ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1700 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33981 - 34000 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33981 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | กษ | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีผลการดำเนินโครงการฯ ดังนี้ ๑.๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้ดำเนินงานเตรียมการเบื้องต้น ได้แก่ งานก่อสร้างถนนเข้าโครงการและถนนภายในโครงการ งานก่อสร้างอาคารที่ทำการและบ้านพักชั่วคราว และงานขยายเขตไฟฟ้าแรงสูง มีผลการดำเนินงานร้อยละ ๑๐๐ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๗๖,๔๔๓,๐๐๐ บาท ๑.๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีแผนเริ่มงานก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดหาผู้รับจ้าง โดยกำหนดวันเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และคาดว่าเริ่มปฏิบัติงานได้ในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งในการดำเนินงานได้ใช้งบประมาณจากเงินงบประมาณปกติ จำนวน ๒,๖๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการนำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน และการศึกษาและกำหนดมาตรการลดผลกระทบจากการดำเนินโครงการและติดตามตรวจสอบอย่างจริงจังและต่อเนื่อง การจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้ได้รับผลกระทบและการจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันการแย่งน้ำและการทำการเกษตรจนเกินศักยภาพของน้ำต้นทุนที่โครงการฯ จะสามารถจัดหาได้ รวมทั้งการจัดทำเกณฑ์การจัดสรรน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำที่เป็นที่ยอมรับได้จากผู้ใช้น้ำในทุกกิจกรรม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบด้วยในการรายงานครั้งต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33982 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กรณีอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี) | ทส | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามโครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กรณีอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี) สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมตรวจสอบควบคุมเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ใช้งบประมาณจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒. กิจกรรมการติดตาม ประเมินผล อำนวยการ และประชาสัมพันธ์ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ๓. กิจกรรมจัดสร้างและวางปะการังเทียม ได้ดำเนินการก่อสร้างหล่อแท่งคอนกรีต (ปะการังเทียม) เสร็จเรียบร้อย และอยู่ในขั้นตอนการวางปะการังเทียมในพื้นที่เป้าหมาย ใช้งบประมาณจำนวน ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจ้างบริษัท แสงวิชัยวัสดุก่อสร้าง จำกัด จัดวางปะการังเทียมในอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๔. กิจกรรมทำความสะอาดบ้านปลา ดำเนินการที่ท่าเทียบเรือประมงหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และที่สวนสน กลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองปราณ อำเภอปราณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ๕. กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ดำเนินการที่ท่าเทียบเรือประมงหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และที่สวนสน กลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้งบประมาณจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ๖. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ พบว่าการให้ความเห็นชอบและอนุญาตตามกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าช้า โดยการอนุญาตเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ และการอนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมประมง และกรมเจ้าท่า ตามลำดับ อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาต ในส่วนของกองทัพเรือได้ให้ความเห็นชอบจุดพิกัดเรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33983 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ปี 2554 | กษ | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินงานโครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔ โดยมีเป้าหมายในการควบคุมเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังในพื้นที่ที่จะมีการปลูกมันสำปะหลังในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๔ จำนวน ๕.๙๑๙ ล้านไร่ ใน ๔๕ จังหวัด โดยการรณรงค์ให้มีการแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังด้วยสารเคมีก่อนปลูก การถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกร และสนับสนุนการผลิตขยายศัตรูธรรมชาติเพื่อควบคุมเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง รวมทั้งจัดตั้งและดำเนินการศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน โดยสาธิตให้ความรู้เรื่องการแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังด้วยสารเคมีก่อนปลูกแก่เกษตรกร ส่งเสริมการจัดทำแปลงพันธุ์มันสำปะหลัง และอบรมเชิงปฏิบัติการการเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกมันสำปะหลัง โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยหลักในการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความชัดเจนในการบริหารจัดการกิจกรรมสนับสนุนการแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง เพื่อให้สามารถกระจายความช่วยเหลือไปสู่เกษตรกรได้อย่างทั่วถึงและเกิดประโยชน์สูงสุดตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงการบริหารจัดการด้านการเงินและการตรวจสอบภายใต้กิจกรรมการจัดตั้งศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน เพื่อให้การดำเนินงานโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาหากเกิดการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง และใช้ประโยชน์จากสถานที่และโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่ เช่น ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรประจำตำบล และศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน เป็นศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนเพื่อทำหน้าที่ในการช่วยเหลือเกษตรกรในชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. อนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการฯ ในวงเงิน ๖๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป และหากวงเงินดังกล่าวไม่เพียงพอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมด้วยว่า การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับศัตรูพืชในระยะยาว ควรให้เกษตรกรและชุมชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาศัตรูพืชที่เกิดขึ้นในแต่ละชุมชนด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33984 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยกรณีเกิดจลาจล (เพิ่มเติม) | กก | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการขยายกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในกรณีเกิดจลาจล เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในกรณีเกิดจลาจล ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ส่วนรายละเอียดในการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้แก้ไขตัวเลขกรอบวงเงินที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอขอ จำนวน ๓๑,๙๗๔,๐๐๐ บาท เป็น ๓๑,๙๗๓,๙๐๒.๕๙ บาท ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวในระยะเวลาที่เหลือของโครงการเพื่อพิจารณาความจำเป็นของการขอขยายกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกินกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ รวมทั้งให้มีการประเมินผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมาและแนวทางการดำเนินงานในอนาคตเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33985 | การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ 8 | มท | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๑.๑ แนวทางการจัดทำบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงไทย - ลาว ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ แขวงหลางพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยแนวทางการจัดทำบันทึกการประชุมฯ เป็นการนำประเด็นต่าง ๆ จากบันทึกผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย - ลาว ครั้งที่ ๑๕ และบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ ๑๗ ซึ่งครอบคลุมสาระสำคัญในด้านความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้านเศรษฐกิจการค้าชายแดน และความร่วมมือทางด้านสังคมและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นต้น โดยไม่กล่าวถึงประเด็นอ่อนไหวที่เกี่ยวกับเขตแดนและประเด็นที่มีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ที่รัฐบาลทั้งสองยังมิได้เคยทำความตกลงกันไว้ รวมทั้งไม่มีการจัดทำความตกลงใด ๆ ในการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในร่างบันทึกการประชุมที่มิใช่สาระสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้กระทรวงมหาดไทยหารือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความเห็นชอบได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีก ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ลงนามในบันทึกการประชุมฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อลงนามในบันทึกการประชุมฯ ๒. ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวจะต้องไม่มีประเด็นอ่อนไหวที่เกี่ยวกับชายแดน และประเด็นที่มีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐบาลทั้งสองยังมิได้เคยทำความตกลงไว้ โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้มีถ้อยคำว่า “บันทึกการประชุมฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันแล้ว จะมีผลบังคับเมื่อฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมายภายในเสร็จสิ้น และแจ้งเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวผ่านช่องทางการทูตให้ฝ่ายลาวทราบ” เพื่อความรอบคอบในกรณีที่อาจมีสารัตถะอื่นใดเพิ่มเติมระหว่างการประชุมดังกล่าวซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นเรื่องตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญของเนื้อหาบางประการ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33986 | การแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับเรื่อง การแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งภายใน ๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33987 | สรุปผลการหารือและการดำเนินการโฉนดชุมชนตามข้อเรียกร้องของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบสรุปผลการหารือและการดำเนินการโฉนดชุมชนตามข้อเรียกร้องของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามผลการหารือดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33988 | ขอรับการสนับสนุนเพื่อดำเนินงานตามโครงการการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน | พม | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านตามเป้าหมาย จำนวน ๒๐๐ หน่วย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้ใช้มาตรการอุดหนุนค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับโครงการบ้านมั่นคง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33989 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 134) | พน | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๔) เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยที่ประชุม กพช. มีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงพลังงานไปดำเนินการปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากร้อยละ ๓ เป็นร้อยละ ๒ ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ๒. เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน ๓๐ บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔ โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) รับไปดำเนินการ หากฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิเหลือวงเงินประมาณ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้นำเสนอ กพช. เพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33990 | สรุปผลการหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยนายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และตัวแทน ขปส. เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ร่วมกัน ซึ่งมีกรณีปัญหา อาทิ กรณีสวนป่าคอนสาร ชุมชนบ่อแก้ว อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ, กรณีหมู่บ้านเก้าบาตร ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์, กรณีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง ตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ, กรณีชุมชนสันติพัฒนา หมูที่ ๖ ตำบลบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, กรณีร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันกองทุนธนาคารที่ดิน (องค์กรมหาชน), กรณีบ้านพรสวรรค์ หมู่ที่ ๑๔ ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่, กรณีบ้านโป่ง ตำบลแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่, กรณีบ้านสันตับเต่า อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน, โครงการจัดที่ดินผืนใหญ่หนองสวาย (๑๕,๐๐๐ ไร่) อำเภอบ้านโฮ่ง - เวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน, บ้านไร่ดง (ใหม่ป่าซาง) ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน, ชุมชนราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต, ที่อยู่อาศัยและสุสานบ้านทุ่งหว้า และบ้านทับตะวัน หมู่ ๓ และหมู่ ๕ ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และอ่างเก็บน้ำห้วยฝั่งแดง ตำบลตาเกา อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น ทั้งนี้ ปัญหาส่วนใหญ่ที่ประชุมได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33991 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2553 ทั้งปี 2553 และแนวโน้มปี 2554 | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส ๔/๒๕๕๓ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจไทยไตรมาส ๔/๒๕๕๓ ขยายตัวร้อยละ ๓.๘ ชะลอจากร้อยละ ๖.๖ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากภาคเกษตรกรรมหดตัวร้อยละ ๓.๓ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ส่งผลให้ผลผลิตภาคเกษตรที่สำคัญ ๆ เช่น มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน อ้อยโรงงาน และข้าวเปลือกลดลง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๔.๘ ชะลอตัวจากร้อยละ ๑๑.๖ ในไตรมาสที่ผ่านมา จากการลดลงของการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เป็นหลัก ๒. ภาวะเศรษฐกิจไทยทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ขยายตัวร้อยละ ๗.๘ เป็นผลมาจากการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๘ ๔.๘ และ ๑๔.๗ ตามลำดับ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวสูงถึงร้อยละ ๑๓.๙ รวมทั้งกิจกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว เช่น สาขาโรงแรม ภัตตาคาร ขยายตัวร้อยละ ๘.๔ สำหรับภาคเกษตรกรรม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในช่วงต้นปี และปัญหาอุทกภัยในช่วงปลายปี ทำให้ภาคเกษตรกรรมในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ หดตัวร้อยละ ๒.๒ ๓. แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปี พ.ศ. ๒๕๕๔ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕ - ๔.๕ โดยปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้แก่ การปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก และโครงสร้างตลาดส่งออกที่มีการกระจายตัวมากขึ้น รายได้ของผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น สถาบันการเงินมีเสถียรภาพ สภาพคล่องในระบบยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งภาคบริการขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33992 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 | กค | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๗๗๐ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๑๑ โครงการ วงเงิน ๑๑,๕๘๕.๕๘ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๙๕๙ โครงการ วงเงิน ๓๓๘,๓๗๔.๘๖ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๗๐๔ โครงการ วงเงิน ๑๔,๔๑๑.๖๖ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๔๗ โครงการ วงเงิน ๔,๔๕๕.๓๘ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๕๗ โครงการ วงเงิน ๙,๙๕๖.๒๘ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๒๕๕ โครงการ วงเงิน ๓๒๓,๙๖๓.๒๐ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๒๕๕ โครงการ วงเงิน ๓๑๓,๗๖๒.๔๖ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๖๘๗ โครงการ วงเงิน ๔๙,๓๕๒.๖๘ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๑๒,๒๘๐ โครงการ วงเงิน ๑๒๖,๖๐๓.๔๓ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๒๘๘ โครงการ วงเงิน ๑๓๗,๘๐๖.๓๕ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๕๖๘ โครงการ วงเงิน ๒๖๔,๔๐๙.๗๘ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33993 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (จำนวน 7 คน 1. นายศักดา หาญบุญตรง ฯลฯ) | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ ดังนี้
๑. นายศักดา หาญบุญตรง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในบังคับบัญชาของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๒. นายกมล จิตระวัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๓. นายยุพ นานา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๔. นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๔ ๕. นายธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๖. นายนิพนธ์ บุญญภัทโร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๗. นายสุนิต์ ทีวะเวช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33994 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน (ช่วงระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 30 เมษายน 2554) | กค | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ว่า การดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนเป็นมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการพิจารณาขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นคราว ๆ ไป รวมทั้งได้มีการปรับปรุงและยกเลิกมาตรการให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ หากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยฟื้นตัวและประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็น่าจะสามารถยุติการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพได้ ดังนั้น การพิจารณาให้มาตรการใดเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะยาวหรือเป็นมาตรการถาวร จึงไม่เป็นไปตามหลักการและเหตุผลของการดำเนินมาตรการการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน สำหรับการพิจารณาว่ามาตรการในเรื่องใดที่เป็นบริการเชิงสังคมควรปรับเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation : PSO) นั้น เนื่องจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนเป็นมาตรการระยะสั้น จึงไม่สามารถเข้าสู่ระบบ PSO ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ ๒. อนุมัติในหลักการ ดังนี้ ๒.๑ การขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพต่อไปจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ รวมถึงวงเงินและแหล่งเงินในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพ ๒.๒ กรณีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อรัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และไม่ให้เป็นภาระของคณะรัฐมนตรี ให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และแจ้งให้รัฐวิสาหกิจที่ดำเนินมาตรการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จากที่เสนอไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33995 | มาตรการและการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มนำเข้า | พณ | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ รับเรื่อง มาตรการและการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มนำเข้า ไปพิจารณาในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติโดยด่วน ในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มอย่างเป็นระบบและครบวงจร รวมถึงแนวทางการดำเนินการรองรับผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากปัญหาสถานการณ์ขาดแคลนน้ำมันปาล์ม แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33996 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา) | ทส | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33997 | การลาออกและแต่งตั้งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายธนญชัย ทรัพย์สารสิน) | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายธนญชัย ทรัพย์สารสิน ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง แทน ร้อยเอก เชษฐ์ รมยะนันทน์ ที่ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33998 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๓ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ในการพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่หนึ่ง (วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ ถึง ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒) ถ้ามีการอภิปรายเกี่ยวกับกระทรวง หรือกรมใด ขอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเตรียมตอบชี้แจงในสาระสำคัญด้วย ๓. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT เพื่อพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ จนกว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
33999 | การให้ความช่วยเหลือคนไทยในสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย | นร | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม [บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)] กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและอพยพคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางออกจากสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบียโดยเร็ว เนื่องจากสถานการณ์การเมืองภายในสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบียส่อเค้าว่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34000 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังศิลา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ (เรื่อง การอนุญาตให้เข้าทำประโยขน์ในพื้นที่ป่าไม้) เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังศิลา ตามคำขอที่ ๗/๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตาสหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาคุณภาพน้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพน้ำท่าในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ที่ทำเหมืองแร่ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ เป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรและกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวโดยเคร่งครัด และข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือสุขอนามัยของประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนหรือกระบวนการตรวจสอบ กำกับดูแลเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมจากการที่ผู้ขอประทานบัตรรายงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และในการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องแจ้งให้ อปท. เจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ซึ่งอาจมีผลกระทบได้ทราบว่ามีกองทุนสุขภาพอนามัยในช่วงการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อประกันความเสี่ยงสุขภาพของประชาชนในพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงและแสดงผลการดำเนินงานกองทุนให้ อปท. ทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|