ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 693 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13841 - 13860 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13841 | รายงานประจำปี 2560 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | อื่นๆ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๐ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ที่ได้ผ่านการตรวจรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ ทั้งนี้ ให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เร่งรัดการดำเนินการจัดทำรายงานประจำปีในปีต่อ ๆ ไป เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์กำหนดไว้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13842 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 2/2561 | คค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13843 | ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561 | ดศ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องสืบเนื่อง จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๒๐ ปี (๒) (ร่าง) ข้อเสนอการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐ (๓) การเชื่อมต่อโครงข่ายเน็ตประชารัฐเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตในโครงการเน็ตชายขอบ และ (๔) การจัดระเบียบสายสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ๓. เรื่องอื่น ๆ จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ แนวทางการสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๔. เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (๓) รายงานผลการดำเนินงานการจัดงาน Digital Thailand Big Bang 2018 (๔) การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ของสำนักงาน กสทช. (๕) ผลการดำเนินงานโครงการเน็ตประชารัฐของสำนักงาน กสทช. และ (๖) ผลการดำเนินงานและปัญหา อุปสรรค ในการจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงใต้ดิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13844 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 2 ฉบับ) | สลธ.คสช. | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๑ เรื่อง กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบาทและภารกิจของหน่วยงานเพื่อไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน และกำหนดกลไกการขับเคลื่อนภารกิจในการปฏิรูปและการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปและการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินให้มีความต่อเนื่อง ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการได้มาและรักษาไว้ซึ่งบุคลากรตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติไปจนถึงข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับและขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนแม่บท นโยบายสำคัญของรัฐบาลและแผนการปฏิรูปประเทศ ตลอดจนการรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ให้เป็นไปอย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13845 | รายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 | กค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13846 | รายงานผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน | กก | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๑ ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสาระสำคัญของการหารือ ได้แก่ (๑) เหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ฝ่ายไทยเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องอุบัติเหตุดังกล่าว และได้มอบรายงาน ๓ ฉบับ ให้แก่ฝ่ายจีน ได้แก่ มาตรการด้านความปลอดภัยในจังหวัดภูเก็ต การชดเชยค่าเสียหายให้แก่ผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต และความคืบหน้าการกู้เรือฟีนิกซ์ ซึ่งฝ่ายจีนขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น เพิ่มความปลอดภัยทางน้ำ และการดูแลความปลอดภัยด้านทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะการลักทรัพย์ เป็นต้น และ (๒) การกำกับดูแลการท่องเที่ยว ฝ่ายจีนได้มีมาตรการตรวจสอบและลงโทษบริษัทนำเที่ยวที่ผิดกฎหมาย และได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวจีนที่มาท่องเที่ยวในไทยเกี่ยวกับการบังคับให้ซื้อของและมัคคุเทศก์การขาย Optional Tour ให้แก่นักท่องเที่ยว โดยข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายไทย เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลบริษัทนำเที่ยวและร่วมกันตรวจสอบการขายรายการนำเที่ยวและสินค้าที่มีราคาแพง การกำกับดูแลการขายรายการนำเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งให้มีการตรวจสอบการติดป้ายราคาสินค้าให้ชัดเจนและไม่อนุญาตให้เปิดร้านที่รับเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน เป็นต้น และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาผลได้-ผลเสีย ในประเด็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงปรับปรุงระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13847 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง | กต | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๙ ที่ประชุมได้กล่าวขอบคุณอินเดียสำหรับการมีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยอินเดียได้เชิญชวนให้ประเทศลุ่มน้ำโขงใช้ประโยชน์จากเงินกู้ (credit line) จำนวน ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน-อินเดีย เมื่อปี ค.ศ. ๒๐๑๕ สำหรับพัฒนาโครงการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคด้วย ๑.๒ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๑ ที่ประชุมได้หารือทิศทางการดำเนินความร่วมมือในอนาคต โดยเห็นควรนำยุทธศาสตร์ Free and Open Indo-Pacific Strategy ของญี่ปุ่น และกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคอื่น ๆ รวมทั้งแผนแม่บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) (ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๓) มาเป็นแนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือฉบับใหม่ โดยไทยได้เน้นย้ำท่าทีต่อการเป็นประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือในการสร้างความเชื่อมโยงทั้งด้านกายภาพ กฎระเบียบ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านโครงการ Third Country Training Program และจะร่วมกับญี่ปุ่นจัดการประชุม Green Mekong Forum ต่อไป ๑.๓ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๘ ที่ประชุมแสดงความชื่นชมการสนับสนุนทางการเงินจากสาธารณรัฐเกาหลีที่ได้ประกาศเพิ่มงบประมาณสำหรับกองทุน Mekong-ROK Cooperation Fund จากปีละ ๑.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย New Southern Policy เพื่อขยายความร่วมมือกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงและบรรลุเป้าหมายการลดช่องว่างการพัฒนาในอาเซียน โดยไทยได้เน้นย้ำบทบาทของไทยในการเป็นประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อสนับสนุนนโยบาย New Southern Policy พร้อมทั้งเสนอให้ที่ประชุมพิจารณานำแผนแม่บท ACMECS มาเป็นแนวทางในการดำเนินความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลีในอนาคต ๑.๔ การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๑ ไทยได้แสดงความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๑ ในปี ๒๕๖๒ ซึ่งจะเป็นวาระครบรอบ ๑๐ ปี ของกรอบความร่วมมือฯ โดยเน้นย้ำบทบาทของไทยในการเป็นประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกับสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างความสมดุลทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ไทยควรให้ความสำคัญในการผลักดันโครงการภายใต้ความร่วมมือต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศสมาชิก ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือทั้ง ๔ กรอบ เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของประเทศสมาชิกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป รวมทั้งควรผลักดันความร่วมมือในสาขาที่ประเทศหุ้นส่วนการพัฒนามีความรู้และความเชี่ยวชาญ เช่น ความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและด้านกฎระเบียบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13848 | โครงการ/กิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2562 มอบให้แก่ประชาชน | วท | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ/กิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๒ มอบให้แก่ประชาชน โดยแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายเป็น ๒ กลุ่ม รวม ๒๗ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ (๑) วทน. เพื่อเด็ก เยาวชน และประชาชน ๒๔ โครงการ/กิจกรรม และ (๒) วทน. เพื่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ ๓ โครงการ/กิจกรรม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13849 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ปี 2562 | พม | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อมูลกิจกรรมของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ปี ๒๕๖๒ ภายใต้ชื่อ “พม. เติมสุข ทั่วไทย ๒๕๖๒ (Fill with Happiness)” ประกอบด้วย ๔ ความสุข ส่งถึงประชาชน ได้แก่ สุขถ้วนหน้า สุขอาศัย สุขร่วมใจ และสุขยั่งยืน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13850 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสุธน วงษ์ชีรี) | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางพนิดา ศรีสันต์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบัน สุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. นายสุธน วงษ์ชีรี ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13851 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 | มท | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนอสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้รับโอนหรือผู้โอน โดยเรียกเก็บตามราคาประเมินทุนทรัพย์ในอัตราร้อยละ ๐.๐๐๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13852 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 5 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 4 ฉบับ) | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยทับทัน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำเสียว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยน้ำเค็ม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยพลับพลา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ ในท้องที่ตำบลหนองมะค่า และตำบลวังทอง อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี ตามโครงการชลประทานนครสวรรค์ ทางน้ำชลประทานห้วยทับทัน ในท้องที่ตำบลบัวหุ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ถึงตำบลอีเซ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ ทางน้ำชลประทานลำเสียว ในท้องที่ตำบลด่าน และตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ถึงตำบลกุง และตำบลหนองบัวดง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ ทางน้ำชลประทานห้วยน้ำเค็ม ในท้องที่ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ และตำบลกุง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ และทางน้ำชลประทานห้วยพลับพลา ในท้องที่ตำบลทุ่งกุลา อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด และตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน โดยเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำสำหรับกิจการ โรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13853 | ร่างพระราชบัญญัติการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พ.ศ. .... | นร | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายกลางว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน โดยเฉพาะประเด็นร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่สมควรกำหนดบทกำหนดโทษ และควรกำหนดให้ชัดเจนว่าการดำเนินการลักษณะใดเป็นการดำเนินการที่มีมาตรฐานต่ำกว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ความชัดเจนของบทนิยาม ระยะเวลาในการออกกฎหมายลำดับรอง การกำหนดกรอบเวลาและขอบเขตในการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ความสอดคล้องระหว่างวิธีการรับฟังความคิดเห็นกับบริบทของนโยบายสาธารณะในแต่ละเรื่อง ความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ภาครัฐและประชาชนจะได้รับในการดำเนินการ ความจำเป็นในการกำหนดเรื่องการมีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบายสาธารณะเป็นพระราชบัญญัติ รวมทั้งการกำหนดให้คณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะต้องมีคุณสมบัติหรือไม่มีลักษณะต้องห้ามกรณีไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๓. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับการยกเว้นปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ในการเสนอเรื่องนี้ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งรัดดำเนินการเสนอ เรื่อง การขอจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ต่อคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการของกระทรวง และ ก.พ.ร. แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ๔. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13854 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชัยรัตน์ เตชะไตรศักดิ์) | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายพิทยา ไพบูลย์ศิริ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒ นายชัยรัตน์ เตชะไตรศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13855 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 | ปปท. | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13856 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางที่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อสามารถเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตได้ เพื่อรองรับธุรกรรม/นวัตกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นใหม่ (Financial Technology) ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เห็นควรเสนอให้ผู้ให้บริการระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ (Crowdfunding Portal) ซึ่งเป็นตัวกลางในการเสนอขายหุ้นกู้แบบคราวด์ฟันดิง (Debt Crowdfunding) สามารถเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิต เพื่อประโยชน์ในการประเมินความเสี่ยงหรือความสามารถในการชำระหนี้หุ้นกู้ของ SMEs และ Start-up ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลในเรื่องการรักษาความลับข้อมูลลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจอย่างเข้มงวดควบคู่ไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13857 | ร่างพระราชกฤษฎีกาประโยชน์ตอบแทนคณะกรรมการเลขานุการคณะกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. .... | ศย | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราประโยชน์ตอบแทนท้ายร่างพระราชกฤษฎีกา โดยกำหนดอัตราประโยชน์ตอบแทน ประธานกรรมการ จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท กรรมการ จำนวน ๑๒,๐๐๐ บาท เลขานุการ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท และผู้ช่วยเลขานุการ จำนวน ๕,๐๐๐ บาท ตามมติของที่ประชุมที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาประโยชน์ตอบแทนคณะกรรมการ เลขานุการ คณะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราประโยชน์ตอบแทนประธานกรรมการ กรรมการ เลขานุการ และกำหนดอัตราประโยชน์ตอบแทนผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราประโยชน์ตอบแทนท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีผลใช้บังคับไม่ก่อนวันที่ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13858 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ฉบับที่ 4 - 7) | ยธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ฉบับที่ ๔-๗) ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการรายงานการดำเนินการของประเทศไทยตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติเกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายและนโยบายเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ เช่น ความเสมอภาคด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (การเข้าถึงความเป็นพลเมือง) กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่า กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และความเสี่ยงต่อการสูญหายของภาษากลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่ม เป็นต้น ทั้งนี้ จากการดำเนินการจัดทำรายงานฯ พบว่า ประเทศไทยมีมาตรการทางกฎหมาย กฎ ระเบียบ นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่สอดรับกับหลักการของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ ซึ่งการนำเสนอรายงานฯ ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติฯ จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ทบทวนการดำเนินงานและสถานการณ์ของประเทศไทยเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในฐานะรัฐภาคีที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ โดยเฉพาะการเคารพสิทธิมนุษยชนแก่บุคคลทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิทธิมนุษยชนให้กับประเทศไทยในฐานะรัฐสมาชิกขององค์การสหประชาชาติและผู้นำอาเซียนในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานฯ ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น แก้ไขข้อความในรายงานฯ ฉบับภาษาไทย ในหัวข้อกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่า ข้อ ๒๘-๓๐ เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศให้ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13859 | การปรับปรุงแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการของพนักงานรัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 | กค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการปรับปรุงค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจ และสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าตอบแทนและสวัสดิการของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คงหลักการให้รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องการปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ ๒๕๔๓ โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ฯ ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ต่อไป ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงแรงงานกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามหน้าที่และอำนาจของพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ กฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่พนักงานรัฐวิสาหกิจควรได้รับและแนวนโยบายของรัฐบาลแต่ละเรื่อง พร้อมทั้งให้เร่งรัดดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต) เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้สิทธิรักษาพยาบาลของพนักงานรัฐวิสาหกิจในกรณีเจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉินต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการเรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับสิทธิสวัสดิการของรัฐวิสาหกิจที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน และควรปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อจูงใจให้บุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้ามาปฏิบัติงาน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนที่เป็นตัวเงินหรือสภาพการจ้างในท้องถิ่นด้วย โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ไม่สามารถกำหนดโครงสร้างค่าตอบแทนได้เอง นอกจากนี้ การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นของพนักงานรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ควรคำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ตลอดจนสถานะการเงิน และผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายควรให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงแนวทางดังกล่าว โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13860 | ขออนุมัติงบประมาณตามโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย | กค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการของบประมาณเพิ่มเติมให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๗,๐๒๑.๙๖๘๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามผลการดำเนินการจริงภายในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง มาตรการลดภาระหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อย) เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรเร่งพิจารณาสำรวจและตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรรายย่อยอื่นที่เป็นหนี้สถาบันเกษตรกรและไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ตามมาตรการลดภาระหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อย เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. และให้กระทรวงการคลังประเมินผลกระทบโครงการลดดอกเบี้ยจากโครงการก่อนหน้าและติดตามความสำเร็จของโครงการปัจจุบัน รวมทั้งให้ ธ.ก.ส. มีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงรองรับการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างเพียงพอ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....