ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1619 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32361 - 32380 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32361 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจเพื่อนบ้านไทย - ลาว | กค | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจเพื่อนบ้านไทย - ลาว ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่มีอยู่แล้ว เข้ามาทำหน้าที่ กำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติงาน ได้แก่ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ให้เป็นหน่วยงานกำกับและดูแลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจเพื่อนบ้านไทย - ลาว และสำนักงานประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สังกัดกรมทรัพยากรน้ำให้เป็นหน่วยงานประเมินผลและติดตามการปฏิบัติงาน ๒. ให้ สพพ. และสำนักงานประสานความร่วมมือระหว่างประเทศร่วมกับหน่วยงานหลักที่ได้รับการเสนอแนะให้ดูแลการดำเนินงานตามยุทธศาตร์ต่าง ๆ ได้แก่ ๒.๑ ยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายสินค้าเกษตร โดยให้หน่วยงานทั้งสองมีการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง ๕ ได้แก่ หนองคาย มุกดาหาร เชียงราย อุบลราชธานี และนครพนมที่รับผิดชอบ เสนอแนะแผนของแต่ละจังหวัดเข้ามา และกำหนดแนวทางการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน ตลอดจนการตรวจสอบการทำงานให้สอดคล้องกับแผนงานของกระทวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่มีการค้าขายข้ามชายแดน ไทย - ลาว ๒.๒ ยุทธศาสตร์การสนับสนุนการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีศักยภาพ มีทั้งสิ้น ๕ ชนิดสินค้า ได้แก่ อุตสาหกรรมไม้และเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมยางพารา อุตสาหกรรมมันสำปะหลังและแปรรูป อุตสาหกรรมแปรรูปข้าวโพด อุตสาหกรรมข้าวเหนียวและแปรรูป เสนอแนะให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและกรมเจรจาการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับทิศทางความต้องการของตลาดสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการวางแผนการผลิตและกระจายสินค้า ๒.๓ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และ สปป.ลาว ควบคู่กัน โดยให้หน่วยงานทั้งสองมีการประสานงานและดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทย - ลาว ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และให้มีการศึกษาถึงทิศทางที่เป็นไปได้ในการอำนวยความสะดวกของการผ่านแดนให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้าน Visa ของกระทรวงการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
| 32362 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบล บ้านโคน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านโคน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านโคน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับบนทางหลวงชนบท อต. ๕๐๐๓ บริเวณจุดตัดทางรถไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32363 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลป่าขะ ตำบลบ้านนา และตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลป่าขะ ตำบลบ้านนา และตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลป่าขะ ตำบลบ้านนา และตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เพื่อประโยชน์สาธารณะในการขยายทางหลวงชนบท นย. ๒๐๐๕ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32364 | รายงานผลการประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ 18 (18th General Assembly of State Parties) และ การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 10 (10th Extraordinary Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ 7 - 9 พฤศจิกายน 2554 ณ สำนักงานใหญ่ องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส | ทส | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๘ (18th General Assembly of State Parties) และการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยวิสามัญ ครั้งที่ ๑๐ (10th Extraordinary Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ ๗ - ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ สำนักงานใหญ่ องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายศักดา พุกกะมาน) และคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปผลการประชุม ดังนี้
๑. การประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๘ (18th General Assembly of State Parties) ระหว่างวันที่ ๗ - ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่ประชุมได้มีการคัดเลือกกรรมการมรดกโลก จำนวน ๙ ที่นั่ง พิจารณาโดยใช้เสียงข้างมาก (ร้อยละ ๕๐) ของรัฐภาคีที่ออกเสียงทั้งหมด แบ่งออกเป็นรัฐภาคีที่ไม่มีแหล่งมรดกโลก จำนวน ๑ ที่นั่ง และรัฐภาคีที่มีแหล่งมรดกโลก จำนวน ๘ ที่นั่ง ผลการคัดเลือกรัฐภาคีที่ไม่มีแหล่งมรดกโลก ได้แก่ รัฐกาตาร์ และรัฐภาคีที่มีแหล่งมรดกโลก ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐโคลอมเบีย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐอินเดีย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐเซเนกัล และสาธารณรัฐเซอร์เบีย นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ รายงานการประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๗ (17th General Assembly of State Parties) ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการมรดกโลก ผลการตรวจสอบบัญชีเงินกองทุนมรดกโลก สถานภาพและการให้เงินช่วยเหลือต่อรัฐภาคี การกำหนดวงเงินบริจาคให้กองทุนมรดกโลก ยุทธศาสตร์โลกในการเป็นตัวแทน ความสมดุลและน่าเชื่อถือของรายชื่อแหล่งมรดกโลกในประเด็นของการประเมินยุทธศาสตร์และการริเริ่มความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ (PACT) รวมทั้งแผนการตรวจสอบภายในศูนย์มรดกโลก กิจกรรมด้านมรดกโลกที่ดำเนินการโดยศูนย์ที่จัดตั้งโดยรัฐภาคี หรือ Category 2 Centres และแผนการดำเนินกิจกรรมอนาคตของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก รวมถึงการเฉลิมฉลอง ๔๐ ปีของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๒. การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยวิสามัญ ครั้งที่ ๑๐ (10th Extraordinary Session of the World Heritage Committee) ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ๒.๑ การประชุมหารือระหว่างผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย กับรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายไทยได้กล่าวว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นความสำคัญของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และจะยังคงเป็นสมาชิกที่ทำหน้าที่ดูแลปกป้อง รักษาแหล่งมรดกโลกอย่างเข้มแข็งต่อไป พร้อมกันนี้ได้หยิบยกประเด็นที่เป็นปัญหาร่วมกันระหว่างสองประเทศมาหารือ คือ กรณีน้ำท่วมใหญ่ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อแหล่งมรดกโลก และความพยายามที่จะฟื้นฟูแหล่งมรดกโลกที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ ที่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาหารือ ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศโดยเน้นด้านวัฒนธรรมนำหน้า (Cultural Cooperation) ประเด็นในเรื่องการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ๒.๒ การประชุมหารือระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนไทยกับผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ UNESCO ด้านวัฒนธรรม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแจ้งให้ UNESCO ทราบสถานภาพของไทยต่ออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก โดยฝ่ายไทยได้ขอบคุณที่ UNESCO จะให้ความช่วยเหลือไทยในการฟื้นฟูแหล่งมรดกโลกจากที่ถูกน้ำท่วม พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้อำนวยใหญ่ UNESCO ทราบว่าคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย เห็นชอบให้ไทยคงสมาชิกภาพในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และกรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกต่อไป นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร โดยผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ UNESCO แจ้งให้ทราบว่า UNESCO จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ทับซ้อน พร้อมนี้ได้แจ้งว่า UNESCO เห็นความจำเป็นที่จะต้องบูรณะปราสาทพระวิหารที่อยู่ในสภาพเสื่อมโทรม โดยขอให้รัฐบาลไทยพิจารณาให้คณะทำงานติดตามตรวจสอบสถานภาพแหล่งมรดกโลกเข้าไปสำรวจปราสาทพระวิหาร รวมทั้งพิจารณาให้การสนับสนุนร่างข้อมติการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ (United Nations General Assembly : UNGA) เรื่อง Culture and Development ที่ส่งเสริมให้ประเทศที่เป็นสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศคำนึงถึงการส่งเสริมด้านวัฒนธรรมเพื่อให้บรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||
| 32365 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตจัดตั้งสนามบิน พ.ศ. .... | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตจัดตั้งสนามบิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตจัดตั้งสนามบิน พ.ศ. ๒๕๕๐ ๑.๒ กำหนดคำนิยาม “สนามบินสาธารณะ” “สนามบินส่วนบุคคล” ๑.๓ หมวด ๑ สนามบินสาธารณะ ๑.๓.๑ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะผู้ขออนุญาตจัดตั้งสนามบินสาธารณะ ได้แก่ เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายไทย และมีสำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ในราชอาณาจักร มีกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง หรือสิทธิใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ขออนุญาต ฯลฯ เป็นต้น ๑.๓.๒ กำหนดให้การจัดตั้งสนามบินสาธารณะให้ยื่นคำขอตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน ได้แก่ สำเนาหนังสือรับรองหรือหลักฐานการเป็นนิติบุคคล สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่นายทะเบียนรับรอง ฯลฯ เป็นต้น ๑.๓.๓ กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคำขอจัดตั้งสนามบินสาธารณะและเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติ ๑.๓.๔ กำหนดให้ใบอนุญาตจัดตั้งสนามบินสาธารณะ ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด ๑.๔ หมวด ๒ สนามบินส่วนบุคคล ๑.๔.๑ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะผู้ขออนุญาตจัดตั้งสนามบินส่วนบุคคล ได้แก่ ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ฯลฯ เป็นต้น ๑.๔.๒ กำหนดให้การจัดตั้งสนามบินส่วนบุคคลให้ยื่นคำขอตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน ได้แก่ กรณีผู้ขออนุญาตเป็นบุคคลธรรมดาให้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารประจำตัวอย่างอื่นที่ทางราชการออกให้ใช้แทนบัตรประชาชน เอกสารหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง หรือสิทธิใช้ประโยชน์ในพื้นที่ขออนุญาตจัดตั้งสนามบินส่วนบุคคล ฯลฯ เป็นต้น ๑.๔.๓ กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคำขอจัดตั้งสนามบินส่วนบุคคลและเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติ ๑.๔.๔ กำหนดให้ใบอนุญาตจัดตั้งสนามบินส่วนบุคคล ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด และให้มีอายุไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลกระทบจากสนามบินสาธารณะ เช่น ผลกระทบด้านเสียง กลิ่นและละอองน้ำมันฟุ้งกระจายเปื้อนอาคารและเสื้อผ้าที่ตากไว้ จากการลงจอดของเครื่องบิน เนื่องจากการขยายระยะทางขึ้นลงของเครื่องบิน โดยประชาชนไม่ได้รับค่าชดเชยหรือการเยียวยาอย่างใด ดังนั้น ในชั้นการพิจารณาอนุญาตจัดตั้งสนามบินหรือการแก้ไขเกี่ยวกับระยะทางขึ้นลงของเครื่องบิน ควรกำหนดให้ต้องจัดทำประชาพิจารณ์ และดำเนินการศึกษาผลกระทบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสอบถามความเห็นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นที่ตั้งหรืออยู่ใกล้เคียงสนามบินสาธารณะเพื่อประกอบการพิจารณา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 32366 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวันยาว ตำบลขลุง และตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวันยาว ตำบลขลุง ตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวันยาว ตำบลขลุง และตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนบ้านวันยาว - บ้านเกาะขวาง กับถนนเทศบาล ๔ และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32367 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับ บนทางหลวงชนบท อบ. ๓๐๑๘ บริเวณจุดตัดทางรถไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32368 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดท่าช้าง ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฏีกาโอนที่วัด วัดท่าช้าง ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดท่าช้าง ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อก่อสร้างคลองบางกล่ำ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32369 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดโพธาราม ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดโพธาราม ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดโพธาราม ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๓๑๘ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๑ (ศรีสำโรง) - ศรีนคร ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32370 | แผนแม่บทความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานแห่งชาติ (พ.ศ. 2555 - 2559) | รง | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอแผนแม่บทความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ซึ่งเป็นการจัดทำให้มีความต่อเนื่องจากแผนแม่บทความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔) เพื่อมุ่งการเสริมสร้างการคุ้มครองแรงงานตามมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พัฒนาศักยภาพเครือข่ายด้านความปลอดภัยฯ การจัดการองค์ความรู้ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนากลไกการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ไว้ ๕ ประเด็นยุทธศาสตร์ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การเสริมสร้างการคุ้มครองแรงงงานมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ๒. ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ๓. ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การจัดการองค์ความรู้ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ๔. ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ๕. ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนากลไกการบริหารจัดการด้านความปลอภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||
| 32371 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางอรทัย มูลคำ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบเครือข่ายและการมีส่วนร่วม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32372 | ร่างพระราชบัญญัติเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานครเป็นมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช พ.ศ. .... | ศธ | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานครเป็นมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนชื่อ “มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร” เป็น “มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช” และเปลี่ยนชื่อ “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๓” เป็น “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช พ.ศ. ๒๕๕๓” รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำในบทกฎหมายต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 32373 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (ครั้งที่ 9) | วท | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) (ครั้งที่ ๙) ช่วงเดือนเมษายน - กันยายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สนับสนุนนักเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของโครงการ วมว. จำนวน ๔ รุ่น (ปีการศึกษา ๒๕๕๑ - ๒๕๕๔) รวม ๑๖ ห้องเรียน ใน ๗ โรงเรียน ประกอบด้วย ๑.๑ โรงเรียนที่เป็นมหาวิทยาลัย - โรงเรียนนำร่อง ๔ แห่ง โรงเรียนละ ๓ ห้อง ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัยในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โรงเรียนดรุณสิกขาลัยในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ๑.๒ โรงเรียน - มหาวิทยาลัยที่ขยายเพิ่ม ๓ แห่ง ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จำนวน ๒ ห้องเรียน โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จำนวน ๑ ห้องเรียน และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) - มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน ๑ ห้องเรียน ๒. จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนห้องเรียนวิทยาศาสตร์โครงการ วมว. ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ ของวิทยาลัยโครงการ วมว. ทั้ง ๗ แห่ง ๓. จัดกิจกรรมระหว่างมหาวิทยาลัย - โรงเรียนในโครงการ วมว. ได้แก่ กิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (รุ่นที่ ๔) ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยเขตกำแพงแสน และสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ในการจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดการเรียนรู้แบบ Inquiry Based Learning” ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ๔. การติดตามและประเมินผลโครงการ วมว. เมื่อสิ้นปีที่ ๓ โดยจัดจ้างสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นที่ปรึกษา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายงานฉบับสมบูรณ์ ๕. งบประมาณในการบริหารโครงการ วมว. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวนทั้งสิ้น ๙๖,๘๒๒,๓๑๑.๒๙ บาท และกันเงินเหลื่อมปี จำนวน ๒,๖๔๒,๓๘๓.๓๗ บาท เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการ วมว. สืบเนื่องในปี พ.ศ. ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||
| 32374 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32375 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... โดยให้ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามพิกัดอัตราศุลกากรขาเข้าประเภทย่อย ๑๐๐๕.๙๐.๙๐ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองตามที่กำหนดในประกาศนี้ แสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร ๒. กรณีองค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้า ต้องนำเข้าระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ และกรณีผู้นำเข้าทั่วไป ต้องนำเข้าระหว่างวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร ในอัตราน้ำหนักสุทธิเมตริกตันละศูนย์บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 32376 | องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียขอความเห็นชอบในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย | พน | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B - 17 & C - 19 และ B - 17 - 01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย ระหว่างองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย และบริษัทผู้ประกอบการ คือ บริษัท PC JDA Limited และบริษัท PTTEP International Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซ กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทเปโตรนาสในฐานะกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ ๒. เห็นชอบให้องค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ลงนามในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติดังกล่าวกับกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ เมื่อร่างสัญญาฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
| 32377 | การขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์โดยคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ | นร | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานและปัญหาการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านมา สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ ๑.๑.๑.๑ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๕๔ โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ต่อไป ๑.๑.๑.๒ การศึกษาวิจัย การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง การถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการรวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ ๑.๑.๑.๓ การส่งเสริมการผลิตและสร้างเครือข่ายสู่การพึ่งตนเองตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การสนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไปสู่การทำเกษตรที่มีความมั่นคงและยั่งยืน การผลักดันโครงการนำร่องเพื่อขับเคลื่อนการบูรณาการการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ปี ๒๕๕๒ - ๒๕๕๔ การดำเนินโครงการบูรณาการพัฒนาการผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๕ เพื่อผลักดันให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกัน และการสนับสนุนแผนพัฒนาและส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ของกระทรวงพาณิชย์ ๑.๑.๒ ปัญหาการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ได้แก่ การที่ผู้บริโภคยังขาดความตระหนักและความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าอินทรีย์ ส่งผลให้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศยังมีขนาดเล็ก เกษตรกรขาดแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนมาสู่วิถีการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ การปรับเปลี่ยนจากเกษตรเคมีมาเป็นเกษตรอินทรีย์มีขั้นตอนการจัดการและกระบวนการผลิตที่ยุ่งยาก ช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ยังมีน้อย ราคาสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่จูงใจในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต และการรวมกลุ่มของเกษตรในลักษณะเครือข่ายเพื่อให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการตลาดมีจำกัด ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในระยะต่อไป โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานและขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ โดยให้มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันดำเนินการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน เกษตรกรและเครือข่ายเกษตรกรต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เห็นควรมีการจัดเก็บข้อมูลภาคการผลิตภายในประเทศตลอดทั้งวงจรเพื่อนำไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับข้อมูลการดำเนินการในเรื่องเดียวกันของต่างประเทศ เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและจัดทำแผนการดำเนินงานพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศ การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางดำเนินการเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกร การระดมความคิดเพื่อตั้งโจทย์วิจัยเกษตรอินทรีย์ในระดับชาติ โดยอาศัยที่ประชุม ๕ ส. ๑ ว. เป็นเวทีขับเคลื่อนหลัก รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง (Thailand Advanced Institute of Science and Technology : THAIST) ในการขับเคลื่อนความร่วมมือและสร้างบุคลากรเสริมจากกลไกเดิมที่อิงกับคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอเพิ่มเติมว่า จากการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้ทำให้เกิดการสะสมของหน้าดินที่สมบูรณ์ไปด้วยสารอินทรีย์เป็นจำนวนมากในพื้นที่ภาคกลางซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการเพาะปลูก จึงเห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษา วิเคราะห์ และประเมินปริมาณสารอินทรีย์เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ให้กับเกษตรกร และพิจารณากำหนดปีเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 32378 | การประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 4 | นร | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT : Indonesia - Malaysia - Thailand Growth Triangle) แผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS : Greater Mekong Subregion) และกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Mekong - Japan Economic Minister) ๑.๒. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมระดับผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๔ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีของไทยได้ลงนามร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๔ ในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ นครเนปิดอร์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมฯ ได้ในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ หากมีการแก้ไขในระหว่างการประชุมคณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ ๕ ในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบอีก ๑.๓ เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาแผนงาน GMS ระยะ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๕) ซึ่งเป็นการกำหนดทิศทางการพัฒนาความร่วมมือภายใต้แผนงาน GMS ที่บูรณาการและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทในอนาคตที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ๑.๔ เห็นชอบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๔ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม ๙ หน่วยงาน ๒. ให้เพิ่มผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศในองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๔ อีกจำนวน ๑ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติม ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 32379 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32380 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการก่อสร้างทาง สายเชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก พร้อมปรับปรุงทางเดิม สายเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับการก่อสร้างทางสายเชิงเขาตะนาวศรี - กอกะเร็ก ระยะทาง ๒๘.๒๐๔ กิโลเมตร พร้อมปรับปรุงทางเดิม สายเมียวดี - เชิงเขาตะนาวศรี ประเทศสหภาพพม่า ระยะทาง ๑๗.๒๔๒ กิโลเมตร ภายในวงเงิน ๑,๑๔๐,๓๔๓,๓๕๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการค้าขายบริเวณชายแดนไทย - พม่า ขอให้เร่งดำเนินการเปิดจุดผ่านแดนดังกล่าวโดยเร็ว จึงเห็นควรที่กระทรวงคมนาคมจะได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมตอม่อสะพานมิตรภาพไทย - พม่า ให้แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
