ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1950 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38981 - 39000 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38981 | แต่งตั้งผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์ และนายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง) | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งผู้แทนการค้าไทย จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายวัชระ พรรณเชษฐ์
และนายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
38982 | เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan (PSRDPL) จากธนาคารโลก | กค | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รับหลักการของร่างสัญญาเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอร่างสัญญาดังกล่าวต่อรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบ 2. อนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ดำเนินการกู้เงิน Public Sector Reform Development Policy Loan จากธนาคารโลก วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 3. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็น ผู้ลงนามในสัญญากู้เงิน รวมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย 4. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำความเห็นทางกฎหมายโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38983 | ของบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนรับประทานอาหารกลางวัน | มท | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้เด็กนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับ การสนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวันเต็ม 100% และปรับอัตราค่าอาหารกลางวัน จากอัตราคนละ 10 บาท ต่อวัน เป็นอัตราคนละ 13 บาทต่อวัน ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ที่เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้มีส่วนร่วมสมทบดำเนินการและประสานความร่วมมือทั้ง จากภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่น มาร่วมสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารกลางวัน อันจะ ช่วยให้มีภาวะโภชนาการที่ดีขึ้นส่งผลต่อสุขภาพและการเรียนรู้ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควร ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรเงิน อุดหนุน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีภาวะ ทุพโภชนาการ ยากจนและขาดแคลนให้ได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกายตามมาตรฐานของ กระทรวงสาธารณสุข ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38984 | การรายงานความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างชุดทำงานด้านการสืบสวน และปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้านการสืบสวนและปราบปรามกับผู้จำหน่ายสินค้าย่านพัฒน์พงศ์ | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) รายงาน
ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างชุดทำงานด้านการสืบสวนและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทาง ปัญญาของคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้านการสืบสวนและปราบปรามกับผู้ จำหน่ายสินค้าย่านพัฒน์พงศ์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเพื่อทำหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จ จริงที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการนี้จะชะลอการดำเนินการใด ๆ จนกว่าผลการสอบสวนของคณะกรรมการ ฯ จะ แล้วเสร็จ และให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่ให้มีการกำหนดมาตรการดำเนินการปราบปราม สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างรัดกุมและเป็นธรรมเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก และควร มุ่งเน้นการปราบปรามไปที่แหล่งผลิตเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38985 | การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างความ
เชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยให้ใช้โอกาสที่ผู้นำประเทศ ผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรต่างประเทศเดินทางมาร่วมงาน หรือกิจกรรมที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐจัดขึ้น เผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์ประเทศ ไทยไปด้วย และให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) สนับสนุนข้อมูลให้แก่ส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐโดยตรง ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ สำรวจว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2552 มีงานหรือกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวใดบ้างที่จะจัดให้มี ขึ้นและจะดำเนินการในช่วงเวลาใด แล้วแจ้งข้อมูลให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมรายงานรัฐมนตรีประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38986 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติวันพุธที่ 13 พฤษภาคม
2552 ซึ่งได้พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
38987 | การแก้ไขปัญหาลิ้นจี่ล้นตลาด | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ดังนี้
1. นายกรัฐมนตรีแจ้งว่าได้ประสานผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ช่วยจัดหาสถานที่เพื่อจัดจำหน่ายลี้น จี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาลิ้นจี่ล้นตลาด และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับ กระทรวงมหาดไทยเพื่อร่วมกันจัดหาพื้นที่จัดจำหน่ายลิ้นจี่ให้กระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่าได้ตรวจสอบปริมาณลิ้นจี่ที่ล้นตลาดแล้วจะประสาน กับกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป 3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าจะนำลิ้นจี่ไปจำหน่ายในโครงการ "ธงฟ้าราคาประหยัด" และ ในฤดูกาลผลิตปีต่อไปจะประสานการดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการตลาดของสินค้าดังกล่าวให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น 4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอว่าจะประสานไปยังสถานทูตไทย ให้ช่วยนำลิ้นจี่ไปเผย แพร่และจัดจำหน่ายในเทศกาลอาหาร (food festival) ที่จะจัดขึ้นในประเทศต่าง ๆ และขอให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนในด้านการขนส่งไปยังประเทศปลายทางให้เป็นไปอย่างรวดเร็วทันการณ์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
38988 | การรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A (H1N1) | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด
A (H1N1) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ดังนี้ ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ A (H1N1) แล้วจำนวน 2 ราย โดยได้รับเชื้อมาจากต่างประเทศ เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเม็กซิโก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งตัวอย่างเชื้อไวรัสที่พบในร่างการผู้ป่วยรายแรกไปตรวจที่ห้องแล็บในประเทศสหรัฐ อเมริกาแล้ว ยืนยันว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A (H1N1) อย่างไรก็ตาม กระทรวง สาธารณสุขได้ดูแลรักษาผู้ป่วยโดยให้รับประทานยาต้านไวรัสจนกระทั่งหายเป็นปกติทั้ง 2 รายแล้ว รวมทั้งได้ติด ตามอาการของผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยและผู้โดยสารที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยแล้วด้วย โดยทั้งหมดไม่มีความ เสี่ยงที่จะติดเชื้อแต่อย่างใด นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการจะจัดการประชุมผู้บริหาร สถานศึกษาในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 เพื่อมอบนโยบายในการให้ความรู้กับเด็กนักเรียนเพื่อดูแลป้องกันตัว เองจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ชนิด A (H1N1) ในช่วงเปิดภาคเรียนด้วย ในส่วนของมาตรการป้องกันการ แพร่ระบาดในช่วงที่จะมีการแข่งขันกีฬายกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โล ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14 - 29 พฤษภาคม 2552 นั้น กรทะรวงสาธารณสุขจะดำเนินการเฝ้าระวังนักกีฬาและผู้ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่ง ขันกีฬาครั้งนี้ และจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลคณะเดินทางจากประเทศต่าง ๆ ในลักษณะเดียวกับการเป็นหัวหน้าคณะ นักท่องเที่ยว และจะจัดให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรค เข้าพักอยู่ในอาคารเดียวกันและชั้นเดียวกัน เพื่อความสะดวกและคล่องตัวในการควบคุมดูแลเป็นพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||||||||
38989 | ความคืบหน้าในการดำเนินการตามแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับต่างประเทศ | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ร่วมระหว่าง
ไทยกับองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference : OIC) เมื่อปี พ.ศ. 2550 ขณะนี้ OIC และประเทศที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้ติดตามและสอบถามความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ตามแถลงการณ์ ดังกล่าวเป็นระยะ ๆ จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าว แล้วประสานกับกระทรวง การต่างประเทศเพื่อให้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการไปยังกระทรวงการต่าง ประเทศเพื่อรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38990 | การระบายจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2551/52 และขอทบทวนคณะกรรมการเกี่ยวกับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | พณ | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการรับจำนำตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 ซึ่งสิ้นสุดระยะ เวลารับจำนำเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2552 โดยมีปริมาณทั้งหมด 1,110,398.581 ตัน และประมาณการค่าใช้จ่าย และค่าชดเชยที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ฯ ประมาณ 4,088 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นทุก ๆ เดือนตามระยะ เวลาการเก็บรักษาประมาณเดือนละ 83 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่อง การจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำ ปี 2551/52 เพื่อส่งออกไปต่างประเทศโดยวิธีการประมูลให้กับผู้ซื้อใน ประเทศปริมาณ 449,342.856 ตัน ซึ่งได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 เสนอคณะ กรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธานกรรมการ เพื่อ พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 2. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งหารือตามประเด็นความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนว ทางการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการรับจำนำตามโครงการ ฯ โดยวิธีการจำหน่ายแบบรัฐบาลกับรัฐบาล (G to G) หรือรัฐบาลกับเอกชนต่างประเทศ (G to P) ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก่อนดำเนินการหรือไม่ โดยหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ เกิดความชัดเจนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และคณะรัฐมนตรี ต่อไป 3. อนุมัติให้คงคณะกรรมการเกี่ยวกับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รวม 5 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบาย อาหาร คณะกรรมการกำกับการรับจำนำโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 คณะกรรมการ บูรณาการการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร คณะกรรมการตรวจสอบโครงการแทรกแซง ตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) และโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 และคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งอนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 (เรื่อง โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2551/52) ในส่วนที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้าและหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการรับจำนำและระบายข้าวโพดที่รับจำนำ ตามที่กระทรวง พาณิชย์เสนอ 4. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ สำนัก งบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าโครงการแทรกแซงตลาด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 โดยวิธีการรับจำนำได้ดำเนินการรับจำนำในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก ซึ่งจะ ส่งผลให้เกิดภาระการขาดทุนเป็นจำนวนมากจนอาจขัดต่อข้อผูกพันเรื่องการอุดหนุนภายในภายใต้ WTO และอาจ ทำให้ถูกฟ้องร้องหรือถูกตอบโต้ ส่วนการอนุมัติการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำ ปี 2551/52 เพื่อส่งออก ต่างประเทศโดยวิธีการประมูลให้กับผู้ซื้อในประเทศ นั้น มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ในประเด็นข้อกฎหมายว่า การอนุมัติให้มีการระบายจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์งวดที่ 1 ควรเป็นอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการชุดใด ระหว่างคณะกรรมการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือคณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินการที่ผ่านมาถูกต้องตามกฎ หมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และในการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการรับจำนำตามโครงการ ฯ ส่วนที่ เหลือประมาณ 660,000 ตัน โดยวิธีการจำหน่ายแบบรัฐบาลกับรัฐบาล และ/หรือรัฐบาลกับเอกชนต่างประเทศ ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 190 หรือไม่ และให้ยก เลิกคณะกรรมการระบายข้าวโพดที่รับจำนำ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพื่อสร้างความ เป็นเอกภาพในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อ ไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38991 | ผลการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ระหว่างวันที่ 7 - 17 มีนาคม 2552) | พณ | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ระหว่างวันที่ ๗ - ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๒ เพื่อพบหารือกับผู้แทนสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative - USTR) สมาชิกรัฐสภา และภาคเอกชนสหรัฐฯ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและความจริงของไทยในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การผลักดันให้สหรัฐฯ ถอดไทยจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List - PWL) ต่ออายุการให้สิทธิพิเศษทางภาษี GSP และขยายการค้าการลงทุนในไทย สรุปได้ ดังนี้
๑. การหารือกับผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative - USTR) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งให้ทราบถึงนโยบายและความจริงจังของรัฐบาลไทยในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และขอให้สหรัฐฯ พิจารณาถอดไทยจากบัญชี PWL รวมทั้งขยายการค้าการลงทุนมาไทย ให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าแบรนด์เนม (โครงการไทยแลนด์โมเดล) และต่ออายุ GSP ให้ไทย เป็นต้น ซึ่ง USTR ให้ความสนใจในบทบาทประธานอาเซียนของไทย และการเจรจาเขตการค้าเสรีอาเซียน - สหภาพยุโรป ๒. การหารือกับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงให้เชื่อมั่นสถานการณ์ของไทยที่กลับสู่ภาวะปกติ และขอการสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอดไทยจากบัญชี PWL และต่ออายุ GSP ให้ไทย ซึ่งได้รับการขานรับอย่างดี ๓. การหารือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้พบหารือและชี้แจงให้ภาคเอกชนสหรัฐฯ ทราบเรื่องที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นวาระแห่งชาติ มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาการละเมิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ๔. การหารือกับองค์กรภาคประชาชน (NGOs) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้พบกับองค์กรภาคประชาชน เช่น องค์กรเคอีไอ (Knowledge Ecology International) Essential Action หมอไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres) และมหาวิทยาลัยอเมริกัน ซึ่งมีบทบาทสนับสนุนให้ประเทศกำลังพัฒนาใช้ CL ในการแก้ปัญหาการเข้าถึงยา โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าไทยจะยังคงยึดแนวทางที่ความตกลง ทริปส์ของ WTO เปิดความยืดหยุ่นไว้ และจะทำ CL เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงยาเมื่อจำเป็น และขอให้ NGOs ช่วยไทยจากแรงกดดันของสหรัฐฯ และมีหนังสือถึง USTR ให้ถอดไทยจากบัญชี PWL ๕. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมคณะได้เยี่ยมชมสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Institute of Health - NIH) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ มีบทบาทหลักในการทำวิจัย หาวิธีรักษาโรคโดยทำการทดลองกับผู้ป่วย (clinical trial) ที่ผ่านมา NIH มีโครงการความร่วมมือกับไทย และได้เคยให้ทุนวิจัยฝึกอบรมแก่มหาวิทยาลัยของไทยในการวิจัยพัฒนายารักษาโรคเอดส์ด้วย โดย NIH ยินดีจะให้ความร่วมมือกับไทยต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38992 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (จำนวน 5 ราย 1. พลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรีฯ) | กห | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จำนวน 5 ราย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 พฤษภา คม 2552) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ 1. พลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรี ประธานกรรมการ 2. พลเรือเอก วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยี ป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมป้องกัน ประเทศ หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรม 3. นายชัชวลิต สรวารี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหาร จัดการและทรัพยากรบุคคล ซึ่งมิใช่ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงาน ในหน่วยงานของรัฐ 4. นายเอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 5. พลโทหญิง อัญชลี มั่นสกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชีและงบประมาณ การตรวจสอบ ประเมินผล และการบริหารความเสี่ยง
|
|||||||||||||||||||||||||||
38993 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับ | ศธ | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แยกเขตพื้นที่การ ศึกษาออกเป็นของประถมศึกษาและของมัธยมศึกษา 1.2 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ แยกเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็นของประถมศึกษาและของมัธยมศึกษา 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มี สาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทาง การศึกษา 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วยว่าใน การปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาและการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการและคณะอนุกรรม การดังกล่าวไม่ควรเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณของหน่วยงาน และเนื่องจากปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานมีเขตพื้นที่การศึกษาทั้งสิ้น 185 เขต ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ในชั้นต้นควรปรับเกลี่ย ความรับผิดชอบของเขตพื้นที่การศึกษาที่มีอยู่เดิมยังไม่ควรกำหนดให้มีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มขึ้นโดย ไม่จำเป็น ทั้งนี้ ควรเน้นเรื่องศักยภาพความพร้อมของบุคลากรที่เหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจแต่ละระดับการ ศึกษาและขนาดของพื้นที่ที่เขตพื้นที่การศึกษาจะสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
38994 | การขอคืนที่ดินราชพัสดุที่ยกให้กับทางราชการ รายนางเครือพันธ์ พงศ์สถาพร | กค | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)
เลขที่ 3404 ตำบลป่าแมต อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ คืนให้กับนางเครือพันธ์ พงศ์สถาพร ผู้ยกให้ โดยนางเครือ พันธ์ ฯ ต้องเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุ ตลอด จนค่าอากรแสตมป์ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดแทนกระทรวง การคลังทั้งสิ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
38995 | ขออนุญาตก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล เป็นกรณีพิเศษของมหาวิทยาลัยมหิดล | ศธ | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุญาตให้มหาวิทยาลัยมหิดลดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้ ในพื้นที่
ในบริเวณรอบนอกแนวเขตที่ดินของพุทธมณฑล ในระยะ 1,000 เมตร เป็นกรณีพิเศษ โดยก่อสร้างเป็นอาคาร ที่มีความสูงเกิน 18 เมตร และมีพื้นที่ทุกชั้นในหลังเดียวกันหรือหลายหลังรวมกันเกิน 1,000 ตารางเมตร ตาม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยมหาวิทยาลัยมหิดล รับความเห็นของสำนักงบ ประมาณ เกี่ยวกับการเสนอผลการจัดจ้างที่ได้ดำเนินการแล้วให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของ ราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38996 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ฯ มีโอกาสได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ถึง ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทยหรือเบญจมดิเรกคุณาภรณ์ และให้ผู้เสียชีวิตมีโอกาสได้รับพระราชทานเพลิงศพ และ ให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ ไปได้ 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการ กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อีกไม่เกิน 2 ชั้น นั้น จะมีปัญหากรณีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดังกล่าวเคยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาก่อนแล้วใน ชั้นเหรียญเงินมงกุฎไทยหรือเหรียญเงินช้างเผือก หากได้รับการเสนอขอพระราชทานสูงขึ้นอีกไม่เกิน 2 ชั้น จะได้ รับพระราชทานสูงสุดเพียงชั้นเหรียญทองช้างเผือก (ร.ท.ช.) ไม่ถึงชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) ในขณะที่ผู้ ไม่เคยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาก่อน กลับให้ได้รับการเสนอขอพระราชทานไม่ต่ำกว่าชั้นเบญจ มาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) ซึ่งสูงกว่า ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน รวมทั้งในการเสนอขอพระราชทานเครื่องราช อิสริยาภรณ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิต ควรปรับปรุงแก้ไขขั้นตอนการดำเนิน การให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
38997 | การขออนุมัติยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมขนาดย่อม จังหวัดขอนแก่น | อก | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ยกเลิกโครงการนิคมอุตสาห
กรรมขนาดย่อม จังหวัดขอนแก่น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กนอ. รับ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้มีการประเมินผลการดำเนินการ ในภาพรวมของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในส่วนภูมิภาคทั้งด้านปัญหาอุปสรรค ข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ แนวทาง การพัฒนา และโอกาสที่จะได้รับสำหรับการดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการผลักดันแนวนโยบายของรัฐบาล ดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม และให้นำเสนอตามขั้นตอน ต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38998 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่ในคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการสนับสนุนการวิจัย (จำนวน 10 ราย 1. ศาสตราจารย์ ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ฯ) | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการติดตาม
และประเมินผลการสนับสนุนการวิจัย จำนวน 10 คน ตามที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยเสนอ โดยให้มี ผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 พฤษภาคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. ศาสตราจารย์ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการ 2. นายสุธรรม วาณิชเสนี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ 3. นายประจักษ์ พุ่มวิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาเกษตรศาสตร์ 4. นายวิชัย โชควิวัฒน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ 5. นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิชาวิทยาและเทคโนโลยีชีวภาพ 6. ศาสตราจารย์ปรัชญา เวสารัชช์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาสังคมศาสตร์ 7. นายศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาเศรษฐศาสตร์ 8. ศาสตราจารย์อมรา พงศาพิชญ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขามนุษยศาสตร์และพัฒนาชนบท 9. นายศักดา ธนิตกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์ 10. นายเขมทัต สุคนธสิงห์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||||||||
38999 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 9/2552 | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 9/2552 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2552 โดยที่ ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ รายงานสถานการณ์แรงงานและการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ข้อเสนอ แนวทางการบริหารจัดการเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต และการประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการ เมืองระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2552 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 2.1 รับทราบรายงานสถานการณ์แรงงานและการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน โดยมอบหมายกระทรวง แรงงานนำเสนอข้อมูลการลาออก และการเลิกจ้างแรงงาน รวมทั้งการใช้สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม จำแนกเป็นรายสาขา โดยเปรียบเทียบกับข้อมูลในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเพื่อให้ข้อมูลเกิดความชัดเจน และ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประสานกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกต่อประเทศไทยโดยแสดงให้เห็นผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมทั้งที่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อให้ทราบถึงผลที่ ชัดเจนยิ่งขึ้น 2.2 รับทราบแนวทางการบริหารจัดการเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องกำหนดเป้าหมายระยะเวลาการดำเนินงานแล้วเสร็จ และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมาตรการ เศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาเพื่อนำข้อมูลเผยแพร่ทางเว็บไซต์ และให้ฝ่ายเลขานุการประสานกับผู้ที่เกี่ยว ข้องเพื่อกำหนดเป้าหมายการเปิดให้บริการศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (One Start & One Stop Service Center) กับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุโครงการที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Green Economy และ Creative Economy ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 2.3 รับทราบผลการประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2552 ของ สศช. ที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงจากผลกระทบดังกล่าวประมาณ 400,000 คน
|
|||||||||||||||||||||||||||
39000 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... | นร | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ให้มีคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่ดำเนินการเป็นอิสระ มีหน้าที่หลักในการปรับปรุงและพัฒนากฎ หมายของประเทศให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สำรวจ ศึกษา และวิเคราะห์ทางวิชาการต่าง ๆ เพื่อวางเป้าหมาย นโยบาย พร้อมทั้งจัดทำแผนโครงการ และมาตรการต่าง ๆ ในการปฏิรูปกฎหมายอย่างเป็นระบบ 2. ให้มีสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคลและอยู่ภาย ใต้การกำกับดูแลของประธานกรรมการ มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการทั่วไปของคณะกรรมการ และงานด้าน ธุรการของคณะกรรมการ
|
.....