเนินการดังกล่าว โดยกำหนดให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบจากน้ำยางพาราที่ซื้อจากการยางแห่งประเทศไทย หรือที่ได้รับรองจากการยางแห่งประเทศไทยว่าได้ซื้อน้ำยางพาราจากเกษตรกรโดยตรง ก็ถือเป็นดุลพินิจของหน่วยงานที่จะกำหนดได้ตามความต้องการ
|
.....