ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 696 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13901 - 13920 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13901 | กระทรวงพาณิชย์ส่งมอบกิจกรรมเทใจมอบความสุขเทศกาลปีใหม่ให้แก่ประชาชน ปี 2562 | พณ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกิจกรรมเทใจมอบความสุขเทศกาลปีใหม่ให้แก่ประชาชน ปี ๒๕๖๒ โดยมีกิจกรรมสำคัญ ๓ ด้าน (๑๙ กิจกรรม) ได้แก่ (๑) ลดค่าครองชีพและดูแลราคาสินค้า (๒) ขยายเวลาให้บริการและอำนวยความสะดวกทางการค้า และ (๓) บริการพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13902 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2562 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดทำข้อเสนอ “ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน” ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น (๑) ยกเว้นค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ และศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จังหวัดขอนแก่น (๒) การประกาศอุทยานธรณีโคราช เป็นอุทยานธรณีระดับประเทศ แห่งที่ ๒ ของประเทศไทย (๓) กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ต้นแบบวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (๔) ห้องสมุดความหลากหลายทางชีวภาพในรูปแบบดิจิทัล (Biodiversity Digital Library) และ (๕) จัดงาน Botanic Festival 2019 “ผักสวนครัว รั้วดอกไม้” (Home Garden) เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13903 | โครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล (1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ) | ศธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13904 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 9/2561 | นร04 | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการนายกรัฐมนตรีในการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดหนองคาย และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๙/๒๕๖๑ ณ จังหวัดหนองคาย ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13905 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 5 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยทับทัน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำเสียว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยน้ำเค็ม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยพลับพลา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ ในท้องที่ตำบลหนองมะค่า และตำบลวังทอง อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี ตามโครงการชลประทานนครสวรรค์ ทางน้ำชลประทานห้วยทับทัน ในท้องที่ตำบลบัวหุ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ถึงตำบลอีเซ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ ทางน้ำชลประทานลำเสียว ในท้องที่ตำบลด่าน และตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ถึงตำบลกุง และตำบลหนองบัวดง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ ทางน้ำชลประทานห้วยน้ำเค็ม ในท้องที่ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ และตำบลกุง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ และทางน้ำชลประทานห้วยพลับพลา ในท้องที่ตำบลทุ่งกุลา อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด และตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน โดยเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำสำหรับกิจการ โรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13906 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561) | นร | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13907 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 (เรื่อง มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ) | พน | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอว่า โดยที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้มีมติเกี่ยวกับมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศแล้ว ดังนั้น เพื่อให้แนวทางการดำเนินมาตรการฯ มีความชัดเจนและสอดคล้องกับมติ กนป. ดังกล่าว กระทรวงพลังงานจึงขอแก้ไขข้อความของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ) ในส่วนที่เกี่ยวกับการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จากเดิมความว่า “..กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) จะดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ ๑๖๐,๐๐๐ ตัน ในราคา ๑๘ บาทต่อกิโลกรัม โดยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดหาจากเกษตรกรผู้ผลิตที่ลานเทและโรงงานสกัดที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะรับมอบน้ำมันปาล์มดิบที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง..” เป็น “..กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกง จำนวน ๑๖๐,๐๐๐ ตัน โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัมละ ๑๘ บาท ส่งที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ลานเท และ/หรือองค์การคลังสินค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะต้องซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรในปริมาณที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในราคาที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๘ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับภาระในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการเก็บรักษา..”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13908 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพิทยา ไพบูลย์ศิริ) | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายพิทยา ไพบูลย์ศิริ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒ นายชัยรัตน์ เตชะไตรศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13909 | ร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการกำหนดให้ใช้สกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561)] | นร | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการกำหนดให้ใช้สกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13910 | ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561)] | นร | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13911 | ร่างพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุุ พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561)] | นร | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13912 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางพนิดา ศรีสันต์) | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางพนิดา ศรีสันต์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบัน สุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. นายสุธน วงษ์ชีรี ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13913 | การปรับโครงสร้างองค์กร [บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)] | นร | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรให้มีการปรับปรุงพัฒนาการบริหารจัดการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพในธุรกิจการขนส่งทางอากาศในปัจจุบัน จึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทาง/มาตรการในการปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการองค์กรของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้เหมาะสมและเป็นไปตามเจตนารมณ์ข้างต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ต่อไป ทั้งนี้ การกำหนดแนวทาง/มาตรการดังกล่าว ให้คำนึงถึงปัญหาพื้นฐานต่าง ๆ ที่สำคัญขององค์กรด้วย เช่น ความซ้ำซ้อนของการจัดโครงสร้างองค์กรในระดับบริหารและความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ (Career Path) ของบุคลากรระดับปฏิบัติการ การกำหนดสิทธิประโยชน์ของบุคลากร ผู้บริหาร และคณะกรรมการ การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้จากทรัพย์ที่มีอยู่ขององค์กร เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13914 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561)] | นร | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....) ซึ่งรับทราบความเห็นของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13915 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าควบคุมการก่อสร้างอาคารสำนักงานสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย | ยธ | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงานสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยและสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ๑ แห่ง จากวงเงินเดิมจำนวน ๘,๗๔๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินจำนวน ๑๘,๑๔๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๕,๖๘๖,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๒,๔๕๓,๗๐๐ บาท ให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และเนื่องจากค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีตามที่กรอบได้อนุมัติไว้ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) จะต้องเสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๒) ๒. เมื่อสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาอีกครั้งหนึ่งก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขอให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13916 | นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | ดศ | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) (แผนฯ ๒๐ ปี) สำหรับการประกาศใช้เป็นนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๙ หรือจนกว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุงนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๑.๒ เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) (แผนฯ ๕ ปี) โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๑.๓ มอบหมายสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกาศใช้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (แผนฯ ๒๐ ปี) โดยทำเป็นประกาศพระบรมราชโองการและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๑.๔ มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรอิสระ และหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งคณะกรรมการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกิจการใด ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (แผนฯ ๒๐ ปี) รวมทั้งนำแผนฯ ๕ ปี ไปเป็นแนวทางในการจัดทำแผนงาน โครงการรองรับ และให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณให้หน่วยงานของรัฐให้สอดคล้องเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑ ๑.๕ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำแผนฯ ๒๐ ปี และแผนฯ ๕ ปี ไปเป็นกรอบในการกำหนดยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และกรอบการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการในแต่ละปีงบประมาณ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดตัวชี้วัดของหน่วยงานของรัฐให้สอดคล้อง พร้อมทั้งให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการในการวางแผนการสร้างและพัฒนากำลังคนดิจิทัลของรัฐให้สอดคล้องกับความต้องการตามบริบทการพัฒนาของประเทศ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดรายละเอียดกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานรองรับ ๑.๖ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๙ เฉพาะในส่วนที่ให้กระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการดิจิทัล ระยะ ๓ ปี ของหน่วยงาน และมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดในแผนฯ ๒๐ ปี และแผนฯ ๕ ปี จัดทำหรือปรับปรุงแผนปฏิบัติการ หรือแผนงานของหน่วยงานที่มีอยู่ให้สอดคล้อง โดยมุ่งเน้นการทำงานในลักษณะบูรณาการร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำหรับนำเสนอคณะกรรมการเฉพาะด้านตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๒ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เช่น การกำหนดมาตรการและแนวทางการส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการอินเทอร์เน็ตประชารัฐให้มากขึ้น การจัดทำฐานข้อมูล แนวทางในการพัฒนาตัวชี้วัดให้ครอบคลุมเป้าหมายและยุทธศาสตร์ในแผนทั้งสองฉบับ และการกำหนดให้มีรายละเอียดการดำเนินงานในลักษณะบูรณาการระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้สามารถนำนโยบายไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติของหน่วยงานระดับต่าง ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาปรับปรุงระยะเวลาของแผนฯ ๒๐ ปี จากเดิม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เป็น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาของแผนฯ ให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติตามความจำเป็นเหมาะสมด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13917 | ขออนุมัติการจัดทำโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 2 จังหวัดเพชรบุรี (โพไร่หวาน) | พม | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13918 | ขออนุมัติดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) | กค | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๐๐ พื้นที่โซน C ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) โดยดำเนินโครงการฯ บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๐๔๙๓ (บางส่วน) โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๙ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ ๘๑-๒-๕๙ ไร่ (๑๓๐,๖๓๕ ตารางเมตร) กรอบวงเงินลงทุนรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับกรอบวงเงินลงทุนรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาแหล่งเงินทุนและวิธีการระดมทุนที่เหมาะสม โดยให้คำนึงถึงต้นทุนทางการเงิน ความเหมาะสม คุ้มค่า ภาระงบประมาณหรือภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ และ ธพส.รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานศาลปกครอง เช่น (๑) เห็นควรให้ ธพส. ประสานหน่วยงานการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับภารกิจและการปฏิบัติราชการ และดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย (๒) เห็นควรมีแผนการรองรับผลกระทบหากการพัฒนาพื้นที่โซน C ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานอื่นในศูนย์ราชการฯ โดยเฉพาะปัญหาการจราจรและปัญหาน้ำท่วมขังในภาวะฝนตกหนักบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ และ (๓) เห็นควรให้ ธพส. จัดสรรพื้นที่ให้แก่สำนักงานศาลปกครอง โดยคำนึงถึงแบบก่อสร้างที่สำนักงานศาลปกครองได้ดำเนินการออกแบบไว้แล้ว เนื่องจาก ธพส. จัดสรรพื้นที่ให้แก่สำนักงานศาลปกครองตามหลักเกณฑ์การจัดสรรของสำนักงบประมาณ ซึ่งน้อยกว่าที่สำนักงานศาลปกครองเสนอขอไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ และ ธพส. พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้แก่ การจัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนในแต่ละขั้นตอนโดยคำนึงถึงความเสี่ยงทางด้านรายได้ในกรณีที่ไม่มีผู้เช่าพื้นที่ตามที่ประมาณการไว้ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาและรายละเอียดของโครงการฯ ตามมติของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๑ ต่อไป รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่จอดรถของโครงการฯ ให้เหมาะสมเพียงพอต่อความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ ภายในโครงการฯ และให้ประสานงานกับกระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบริหารจัดการการจราจรในบริเวณพื้นที่โดยรอบและที่เชื่อมโยงกับถนนแจ้งวัฒนะให้เหมาะสมและมีความคล่องตัว เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่งทั้งในช่วงเวลาปกติและช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13919 | ขอความเห็นชอบการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยให้กรุงเทพมหานคร | คค | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร) รายงานว่า การจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะส่งผลให้การบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดเส้นทางมีประสิทธิภาพ และประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเดินรถแบบต่อเนื่อง (Through Operation) อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วเห็นควรให้ รฟม. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินโครงการอาคารจอดแล้วจร (Park & Ride) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เนื่องจาก (๑) ปัจจุบัน รฟม. รับผิดชอบดำเนินโครงการอาคารจอดแล้วจรของโครงการรถไฟฟ้าอื่น ๆ อยู่แล้วหลายอาคาร ดังนั้น การให้ รฟม. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบบริหารจัดการอาคารจอดแล้วจรของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะทำให้การให้บริการที่จอดรถเป็นไปในมาตรฐานเดียวกันและประชาชนจะได้รับความสะดวกในการใช้บริการ และ (๒) กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินโครงการพัฒนาที่ดินของ รฟม. ที่ได้จากการเวนคืนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยบริเวณแนวเส้นทางรถไฟฟ้า โดย รฟม. มีแผนจะดำเนินโครงการนำร่องในการใช้พื้นที่บริเวณอาคารจอดแล้วจรของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการนำโครงการที่ดินที่ได้จากการเวนคืนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อพิจารณาอนุมัติการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ๒. เห็นชอบให้ รฟม. ดำเนินการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเชียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (ไม่รวมอาคารจอดแล้วจร) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๗๕ (๕) ซึ่งใช้ข้อมูลทางการเงินของโครงการฯ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ และข้อมูลประมาณการทางการเงิน ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เป็นข้อมูลอ้างอิง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อให้กระทรวงมหาดไทย โดย กทม. รับโอนกรรมสิทธิ์และการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ของ รฟม. ต่อไป ๓. รับทราบร่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจำหน่ายทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ของ รฟม. ให้ กทม. ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๔. ให้กระทรวงคมนาคม และ กทม. บูรณาการการเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าต่าง ๆ รวมทั้งการกำหนดอัตราค่าแรกเข้าและอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม และไม่ก่อให้เกิดภาระต่อประชาชนผู้ใช้บริการมากเกินไป และให้เร่งรัดดำเนินการเรื่องระบบตั๋วร่วมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ กทม. พิจารณากำหนดอัตราค่าแรกเข้าและการใช้ระบบตั๋วร่วมให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ตามความเห็นของกระทรวงการคลังด้วย ๕. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม (๑) เร่งกำหนดมาตรฐานในการให้บริการระบบขนส่งทางราง ทั้งในด้านความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก และด้านอื่น ๆ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการบูรณาการการให้บริการระบบขนส่งทางรางร่วมกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งเอกชนคู่สัญญาที่ให้บริการขนส่งสาธารณะต่อไป (๒) รับไปหารือร่วมกับ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติโดยเร็วเกี่ยวกับผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงคูคต-วงแหวนตะวันออก (ลำลูกกา) และช่วงสมุทรปราการ-บางปู และ (๓) เร่งเสนอโครงการพัฒนาที่ดินของ รฟม. ที่ได้จากการเวนคืนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่บริเวณอาคารจอดแล้วจรของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ต่อคณะกรรมการพิจารณาการนำที่ดินที่ได้จากการเวนคืนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อพิจารณาโดยเร็วต่อไป ๖. ให้ กทม.พิจารณาดำเนินการ (๑) บริหารจัดการเงินรายได้และตั้งงบประมาณของ กทม. ให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด รวมทั้งพิจารณากำหนดค่าโดยสารให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าครองชีพของผู้ใช้บริการด้วย และ (๒) บริหารจัดการสัญญาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้มีระยะสิ้นสุดพร้อมกันทุกช่วง เพื่อให้ กทม. สามารถเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมแข่งขันประมูลการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ทั้งสาย อันจะเป็นการจูงใจให้มีเอกชนรายใหม่เข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและผู้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13920 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินเพื่อใช้ในการรับโอนทรัพย์สิน และหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ | มท | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกู้เงินเพื่อใช้ในการรับโอนทรัพย์สิน และหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ให้กรุงเทพมหานครดำเนินการตามภาระผูกพันที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้ตกลงไว้กับหน่วยงานหรือบุคคลอื่นในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมทั้งภาระผูกพันอื่น ๆ ที่อาจมีขึ้นเพิ่มเติมในอนาคตอย่างเคร่งครัด และให้กรุงเทพมหานครพิจารณาดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับค่าแรกเข้าระบบและระบบตั๋วร่วมด้วย (๒) ให้กระทรวงการคลังบรรจุวงเงินกู้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป (๓) ให้กรุงเทพมหานครเร่งเสนอเรื่องการขยายกรอบวงเงินตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครฯ ให้สอดคล้องกับภาระทางการเงินที่ได้ตกลงกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยปัจจุบัน และ (๔) ให้กรุงเทพมหานครเร่งเสนอรูปแบบการลงทุนและบริหารจัดการเดินรถตามขั้นตอนพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ภายใต้การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....