ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1701 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 34001 - 34020 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34001 | ปัญหาอาชญากรรม | ตช | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอรายงานตามมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รอบเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งลดลงร้อยละ ๔.๓๑ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๖๘ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ส่วนคดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งลดลงร้อยละ ๓.๐๕ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ และลดลงร้อยละ ๑๒.๖๓ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๒ และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งลดลงร้อยละ ๕.๔๖ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ และลดลงร้อยละ ๑.๗๒ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม คดีอุกฉกรรจ์ จับกุมได้ทั้งสิ้น ๒๕๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๖.๓๑ ของการรับแจ้ง ส่วนคดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ จับกุมได้ทั้งสิ้น ๑,๔๒๘ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๙.๑๓ ของการรับแจ้ง และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ จับกุมได้ทั้งสิ้น ๒,๓๐๔ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๓๐ ของการรับแจ้ง ๓. ผลการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในรอบเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม รวมถึงการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสำคัญ ส่วนในด้านการปราบปราม ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติเร่งระดมกวาดล้าง จับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับค้างเก่า รวมทั้งการระดมกวาดล้างยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล จึงทำให้มีผลการจับกุมผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||
34002 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ระหว่างวันที่ 16 - 17 ตุลาคม 2553) | กต | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานเรื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศผู้ให้ความร่วมมือ (donor countries) และเอกอัครราชทูตที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประจำประเทศไทยเดินทางไปเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่ และพบปะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับหน่วยงานของภาครัฐและภาคประชาสังคมเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือกับต่างประเทศในด้านการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสังคมและการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพื้นที่ได้สรุปสาระสำคัญของนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเน้นการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ โดยหน่วยงานในพื้นที่และชุมชนต่าง ๆ แจ้งข้อเสนอแนะ อาทิ ขอให้รัฐบาลเร่งปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สามารถแข่งขันกับเยาวชนจากภาคอื่น ๆ ได้ ขอให้จัดการอบรมทักษะการสอนให้ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนโดยเฉพาะภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่งทันตแพทย์ และสูตินรีแพทย์ รวมทั้งขอเพิ่มอัตราจำนวนแพทย์ฝึกหัดในโรงพยาบาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น ๒. โดยสรุป การจัดให้คณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศเดินทางเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยตนเองโดยการจัดกำหนดการให้มีการพบปะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับหน่วยงานพลเรือน หน่วยงานความมั่นคง ผู้นำชุมชน และภาคประชาสังคม เป็นวิธีการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาลให้กับประชาคมระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34003 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 - 2559 | กก | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
๑. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ และให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนงานด้านการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ โดย (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในระดับโลก รวมทั้งสามารถสร้างรายได้และกระจายรายได้ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่
๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยว ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาสินค้า บริการ และปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยว ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว ๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการสร้างจุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยวโดยตั้งเป้าให้เป็น Hospitality and Wellness Center of the World เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวระดับบน การกำหนดเป้าหมายด้านรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งการเพิ่มระยะการพำนักและค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวแทนการเพิ่มยอดนักท่องเที่ยว การให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนในสาขาท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนามัคคุเทศก์ให้ได้มาตรฐานทั้งทักษะด้านภาษาต่างประเทศ ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย การให้ความสำคัญต่อมาตรการกำกับดูแล ไม่พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างไร้ทิศทาง และไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของท้องถิ่น รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการสอดส่องดูแลและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับโฆษณาชวนเชื่อที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านลบของการท่องเที่ยวไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร การพัฒนาสินค้าและกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างความโดดเด่นในระดับภูมิภาค และการให้ความสำคัญกับการสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนพัฒนาด้านการท่องเที่ยวฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับการใช้จ่ายงบประมาณ (Redeploy) ของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรในแต่ละปีงบประมาณให้สอดคล้องตามแผนพัฒนาด้านการท่องเที่ยวฯ เป็นลำดับแรก และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานเจ้าภาพในการบูรณาการการจัดทำความต้องการงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจัดทำงบประมาณที่ซ้ำซ้อนหรือการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่คุ้มค่า รวมทั้งกำหนดวงรอบในการติดตามและประเมินผลที่ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
34004 | ปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2554 ครั้งที่ 1 | กค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๔,๙๒๓.๖๓ ล้านบาท จากวงเงินเดิม ๑,๒๙๖,๔๒๗.๙๐ ล้านบาท เหลือ ๑,๒๙๑,๕๐๔.๒๗ ล้านบาท ๒. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ. ทีโอที) ที่ขอปรับเพิ่มวงเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการสร่างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ ๓ วงเงิน ๑๕,๘๕๐.๐๐๐ ล้านบาท เนื่องจากมีความต้องการใช้เงินเพื่อเร่งดำเนินโครงการฯ ให้เสร็จในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ อนุมัติให้ บมจ. ทีโอที เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานจากการประกวดราคาสากลเป็นการประกวดราคาทั่วไป ทำให้เงินกู้เพื่อดำเนินโครงการฯ จะเป็นเงินกู้จากในประเทศหรือต่างประเทศนั้นขึ้นอยู่กับผู้ที่ประมูลโครงการได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีความเห็นว่าควรเป็นการกู้เงินในรูปเงินกู้ระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ และกระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกันเพราะเป็นโครงการที่มุ่งหวังผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ ๓. อนุมัติการกู้เงิน การค้ำประกัน และการให้กู้ต่อของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจตามรายการที่ได้บรรจุไว้ในแผนการบริหารความเสี่ยง (แผนงานย่อยที่ ๓) โดยในการกู้เงินเพื่อ Refinance ให้กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจสามารถปรับเปลี่ยนแหล่งเงินกู้จากเงินกู้สกุลเงินต่างประเทศเป็นเงินกู้สกุลเงินบาท (Baht Refinance) ได้ ๔. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการค้ำประกัน การกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยหากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34005 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางฉวีวรรณ สุคันธรัต และนายวีระยุทธ ปั้นน่วม) | นร | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นางฉวีวรรณ สุคันธรัต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ ๒. นายวีระยุทธ ปั้นน่วม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
34006 | ขอความเห็นชอบร่างข้อกำหนดว่าด้วยเขตก่อสร้าง (Construction Zone) สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ - ห้วยทราย | คค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างข้อกำหนดว่าด้วยเขตก่อสร้าง (Construction Zone) สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ ๔ เชียงของ - ห้วยทราย ก่อนอธิบดีกรมทางหลวงในฐานะประธานกรรมการประสานงานโครงการ (Project Coordinating Committee : PCC) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ทั้งนี้ สาระสำคัญของข้อกำหนดฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อในการเคลื่อนย้ายบุคลากร ยานพาหนะ เครื่องจักร อุปกรณ์งานก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ตลอดจนสิ่งของและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างดังกล่าว สามารถดำเนินการได้โดยสะดวกรวดเร็วและไม่เป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้าง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34007 | รายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เรื่อง การสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) | นร | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เรื่อง การสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณตามโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ งวดที่ ๑ เป็นเงิน ๑๕,๕๓๔,๑๕๖,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้มีหนังสือถึงจังหวัดเพื่อจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในงวดที่ ๑ จำนวน ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔) จำนวน ๕,๑๗๘,๐๕๒ คน เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๕,๕๓๔,๑๕๖,๐๐๐ บาท พร้อมแนวทางปฏิบัติ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปแล้ว ๔ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มกราคม ๒๕๕๔) ๒. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ วงเงิน ๖,๗๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้สูงอายุทั้ง ๗๕ จังหวัดแสดงความประสงค์เพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๓. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังดำเนินโครงการศึกษาการปรับปรุงรูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและพัฒนาระบบต้นแบบ และได้นำเสนอผลการศึกษาต่อที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบภารกิจเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเป็นส่วนราชการเจ้าของงบประมาณจัดทำงบประมาณในรูปแบบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อใช้จ่ายในโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นการเฉพาะ รวมทั้งพัฒนารูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในรูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผ่านระบบธนาคารไปยังผู้สูงอายุโดยตรง โดยให้ดำเนินการลักษณะเป็นโครงการนำร่องในเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีสถาบันทางการเงินให้บริการในพื้นที่ ตลอดจนพัฒนากระบวนการการลงทะเบียนและการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยการเชื่อมโยงข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก โดยใช้ระบบ Off Line ข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์จากระบบทะเบียนราษฎร์ |
|||||||||||||||||||||||||||
34008 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายธำรงค์ สมบุญตนนท์ และนายสมเกียรติ โพธิสัตย์) | สธ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธำรงค์ สมบุญตนนท์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ ๒. นายสมเกียรติ โพธิสัตย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านสาธารณสุข กลุ่มภารกิจวิชาการ สำนัก พัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๘กรกฎาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
34009 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 | กษ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ รายการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร จำนวน ๔ รายการ ได้จัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว วงเงิน ๙๘,๗๗๐,๐๐๐ บาท สำหรับรายการอื่น ๆ อยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบและประกวดราคา ในส่วนของการรวบรวมพรรณไม้สำหรับการเรียนรู้และตกแต่งภูมิทัศน์ด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ๑.๒ จัดส่งรายละเอียดให้สำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เพื่อให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณและการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ และประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเชิญชวนต่างประเทศเข้าร่วมงานในเบื้องต้นแล้ว สำหรับการเตรียมการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเบื้องต้นเพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานแล้ว ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรี (๓ สิงหาคม ๒๕๕๓) เกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายรับ-รายจ่าย แผนบริหารรายได้และแผนความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม รวมทั้งการจัดทำแผนความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Financial Plan) ตลอดจนการศึกษาวิเคราะห์แนวทางการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการบริหารจัดการ ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วยในการรายงานครั้งต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
34010 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี) | วท | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดการน้ำชุมชน ได้ดำเนินโครงการ ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างแม่ข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในพื้นที่ ๑๕ ชุมชน และโครงการจัดการน้ำชุมชนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่นอกเขตชลประทานโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ๘๔ แห่ง ๒. การศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ประสานกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อขยายขอบเขตการวิจัยและจัดทำฐานข้อมูลให้ครอบคลุมเรื่องแสง โดยได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติให้ดำเนินการศึกษาผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ภายใต้โครงการประเมินสมดุลรังสีดวงอาทิตย์อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพสิ่งปกคลุมดินในจังหวัดเพชรบุรีและพื้นที่ที่สัมพันธ์กัน และมีความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ โครงการจัดทำฐานข้อมูลลมของประเทศไทย งานวิจัยด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำ และงานศึกษาและวิเคราะห์ความเสี่ยงน้ำท่วมน้ำแล้งเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการเกษตรในพื้นที่ศึกษาลุ่มแม่น้ำโขง ๓. การบริหารจัดการน้ำ การปิด เปิด ระบายหรือรับน้ำ มีการดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ โครงการแก้มลิงอเนกประสงค์ คลองสนามชัย - มหาชัย กรุงเทพมหานคร - สมุทรสาคร มีความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการร้อยละ ๙๐ และได้จัดทำแปลงเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่าชายเลนเพื่อใช้ในการดำเนินงานฟื้นฟูคลองหลวง และคลองสหกรณ์สาย ๓ ปรับปรุงประตูระบายน้ำที่มีอยู่เดิม และก่อสร้างประตูระบายน้ำขนาดเล็กเพิ่มเติม รวมถึงติดตั้งระบบโทรมาตรเพื่อติดตามระดับน้ำในแก้มลิงเอกชน ๓.๒ โครงการศึกษาและจัดทำระบบบริหารจัดการน้ำจังหวัดนครนายก ได้ดำเนินงานร่วมกับกรมชลประทานศึกษาข้อมูลด้านน้ำสำหรับติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และมีแผนดำเนินงานในระยะที่ ๒ เพื่อต่อยอดการศึกษาผลักดันให้เกิดภาพบริหารจัดการในพื้นที่ระดับชุมชน รวมทั้งศึกษาระบบผังน้ำเพื่อเชื่อมต่อกับลุ่มน้ำบางปะกงต่อไป ๓.๓ การดำเนินงานเกี่ยวกับแหล่งน้ำใต้ดิน ได้ดำเนินการร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการประยุกต์ใช้ไอโซโทปและเคมีเทคนิคเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล พื้นที่ลุ่มน้ำซีตอนบน ส่วนที่ ๑ และ ๒ จังหวัดชัยภูมิ โดยการประยุกต์ใช้แบบจำลองน้ำผิวดินและแบบจำลองน้ำบาดาล เพื่อใช้อธิบายวงจรน้ำใต้ดินต้นน้ำชี และประยุกต์ใช้ไอโซโทปศึกษาแหล่งที่มาและการกระจายตัวของน้ำฝน และกระบวนการเติมน้ำใต้ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำยม - น่าน ๔. การบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ได้ดำเนินการติดตามระดับน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยและติดตามอุณหภูมิพื้นผิวทะเล รวมทั้งจัดทำแบบจำลองลม และนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ประกอบกับภาพถ่ายจากดาวเทียมการกัดเซาะชายฝั่งของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อนำไปสู่มาตรการเพิ่มแนวป้องกันการปะทะและกัดเซาะชายฝั่งทะเล (Soft Break)
|
|||||||||||||||||||||||||||
34011 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๑๑ ไร่ ๗๓ ๙/๑๐ ตารางวา เพื่อมอบให้อธิบดีกรมที่ดินนำไปจัดหาผลประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
34012 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธาตุเชิงชุม ตำบลดงมะไฟ และตำบลงิ้วด่อน อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร พ.ศ. .... | คค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธาตุเชิงชุม ตำบลดงมะไฟ และตำบลงิ้วด่อน อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธาตุเชิงชุม ตำบลดงมะไฟ และตำบลงิ้วด่อน อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนสกล - นาแก กับถนนไอ ที ยู ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
34013 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการขอรับและการจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการขอรับและการจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับรองหลักฐานการมีสิทธิได้นับเวลาทวีคูณสำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน. ซึ่งปฏิบัติงานที่ถือว่าเป็นการกระทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ในระหว่างเวลาที่มีการรบหรือการสงคราม หรือการปราบปรามจลาจล ๒. กำหนดแบบบัญชีรายชื่อผู้ได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ สำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน. (แบบ ๕๓๐๔ ก) เพื่อใช้เป็นหลักฐานการมีสิทธิได้นับเวลาทวีคูณสำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน.
|
|||||||||||||||||||||||||||
34014 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลอ่าวน้อย ตำบลประจวบคีรีขันธ์ ตำบลเกาะหลัก และตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
34015 | ความคืบหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัย | กษ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ รายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัย ดังนี้
๑. จัดทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดดำเนินการและถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรและชาวประมงผู้ประสบอุทกภัยและวาตภัย อย่างเคร่งครัด และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๓ ที่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกรมาก่อน แจ้งขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรและตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรที่ขอรับความช่วยเหลือให้ถูกต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการจ่ายเงิน ๒. จัดส่งเอกสารให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อขออนุมัติเงินงวดรวมทั้งสิ้น จำนวน ๖๖ จังหวัด วงเงิน ๑๕,๘๒๙.๙๗ ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ได้โอนเงินให้ ธ.ก.ส. สาขาแล้ว จำนวน ๕๘ จังหวัด วงเงิน ๑๒,๔๙๙.๓๐ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. สาขาโอนเข้าบัญชีเกษตรกรแล้ว ๓๑๔,๕๙๐ ราย วงเงิน ๘,๔๓๓.๖๔ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
34016 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกุดป่อง และตำบลชัยพฤกษ์ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พ.ศ. .... | คค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกุดป่อง และตำบลชัยพฤกษ์ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกุดป่อง และตำบลชัยพฤกษ์ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๓๘ กับทางหลวงชนบท ลย. ๔๐๐๙ บริเวณบ้านท่าข้าม และเพื่อ่ให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
34017 | ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป | นร | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ของคณะกรรมการปฏิรูป ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อกำหนดแนวทาง ความเป็นไปได้ และลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว ให้แล้วเสร็จภายใน ๒ สัปดาห์ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
34018 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 (คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข) (นายรณชัย คงสกนธ์) | สธ | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายรณชัย คงสกนธ์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตเวช ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข แทนนายพงศธร เนตราคม ที่ลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
34019 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. .... | นร | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพประชาชนในสังคมไทยให้สามารถสร้างความรู้ ทักษะ การเรียนรู้ตลอดชีวิต มีระบบการจัดการความรู้ การถ่ายทอดความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษาให้ก้าวหน้าไปด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
34020 | ขออนุมัติแผนการก่อสร้างสนามกีฬาอำเภอและตำบล | กก | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนการก่อสร้างสนามกีฬาอำเภอและตำบล (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ประกอบด้วย แผนการก่อสร้างสนามกีฬาระดับอำเภอ ๖๙๐ อำเภอ วงเงิน ๑๖,๕๖๐ ล้านบาท และแผนการก่อสร้างสนามกีฬาระดับตำบล ๑,๑๑๔ ตำบล วงเงิน ๑๓,๓๖๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการก่อสร้างสนามกีฬาและแผนการใช้จ่ายเงินตามลำดับความสำคัญและจำเป็น รวมทั้งประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมให้ความเห็นในการเลือกใช้สถานที่ก่อสร้างที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดทำแผนการถ่ายโอนสนามกีฬาที่ก่อสร้างแล้วเสร็จให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการจัดทำแผนการถ่ายโอนสนามกีฬาอำเภอและตำบลที่ก่อสร้างแล้วเสร็จให้แก่ อปท. เพื่อให้ อปท. มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านกีฬา จัดทำแผนสนับสนุนงบประมาณให้แก่ อปท. ที่รับถ่ายโอนภารกิจสนามกีฬาสำหรับการบำรุงรักษา การจัดหาอุปกรณ์กีฬา และออกกำลังกาย และครูผู้ฝึกสอนกีฬา รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแนะนำทางเทคนิควิชาการเพื่อให้ อปท. ที่รับโอนภารกิจสนามกีฬาสามารถดำเนินการได้อย่างมีมาตรฐานและมีคุณภาพเท่าเทียมระดับสากล นอกจากนี้ ให้ อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หาแนวทางในการปลูกฝังและรณรงค์ให้ประชาชนรักการออกกำลังกายและเห็นถึงความสำคัญของการเล่นกีฬามากกว่ามุ่งเน้นพัฒนาแต่โครงสร้างพื้นฐาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
.....