ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 697 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13921 - 13940 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13921 | ร่างเอกสารยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมล้านช้าง - แม่โขง พ.ศ. 2561 - 2565 | ทส | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมล้านช้าง-แม่โขง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขงให้มีความชัดเจนขึ้น การสนับสนุนทางการเงินที่จำเป็นให้กับประเทศสมาชิกควบคู่ไปกับการพัฒนาและขยายตัวของเศรษฐกิจและโครงการการพัฒนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอนุภูมิภาค การส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น และลดช่องว่างการพัฒนาเพื่อสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน รวมถึงการส่งเสริมการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยมีขอบเขตการดำเนินงาน เช่น การจัดทำนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวและการลดผลกระทบอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ๒. อนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองเอกสารและลงนามในหนังสือรับรองร่างเอกสารยุทธศาสตร์ฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13922 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานและกู้เงินระยะสั้นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | คค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้ รฟท. สำหรับการกู้เงิน (๑) เงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และ (๒) เงินกู้ระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ถึง ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ให้ รฟท. เร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมกำกับติดตามการใช้จ่ายเงินกู้ของ รฟท. ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมกำกับติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของ รฟท. อย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13923 | การจัดให้มีบริการเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติเลขหมายเดียว (National Single Emergency Number) | ตช | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาและติดตั้งระบบศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติที่ทันสมัย โดยดำเนินการต่อยอดจากระบบศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ๑๙๑ (Call Center) ปรับเปลี่ยนมาเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีระบบบอกพิกัดตำแหน่งของผู้โทร สามารถรองรับการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีช่องทางแจ้งเหตุฉุกเฉินได้หลายช่องทาง เช่น VDO Call, Social Media, Mobile App, SMS, MMS เป็นต้น และเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดครอบคลุมได้ทั่วทุกภาคและทุกจังหวัดของประเทศ รวมถึงการบูรณาการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทุกเหตุการณ์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหลาย ๆ หน่วยงานเข้าด้วยกันโดยใช้หมายเลข ๑๙๑ เลขหมายเดียว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบในการดำเนินโครงการฯ โดยให้ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายลงทุน (Investment Cost) วงเงิน ๓,๑๔๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ (Operating and Maintenance Expenditure) จำนวน ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗) วงเงิน ๔,๒๓๒.๘๘ ล้านบาท รวมทั้งสิ้น ๗,๓๗๒.๘๘ ล้านบาท จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินการในระยะต่อไปให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น (๑) ระบบศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติควรรองรับการเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญในการเข้าเผชิญเหตุในกรณีต่าง ๆ เป็นต้น (๒) ควรมีการพัฒนาระบบส่งต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความเสถียรและจัดเจ้าหน้าที่รับสายให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และ (๓) ให้คำนึงถึงความเหมาะสมของเทคโนโลยี ความคุ้มค่าของวงเงินลงทุนและแนวทางการติดตามประเมินผลโครงการฯ ด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ และให้ประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติเป็นระยะ ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงที แลในอนาคตเมื่อศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติมีความพร้อมสามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงก่อนพิจารณายกเลิกเลขหมายในระบบฉุกเฉินเลขหมายอื่น ๆ ให้หมดไปตามลำดับ เพื่อลดความสับสนของประชาชนและความซ้ำซ้อนในการทำงาน รวมทั้งเป็นการลดภาระงบประมาณของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13924 | การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ | วท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ท ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ในส่วนของแนวทางการบริหารกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... จากการบริหารและดำเนินงานของสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นการบริหารและดำเนินงานโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ๑.๒ เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ในส่วนของการจัดตั้งและดำเนินการเมืองนวัตกรรม (Food Innopolis) จากการบริหารและดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นการบริหารและดำเนินงานโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ๑.๓ รับทราบหลักการการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ โดยรวมภารกิจดังกล่าวให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานเดียวคือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูประบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นอกจากนี้ เมื่อรวมภารกิจดังกล่าวเข้าด้วยกันแล้วจะทำให้มีรูปแบบการดำเนินการในลักษณะ Platform ที่บูรณาการทั้งประเทศ (Nationwide Cross-Cutting Platform) ภายใต้กลุ่มบริหารและส่งเสริมเขตนวัตกรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างใหม่ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยบูรณาการการดำเนินงานอุทยานวิทยาศาสตร์และเขตนวัตกรรมของประเทศ ตั้งแต่การกำหนดทิศทางและออกแบบนโยบายในภาพรวมที่สอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การกำกับดูแลและการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงบูรณาการการขับเคลื่อนเมืองนวัตกรรมอาหารและคลัสเตอร์นวัตกรรมอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติรับไปดำเนินการ เช่น การพัฒนากลไกความเชื่อมโยงการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญภายใต้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือการทดลองวิจัย เป็นต้น และควรจัดทำแผนการจัดการงบประมาณ บุคลากร ภารกิจ และทรัพยากรอื่น ๆ ให้มีความชัดเจนเพื่อให้การรวมภารกิจการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไม่เป็นอุปสรรคและเกิดต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity cost) ต่อการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติในอนาคต เช่น ภาระทางด้านการเงินการคลัง และการขาดแคลนบุคลากร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13925 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ด้วยเครื่องเอกซเรย์ตามโครงการระยะที่ 2 ถึง 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2567 (5 ปี) | กค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ตามโครงการระยะที่ ๒ ถึง ๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ (๕ ปี) ของกระทรวงการคลัง และให้กระทรวงการคลังเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณานำเงินนอกงบประมาณมาสมทบกับงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๕ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และให้ยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสอบราคา ประมาณการราคา และสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13926 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนรวม 12 โครงการ) (การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป) | มท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม ๑๒ โครงการ โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดพื้นที่ดำเนินการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13927 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับโครงการจัดหาและติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัล ระยะที่ ๓ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕,๕๑๔.๔๖๓๗ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรนำผลการประเมินโครงการฯ ในระยะที่ ๑ (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐) และระยะที่ ๒ (ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๒) มาปรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ ๓ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของการดำเนินโครงการฯ และมีความคุ้มค่าของการลงทุน รวมทั้งควรจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคต และรองรับข้อจำกัดของระบบ Long Term Evolution (LTE) ในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาทิ ภัยพิบัติ หรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลต่อความเสถียรของระบบจนไม่สามารถใช้งานเพื่อการสื่อสารได้ โดยอาจพิจารณาใช้อุปกรณ์สื่อสารระบบอนาล็อกควบคู่ไปกับระบบ LTE เพื่อเตรียมการสำหรับรองรับสถานการณ์ดังกล่าว เป็นต้น ไปประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13928 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 | กค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ และ (๒) รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13929 | ผลการพิจารณาความจำเป็นของการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (Hong Kong Economic and Trade Office:HKETO) ประจำประเทศไทย | กต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (Hong Kong Economic and Trade Office : HKETO) ประจำประเทศไทย ให้แล้วเสร็จในโอกาสแรก ทั้งนี้ เพื่อให้สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (HKETO) ประจำประเทศไทย สามารถเปิดทำการได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่รัฐบาลไทยได้ตกลงกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาตรวจสอบความจำเป็นที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงฯ แล้วแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือตอบสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เมื่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้ใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว เพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในเรื่องนี้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13930 | การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (ของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้แก่ประชาชน ปี 2562) | นร01 | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (ของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้แก่ประชาชน ปี ๒๕๖๒) ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) จำนวน ๑๐ โครงการ/กิจกรรม เช่น (๑) การพัฒนาคุณภาพการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) (๒) โครงการประชาสัมพันธ์อุ่นไอรักคลายความหนาว ครั้งที่ ๒ “สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” (กรมประชาสัมพันธ์) (๓) กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี (กรมประชาสัมพันธ์) และ (๔) กิจกรรมรณรงค์ร่วมใจตรวจสอบฉลากกระเช้าของขวัญปีใหม่ (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เป็นต้น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13931 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนรวม 12 โครงการ) [การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (เพิ่มเติม)] | มท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม ๑๒ โครงการ โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดพื้นที่ดำเนินการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13932 | การชำระค่าบำรุงสมาชิกภาพศูนย์การพัฒนาขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Development Centre) | กต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศชำระค่าบำรุงสมาชิกภาพศูนย์การพัฒนาขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Development Centre หรือ DEV) รายปี ในอัตราของ Group C ที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) กำหนดเป็นประจำทุกปี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก และหากกรณีที่ DEV ปรับเปลี่ยนเกณฑ์การจ่ายค่าบำรุงสมาชิก หรือไทยปรับเลื่อนขั้นอยู่ใน Group อื่น ซี่งส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณเพิ่มสูงเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้ให้หลักการไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการชำระค่าบำรุงสมาชิกภาพ DEV ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ (ชำระภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑) จำนวน ๓๗,๗๗๐ ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๑,๔๓๕,๒๖๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการชำระค่าบำรุงสมาชิกภาพ DEV ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (ชำระภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒) จำนวน ๔๑,๕๔๗ ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๑,๕๗๘,๗๘๖ บาท ให้กระทรวงการต่างประเทศปรับแผนการใช้จ่ายในส่วนที่เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ที่ได้จัดสรรงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๕๓๐,๐๘๖,๕๐๐ บาท ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสำหรับการชำระค่าบำรุงสมาชิกภาพ DEV จำนวน ๓๕,๐๐๐ ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๑,๓๖๕,๐๐๐ บาท ไว้ด้วยแล้ว ส่วนภาระค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13933 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนรวม 12 โครงการ) [การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (เพิ่มเติม)] | มท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม ๑๒ โครงการ โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดพื้นที่ดำเนินการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13934 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนและความตกลงการดำเนินงานโครงการ ASEC 2025 ระหว่างอาเซียนกับเยอรมนี | กต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนและร่างความตกลงการดำเนินงานโครงการการเสริมสร้างขีดความสามารถของสำนักเลขาธิการอาเซียนและกระบวนการบูรณาการภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ (Strengthening of the ASEAN Secretariat Capacities and the Integration Process within the Framework of the ASEAN Community Vision 2025 : ASEC 2025) ระหว่างอาเซียนกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน และอนุมัติให้รองเลขาธิการอาเซียนด้านบริหารองค์กรหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ พร้อมให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตาว่า รัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนและรองเลขาธิการอาเซียนฯ ลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ตามลำดับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13935 | ร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 7 | กต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๗ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างเอกสารฯ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าสหพันธรัฐรัสเซีย ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กระทรวงการต่างประเทศ (ไม่มีการลงนาม) โดยร่างเอกสารฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ และประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของทั้งสองฝ่าย โดยมีประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุมฯ ได้แก่ ความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน อุตสาหกรรม พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร การศึกษาและวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรายภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13936 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สหพันธรัฐรัสเซีย | อก | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สหพันธรัฐรัสเซีย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย โดยจะจัดให้มีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13937 | การให้การรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน | พณ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในการรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แจ้งการให้การรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ต่อคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA Joint Committee : ACFTA-JC) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามการดำเนินงานเพื่อบังคับใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการใช้ประโยชน์ของภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13938 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | ทส | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่งเป็นเรื่องด่วน แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13939 | ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .... | ยธ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยคู่ชีวิต เพื่อรองรับสิทธิและหน้าที่ในการเป็นคู่ชีวิต ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13940 | ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มเติมบุคคลที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีสำหรับรถ) | คค | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อกำหนดให้รถของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ และรถของเจ้าหน้าที่สำนักงานดังกล่าว ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานประมาณการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีตามร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ว่า ไทยจะต้องสูญเสียรายได้จากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์คันละประมาณ ๓๕๐ บาท และการยกเว้นภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ประมาณคันละ ๑,๖๐๐-๗,๐๐๐ บาท ซึ่งรถของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงและบุคลากรจะมีจำนวนไม่เกิน ๑๕ คัน โดยไทยจะสูญเสียรายได้เพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับในเชิงเศรษฐกิจจากการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....