ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1708 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 34141 - 34160 จากข้อมูลทั้งหมด 123998 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34141 | การมอบหมายให้รักษาราชการแทน (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายถาวร เสนเนียม) | มท | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ตามลำดับ ดังนี้
๑. นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ๒. นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ โดยให้รวมถึงกรณ๊ที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34142 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 28 มกราคม 2554 | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๖๔๒ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๒๔ โครงการ วงเงิน ๑๒,๒๘๕.๗๖ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๘๑๘ โครงการ วงเงิน ๓๓๗,๖๗๔.๖๘ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๗๓๐ โครงการ วงเงิน ๑๕,๙๖๕.๔๔ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๕๒๖ โครงการ วงเงิน ๕,๒๕๖.๘๘ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๒๐๔ โครงการ วงเงิน ๑๐,๗๐๘.๕๖ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๐๘๘ โครงการ วงเงิน ๓๒๑,๗๐๙.๒๔ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๐๘๘ โครงการ วงเงิน ๓๑๑,๗๖๑.๔๔ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๘๖๙ โครงการ วงเงิน ๕๐,๙๔๗.๔๑ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๑๒,๓๙๗ โครงการ วงเงิน ๑๒๔,๙๘๘.๕๘ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๔,๘๒๒ โครงการ วงเงิน ๑๓๕,๘๒๕.๔๕ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๒๑๙ โครงการ วงเงิน ๒๖๐,๘๑๔.๐๓ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34143 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (นายวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์) | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้นายวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34144 | ขอความเห็นชอบแนวทางดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีของ ธ.ก.ส. | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ของหน่วยงาน และเห็นชอบแนวทางดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธ.ก.ส. ตามมติคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยแนวทางการดำเนินการในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธ.ก.ส . มีดังนี้ ๑.๑ การนำข้อบังคับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่แก้ไขเพิ่มเติมไปถือปฏิบัติกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๓ ให้ถือว่าการดำเนินการส่วนนี้ให้ถือเป็นงบการเงินตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account) ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง เพื่อดูแลความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกรดังกล่าว ๑.๒ กรณีเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่อาจจะเป็นหรือไม่เป็นสมาชิก กฟก. แต่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนหนี้กับ กฟก. ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ขอให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามแนวทางของ ธ.ก.ส. ที่ปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับเพิ่มเติม ๒. สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นลูกหนี้ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ เท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34145 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ และวันจันทร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๓ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ รวมทั้งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34146 | ร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ และวันจันทร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34147 | ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ และวันจันทร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34148 | การแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 | ทก | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สัญญาร่วมลงทุนจัดตั้งโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงตามเส้นทางรถไฟ ระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท คอม - ลิงค์ จำกัด ได้แก่ การแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม/การจัดทำข้อตกลงแนบท้ายสัญญา (จำนวน ๒ ครั้ง) ๑.๑.๑ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๑ เรื่อง เปลี่ยนแปลงที่อยู่ในการส่งหนังสือ หรือคำบอกกล่าว และการแก้ไขปรับปรุงจุดเชื่อมโยงระบบของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อลดความหนาแน่นของปริมาณ Traffic (เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖) ๑.๑.๒ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๒ เรื่อง การติดตั้งวงจรเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงตามเส้นทางรถไฟภายในท้องถิ่น และการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณส่วนแบ่งรายได้เฉพาะส่วนท้องถิ่น (เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๔) ๑.๒ สัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับบริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ได้แก่ การแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม/การจัดทำข้อตกลงแนบท้ายสัญญา (ครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๔ และสัญญาร่วมดำเนินการฯ) ๑.๒.๑ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๑ เรื่อง ย้ายจุดเชื่อมโยง และจุดขึ้นฝั่ง สำหรับวงจรท้องถิ่น (เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๓๗) ๑.๒.๒ การจัดทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ครั้งที่ ๔ เรื่อง การปรับปรุงโครงข่าย จาก ๔ ระดับ เป็น ๒ ระดับ เพื่อให้มีวงจรใช้งานเพิ่มขึ้น (เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๕) ๑.๒.๓ การจัดทำสัญญาร่วมดำเนินการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำฝั่งทะเลด้านตะวันออก (เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๗) ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ที่เห็นควรให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เตรียมความพร้อมในการรับมอบทรัพย์สิน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่กำหนดในสัญญา และเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและแผนการให้บริการในระยะต่อไป เพื่อให้การบริการโครงข่ายมีความต่อเนื่อง และให้รัฐวิสาหกิจที่ทำสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัทเอกชนปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถติดตามกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามสัญญา โดยเฉพาะการตรวจสอบส่งมอบทรัพย์สินและการแบ่งผลประโยชน์ให้แก่ภาครัฐ เพื่อดำเนินงานเป็นไปตามสัญญา ทั้งนี้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินโครงการหรือแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเสนอคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา ๒๒ พิจารณา หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยจะต้องรายงานต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดตามมาตรา ๒๓ (๒) และหากการแก้ไขดังกล่าวมีผลเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐ รัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดก็ชอบที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป และเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว หน่วยงานเจ้าของโครงการจึงจะลงนามแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34149 | แผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2554 | กษ | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้
๑. วัตถุประสงค์ของแผนฯ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินการป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นกรอบให้ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจัดทำแผนปฏิบัติการของจังหวัดในการเตรียมรับสถานการณ์ป้องกันและบรรเทาความเสียหายจากปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร และให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสยภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ๒. แนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านการเกษตร แบ่งแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ออกเป็น ๒ ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ ๑ เดือนตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔ และช่วงที่ ๒ เดือนเมษายน ๒๕๕๔ - กันยายน ๒๕๕๔ โดยในแต่ละช่วงจะแบ่งการดำเนินการเป็น ๓ ระยะ คือ ๒.๑ ก่อนเกิดภัย ประกอบด้วยการก่อสร้าง/ปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาภัย การพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการพยากรณ์และแจ้งเตือนภัย จัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย การเตรียมความพร้อมของหน่วยงาน การประชาสัมพันธ์ และให้คำแนะนำทางวิชาการ ๒.๒ ขณะเกิดภัย ประกอบด้วย การติดตามและแจ้งเตือนภัย การประเมินผลกระทบและการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น การรายงานศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรระดับจังหวัด ๒.๓ หลังเกิดภัย ประกอบด้วย การให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเป็นเงิน และการฟื้นฟู
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34150 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ 3 (3rd APEC Oceans - Related Ministerial Meeting, AOMM 3) | ทส | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ ๓ (3rd APEC Oceans - Related Ministerial Meeting, AOMM 3) ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ สาธารณรัฐเปรู โดยมีนายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุม โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและรับรองร่างปฏิญญาปาราคัส (Paracas Declaration) ว่าด้วยมหาสมุทร Third APEC Oceans - Related Ministerial Meeting - AOMM 3, “Healthy Oceans and Fisheries Management towards Food Security” ทั้งนี้ ปฏิญญาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองด้านสิ่งแวดล้อมในเรื่องมหาสมุทรและความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล การส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในมหาสมุทร โดยสร้างความตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนและเน้นการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล การส่งเสริมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเล สำหรับแนวทางดำเนินงานที่ปรากฏในปฏิญญาฯ ของสมาชิกในกลุ่มเขตเศรษฐกิจครอบคลุมด้านการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการสร้างสรรค์ ซึ่งจะส่งผลให้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34151 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวันยาว ตำบลขลุง และตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | คค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวันยาว ตำบลขลุง และตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวันยาว ตำบลขลุง และตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนบ้านวันยาว - บ้านเกาะขวาง กับถนนเทศบาล ๔ และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ (ถนนสุขุมวิท) เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34152 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ | กต | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เพิ่มชื่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในองค์ประกอบคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34153 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมหลังปี พ.ศ. 2557 | สสป | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงแรงงานร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานประกันสังคมให้ความสำคัญในเรื่องความมั่นคงของกองทุนประกันสังคม (กรณีชราภาพ) รวมทั้งเปิดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ๒. ควรมีการปรับฐานค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นไปตามอัตราค่าจ้างที่แท้จริงของผู้ประกันตน และควรมีการปรับอัตราสูงสุดจาก ๑๕,๐๐๐ บาท ให้เป็นไปตามความมั่นคงของกองทุนประกันสังคม รวมทั้งมีการทบทวนการจัดเก็บเงินสมทบขั้นต่ำและขั้นสูงทุก ๓ ปี ๓. ควรมีการเพิ่มอัตราเงินสมทบจากรัฐบาลเป็นร้อยละ ๕ เท่ากับลูกจ้างและนายจ้าง รวมทั้งแก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคมให้ผู้ประกันตนมีสิทธิรับบำเหน็จ หรือบำนาญ เมื่ออายุครบ ๖๐ ปี ๔. มาตรการจูงใจเพื่อป้องกันการออกจากกองทุนของผู้ประกันตนเมื่ออายุครบ ๕๕ ปี ควรเพิ่มอัตราการจ่ายบำนาญให้สูงขึ้น ดังนี้ ร้อยละ ๒๐ ไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของค่าจ้างของผู้ประกันตนตอนอายุ ๖๐ ปี และร้อยละ ๓๐ ไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของค่าจ้างของผู้ประกันตนตอนอายุ ๖๕ ปี ๕. ควรมีการแยกการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคมออกจากระบบราชการ เพื่อให้การบริหารจัดการกองทุนมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะด้านการลงทุน และในการบริหารจัดการด้านการลงทุน ควรมีการลงทุนกับประเภทกิจการที่มีความมั่นคงสูง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34154 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก และตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | คค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก และตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก และตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ กับถนนธรรมบูชา เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34155 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ออสเตรเลีย | คค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย เรื่อง รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการปรับปรุงสิทธิการบินในด้านความจุความถี่ สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๓/๔ และ ๕ และสิทธิรับขนการจราจรพักค้างของตนเอง รวมทั้งเพิ่มเรื่องการเช่าอากาศยาน และการเปลี่ยนแบบอากาศยาน ซึ่งจะทำให้สายการบินของทั้งสองฝ่ายมีความยืดหยุ่นในการวางแผนการให้บริการ และเปิดโอกาสให้สามารถรับขนการจราจรพักค้างของตนเองระหว่างจุดต่าง ๆ ในอาณาเขตของคู่ภาคีได้มากขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการเดินทางระหว่างทั้งสองประเทศและเครือข่ายการบินให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34156 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... | สผ | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนี้ ๑.๑ การกำหนดให้นายจ้างจัดทำเอกสารหรือรายงาน โดยมีการตรวจสอบหรือรับรองบุคคลใดด้วยนั้น ควรกำหนดข้อห้ามในการที่บุคคลหรือนิติบุคคลใดที่ได้รับขึ้นทะเบียนหรือได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการตรวจวัด ตรวจสอบ ทดสอบ รับรอง ประเมินความเสี่ยง รวมทั้งจัดฝึกอบรมหรือให้คำปรึกษาเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ๑.๒.ควรกำหนดข้อห้ามในการที่บุคคลซึ่งเป็นผู้ชำนาญการที่จะทำหน้าที่ให้คำแนะนำหรือการรับรองผลให้แก่สถานประกอบกิจการใดต้องมิใช่ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของสถานประกอบกิจการหรือเป็นผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนหรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารสถานประกอบกิจการหรือเป็นลูกจ้าง ตลอดจนเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียทั้งทางตรงและทางอ้อมในผลประกอบกิจการของสถานประกอบกิจการที่จะมีการให้คำแนะนำหรือรับรองผล ๑.๓ ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จัดให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี โดยในการยกร่างพระราชกฤษฎีกาต้องมีผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมด้วย ๒. รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงแรงงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34157 | ผลการลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ 12 ของเครือข่าย EANET | ทส | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการลงนามในตราสารเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก [Instrument for Strengthening the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET)] และการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ ๑๒ ของเครือข่าย EANET (The Twelfth Session of the Intergovernmental Meeting on EANET) โดยผู้แทนประเทศเครือข่าย EANET จำนวน ๑๓ ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย มองโกเลีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สหภาพพม่า สหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมการประชุมระดับรัฐบาลครั้งที่ ๑๒ (IG12) ของเครือข่าย EANET โดยวาระสำคัญของการประชุม IG12 คือ การลงนามตราสารเพื่อสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก พิธีลงนามตราสารฯ จัดขึ้นในการประชุมระดับสูง (High Level Segment) ของการประชุม IG12 มีผู้แทนประเทศเครือข่าย EANET ๗ ประเทศ จาก ๑๓ ประเทศ ได้ลงนามตราสารฯ ร่วมกัน ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา ญี่ปุ่น มองโกเลีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเกาหลี สหภาพพม่า และประเทศไทย ส่วนประเทศเครือข่ายที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่อลงนามตราสารฯ ต่อไป ทั้งนี้ ตราสารฯ จะมีผลในทางปฏิบัติ (becom operational) ณ วันที่ซึ่งประเทศเครือข่ายลงนามครบทุกประเทศ หรือ ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34158 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (นางจินดา สังข์ศรีอินทร์) | กก | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางจินดา สังข์ศรีอินทร์ เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยต่ออีกวาระหนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34159 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมแห่งชาติ | สสป | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมแห่งชาติ ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดให้มีการทำแผนแม่บทการส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการปรองดองแห่งชาติ และการปฏิรูปประเทศไทย โดยอาจให้คณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบ ๒. แผนแม่บทการส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมชาติแห่งชาติ ควรประกอบด้วยวัตถุประสงค์ของการส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมแห่งชาติ นโยบายการส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมศาสนาและวัฒนธรรมห่งชาติ ๓. กำหนดให้ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา เป็นปีส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมแห่งชาติเพื่อถวายพระราชสักการะและถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๔. ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในสังคมทั้งหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน รวมทั้งสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา ผนึกกำลังกันในการส่งเสริมศาสนาและคุณธรรมแห่งชาติเพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพและคุณธรรม พัฒนาสังคมให้มีความสงบเรียบร้อย พัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและบูรณาการ ๕. ปฏิรูปการศึกษาใหม่โดยเพิ่มความสำคัญแก่ศาสนาให้เป็นรากฐานของการศึกษาโดยจัดให้มีทั้งสาระและเวลาเรียนอย่างเพียงพอในทุกระดับชั้น ๖. เร่งรัดการตราพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา เพื่อรองรับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๙ ๗. ปรับปรุงพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อปรับปรุงการบริหารคณะสงฆ์ให้มีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34160 | ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในอนาคต สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๑ ด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ๑.๑.๑ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ การดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีความก้าวหน้าของงานคิดเป็นร้อยละ ๙๗.๔๒ การก่อสร้างงานโยธา สัญญาที่ ๑ (การก่อสร้างโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันออก) สัญญาที่ ๒ (การก่อสร้างโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันตก) และสัญญาที่ ๓ (การก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอาคารจอดแล้วจร) มีความก้าวหน้ารวม ร้อยละ ๗.๓๑ ส่วนสัญญาที่ ๖ งานระบบราง อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อการประกวดราคา สำหรับการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ให้สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในช่วงบางใหญ่ - เตาปูน ๑ ราย ส่วนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน ช่วงเตาปูน - บางซื่อ เห็นชอบให้ รฟม. ดำเนินการศึกษาให้ได้ข้อยุติในประเด็นต่าง ๆ ๑.๑.๒ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ การดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีความก้าวหน้าของงานคิดเป็นร้อยละ ๑๔.๖๒ และได้คัดเลือกผู้รับเหมางานโยธา (สัญญาที่ ๑ - ๕) แล้วเสร็จ ๑.๑.๓ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิด - สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ การสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ มีความก้าวหน้าร้อยละ ๑.๒๖ ส่วนช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อว่าจ้างสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ๑.๒ ด้านการเงินและการลงทุน ได้มีการบริหารความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการจ่ายค่าจ้างผู้รับเหมาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ ด้วยวิธีการทำสัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้า โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และได้ศึกษาแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของการคืนเงินกู้ (เงินเยน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ในลักษณะของการนำเงินกู้ (เงินเยน) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ มาจ่ายคืนเงินกู้ และหาเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงอื่นๆ ๑.๓ ด้านการให้บริการ ได้ปรับปรุงการให้บริการในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การจัดให้มีพื้นที่จอดแล้วจรเพิ่มในเขตทางพิเศษศรีรัช (ด่านอโศก ๑) การพัฒนาและจัดให้มีระบบขนส่งต่อเนื่อง (Feeder Systems) และการประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อปรับปรุงพื้นที่ทางเดินเชื่อมต่อระหว่างสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ รฟท. กับสถานีรถไฟฟ้าเพชรบุรี โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ๑.๔ ด้านการบริหารจัดการองค์กรและพัฒนาทรัพยากรบุคคล อาทิ การจัดทำฐานข้อมูลรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน การพัฒนาระบบสารสนเทศตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีจากที่ปรึกษา ผู้รับเหมา และผู้รับจ้างต่าง ๆ ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ เป็นต้น ๒. นโยบายของคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย อาทิ ๒.๑ เร่งดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนด โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นไปตามแผน ๒.๒ ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยคำนึงถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ๒.๓ สร้างมูลค่าเพิ่มจากระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนโดยบริหารสินทรัพย์และดำเนินธุรกิจต่อเนื่องอื่น ๒.๔ บริหารจัดการองค์กรและธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพขององค์กร ๒.๕ สนับสนุนการประสานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกับระบบขนส่งอื่น ๆ เพื่อให้มีการขนส่งต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดให้มีระบบตั๋วร่วม ๓. โครงการและแผนงานในอนาคต รฟม. มีโครงการหลักสำคัญที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๖ โครงการ
|
.....