คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายมนัส แจ่มเวหา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงิน
การคลัง (นักวิชาการคลัง 10 ชช.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่มี
คุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นาย ช. นันท์ เพ็ชญไพศิษฏ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิ
ภาพ(เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน
2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมศุลกากรเปลี่ยนแปลงรายการ จากค่าปรับปรุงที่จอดเรือภายนอกเกาะ
สีชัง เป็นรายการก่อสร้างท่าเทียบเรือศุลกากรเกาะสีชัง และขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันจากปี พ.ศ. 2551-
พ.ศ. 2552 เป็น พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 ภายในวงเงินทั้งสิ้น 194,999,500 บาท  โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน  50,000,000  บาท  งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2552 จำนวน  47,500,000  บาท  และส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554 จำนวน 97,499,500 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการก่อ
สร้างทางเลี่ยงเมืองสมุทรสงคราม ในวงเงินค่าก่อสร้าง จากเดิม 200,000,000 บาท  เป็น 320,000,000 บาท
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กรมทางหลวงทบทวนราคากลางงานก่อสร้างให้มีความเป็นปัจจุบันอีกครั้ง
หนึ่งก่อนที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  17  มิถุนายน  2551  และ
เสนอผลการจัดซื้อจัดจ้างที่ได้ดำเนินการแล้ว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาตามระเบียบ
ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534  และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549  ด้วย  ตามความเห็นของ
สำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณให้กับกรมศิลปากรในรายการก่อ
สร้างอาคารศึกษาวิจัยศิลปกรรม วัฒนธรรมและประเพณีแห่งอันดามัน จำนวน 23,528,000 บาท  และขยายระยะ
เวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารดังกล่าว  จากเดิมผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-
พ.ศ. 2552 เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554  ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ  ส่วนรายละเอียดของการ
เบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

                คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอดังนี้
                1. รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 147/2552 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 เรื่อง แต่งตั้งคณะ
กรรมการอำนวยการจัดงานฉลองพระชนมายุ 96 พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ
ปริณายก
                2. รับทราบการจัดงานฉลองพระชนมายุ  96  พรรษา  สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกล
มหาสังฆปริณายก  โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ
เตรียมการจัดงาน ฯ  เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2552  ผลการประชุมหารือสรุปได้ว่า ให้ใช้ชื่องานว่า "งานฉลองพระ
ชนมายุ 96 พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก" และให้แต่งตั้งคณะกรรมการ
อำนวยการจัดงาน ฯ โดยมีคณะที่ปรึกษาฝ่ายบรรพชิต  คณะที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส  และคณะกรรมการอำนวยการ
จัดงาน ฯ มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ  และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นกรรม
การและเลขานุการ และให้มีตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชนมายุ 96 พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆ
ราชสกลมหาสังฆปริณายก ส่วนแนวทางการจัดงาน ประกอบด้วย งานพระราชพิธี  รัฐพิธี  ศาสนพิธี  โครงการและ
กิจกรรมต่าง ๆ  สำหรับงบประมาณการดำเนินงานใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยใช้จ่ายด้วยความจำเป็นและประหยัด

               คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
               1. รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 144/2552  ลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552  เรื่อง แต่งตั้ง
คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา  12 สิงหาคม 2552  โดยมีรองนายกรัฐมนตรี  (นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ)  เป็น
ประธานกรรมการ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกับปลัดกระทรวงมหาดไทยร่วมเป็นกรรมการและเลขานุการ
               2. รับทราบการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ฯ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง แนวทางการประกันราคาและประกันภัยข้าวเปลือก คืนไปได้
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ
พ.ศ. 2553 โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ รองผู้อำนวยการสำนักงาน
สถิติแห่งชาติ ผู้แทนส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ร่วมเป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานโครงการสำมะโน
ปาะชากรและเคหะ พ.ศ. 2553 รวมทั้งให้คำปรึกษา แนะนำ และกำกับการดำเนินงานตามโครงการให้เป็น
ไปตามแผนงานที่กำหนด ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา
ชาติเกี่ยวกับการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และรายชื่อบุคคลและองค์กรที่อยู่ในข่ายการดำเนิน
มาตรการคว่ำบาตร เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบ้ติต่อไป โดยให้เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายภายใน
ของไทย   รวมทั้งแจ้งผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อรายงานให้สห
ประชาชาติทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  พ.ศ. ....  ตามที่กระทรวง
สาธารณสุขเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   โดยร่างกฎกระทรวง  ฯ  มีสาระ
สำคัญคือ
                  1.1 กำหนดคำนิยามภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และภาพสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิต
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
                  1.2 กำหนดลักษณะการแสดงภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้
ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
                  1.3 กำหนดลักษณะภาพสัญลักษณ์ของเครื่อมดื่มแอลกอฮอล์และสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่อง
ดื่มแอลกอฮอล์
                  1.4 กำหนดหลักเกณฑ์การแสดงภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสัญลักษณ์ของบริษัท
ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใต้สื่อทางกิจการโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออื่นใด  โดยต้องมีการแสดงข้อความ
คำเตือนทุกครั้งและตลอดเวลาที่มีการแสดงภาพ
               2. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับนิยามภาพสัญลักษณ์ของ
บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่กำหนดไว้ว่า "...ที่ไม่ซ้ำหรือทำให้เข้าใจว่าเป็นเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอล
กอฮอล์" นั้น ในความเป็นจริงภาพสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะซ้ำกับภาพสัญลักษณ์เนื่อง
จากบริษัทได้จดทะเบียนไว้ก่อนที่จะมีร่างกฎกระทวงฉบับนี้  ดังนั้น  การกำหนดความหมายดังกล่าวอาจส่งจะผล
กระทบต่อผู้ประกอบการ รวมทั้งการตีความกฎหมาย  และในร่างข้อ 2 อาจปฏิบัติได้ยากในบางกรณี  เช่น  การ
แสดงภาพสัญลักษณ์ในการถ่ายทอดสดโดยเฉพาะจากต่างประเทศซึ่งสามารถแสดงได้เฉพาะภาพสัญลักษณ์ของ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือภาพสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น นอกจากนี้ ร่างข้อ 4 (1)
การกำหนดขนาดพื้นที่โฆษณาและเวลาโฆษณา  อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการปฏิบัติ   และควรทำประชาพิ
จารณ์ให้กว้างขวางโดยเชิญผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด เช่น  หน่วยงานของรัฐ  ภาคเอกชน  และภาคประชาสังคม  เข้า
ร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นเพื่อให้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวสามารถปฏิบัติได้จริง  เกิดความเป็นธรรมแก่ทุก
ฝ่ายและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
หนึ่ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี อาร์ เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่
หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน  (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง)  ของห้างหุ้นส่วนจำกัด สุราษฎร์ผาทอง  ตามคำขอที่
8/2549  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2532  และวันที่ 15 พฤษภาคม 2533  ตามที่กระทรวง
อุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
              2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1
บี  อาร์  จัดเป็นป่าต้นน้ำ  ในการดำเนินการจึงต้องระมัดระวังในเรื่องคุณภาพน้ำ  โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการ
ป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี  เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หิน
อุตสาหกรรมชนิดหินปูน  (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง)  ของบริษัท  มานะศิลา 2537  จำกัด  ตามคำขอที่ 10/
2548 และคำขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ที่ 2/2549
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองของประทานบัตรแปลงนี้  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  7  พฤศจิกา
ยน 2532 และวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม
ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
              2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า  พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
1 บี จัดเป็นป่าต้นน้ำในการดำเนินการจึงต้องระมัดระวังในเรื่องคุณภาพน้ำ  โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้อง
กันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

              คณะรัฐมนตรีเห็นว่าการก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมจีน บริเวณด้านหลังศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็น
เรื่องที่สืบเนื่องจากการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชน
จีนว่าด้วยการจัดตั้งและสถานะของศูนย์วัฒนธรรม   รวมทั้งจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง
ประเทศทั้งสอง  จึงอนุญาตให้ยกเว้นตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้
หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท  บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  ในท้องที่แขวง
ห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2532 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  ตามที่
กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร
พิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้
                  1.1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา  96  แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีความผิดอันยอมความได้  ถ้าผู้เสีย
หายมิได้ร้องทุกข์ภายใน  6  เดือน (เดิมภายใน 3 เดือน) นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด  เป็น
อันขาดอายุความ
                  1.2 เพิ่มความเป็นมาตรา 98/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยบัญญัติให้
                        1.2.1 กรณีได้ตัวผู้กระทำความผิดมาแล้วให้พนักงานอัยการ  ผู้ว่าคดี  พนักงานสอบสวนหรือเจ้า
พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาดำเนินการให้มีการฟ้องผู้นั้นต่อศาลภายใน  1  ปี นับแต่วันที่ได้ตัวมา  เว้นแต่
ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลา
                        1.2.2 กรณีมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้กระทำความผิด   ถ้าผู้นั้นยังมิได้รับโทษ   หรือได้รับ
โทษยังไม่ครบถ้วนโดยหลบหนี   ถ้ายังมิได้ตัวผู้นั้นมารับโทษนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด  หรือนับแต่วันที่หลบ
หนี  แม้จะเกินกำหนดเวลาในมาตรา 98  ก็ไม่ถือว่าเป็นอันล่วงเลยเวลาการลงโทษ  ให้ลงโทษผู้นั้นในโทษที่ยังมิได้
รับหรือที่ได้รับยังไม่ครบถ้วน
              2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ ฯ มาตรา 7
ให้เพิ่มความเป็นมาตรา 98/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยกำหนดมิให้นำความในมาตรา 95  และมาตรา 98
มาใช้บังคับกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ  หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม   จึง
ถือเป็นการยกเลิกอายุความสำหรับการฟ้องและการรับโทษของผู้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิด
ต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เพื่อให้ผู้กระทำความผิดไม่สามารถหลบหนีความผิดและโทษที่จะได้รับ  และจาก
เหตุผลในการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการมีรูปแบบที่สลับซับซ้อน และยากที่
จะหาหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของผู้กระทำผิดได้ การสอบสวนจึงต้องใช้ระยะเวลาในการแสวงหาหลักฐาน ดังนั้น
การที่ร่างมาตรา  98/1  กำหนดให้เจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ  ผู้ว่าคดี  พนักงานสอบสวน  หรือเจ้า
พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือมีอำนาจจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย  ดำเนินการให้มีการฟ้องผู้นั้นต่อ
ศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้มา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลให้ขยายระยะเวลานั้น จึงไม่สอดคล้องกับเหตุผล
การแก้ไขเพิ่มเติม   เนื่องจากเมื่อยกเลิกอายุความการกระทำผิดประเภทนี้แล้ว  ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะกำหนดระยะ
เวลาการฟ้องร้องอีกต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อการอนุรักษ์และจัดการเต่าทะเลและ
แหล่งที่อยู่อาศัยในมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเงินขั้นต่ำปีละ 3,687 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้จัดตั้งงบประมาณรายการดังกล่าวไว้ในงบประมาณราย
จ่ายประจำปีและเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายของปีที่จ่ายจริงต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2552  ที่ได้รับหรือใช้จ่ายจากงบประมาณเหลือจ่ายของหน่วยงาน  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลา
กรสำหรับอัตราเพิ่มใหม่กลางปี พ.ศ. 2552  ในโอกาสแรก ตามความจำเป็นและเหมาะสม  หากสำนักงานศาลยุติ
ธรรมดำเนินการปรับแผนดังกล่าวแล้วยังไม่เพียงพอ ให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความ
เห็นของสำนักงบประมาณ
              2. ส่วนมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐสำหรับข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงาน
ศาลยุติธรรม  นั้น  โดยที่ข้าราชการและลูกจ้างประจำของสำนักงานศาลยุติธรรม อยู่ในกลุ่มบุคลากรขององค์การ
ตามรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552  และ 21 เมษายน 2552  (เรื่อง การช่วยเหลือ
ค่าครองชีพประชาชน และบุคลากรภาครัฐ)  เห็นชอบในหลักการไว้แล้ว สำนักงานศาลยุติธรรมจึงต้องดำเนินการ
จัดให้มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิของผู้ที่สมควรได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้ถูกต้องว่า  เป็นผู้มีรายได้
ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน  และเมื่อตรวจสอบสิทธิแล้วให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อ
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง  รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี
ฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอร่างปฏิญญาอัสตานาสำหรับการประชุมระดับ
รัฐมนตรีด้านการขนส่งภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย  ครั้งที่ 1  มีสาระสำคัญคือเพื่อมุ่งเน้นการให้ความสำคัญใน
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ แลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี  รวมถึงลดมาตรการกีดกันต่าง ๆ  ในการพัฒนา
การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบระหว่างประเทศเพื่อเชื่อมต่อและสร้างความเจริญเติบโตให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ
ภาคีสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย ทั้งนี้ หากมีการปรับแก้ไขถ้อยคำในร่างปฏิญญา ฯ ดังกล่าวซึ่งมิใช่เป็น
สาระสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย  ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยประสานขอรับความ
เห็นกระทรวงการต่างประเทศ

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ดังนี้
              1. อนุมัติเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการอัยการชั้น 1 (ตำแหน่งอัยการผู้ช่วย) จาก 300 อัตรา เหลือเพียง
250 อัตรา เพื่อรองรับผู้สอบคัดเลือกได้ในตำแหน่งอัยการผู้ช่วย พ.ศ. 2550  ซึ่งมีผู้สอบได้ทั้งหมดจำนวน 369
คน  แต่ยังคงค้างบรรจุเพราะไม่มีอัตราว่างจำนวน  284  คน  ซึ่งคำนวณเงินงบประมาณเป็นเงินเดือนรวมทั้งสิ้น
50,160,000 บาท ต่อปี (เงินเดือน 16,720 X 250 คน X 12 เดือน)
               2. อนุมัติเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการอัยการชั้น 3 (ตำแหน่งรองอัยการจังหวัดและอัยการประจำกรม)
จาก 200 อัตรา เหลือเพียง 100 อัตรา  เพื่อเสริมอัตรากำลังให้แก่สำนักงานอัยการบางแห่งที่ประสบภาวะขาด
แคลนอัตรากำลังข้าราชการอัยการ  ซึ่งคำนวณเงินงบประมาณเป็นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง  รวมทั้งสิ้น
64,656,000 บาท ต่อปี (เงินเดือน 30,580 บาท + เงินประจำตำแหน่ง 23,300 บาท X 100 คน X 12 เดือน)

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ร่างแผนนิติบัญญัติ พ.ศ. 2552-2554 ตามที่
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ประกอบด้วยร่างกฎหมายรวม 167 ฉบับ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติ
มีจำนวนมากถึง  148  ฉบับ ซึ่งหากพิจารณาช่วงอายุของสภาผู้แทนราษฎรที่เหลืออยู่แล้วคงไม่สามารถพิจารณา
ทั้งหมดได้    จึงควรจัดลำดับและจำนวนให้สอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วนและข้อเท็จจริง เพื่อให้แผนนิติบัญญัติ
สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและแผนบริหารราชการแผ่นดินได้
อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงและหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องรับร่างแผนนิติบัญญัติฉบับนี้ ไปพิจารณาตรวจสอบความจำเป็นและความเหมาะสมของร่างกฎหมายใน
ความรับผิดชอบและจัดลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วนของร่างกฎหมายที่จะเสนอ  แล้วนำเสนอรองนายก
รัฐมนตรี  (นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ)  พิจารณาภายใน  3  สัปดาห์ เพื่อจะได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
หนึ่ง