ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 790 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15781 - 15800 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15781 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. .... | นร09 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางเกี่ยวกับการดำเนินคดีแพ่งและคดีปกครอง รวมทั้งองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15782 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ครั้งที่ 3 | กต | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ครั้งที่ ๓ (Draft Agreed Minutes of the 3rd Meeting of the High Joint Commission for Bilateral Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Kingdom of Bahrain) ซึ่งบาห์เรนจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน โดยสาระสำคัญของร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงฯ ครั้งที่ ๓ ครอบคลุมความร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การค้าการลงทุนและความมั่นคงทางอาหาร (๒) สาธารณสุข (๓) วัฒนธรรม และ (๔) ด้านอื่น ๆ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงฯ ครั้งที่ ๓ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงฯ ครั้งที่ ๓ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15783 | ผลการเดินทางไปราชการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ | กห | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางไปราชการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๕-๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนและเลขาธิการอาเซียนได้หารือร่วมกัน รวมทั้งรับฟังการบรรยายในหัวข้อการก่อการร้ายด้านวิวัฒนาการและการสร้างเครือข่ายของกลุ่มก่อการร้ายในภูมิภาค และแลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคง โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กล่าวถึงความสำคัญของกลไกความร่วมมือด้านการข่าวว่าเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนที่สามารถประสานความร่วมมือในการเฝ้าระวัง ติดตาม และแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมรับรองแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการต่อต้านการก่อการร้ายในอาเซียน ๒. การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งที่ประชุมได้หารือความร่วมมือด้านความมั่นคง และเห็นชอบต่อข้อเสนอของจีนในการจัดการฝึกร่วมทางทะเลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ๒๕๖๑ ๓. การเข้าร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการ Singapore Airshow 2018 และเข้าเยี่ยมชมการแสดงยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ของประเทศที่เข้าร่วมงานนิทรรศการ ๔. การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นเอกภาพของอาเซียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชนในภูมิภาคกว่า ๖๐๐ ล้านคน และได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหาร และได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมโครงการ Our Eyes Initiative เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการเสริมสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข่าวสารในระดับยุทธศาสตร์ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15784 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง และขอใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร04 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน ๑๘ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๖ ระยะเวลา ๖๐ เดือน (มิถุนายน ๒๕๖๑-พฤษภาคม ๒๕๖๖) วงเงินรวมทั้งสิ้น ๖๕,๐๘๐,๘๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๔,๓๓๘,๗๒๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเช่ารถยนต์ดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ระยะเวลา ๔ เดือน (มิถุนายน-กันยายน ๒๕๖๑) โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖๐,๗๔๒,๐๘๐บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15785 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่า จำนวน 1 คัน | นร07 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่า จำนวน ๑ คัน ในอัตราค่าเช่า ๕๓,๖๔๐ บาทต่อคันต่อเดือน ระยะเวลาเช่า ๓ ปี ๗ เดือน (มีนาคม ๒๕๖๑-กันยายน ๒๕๖๔) ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการต่ำกว่า ๕ ปี ภายในวงเงิน ๒,๓๐๖,๕๒๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๓๗๕,๔๘๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑,๙๓๑,๐๔๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ โดยจะเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15786 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 | นร | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบ ๑ เรื่อง ได้แก่ (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกรอบการดำเนินงานของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติในการจัดประชุม ปี ๒๕๖๑ และ (๒) การดำเนินงานของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ๑.๒ เห็นชอบ ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) แนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการ (๒) แผนงานและงบประมาณการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (๓) การบริหารจัดการน้ำและแนวทางการพัฒนาเพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) (๔) โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ (๕) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำแบบบูรณาการ พื้นที่ ๖ ตำบล อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี และ (๖) ขอความเห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินงานการใช้จ่ายงบประมาณและโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ๑.๓ เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำ ปี ๒๕๖๑ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามผลการประชุมฯ และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนงานเร่งด่วนและแผนการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่อย่างเป็นระบบ Area Based แผนงานบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี ๒๕๖๒ การจัดทำแผนแม่บทสำคัญ ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแบบบูรณาการ พื้นที่ ๖ ตำบล อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15787 | การปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง | นร10 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ และร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๖ ฉบับ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ได้แก่ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการโดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๒.๑ ให้แก้ไขกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและกฎหมายจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง โดยทบทวนบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการกำหนดเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากได้นำเงินเพิ่มค่าครองชีพมารวมกับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งตามร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ แล้วแต่ละองค์กรจึงไม่ควรมีอำนาจกำหนดเงินเพิ่มค่าครองชีพดังกล่าวอีก ๒.๒ ให้แยกการกำหนดเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกจากร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑.๓ เป็นกฎหมายเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้แยกศาลรัฐธรรมนูญออกจากองค์กรอิสระเป็นองค์กรศาลแล้ว และให้กำหนดการมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกันกับประธานศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และรองประธานศาลปกครองสูงสุด ในอัตรา ๑๒,๕๐๐ บาท/เดือน และ ๗,๓๐๐ บาท/เดือน ตามลำดับ โดยให้เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยให้นำเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวมารวมเป็นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งตามหลักการเดียวกับกรณีของศาลยุติธรรมและศาลปกครอง ๒.๓ ให้นำการกำหนดเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมากำหนดเพิ่มเติมไว้ในร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑.๓ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และองค์กรอิสระอื่น ๒.๔ ให้รวมร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑.๕ และ ๑.๖ เป็นฉบับเดียวกันเพื่อความสะดวกในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑.๑-๑.๓ เมื่อส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑.๑-๑.๔ แล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป สำหรับร่างพระราชกฤษฎีกาตามข้อ ๑.๕ และ ๑.๖ เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยกำหนดให้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งเท่ากับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และมีจำนวนเท่ากับคณะรัฐมนตรี และให้พิจารณาการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ช่วยรัฐมนตรีไว้ด้วย โดยคำนึงถึงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และให้เสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔. ให้ความเห็นชอบสำหรับค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายตุลาการและองค์กรอิสระและองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญดังกล่าว โดยให้ใช้งบประมาณของแต่ละหน่วยงานก่อน ตามที่คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15788 | รายงานผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ จำแนกตามลักษณะการดำเนินงาน ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านเศรษฐกิจ งบประมาณ ๖๙๔,๒๓๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๖๓๖,๖๑๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๗๐ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๔.๓๐ (๒) ด้านสังคม งบประมาณ ๘๕๙,๒๑๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๘๓๑,๔๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๗๖ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๐.๗๖ (๓) ด้านความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรม งบประมาณ ๗๐๓,๐๑๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๖๔๗,๕๐๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๑๐ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๓.๙๐ และ (๔) ด้านบริหารและหน่วยงานอิสระของรัฐ งบประมาณ ๔๗๖,๕๔๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๔๗๑,๐๒๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๘.๘๔ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๒.๘๔ ๑.๒ การประเมินผลสัมฤทธิ์งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พบว่า มีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญ ได้แก่ จำนวนตัวชี้วัดหลายระดับ ซึ่งอาจเกินความจำเป็นและส่วนใหญ่ไม่มีผลต่อการวัดผลสำเร็จอย่างแท้จริง รวมทั้งหน่วยงานไม่ให้ความสำคัญกับการบันทึกข้อมูลการติดตามประเมินผลในระบบของสำนักงบประมาณ ๑.๓ ข้อเสนอแนะเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงการประเมินผลสัมฤทธิ์ในปีต่อ ๆ ไป ได้แก่ การทบทวนโครงสร้างตัวชี้วัดอย่างเป็นระบบและศึกษารูปแบบที่เหมาะสมกับบริบทของระบบงบประมาณของไทย และการนำผลการติดตามประเมินผลจากการบันทึกข้อมูลในระบบ BB EvMis (ระบบฐานข้อมูลแผน/ผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบฯ) ของสำนักงบประมาณนำเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นนำข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณไปใช้เป็นแนวทางในการทบทวนการกำหนดตัวชี้วัดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเน้นการกำหนดตัวชี้วัดที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างแท้จริง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ตัวชี้วัดด้านการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และตัวชี้วัดด้านการปราบปรามการทุจริต ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15789 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) (วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561) | นร | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15790 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ งบประมาณ จำนวน ๒,๙๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๑๒๔,๕๙๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๗๘ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๐.๐๒ (เป้าหมายภาพรวมร้อยละ ๓๘.๗๖) จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๒๔๐,๒๑๙ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๐๑๐,๙๖๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๑๓ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๓.๖๗ (เป้าหมายรายจ่ายประจำร้อยละ ๔๑.๔๖) และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๖๕๙,๗๘๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๙๔,๖๙๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๔.๖๗ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๑๓,๖๓๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๗.๒๒ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑๒.๓๕ (เป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๒๙.๕๗) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายในส่วนที่เหลือให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างเคร่งครัด ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15791 | การแจ้งวันที่แน่ชัด (Definitive Dates) ของบทบัญญัติที่ไทยต้องการระยะเวลาปรับตัว (Category B) ของความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (TFA) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) | พณ | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการดำเนินการตามบทบัญญัติที่ต้องการระยะเวลาปรับตัวก่อนการปฏิบัติ (Category B) จำนวน ๓ บทบัญญัติ จากทั้งหมด ๑๒ บทบัญญัติ และให้กระทรวงพาณิชย์แจ้งวันที่แน่ชัด (Definitive Dates) ของมาตรการภายใต้บทบัญญัติ Category B ไปยังองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดแผนการดำเนินงานตามบทบัญญัติใน Category B ที่ชัดเจน สามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งมีการติดตามและรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานให้คณะทำงานเพื่อติดตามการปฏิบัติด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า และคณะอนุกรรมการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า รับทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15792 | ผลการเยือนจังหวัดฟุคุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | นร | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนจังหวัดฟุคุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามคำเชิญของผู้ว่าราชการจังหวัดฟุคุโอะกะ เพื่อพบปะหารือกับภาครัฐและภาคเอกชนท้องถิ่นเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่นไทย-ญี่ปุ่น และการลงทุนจากจังหวัดฟุคุโอะกะและจังหวัดอื่น ๆ ในภูมิภาคคิวชู รวมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคคิวชู ซึ่งการเดินทางเยือนจังหวัดฟูคุโอะกะในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพในด้านอุตสาหกรรมและด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดฟุคุโอะกะและภูมิภาคคิวชู โดยทุกภาคส่วนของจังหวัดมีความกระตือรือร้นและให้คำมั่นที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสนับสนุนภารกิจของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุคุโอะกะ และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำเมืองฟุคุโอะกะ ซึ่งจะเปิดดำเนินการภายในปีนี้ และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติเพื่อให้การติดตามผลการเยือนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15793 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) (พลตำรวจตรี รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร) | ปง | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลตำรวจตรี รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15794 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่ง (ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์) | ยธ | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15795 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561) | นร | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15796 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) (วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561) | นร | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15797 | การเตรียมการเพื่อดำเนินนโยบายสำคัญของทางราชการ | นร | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหายางพาราซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อให้การดำเนินการของทางราชการเป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15798 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ....) | มท | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดบึงกาฬ เพื่อประโยชน์ด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลงอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15799 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ | กต | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายพิชยพันธุ์ ชาญภูมิดล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ๒. นายทรงพล สุขจันทร์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๓. นางศริกานต์ พลมณี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15800 | ขอความเห็นชอบโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโยยีคาร์บอนต่ำ (Greening Industry Through Low Carbon Technology Application For SMEs) | อก. | 06/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
และองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United
Nations Industrial Development Organization : UNIDO) ดำเนินโครงการสนับสนุนผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
(Greening Industry through Low Carbon Technology Application for SMEs) และเห็นชอบร่างหนังสือยืนยันการเข้าร่วมโครงการฯ กับ UNIDO รวมทั้งเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ลงนามหนังสือยืนยัน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายไทยต้องร่วมสมทบดำเนินการในปีแรกในรูปแบบเงินสด
(Cash) ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม)
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายปีต่อ ๆ ไป
ให้เสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรยกระดับองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีการพัฒนาไปสู่การใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน/SMEs ในพื้นที่
รวมทั้งปัจจัยแทรกซ้อนจากการนำเครื่องจักรที่ใช้แล้วมาใช้ในการผลิต ควรมีการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่องค์ความรู้แก่
SMEs ที่มิได้เข้าร่วมโครงการฯ
ควรมีการติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการฯ อย่างใกล้ชิด
และควรให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|