ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1941 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38801 - 38820 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38801 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญคือ เพิ่มเติมวัตถุประสงค์การให้กู้ยืมแก่นิสิตหรือนักศึกษาที่ศึกษาในสาขา วิชาที่ขาดแคลนจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเพิ่มอำนาจของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาในการจัด หาประโยชน์จากทรัพย์สินของกองทุน และการระดมเงินทุนโดยการกู้ยืมเงิน การออกตราสารหนี้ การแปลงสิน ทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ตลอดจนแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุน และส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้แก้ไขวัตถุประสงค์การให้กู้ยืมเงินของกองทุน โดยเห็นควรให้ความช่วยเหลือนัก เรียนหรือนักศึกษาในสาขาวิชาที่ขาดแคลน ฯ เฉพาะค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา โดยไม่ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครองชีพระหว่างการศึกษา เนื่องจากนักเรียน หรือนักศึกษาในสาขาวิชาที่ขาด แคลน ฯ อาจไม่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี และเพิ่มเติมเลขาธิการคณะกรรมการการ ศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นกรรมการในคณะกรรมการกองทุน รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการ เพิ่มอำนาจของกองทุนในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของกองทุนและการระดมเงินทุน เพื่อ ป้องกันความเสี่ยงในการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ควรจะกำหนดมาตรการที่รอบคอบและรัดกุม โดยออกระเบียบ หลักเกณฑ์เพิ่มเติมกรณีที่มีความจำเป็นต้องทำธุรกรรมทางการเงิน ไปพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการกองทุนเพื่อการศึกษา และคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืม เพื่อการศึกษาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ทันสำหรับภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 และกรณีมีเงินเหลือควรจัดสรรให้กับนักเรียนหรือนักศึกษาที่ตก ค้างการกู้ยืมเงินด้วย โดยไม่ให้กระทบต่อสถานะของกองทุน |
|||||||||||||||||||||||||||
38802 | ร่างข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงาน
และครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ มีสาระสำคัญคือ ปรับเพิ่มวงเงินที่จะขอกู้เงินจาก กองทุนสงเคราะห์ ประเภทอาคารสงเคราะห์ และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระ รวมทั้งปรับเพิ่มวงเงินที่จะกู้เงิน จากกองทุนสงเคราะห์ ประเภทสวัสดิการ และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
38803 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - เวียดนาม | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกการหารือ (Agreed Minutes) ระหว่าง
ไทย-เวียดนาม ลงนามเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 โดยสาระสำคัญของบันทึกการหารือ ฯ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลง ปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ของบริการเที่ยวบินผู้โดยสารผสมสินค้าของสายการบินทั้งสองฝ่าย เพื่อเพิ่มเที่ยวบิน ได้มากขึ้นตามแผนความต้องการ และส่งเสริมให้ปริมาณการจราจรในเส้นทางนี้สามารถเจริญเติบโตได้อย่างต่อ เนื่อง นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคของประเทศไทยอีกทาง หนึ่งด้วย อันจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การค้าและการบริการระหว่างประเทศทั้งสองให้เจริญเติบ โตอย่างมีศักยภาพต่อไป และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเจ้าหน้าที่การเดินอากาศแจ้งยืนยัน การมีผลบังคับใช้ของบันทึกการหารือดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38804 | การลงนามในความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครน | พณ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นำเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครน ทั้งนี้ เมื่อรัฐสภาเห็นชอบความตกลง ฯ แล้ว มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในความตกลง ฯ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญให้ ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบ อำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามในความตกลง ฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม และให้ รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
38805 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ | พณ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออกทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันการ
เช่าอาคารที่ทำการของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน เกินกว่า 1 ปีงบประมาณ ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยอัตราค่าเช่าและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาที่กรมส่งเสริมการส่งออกได้ทำ ความตกลงไว้กับผู้ให้เช่ารวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 489,240 ยูโร ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ได้ตั้งงบประมาณรอง รับไว้แล้ว และสำหรับงบประมาณส่วนที่เหลือให้กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2558 ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38806 | ขออนุมัติโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนนนทบุรี 1 ของกรมทางหลวงชนบท | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท) ดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้า พระยา บริเวณถนนนนทบุรี 1 โดยมีวงเงินค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการ ฯ 3,796 ล้านบาท และให้กรมทางหลวง ชนบทใช้เงินกู้ต่างประเทศเพื่อสมทบกับเงินงบประมาณในอัตราส่วนเงินกู้ : เงินงบประมาณ เป็น 70 : 30 เพื่อ เป็นค่าก่อสร้างโครงการ ฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการถนนและระบบราง ไป พิจารณาดำเนินการต่อไป 2. ให้กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย (จังหวัดนนทบุรี) รับความเห็นของคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาทางน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา และแนวทางการพัฒนาโครงข่ายที่มีในปัจจุบันให้มีการเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ ไป พิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38807 | การบริจาคเงินอุดหนุนกองทุนเสริมสร้างสันติภาพของสหประชาชาติ | กต | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใช้ดุลยพินิจอนุมัติการจัดทำเอกสารผนวก (Addendum) ของหนังสือความตกลง (Letter of Agreement : LoA) ระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนา แห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2548 2. อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้ลงนามในเอกสารผนวกดังกล่าวในนามของรัฐบาลไทย 3. อนุมัติหลักการว่า หากไทยจะต้องจัดทำเอกสารผนวกสำหรับการบริจาคเงินอุดหนุนกองทุน เสริมสร้างสันติภาพของสหประชาชาติ (Peacebuilding Fund : PBF) ในคราวต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นการบริจาค แบบครั้งเดียวที่ไม่ก่อให้เกิดภาระผูกพันข้ามปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2548 โดยเอก สารผนวกระบุเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงิน ผู้บริจาคเงินและการบริหารเงินกองทุน โดยไม่เปลี่ยน แปลงสาระอื่นของหนังสือความตกลงฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศใช้ดุลยพินิจอนุมัติได้ 4. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงบประมาณราย จ่ายเพื่อการนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จากงบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุน องค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสมาชิกมาดำเนินการ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
38808 | ร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... | ศธ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการส่งร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. .... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่า การกำหนดให้สถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ โดยสถาบันมีสถานะเป็นองค์การมหาชน นั้น จะต้องตราพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งสถาบัน ฯ ตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 ทำให้ต้องออกกฎหมายหลายฉบับ สมควร กำหนดสถานะของสถาบันดังกล่าวให้เป็นอิสระ โดยไม่เป็นส่วนราชการหรือองค์การมหาชนไว้ในร่างพระราช บัญญัติฉบับนี้ เพื่อเป็นหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาโดยเฉพาะ ไปประกอบการ พิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38809 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของ World Water Forum ครั้งที่ 5 | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศแบบองค์รวม มีการบูรณา การหน่วยงานและกิจกรรมในระบบลุ่มน้ำ รวมทั้งกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ทั้งนี้ ให้พิจารณาน้ำ อาหาร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมให้เกี่ยวโยงกันอย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีการ เฝ้าระวังเตือนภัยจากน้ำ โดยการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 1.2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน และระบบ สุขาภิบาลทุกหมู่บ้านให้บรรลุ Millennium Development Goals ของสหประชาชาติ เพื่อสนองตอบความต้องการ น้ำอุปโภค-บริโภค และระบบสุขาภิบาล 1.3 ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณการดำเนินการภายใต้แผนการลงทุนพัฒนาและบริหาร จัดการน้ำและการชลประทาน ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เพื่อดำเนินการเป็นรูป ธรรมในการปฏิบัติต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยา กรน้ำทั้งระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ ควรคำนึงถึงปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องและภาคประชาชนเพื่อให้การจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบและยั่งยืน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินงาน ด้านการป้องกันและลดผลกระทบตามมาตรการด้านโครงสร้างและไม่ใช้โครงสร้าง เนื่องจากการลงทุนเพื่อป้องกันมี ความคุ้มค่ามากกว่าการลงทุนเพื่อบรรเทาปัญหาจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากร น้ำภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่จะมีผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อมิติเศรษฐกิจ สังคมและ สิ่งแวดล้อม โดยใช้คนเป็นศูนย์กลางในการจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย 3. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติรวบรวมข้อมูลรายละเอียด ปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการบริหาร จัดการน้ำในภาพรวม รวมทั้งในส่วนที่ได้มีการโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปดำเนินการ ด้วย เช่น กิจการประปาที่มีปัญหาเกี่ยวกับการซ่อมแซมท่อประปาที่ชำรุด พร้อมทั้งจัดทำแนวทางแก้ไขปัญหาแล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38810 | การเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด | นร | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใน
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบ สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ก.บ.จ.ต.) ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยในส่วนของงบประมาณให้ใช้จ่ายจากการปรับแผนการใช้จ่ายงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของส่วนราชการต้นสังกัดก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
38811 | โครงการการจัดการของเสียในฟาร์มปศุสัตว์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออก (Livestock Waste Management in East Asia Project) | กษ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. รับทราบการทำข้อตกลงการรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนแวดล้อมโลกในการดำเนินงานโครงการการ จัดการของเสียในฟาร์มปศุสัตว์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออก (Livestock Waste Management in East Asia Project) ระหว่างราชอาณาจักรไทย (ลงนามโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง) และธนาคารนานาชาติ เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา (ธนาคารโลก) ซึ่งกองทุน ฯ ได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ราชอาณาจักรไทย (รัฐบาลไทยและเกษตรกร) จำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรัฐบาลไทยจ่ายสมทบโครงการจำนวน 3.077 ล้าน เหรียญสหรัฐ ทำให้มีภาระผูกพันในการสมทบงบประมาณโครงการด้วยเป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549- พ.ศ. 2553 จึงจำเป็นต้องขออนุมัติงบประมาณโครงการแบบผูกพันเพื่อให้กรมปศุสัตว์สามารถเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อดำเนินการโครงการต่อไปได้ 2. อนุมัติงบประมาณสมทบของกรมปศุสัตว์แบบก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี งบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2553) วงเงินรวม 42.57 ล้านบาท 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโล ยี กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าขณะนี้ประเทศไทย มีเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศเพื่อผลิตก๊าซชีวภาพหลานประเภท ซึ่งการเลือกเทคโนโลยีใดมาใช้ต้อง เลือกประเภทของเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชนิดของของเสียซึ่งจะกำหนดถึงประสิทธิภาพของการบำบัดและปริมาณ ก๊าซชีวภาพที่ได้ และควรพิจารณาในเรื่องการมีส่วนร่วมของเกษตรกร และผู้เชี่ยวชาญดูแลรักษาระบบในอนาคตด้วย และให้กรมปศุสัตว์จัดทำรายงานการติดตามประเมินผลโครงการในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการประเมินผลประจำปีเพื่อ ศึกษาความคุ้มค่าและข้อจำกัดของโครงการก่อนนำไปประมวลผล เพื่อวางแผนงานการขยายผลจากฟาร์มสุกรสาธิต ไปสู่ฟาร์มสุกรอื่นที่มีศักยภาพ โดยเน้นการพึ่งพาแหล่งเงินสนับสนุนภายในประเทศ หลังจากการสนับสนุนเงินให้ เปล่าจากกองทุน ฯ สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2553 เพื่อสร้างระบบการบริหารจัดการฟาร์มสุกรที่เชื่อมโยงกับมิติด้านสิ่ง แวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38812 | ขอความเห็นชอบให้แก้ไขอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการอัยการตำแหน่งอัยการอาวุโสและเห็นชอบให้ข้าราชการอัยการที่รับเงินเดือนชั้น 4 - 5 มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | ยธ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้แก้ไขอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการอัยการ ตำแหน่งอาวุโส โดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์เงื่อนไขและอัตราค่าตอบแทนที่ผู้พิพากษาอาวุโสได้รับ ตามที่สำนักงาน อัยการสูงสุดเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้สำนักงานอัยการ สูงสุดดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ส่วนการขอให้ข้าราชการอัยการที่รับเงินเดือนชั้น 4-5 มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหา รถประจำตำแหน่ง นั้น ให้สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำข้อมูลให้ชัดเจนว่า ข้าราชการอัยการดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ และความเหมาะสมที่จะได้รับรถประจำตำแหน่ง หรือได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งเมื่อ เทียบกับผู้ที่ดำรงตำแหน่งบริหารอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับข้าราชการประเภทอื่น ๆ และให้จัดทำ การเทียบตำแหน่งข้าราชการตุลาการกับข้าราชการอัยการด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งต่อ ไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38813 | ขออนุมัติโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2553 - 2560) | ศธ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2553-2560) เป็นโครงการผลิตครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นสาขาขาดแคลน ต่อเนื่องจากระยะที่ 1 และระยะที่ 2 โดยคัดเลือกผู้ที่จบ วท.บ. สาขาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์และคอมพิว เตอร์เข้าศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการสอน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้คณะกรรมการ กำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณาจัดสรรอัตราข้าราชการครูที่ว่างจากผลการเกษียณ อายุราชการครูของกระทรวงศึกษาธิการเป็นรายปีเพื่อบรรจุนักเรียนทุนตามโครงการโดยไม่ต้องเพิ่มอัตรากำลังใหม่ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่ให้พิจารณาทบทวนและจัดทำประมาณการ ค่าใช้จ่ายของโครงการ ฯ ให้ชัดเจนสอดคล้องกับความจำเป็นและสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต ส่วนระยะเวลาดำเนินโครงการ ฯ ควรแบ่งดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 3 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2556 และระยะที่ 4 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557-2560 และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งสำนัก งาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรขยายผลโครงการ ฯ ไปสู่การผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ให้กับการอาชีวศึกษาเพื่อช่วยขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษาให้เป็นแหล่งผลิตนักเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานความรู้ด้าน วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่เข้มแข็ง และมีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับประเทศต่อไป และเห็น ควรพิจารณาเชื่อมโยงการดำเนินโครงการ ฯ ระยะที่ 3 กับการลงทุนด้านการศึกษาและการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์และการยกระดับคุณภาพครูภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการ ศึกษาและการเรียนรู้ โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งจัดทำแผนอัตรา กำลังเพื่อรองรับผู้รับทุนที่สำเร็จการศึกษาให้ชัดเจนที่พิจารณาความต้องการครูทั้งในระดับพื้นที่ และสาขาวิชา เพื่อ สร้างความมั่นใจให้กับผู้รับทุนว่าสามารถปฏิบัติงานได้ทันทีและเกิดความคุ้มค่าในการลงทุนของภาครัฐ ตลอดจนส่ง เสริมการสร้างเครือข่ายของนักเรียนทุนโครงการ ฯ เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้การทำงานร่วมกัน การสนับนุนการ เรียนรู้สู่ชุมชน และให้ความร่วมมือและช่วยเหลือโรงเรียนด้อยโอกาสหรือโรงเรียนขนาดเล็กในระดับพื้นที่ นอกจากนี้ ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถที่สำเร็จการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้า มารับทุนตามโครงการนี้ได้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38814 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2552 | กค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
(กนร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒ โดยที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง
ๆ ได้แก่ ผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ
ปี.... แผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทาง การเงินของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
(บมจ.ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท.)
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการ กนร. เสนอ ๒. ให้คณะกรรมการ
กนร. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ควรเพิ่มเรื่องการมีส่วนร่วมของประชา
ชนในกิจการรัฐวิสาหกิจ (Participation) ในร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ
ปี.... โดย แยกไว้เป็นการเฉพาะ
เนื่องจากเป็นหลักการสำคัญของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยพิจารณาเพิ่มเติมว่า
ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในสังคมกลุ่มใดได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
และในเรื่องใดบ้าง และพิจารณาทบทวน
ความถูกต้องสอดคล้องของหลักการและแนวทางในแต่ละหมวด เช่น หมวดที่ ๒ ว่าด้วยสิทธิและความเท่าเทียมกัน
ของเจ้าของกิจการ/ผู้ถือหุ้น ได้กำหนดว่าคณะกรรมการ กนร.
ควรมีมาตรการป้องกันกรณีกรรมการผู้บริหารใช้
ข้อมูลภายในเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ....
ควรย้ายไปบรรจุไว้ในหมวดที่ ๓ ความรับ ผิดชอบของคณะกรรมการ กนร. เป็นต้น
รวมทั้งทบทวนแนวทางปฏิบัติที่ดีในแต่ละหมวดให้สอดคล้องกัน เช่น หมวดที่ ๔ ว่าด้วยบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแนวทางปฏิบัติที่ดี
ส่วนใหญ่มิได้แสดงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย แต่เป็นบทบาทของคณะกรรมการ
กนร. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
๓. ปัจจุบันรัฐวิสาหกิจหลายแห่งยังไม่มีผู้บริหารสูงสุดเนื่องจากไม่มีผู้สมัคร
จึงมอบหมายให้คณะกรรม การ กนร.
รับไปพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีความ
รู้ความสามารถสมัครเป็นผู้บริหารสูงสุดได้มากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
38815 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งและบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 1.1 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งและบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอัน ตราย ประกอบด้วย 1.1.1 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผู้ก่อกำเนิดกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย 1.1.2 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนส่ง 1.1.3 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผู้ประกอบการบำบัดกำจัดหรือรีไซเคิล 1.1.4 มาตรการสนับสนุน 1.2 ให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวพร้อมทั้งให้คณะ อนุกรรมการประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมประสานและติดตามการดำเนินการตามมาตรการ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบ ด้วยกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำมาตรการด้านภาษีเข้ามาสนับสนุนเพื่อ สร้างแรงจูงใจและตอบแทนให้ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยอาจมีการลดหย่อนภาษีให้ตามปริมาณของเสียบำบัด ในแต่ละปี และเห็นควรมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายอย่างเพียงพอ มีความ รู้ ความชำนาญเป็นอย่างดี และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งมีการบูรณาการแนวปฏิบัติและผลที่จะได้รับจากมาตรการ ฯ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการดำเนิน การ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38816 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ พ.ศ. .... | รง | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และ
ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด อัตราเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ ที่รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ต้อง จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณี ชราภาพเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นอีกร้อย ละ 1 ของค่าจ้าง สำหรับกรณีผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบอยู่ในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราเงินสมทบตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
38817 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - บังกลาเทศ | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกความเข้าใจลับ (Confidential Memoran
dum of Understanding) ระหว่างไทย-บังกลาเทศ ลงนามเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 โดยสาระสำคัญของบันทึก ความเข้าใจลับ ฯ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแก้ไขปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบินและสิทธิความจุความถี่ ทั้งนี้ ในส่วนของสิทธิ รับขนการจราจรเสรีภาพที่ 5 ตกลงให้คงการระบุชื่อจุดระหว่างทาง และจุดพ้นในการใช้สิทธิรับขนการจราจรเสรี ภาพที่ 5 ไว้ฝ่ายละ 4 จุด เช่นเดิม โดยคณะผู้แทนไทยได้ยื่นร่างข้อบทใหม่ว่าด้วยเรื่องพิกัดอัตราค่าขนส่งให้ฝ่ายบัง กลาเทศพิจารณา ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะยืนยันการตกลงผ่านทางการทูตโดยวิธีแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตต่อไป และ ให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนมอบกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการ ทูตยืนยันการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบินและสิทธิความจุความถี่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38818 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - อินเดีย | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Under
standing) ระหว่างไทย-อินเดีย ลงนามเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้ง สองฝ่ายได้ตกลงปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ของเที่ยวบินผู้โดยสาร ปรับปรุงข้อบทว่าด้วยพิกัดอัตราค่าขนส่ง ปรับ ปรุงข้อบทว่าด้วยการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และเพิ่มเติมข้อบทว่าด้วยความปลอดภัยการบินไว้ในความตกลง ฯ และ ให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทาง การทูตยืนยันการปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงข้อบทว่าด้วยพิกัดอัตราค่าขนส่ง (ข้อ 8 ใน ความตกลง ฯ) ข้อบทว่าด้วยความปลอดภัย (ข้อ 7 ทวิ) และเพิ่มเติมข้อบทว่าด้วยความร่วมมือด้านการตลาด (ข้อ 8 ทวิ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38819 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฟิลิปปินส์ | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกความเข้าใจลับ (Confidential Memoran
dum of Understanding) ระหว่างไทย-ฟิลิปปินส์ ลงนามเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 โดยสาระสำคัญของบันทึก ความเข้าใจลับ ฯ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแก้ไขปรับปรุงในเรื่องการกำหนดสายการบิน ใบพิกัดเส้นทางบิน และสิทธิ ความจุความถี่ โดยคณะผู้แทนไทยได้ยื่นร่างข้อบทใหม่ว่าด้วยการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และร่างความ ตกลง ฯ ฉบับใหม่ให้ฝ่ายฟิลิปปินส์พิจารณา ซึ่งคณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะนำประเด็นดังกล่าวมาหารือในการ เจรจาคราวต่อไป และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนมอบกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลก เปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการแก้ไขปรับปรุงข้อ 5 ของความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างประเทศ ไทยและสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ใบพิกัดเส้นทางบิน และสิทธิความจุความถี่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38820 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552 | นร | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐ กิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2552 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ โดยที่ประชุมมีมติในเรื่องต่างๆ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ปัญหาการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ที่ประชุมมีมติมอบหมาย กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับข้อเสนอของประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ไป ประกอบการพิจารณาดำเนินการประเมินผลการบังคับใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการ อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการปรับปรุง /แก้ไขระเบียบ ฯ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยหารือกับหน่วยงานปฏิบัติระดับกระทรวง หน่วยงาน กลาง (เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ) และภาคเอกชน ให้แล้วเสร็จ ภายใน 2 เดือน และรายงานต่อคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 1.2 แนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา ที่ประชุมมี มติมอบหมายสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรับไปพิจารณาจัดทำข้อเสนอที่ชัดเจนและครบถ้วน ตลอดห่วงโซ่ การผลิต กรณีที่มีข้อเสนอเกี่ยวข้องกับภารกิจของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ให้นำเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมการนโยบายยาง ฯ ก่อนที่จะนำเสนอคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 1.3 ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนอันเนื่องมาจากความไม่ชัดเจนในแนวปฏิบัติของภาค รัฐ กรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษในพื้นที่มาบตาพุด ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล ตะวันออกประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับประเด็นความไม่ชัดเจนใน แนวทางปฏิบัติของภาครัฐจากการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ 1.4 ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โรงงานที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ที่ ประชุมมีมติมอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อยุติในแนวทาง ปฏิบัติที่ชัดเจนตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใน 1 เดือน และให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ต่อไป 1.5 ความคืบหน้าโครงการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประชุมมีมติรับทราบ และมอบหมายธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง ติดตามความคืบหน้าในการ ปล่อยสินเชื่อให้แก่ SMEs รวมทั้งปรับปรุงและผ่อนปรนหลักเกณฑ์การปล่อยเงินกู้เพื่อสร้างโอกาสให้ SMEs ที่มี ศักยภาพมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจในภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปัจจุบัน 1.6 ความคืบหน้าการดำเนินงานตามมาตรการภาษีเพื่อการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่ประชุมมีมติรับ ทราบและมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับสำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีนำเรื่อง การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมอสังหาริมทรัพย์ ของกรมที่ดิน เพื่อบรรจุเข้าเป็นวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพุธที่ 3 มิถุนายนศกนี้ 1.7 ความคืบหน้าการดำเนินงานตามมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่ประชุมมีมติรับทราบ และ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณา ความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราออกไปอีก หลังพ้นกำหนด 3 เดือน ในวันที่ 4 มิถุนายน 2552 รวมถึงระยะเวลาที่อนุญาตให้พำนักในประเทศไทย โดยให้ครอบคลุมภึงกลุ่มเป้าหมาย ต่าง ๆ เช่น ผู้เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ นักศึกษาต่างชาติในไทย และนักธุรกิจ เป็นต้น และให้สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำรวจและศึกษาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวของประเทศเพื่อกำหนด แนวทางการส่งเสริมพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งทบทวนโครงการพัฒนาตามแผนฟื้นฟู เศรษฐกิจระยะที่ 2 ให้รองรับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 2. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดการสำรวจศึกษาศักยภาพ แหล่งท่องเที่ยวของประเทศ รวมทั้งทบทวนโครงการพัฒนาตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|