ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1709 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 34161 - 34180 จากข้อมูลทั้งหมด 123998 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34161 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... | ศธ | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และกำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34162 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... | มท | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลพิมพา ตำบลหนองจอก ตำบลบางวัว ตำบลบางสมัคร ตำบลหอมศีล ตำบลท่าสะอ้าน ตำบลบางเกลือ ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง ตำบลสองคลอง ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง และตำบลคลองประเวศ ตำบลลาดขวาง ตำบลแสนภูดาษ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34163 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. .... | สว | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๑.๑ การแก้ไขและเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้การใช้กฎหมายไม่สะดวก สมควรดำเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อความสะดวกในการใช้กฎหมายต่อไป ๑.๑.๒ ควรมีแนวทางที่ชัดเจนในการวางกรอบการดำเนินการเพื่อจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการที่เกี่ยวข้องสำหรับคนพิการของสนามบินให้ได้รับการบริการอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. .... ในส่วนของการควบคุมตัวผู้ต้องขังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารก่อนที่พนักงานสอบสวนจะได้รับตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารควรสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และส่งตัวผู้ต้องหาให้แก่พนักงานสอบสวนโดยไม่ชักช้า รวมทั้งในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาควรให้สิทธิผู้ต้องหาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๒. รับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34164 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น (ระหว่างวันที่ 22 - 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553) | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ ของผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์) โดยมีผู้แทนจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และผู้แทนจากภาคเอกชน ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สมุนไพรไทย (ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และสปา) ผ้าไหมไทย และผู้ประกอบการด้าน Long Stay ร่วมเดินทาง เพื่อหารือข้อราชการกับผู้บริหารระดับสูงของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนญี่ปุ่นเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนกับภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA และจับคู่ทางธุรกิจให้กับภาคเอกชนไทย สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการหารือที่สำคัญของภาครัฐ พบว่า รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และทุกภาคส่วนของประเทศก็พร้อมใจกันปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว ดังจะเห็นได้จากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เน้นการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน และการร่วมใจกันประหยัดพลังงานในทุกภาคส่วนของประเทศ นอกจากนี้ ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังสนับสนุนภาคเอกชนญี่ปุ่นให้ไปลงทุนในต่างประเทศ โดยการเร่งผลักดันฝ่ายญี่ปุ่นในทุกระดับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้เข้ามาลงทุนในไทยในรูปแบบความร่วมมือภาครัฐและเอกชน (PPP) ในสาขาที่ญี่ปุ่นมีความชำนาญสูง เช่น การบำบัดน้ำเสีย การรักษาสิ่งแวดล้อม ระบบรถไฟความเร็วสูง และนิวเคลียร์ เพื่อให้คนไทยได้ใช้ของดีมีคุณภาพตามมาตรฐานญี่ปุ่น ๒ ผลการหารือที่สำคัญของภาคเอกชนพบว่า ภาคเอกชนไทยยังมีโอกาสในการไปทำการค้าและลงทุนในญี่ปุ่นในอีกหลายด้าน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ธุรกิจ Long Stay และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังคงต้องมีบทบาทนำในการผลักดันและส่งเสริมให้บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยกล้าที่จะออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศเพื่อขยายตลาดหรือต่อยอดธุรกิจของไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34165 | รายงานผลการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (๑ เมษายน ๒๕๕๓ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๓) กระทรวงการคลังมิได้ดำเนินการจัดสรรเงินกู้ดังกล่าวให้แก่รัฐวิสาหกิจใด ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ชำระคืนหนี้เงินกู้ Short term facility ที่ครบกำหนดไปแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๓ จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงมีวงเงินกู้คงเหลือสำหรับวงเงิน Short term facility เท่ากับ ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34166 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34167 | ขออนุมัติใช้ประโยชน์ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และขอกันเขตพื้นที่ออกจากพื้นที่ป่า เพื่อการอนุรักษ์ เพื่อการทำเหมืองหินอุตสาหกรรม | อก | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ใช้ประโยชน์ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมบริเวณเขาหนองโอ่ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี โดยให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๘ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดชั้นของป่าต้นน้ำลำธารและการทำเหมืองในพื้นที่ป่าปิด) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปดำเนินการให้ผู้ได้รับอนุญาตประทานบัตรจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนก่อนดำเนินการต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นของราษฎรในพื้นที่ และความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนหรือกระบวนการพิจารณาเพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดไว้ และเป็นสื่อกลางในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่กับประชาชน รวมทั้งปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และให้มีกองทุนสุขภาพอนามัยในช่วงการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อประกันความเสี่ยงสุขภาพของพนักงานและราษฎรบริเวณใกล้เคียง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๒. กรณีการขออนุมัติใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ๑ บีอาร์ บริเวณเขาคลองโกน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาทบทวนและตรวจสอบข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศิลปากร อีกครั้งหนึ่ง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34168 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการเงินระดับฐานราก | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามแผนแม่บทการเงินระดับฐานราก ระยะเวลา ๒ ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๕๒) ดังนี้ ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาคนและส่งเสริมความเข้มแข็งขององค์กรและระบบการเงินระดับฐานราก (มี ๘ แผนงาน ๒๔ มาตรการ) หน่วยงานต่าง ๆ ได้กำหนดแผนงาน/โครงการรองรับครบทุกมาตรการ ณ สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๒ มีโครงการรองรับทั้งสิ้น ๑๔๕ โครงการ ดำเนินการเสร็จสิ้น ๓๐ โครงการ โดยแผนงานที่หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ แผนการสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมการออมและวินัยทางการเงิน แผนสนับสนุนเพื่อเพิ่มรายได้ลดค่าใช้จ่ายให้ชุมชน และแผนสนับสนุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการภายในองค์กรการเงินระดับฐานราก ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การบูรณาการการทำงานภาครัฐ/ภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการพัฒนาองค์กรและระบบการเงินระดับฐานราก (มี ๒ แผนงาน ๓ มาตรการ) มีโครงการรองรับทั้งสิ้น ๑๐ โครงการ โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ ๖ โครงการ เน้นการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและภาคีที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อการบูรณาการการทำงานของภาครัฐและภาคีที่เกี่ยวข้อง และจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อศึกษารูปแบบหรือแนวทางที่เหมาะสมในการรองรับสถานภาพ ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การสร้างเครือข่ายและขยายผล (มี ๒ แผนงาน ๔ มาตรการ) มีโครงการรองรับทั้งสิ้น ๑๔ โครงการ ดำเนินการแล้วเสร็จ ๓ โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ เช่น แผนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในระดับชาติ (National pool) การสร้างระบบเตือนภัยด้านการเงินของสหกรณ์ และการจัดทำฐานข้อมูลกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นต้น ๒. สำหรับกรณีที่ขอให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาลงนามในร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการพัฒนาองค์กรและระบบการเงินระดับฐานราก ให้กระทรวงการคลังดำเนินการส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34169 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งที่ 2/2553 | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติเสนอผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบแผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทอาหาร พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ ซึ่งประกอบด้วย ๖ ชุดโครงการ ได้แก่ ชุดโครงการเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทย ชุดโครงการพัฒนาช่องทางการตลาดและเสริมสร้างภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทย ชุดโครงการพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหารของไทย ชุดโครงการเสริมสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์อาหารไทย ชุดโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างศักยภาพระบบการผลิตอาหารตลอดห่วงโช่อุปทาน (Supply Chain) และชุดโครงการพัฒนาองค์ความรู้ของอุตสาหกรรมอาหารเพื่อเชื่อมโยงกับศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร (Food Intelligence Center) รวมทั้งเห็นชอบองค์ประกอบคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองแผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทอุตสาหกรรมอาหาร พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ และให้คณะอนุกรรมการฯ ไปพิจารณากรอบแผนปฏิบัติการฯ โดยอาจเพิ่มหรือปรับลดรายละเอียดของ ๖ ชุดโครงการและนำเสนอ กอช. และคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒ เห็นชอบการจัดตั้งสถาบันพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพาราในรูปแบบสถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ และเปลี่ยนชื่อเป็น “สถาบันพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพารา” โดยให้ได้รับงบสนับสนุนการจัดตั้งจากภาครัฐตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ปีละ ๑๐ ล้านบาท และเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพารา ประกอบด้วย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาบุคลากร และการสร้างและพัฒนาฐานข้อมูล ในระยะ ๕ ปี โดยสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ แผนงาน/โครงการ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๐ ล้านบาท และในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ จำนวน ๓๙๕ ล้านบาท รวมทั้งให้มีการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เพื่อให้สามารถนำเงินสงเคราะห์การทำสวนยาง (CESS) มาใช้ในการสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันฯ โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานต่อไป ๑.๓ เห็นชอบแผนการดำเนินงานตามมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายใต้กฎระเบียบของสหภาพยุโรป ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๗) และกรอบงบประมาณ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป และเห็นชอบให้ดำเนินโครงการเร่งด่วนที่ครอบคลุมเรื่องคลังข้อมูล เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่ถูกต้องทันสมัย การพัฒนาผู้ประกอบการ และห้องปฏิบัติการเข้าสู่มาตรฐานสากล และการพัฒนากฎระเบียบ/มาตรฐาน โดยประสานกับคณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติบูรณาการการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๑.๔ เห็นชอบในหลักการของแผนพัฒนาบุคลากรยานยนต์สู่ความยั่งยืน ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓) โดยให้นำข้อสังเกตของที่ประชุม กอช. เกี่ยวกับการอนุญาตให้แรงงานฝีมือ (Skilled labor) ที่เป็นต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะสามารถพัฒนาแรงงานฝีมือไทยให้เพียงพอต่อความต้องการ ไปปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้ภาคเอกชนรวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการและพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งเห็นชอบในหลักการของแผนการพัฒนาศูนย์ทดสอบยานยนต์ โดยให้ทบทวนปรับปรุงรายละเอียดแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการ โดยเฉพาะการให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมและพิจารณาทบทวนกรอบงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงาน นอกจากนี้ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาประเด็นวิธีการนำเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนสำหรบโครงการดังกล่าว และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ๒. ทั้งนี้ หากดำเนินการตามมติของ กอช. ในเรื่องใดที่มีลักษณะเป็นแผนงาน/โครงการ และต้องใช้งบประมาณที่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะอนุมัติหรือเห็นชอบ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34170 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการ และวงเงินงบประมาณ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง | ศย | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการ วงเงินงบประมาณ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของค่าก่อสร้างที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ตามเหตุผลและความจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จากวงเงินเดิม ๔๖๒,๙๒๒,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๖๓,๑๑๓,๖๐๐ บาท รวมค่ารื้อย้ายรางและเสาไฟฟ้าบริเวณสถานที่ก่อสร้าง โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ - พ.ศ. ๒๕๔๘ จำนวน ๑๑๗,๑๔๒,๑๘๘ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๓๗,๔๖๙,๘๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่ จำนวน ๓๐๘,๕๐๑,๖๑๒ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ต่อไป ๒. ขยายระยะเวลาผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ ทั้งนี้ เนื่องจากการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีค่าควบคุมงานก่อสร้างซึ่งต้องขยายระยะเวลาผูกพันข้ามปีงบประมาณเช่นเดียวกัน จึงเห็นควรขยายระยะเวลาผูกพันข้ามปีงบประมาณในคราวเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34171 | การแต่งตั้งกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศาสตราจารย์ปิยะวัติ บุญ-หลง) | วธ | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งศาสตราจารย์ปิยะวัติ บุญ-หลง (ผู้เชี่ยวชาญสาขาบริหาร) เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34172 | ขอปรับองค์ประกอบคณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (จำนวน 24 คน) | ศธ | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับองค์ประกอบคณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ หัวหน้าส่วนราชการ ๑๑ คน ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘ คน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและเลขานุการ รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ รวมกรรมการ จำนวน ๒๔ คน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34173 | ขอความเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงสภากาชาดไทย | สกช | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดหรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทยผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากบำรุงกาชาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดหรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอ ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศลเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๕ แห่งยอดราคาสลาก ซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย เฉพาะการออกสลากบำรุงกาชาดไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เท่านั้น โดยยังไม่รวมถึงปีต่อ ๆ ไป ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ที่กำหนดให้ใบอนุญาตทุกฉบับต้องกำหนดสถานที่ วัน เดือน ปี และกำหนดเวลาที่อนุญาตให้เล่น หากเป็นใบอนุญาตสลากกินแบ่ง สลากกินรวบ และสวีป ให้ระบุจำนวนสลากที่จะขายกับสถานที่ วัน และเวลาที่จะออกด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34174 | การขอยกระดับสถานกงสุลประจำนครเซาเปาโล และเลื่อนสถานะกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาโล (นางทรรศนีย์ วันเดอร์ลีย์ วานิค เดอ ซูซา) | กต | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ยกระดับสถานกงสุลประจำนครเซาเปาโล เป็นสถานกงสุลใหญ่ประจำนครเซาเปาโล สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ๒. เลื่อนสถานะ นางทรรศนีย์ วันเดอร์ลีย์ วานิค เดอ ซูซา กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาโล เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครเซาเปาโล สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34175 | แต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน 6 ราย 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา ฯลฯ) | นร | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน ๖ คน) ตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา เป็นกรรมการวินิฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่างประเทศ และความมั่นคงของประเทศ ๒. ศาสตราจารย์กิตติคุณพีระศักดิ์ จันทร์ประทีป เป็นกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการเกษตร ๓. นายศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เป็นกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ๔. นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ เป็นกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ๕. นายเทพ หิมะทองคำ เป็นกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ๖. นายจำนง เฉลิมฉัตร เป็นกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34176 | การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 469) พ.ศ. 2551 | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๔๖๙) พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา ๙๑/๖(๓) แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับรายรับจากการประกอบธุรกรรมในตลาดการเงินดังต่อไปนี้
๑. ดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่ได้จากตราสารหนี้หรือกำไรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ที่ได้จากการซื้อหรือขายตราสารหนี้ เฉพาะตราสารหนี้ที่เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ๒. ดอกเบี้ยจากการฝากเงินกับธนาคารแห่งประเทศไทยของสถาบันการเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34177 | การประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล ครั้งที่ 79 | ตช | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอผลการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล ครั้งที่ ๗๙ (79th General Assembly Session) ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ซึ่งมีประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานในการพิจารณาและนำไปปฏิบัติ ใน ๒ ประเด็น ดังนี้
๑. ผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้นำเรื่องจากการประชุมอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อมขององค์การตำรวจสากล ครั้งที่ ๗ ณ สำนักเลขาธิการองค์การตำรวจสากล เมือง Lyon ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๓ - ๑๗ กันยายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง) ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่มอาชญากรรมเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่า ครั้งที่ ๒๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ แจ้งต่อที่ประชุมให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบ โดยในเรื่องนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มีการจัดเตรียมการประชุมและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ๒. องค์การตำรวจสากลเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกพิจารณาการอำนวยความสะดวกในการผ่านแดน โดยขอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาสิทธิพิเศษที่เหมาะสมในกระบวนการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้กับหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ขององค์การตำรวจสากล ซึ่งองค์การตำรวจสากลได้จัดทำขึ้นสำหรับหัวหน้าตำรวจสากลของแต่ละประเทศ รวมทั้งคณะกรรมการบริหารองค์การตำรวจสากล และอาจจะออกให้กับเจ้าหน้าที่ขององค์การตำรวจสากลต่อไปในอนาคต เพื่อใช้ในการเดินทางไปปฏิบัติงานขององค์การตำรวจสากล
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34178 | ร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) | กค | 01/02/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) รวมถึง Memorandum of Association of ASEAN+3 Macroeconomic Research Office Limited และ Articles of Association of ASEAN+3 Macroeconomic Research Office Limited ๑.๒ ให้ปลัดกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน และรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่ไม่มีนัยสำคัญในความตกลงฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานที่เป็นสมาชิกของ AMRO (AMRO Members) และให้ปลัดกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน และรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการใน AMRO Board ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ปลัดกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน และรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างความตกลงฉบับนี้มีลักษณะเป็นการทำสัญญาระหว่างกระทรวงการคลังแห่งราชอาณาจักรไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยกับหน่วยงานของประเทศคู่ภาคีในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ ดังนั้น ส่วนราชการเจ้าของเรื่องจึงควรหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างความตกลงฯ และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประชุมหารือประจำปีระหว่างประเทศสมาชิกกับ AMRO ควรให้ความสนใจกับการวิเคราะห์และเตือนภัยทางเศรษฐกิจมหภาค ความยั่งยืนด้านการคลัง และความยั่งยืนในภาคการเงิน ซึ่งอาจต้องใช้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากกว่าข้อมูลที่ระบุใน Article VIII ของ IMF ซึ่งร่างความตกลงฯ กำหนดให้สมาชิกต้องส่งให้ AMRO เช่น ข้อมูลภาระทางการคลัง (Fiscal contingency) ข้อมูลการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลคุณภาพหนี้ในระบบสถาบันการเงิน และการเคลื่อนย้ายทุนบางประเภท ซึ่ง AMRO มีความจำเป็นต้องใช้ในการวิเคราะห์และประเมิน นอกเหนือจากข้อมูลที่ระบุไว้ในร่างความตกลง ฯ นอกจากนี้ การระวังและเตือนภัยด้านเศรษฐกิจที่จะได้ผลต้องก่อให้เกิดกระบวนการ Peer pressure และ Peer review ซึ่งการเตือนภัยในบางสถานการณ์อาจจะมีความอ่อนไหวและมีผลกระทบอย่างรุนแรงหากเปิดเผยต่อสาธารณะ จึงควรมีกระบวนการที่ประเทศที่ถูกประเมินสามารถทักท้วง หรือขอรับทราบข้อมูลล่วงหน้าก่อนการเปิดเผยได้ตามความเหมาะสม ซึ่งควรมีการกำหนดไว้อย่างรัดกุมชัดเจนในร่างความตกลงฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
34179 | การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไป | นร | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไป พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไป ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๔ แล้วนั้น เพื่อให้การประชุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน จึงขอให้รัฐมนตรีซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน และขอความร่วมมือในเรื่องดังต่อไปนี้
๑. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปราชการในต่างประเทศในระหว่างสมัยประชุมดังกล่าว เว้นแต่เป็นการเดินทางฯ เพื่อเข้าร่วมประชุมในเรื่องที่สำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือเป็นการประชุมร่วมกับหน่วยงานของต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศที่ได้มีการกำหนดเวลาการประชุมไว้แล้ว ๒. การตอบกระทู้ถาม ตามระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกำหนดวันประชุมที่แน่นอน คือ ทุกวันพฤหัสบดี และระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกระทู้ในเรื่องนั้น ๆ ควรให้ความสำคัญในการตอบกระทู้ดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
34180 | ระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการ | นร | 24/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) ในการประชุม ค.ต.ป. ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการจัดทำตัวชี้วัดการประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๑ กันยายน ๒๕๕๓) รวมทั้งข้อเสนอของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เสนอต่อที่ประชุมปลัดกระทรวงเกี่ยวกับระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการ [Government Evaluation System (GES)] ทั้งนี้ เมื่อดำเนินงานตามระบบประเมินผลดังกล่าวในส่วนราชการแล้ว ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาปรับใช้ในการประเมินผลของจังหวัดและองค์การมหาชนต่อไป ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการ ค.ต.ป. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการระบบสารสนเทศฐานข้อมูลกลางทั้งข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวชี้วัดตามระบบการประเมินผลแบบบูรณาการ ควรให้หน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมดำเนินการทั้งในการทดสอบและนำร่องดำเนินงานเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงในทางปฏิบัติ ส่วนแนวทางการใช้ประโยชน์จากระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการเพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี การเลื่อนเงินเดือน และการจัดสรรเงินรางวัล เห็นควรหารือรายละเอียดในประเด็นของหลักการ แนวทางการดำเนินการ ตลอดจนความเป็นไปได้ในการนำไปปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะนำระบบฯ ไปให้ส่วนราชการดำเนินการ สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ควรให้มีการดำเนินการทดสอบและนำร่องการดำเนินงานตามระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการไปก่อน จากนั้นจึงดำเนินงานเต็มรูปแบบ และขยายการดำเนินงานตามระบบประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการนำไปปรับใช้ในการประเมินผลของจังหวัดและองค์การมหาชนต่อไป นอกจากนี้ ควรมีกลไกการบริหารจัดการฐานข้อมูลกลางของหน่วยงานภาครัฐและการเชื่อมโยงระบบเครือข่าย เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ในแต่ละหน่วยงานและฐานข้อมูลกลางอย่างเต็่มประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....