ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1617 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32321 - 32340 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32321 | การดำเนินการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยมอบผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเวลานี้จนถึงเทศกาลปีใหม่ โดยยึดหลักประหยัด หลีกเลี่ยงการจัดมหรสพและกิจกรรมรื่นเริง ตลอดจนงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่จำเป็น แต่ให้เร่งรัดการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยที่ยังคงมีความเดือดร้อนให้เร็วขึ้นด้วย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบในการกำกับติดตามการระดมเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ยังคงมีน้ำท่วมขังในบริเวณจังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี รวมประมาณ ๘๐ - ๑๐๐ แห่ง โดยให้บูรณาการในการดำเนินการร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการสูบน้ำออกจากหมู่บ้านเหล่านี้โดยเร็ว โดยให้ตั้งเป้าหมายที่จะสูบน้ำให้แห้งทั้งหมดภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ให้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) รับไปจัดทำโครงการเกี่ยวกับการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยร่วมกับสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ กองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยให้เรียนเชิญราชเลขานุการในพระองค์ฯ (พลอากาศเอก สถิตพงษ์ สุขวิมล) เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินโครงการและมอบให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายเลขานุการ โดยจัดทำเป็นโครงการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัยเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และในเบื้องต้นให้จัดสรรเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินโครงการ จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามระเบียบว่าด้วยการใช้งบประมาณไปพลางก่อน ในวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและยานพาหนะต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โดยให้กระทรวงการคลังประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น เพื่อดำเนินการให้ครบวงจร เริ่มตั้งแต่การเจรจากับบริษัทประกันภัยในเรื่องของการจ่ายสินไหมชดเชยให้ครอบคลุมความเสียหายมากที่สุด การประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ในการจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการซ่อมแซมที่พักอาศัยและยานพาหนะและกลุ่มบุคคลผู้มีจิตอาสาเพื่อดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังประสานกับหน่วยงานดังกล่าว และจัดทำเป็นโครงการและแผนงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและสนับสนุนเงินงบประมาณโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32322 | รายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือวัดและพระภิกษุสามเณรที่ประสบภัยพิบัติเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ | นร | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือวัดและพระภิกษุสามเณรที่ประสบภัยพิบัติ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเสียหายของวัด/ที่พักสงฆ์ และโรงเรียนปริยัติธรรม ณ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วยภาคเหนือ ๓ จังหวัด ภาคตะวันออก ๑ จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๗ จังหวัด และภาคกลาง ๑๕ จังหวัด รวมทั้งสิ้น ๒๕ จังหวัด ๑๕๘ อำเภอ วัด/ที่พักสงฆ์ ๒,๑๕๔ แห่ง โรงเรียนพระปริยัติธรรม ๑๒ แห่ง จำนวนพระภิกษุ สามเณรได้รับผลกระทบ ๓๐,๑๗๒ รูป ทั้งนี้ วัด/ที่พักสงฆ์ที่ประสบภัยและสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้ว จำนวน ๒๖ จังหวัด ๙๒ อำเภอ จำนวนวัด/ที่พักสงฆ์ ๕๔๙ แห่ง โรงเรียนพระปริยัติธรรม ๗ แห่ง จำนวนพระภิกษุ สามเณร ๗,๕๘๕ รูป ๒. แผนและผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๕ - ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ อาทิ การจัดส่งเครื่องอุปโภค ยารักษาโรค และของใช้ที่จำเป็นให้วัด/ศูนย์พักพิง และประชาชนที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง การสำรวจวัดและพระภิกษุที่ประสบภัยเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม การจัดตั้งศูนย์พักพิงเป็นสถานที่ภายในวัดที่สามารถให้พักผู้ประสบภัยบริหารจัดการดูแลด้านความเป็นอยู่ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือโดยเป็นสถานที่รับบริจาคสิ่งของ และการรับบริจาค ส่วนกลางที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และส่วนภูมิภาคที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด เป็นต้น ๓. การฟื้นฟูจิตใจเฉพาะในศูนย์พักพิง ได้ดำเนินการตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย และศูนย์พักพิงโครงการธรรมะเยียวยา ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมทั้งจัดรายการสื่อธรรมะทางสถานีวิทยุที่เป็นเครือข่าย และทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ ๔. การฟื้นฟูเยียวยา สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร่วมกับทางวัดและหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายทำการสำรวจข้อมูลความเสียหายนับตั้งแต่เกิดเหตุประสบอุทกภัย ๕. การป้องกัน อาทิ การพิจารณาและกำหนดแผนหรือแนวทางที่จะบูรณาการในการเตรียมการเพื่อป้องกันและแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติภัยหรือกำหนดวิธีการป้องกันมิให้บุคลากรหรือศาสนสถานได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น การศึกษาวิเคราะห์สภาพทางภูมิศาสตร์ กายภาพ สิ่งแวดล้อม สภาพวิถีการดำรงชีวิตของชุมชนในพื้นที่ การจัดทำระบบศูนย์ข้อมูลข่าวสาร ศูนย์การประสานงานและการเตือนภัย เป็นต้น ๖. จำนวนวัดและศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับการช่วยเหลือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือวัด และผู้ประสบภัยน้ำท่วมของคณะสงฆ์วัดสระเกศฯ ในอุปถัมภ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ระหว่างวันที่ ๕ - ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ รวม ๑๓ จังหวัด ๘๙ วัด จำนวนพระ ๒,๒๓๔ รูป จำนวนประชากร ๑๒,๔๓๐ คน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32323 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านหัวหรั่ง พ.ศ. .... | คค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านหัวหรั่ง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านหัวหรั่ง ในท้องที่อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32324 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลศีรษะกระบือ ตำบลบางลูกเสือ ตำบลพระอาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และตำบลดอนเกาะกา ตำบลสิงโตทอง ตำบลหมอนทอง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... | คค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลศีรษะกระบือ ตำบลบางลูกเสือ ตำบลพระอาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และตำบลดอนเกาะกา ตำบลสิงโตทอง ตำบลหมอนทอง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลศีรษะกระบือ ตำบลบางลูกเสือ ตำบลพระอาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และตำบลดอนเกาะกา ตำบลสิงโตทอง ตำบลหมอนทอง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อขยายทางหลวงชนบท บย. ๓๐๐๑ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32325 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 10 เดือน ปี 2554 (มกราคม - ตุลาคม) | พณ | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ ๑๐ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ (มกราคม - ตุลาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกในระยะ ๑๐ เดือนของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่าการส่งออก ๑๙๖,๗๖๘.๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๘ ในรูปเงินบาท การส่งออกมีมูลค่า ๕,๙๑๑,๗๗๓.๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕.๑ สินค้าส่งออกยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๕.๖ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว ยางพารา น้ำตาล สินค้าอาหารประเภท อาหารทะเล ผักผลไม้ ไก่แช่แข็งและแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔.๕ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ ๒๐ ได้แก่ สิ่งพิมพ์ นาฬิกาและส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐.๑ (การส่งออกอัญมณีรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๓ ทองคำส่งออกลดลงร้อยละ ๑.๘) เป็นต้น สำหรับตลาดส่งออก เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกกลุ่มตลาด โดยตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๒ ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙.๘ และตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๘ ๒. การนำเข้าในระยะ ๑๐ เดือนของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่าการนำเข้า ๑๙๒,๔๙๘.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙.๑ ในรูปเงินบาท การนำเข้ามีมูลค่า ๕,๘๕๔,๕๓๘.๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๑.๐ สินค้านำเข้าสำคัญเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๕.๙ สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓.๐ สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙.๕ สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๑.๙ และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32326 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 | กค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ ๘๒ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมลักษณะของอินทรธนู โดยกำหนดให้มี ๒ แบบ คือ ทำด้วยไหมทองหรือวัตถุเทียมไหมทอง และทำด้วยสักหลาดสีน้ำเงินดำ ๒. แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องหมายแสดงระดับสำหรับติดที่อินทรธนู โดยกำหนดให้มี ๗ ชั้น คือ ชั้น ๑ ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ชั้น ๒ ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ชั้น ๓ ประเภททั่วไป ระดับชำนาญงาน ชั้น ๔ ประเภททั่วไป ระดับอาวุโส ประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ชั้น ๕ ประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ และประเภทอำนวยการ ระดับต้น ชั้น ๖ ประเภททั่วไป ระดับทักษะพิเศษ ประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ประเภทอำนวยการ ระดับสูง และประเภทบริหาร ระดับต้น และชั้น ๗ ประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ และประเภทบริหาร ระดับสูง ๓. แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องหมายแสดงระดับที่คอปกเสื้อ โดยกำหนดเป็น ๗ ชั้น เช่นเดียวกับเครื่องหมายแสดงระดับสำหรับติดที่อินทรธนู ๔. แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องหมายรูปอาร์ม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32327 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | นร | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท สป. ๒๐๐๓ กับทางหลวงชนบท ฉช. ๓๐๐๑ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32328 | ผลการประชุมรัฐมนตรีคมนาคม เอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 2 | คค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีคมนาคม เอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ ๒ ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๓ -๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (พล.ต.ท. ชัจจ์ กุลดิลก) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะเดินทางไปร่วมการประชุมในครั้งนี้ สำหรับสาระสำคัญของการประชุมฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯได้มีการอภิปราย (Panel Session) แบ่งเป็น ๓ หัวข้อหลัก ได้แก่ ระบบการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบการขนส่งที่มั่นคงและปลอดภัย และระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยในแต่ละหัวข้อมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ระบบการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้มีการนำเสนอนโยบายและมาตรการพัฒนาการขนส่งเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน มีนโยบายส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน เพื่อช่วยลดปริมาณยานพาหนะบนท้องถนน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสาธารณรัฐอินเดีย ใช้ระบบจราจรอัจฉริยะ (Intelligent Traffic System : ITS) เพื่อช่วยในการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมได้นำเสนอเทคโนโลยีการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเสนอผลิตภัณฑ์รถแท็กซี่ไฟฟ้า และรถเมล์ไฟฟ้า เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีราคาต่ออายุการใช้งานที่คุ้มค่ากว่ายานพาหนะที่ใช้น้ำมันทั่วไป ๑.๒ ระบบการขนส่งที่มั่นคงและปลอดภัย ได้มีการนำเสนอนโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัยในการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เช่น สาธารณรัฐอินเดีย มี ๕ เสาหลักเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ได้แก่ การจัดการความปลอดภัยบนท้องถนน การสร้างถนนที่มีโครงสร้างตามหลักวิศวกรรมความปลอดภัย การรณรงค์ให้ประชาชนใช้ยานพาหนะที่มีความปลอดภัย การให้ความรู้ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนแก่ประชาชน และการรับมือกับอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมได้นำเสนอแนวทางเพื่อช่วยเพิ่มความมั่นคงและปลอดภัยในการขนส่ง เช่น การทำวิจัยเพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ๑.๓ ระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ได้มีการนำเสนอแนวทางส่งเสริมการขนส่งระหว่างเอเชีย - ยุโรป ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งครอบคลุมการขนส่งทางราง ทางถนน ทางเรือ และทางอากาศ เช่น สาธารณรัฐลิทัวเนียได้มีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ทั้งทางถนน ท่าเรือปลอดน้ำแข็ง และรถไฟ เพื่อยกระดับให้ลิทัวเนียกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งระหว่างภูมิภาคยุโรปตะวันตก ยุโรปตะวันออก และทวีปเอเชีย ส่วนตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมได้นำเสนอเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ที่ประชุมฯ ได้มีการรับรองแผนปฏิบัติการว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้โดยสารระหว่างภูมิภาคเอเชียและยุโรป และปฏิญญารัฐมนตรีคมนาคม เอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ ๒ ว่าด้วยการเชื่อมโยงเอเชีย - ยุโรป ที่มีประสิทธิภาพมั่นคง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือปฏิญญาเฉิงตู
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32329 | รายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล ในไตรมาสที่ 3 - 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | กค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล ในไตรมาสที่ ๓ - ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งกระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาล ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๕๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ ๓ - ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ กระทรวงการคลังดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล จำนวนรวม ๗๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๘ รุ่น แบ่งเป็น ในไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๔ รุ่น วงเงิน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท และในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๔ รุ่น วงเงิน ๔๒,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในไตรมาสที่ ๓ - ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวนรวม ๗๔,๐๐๐ ล้านบาทแล้ว ทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังคงเหลือ จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท เมื่อรวมกับการดำเนินการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๔๕,๖๙๑ ล้านบาท ที่ได้ดำเนินการในเดือนกันยายน ๒๕๕๔ ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาล จำนวน ๑๒๕,๖๙๑ ล้านบาท ซึ่งวงเงินตั๋วเงินคลังดังกล่าวจะใช้ในการบริหารเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาลในปีงบประมาณถัดไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32330 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่) ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย และอำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32331 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32332 | มาตรการภาษีเพื่อการส่งเสริมกิจการพาณิชยนาวีของประเทศ | กค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อการส่งเสริมกิจการพาณิชยนาวีของประเทศ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เฉพาะที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยนำเงินได้ดังกล่าวไปซื้อเรือลำใหม่ และมีการจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยภายใน ๑ ปี ก่อนมีการขายเรือเก่า หรือซื้อเรือลำใหม่หรือนำไปต่อเรือลำใหม่ และนำไปจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยภายใน ๒ ปี นับแต่วันที่ขายเรือลำเก่านั้น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ ๒.๑ กรณีไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนเรือลำใหม่เป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยภายใน ๒ ปี นับแต่วันที่ขายเรือเก่า อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจขยายกำหนดเวลาดังกล่าวได้ เฉพาะกรณีที่มีหนังสือรับรองจากกรมเจ้าท่าว่าการต่อเรือใหม่มีกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จเกิน ๒ ปี นับจากวันขายเรือเก่า ๒.๒ เรือที่ซื้อใหม่ต้องมีอายุการใช้งานมาแล้วน้อยกว่าเรือที่ขายไป รวมทั้งเรือที่ซื้อใหม่และเรือที่ต่อใหม่ต้องมีระวางบรรทุกไม่น้อยกว่าเรือที่ขายไป ๒.๓ ต้องแจ้งการขายเรือเก่า และการซื้อหรือการต่อเรือใหม่เป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมสรรพากรภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ขายเรือเก่านั้น หรือนับแต่วันที่จดทะเบียนเรือลำใหม่เป็นเรือไทย ๒.๔ ในกรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าว ห้ามมิให้นำมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือของเรือที่ขายไป ไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32333 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การโอนทางหลวงพิเศษวงแหวนกาญจนาภิเษกด้านใต้ช่วงถนนพระรามที่ 2 ถึงถนนสุขสวัสดิ์ | คค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๖ (เรื่อง โครงการทางหลวงพิเศษวงแหวนกาญจนาภิเษกด้านใต้ ช่วงสุขสวัสดิ์ - บางพลี) ที่อนุมัติให้กรมทางหลวงโอนโครงการทางหลวงพิเศษวงแหวนกาญจนาภิเษกด้านใต้ ช่วงถนนพระรามที่ ๒ ถึงถนนสุขสวัสดิ์ ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการและบริหารโครงการต่อไป เพื่อจะได้นำเงินรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางของโครงการเป็นส่วนหนึ่งให้ผู้เข้าร่วมลงทุนประมาณการเป็นผลตอบแทนโครงการตลอดอายุโครงการฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นหน่วยงานบริหารจัดการจัดเก็บรายได้ค่าผ่านทาง บำรุงรักษาทาง และงานกู้ภัยบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ถนนสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ที่ กม. ๓๑ + ๒๘๔.๔๖ - กม. ๔๕ + ๙๘๖.๓๑ (ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๗ เดิม) ให้กรมทางหลวงเพื่อนำเข้าเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง โดยให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทำข้อตกลง ระเบียบ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการเบิกจ่ายเงินที่จัดเก็บได้ ร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาข้อตกลง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการในการเบิกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม และการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ควรพิจารณาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับผลการดำเนินงาน เพื่อป้องกันปัญหาข้อพิพาทในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น และพิจารณาให้ครอบคลุมถึงการจ่ายคืนเงินลงทุนของระบบเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมความปลอดภัย เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของ กทพ. โดยให้กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลางเข้าร่วมพิจารณาข้อตกลงระหว่างกรมทางหลวงและ กทพ. เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบและเป็นธรรมต่อไป นอกจากนี้ ให้กรมทางหลวงพิจารณาเตรียมพื้นที่สำหรับเป็นจุดจอดพักรถบรรทุกบริเวณหน้าด่านเก็บเงินพระรามที่ ๒ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด โดยประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดระเบียบจุดจอดรถบรรทุกบริเวณดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 32334 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตดัดแปลงอาคารเพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรงของอาคารให้สามารถต้านแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว พ.ศ. .... | มท | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตดัดแปลงอาคารเพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรงของอาคารให้สามารถต้านแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้อาคารทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตามกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนักความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. ๒๕๕๐ สามารถดัดแปลงอาคารเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงแข็งแรงในการต้านแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ โดยได้รับยกเว้นหลักเกณฑ์บางประการในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร อาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32335 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา เพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32336 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... | มท | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโพธิ์ ในท้องที่ตำบลดอนทราย ตำบลหนองบัว ตำบลท่าพลับ ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลหนองตีนนก ตำบลคลองบ้านโพธิ์ และตำบลบางซ่อน อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32337 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เรื่อง ผู้บริโภคร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีการบินไทยยกเลิกเที่ยวบินเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองและการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ | สว | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เรื่อง ผู้บริโภคร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีการบินไทยยกเลิกเที่ยวบินเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองและการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้ ตามที่ได้มีผู้ร้องเรียนว่าได้ซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเที่ยวบินที่ ทีจี ๙๑๐ เส้นทางกรุงเทพฯ - ลอนดอน มีกำหนดเดินทางในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เวลา ๐๐.๑๕ น. แต่ผู้ร้องเรียนพร้อมครอบครัวรวม ๓ คน ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากได้มีการชุมนุมทางการเมือง โดยเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ได้มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีคำสั่งปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเป็นเหตุให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต้องยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าว ต่อมาผู้ร้องเรียนได้ยื่นฟ้องบริษัท การบินไทยฯ เป็นจำเลยร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ ต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการในคดีผู้บริโภค เรียกค่าเสียหาย ๙๐๗,๘๘๓.๙๗ บาท กรณีที่บริษัท การบินไทยฯ ยกเลิกเที่ยวบินที่ ทีจี ๙๑๐ เส้นทางกรุงเทพฯ - ลอนดอน ทั้งนี้ บริษัท การบินไทยฯ ได้ทำความเข้าใจกับผู้ร้องเรียนแล้ว การที่ไม่สามารถทำการบินในเที่ยวบินดังกล่าวได้ มิได้เกิดขึ้นจากความผิดของบริษัท การบินไทยฯ จึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง แต่เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัท การบินไทยฯ กับลูกค้า จึงได้คืนเงินค่าบัตรโดยสารทั้งสามฉบับ พร้อมทั้งมอบเอกสารวงเงินใช้จ่ายการบริการของบริษัท การบินไทยฯ (Multiple Purpose Document) แทนเงินสดจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ร้องเรียนพอใจ จึงได้ถอนฟ้องบริษัท การบินไทยฯ และบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ ซึ่งศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความแล้ว และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32338 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนผักไห่ - ลาดชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... | มท | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนผักไห่ - ลาดชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหน้าโคก ตำบลหนองน้ำใหญ่ ตำบลลาดน้ำเค็ม ตำบลอมฤต ตำบลผักไห่ ตำบลนาคู ตำบลจักราช ตำบลดอนลาน ตำบลตาลาน ตำบลลาดชิด ตำบลบ้านใหญ่ และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32339 | รายงานสถานการณ์น้ำและอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | นร | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์น้ำและอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำและอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑.๑ ปริมาณฝนสะสมรายวันของภาคปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ปริมาณฝนสะสมรายวันในแต่ละสถานีวัดฝน จำนวน ๒๘ สถานี ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า จำนวน ๒๔ สถานี มีปริมาณฝนสะสมสูงกว่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยมีปริมาณฝนสะสมรวมทุกสถานี (ณ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ทั้งสิ้น ๔๗,๔๓๐.๙ มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๗,๙๖๒.๖ มิลลิเมตร (ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีปริมาณฝนสะสมรวมทุกสถานี ๓๙,๔๖๘.๓ มิลลิเมตร) ๑.๒ สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ ปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ๑๒ แห่ง ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณสะสมรวมกันคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ของความจุในการกักเก็บน้ำทั้งหมด นับแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ เป็นต้นมา โดยเฉพาะในอ่างเก็บน้ำน้ำอูน น้ำพุง จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ และลำปาว ซึ่งต้องมีการระบายน้ำออกเพื่อรักษาระดับความปลอดภัยของอ่างเก็บน้ำ ส่งผลให้พื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่อย่างกว้างขวาง ๑.๓ จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น ๙ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และยโสธร จำนวน ๘๒ อำเภอ พื้นที่เกษตรเสียหาย ๑,๔๙๗,๕๔๔ ไร่ ๒. ความเห็นและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒.๑ ในระดับจังหวัดมีคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำเป็นองค์กรกำกับดูแลการบริหารจัดการน้ำ โดยมีองค์ประกอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน มีการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการเชิงลุ่มน้ำ โดยอาศัยกลไกของคณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานและภาคประชาชน และมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ๒.๒ ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการ “คน” เป็นลำดับแรก โดยชี้แจงและทำความเข้าใจเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับทราบและเข้าใจถึงสภาพปัญหา หลักการ แนวทางการดำเนินงาน และประโยชน์ร่วมกัน ๒.๓ พัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการเตือนภัย รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนอย่างถูกต้องและทั่วถึง ๒.๔ จัดวางระบบและแนวทางปฏิบัติในการป้องกันภัยสาธารณะในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้รับทราบทั้งในด้านข้อมูลข่าวสาร ระดับการแจ้งเตือนภัย การเตรียมการแก้ไขปัญหา การอพยพ และการให้ความช่วยเหลือ สำหรับพื้นที่ที่อุทกภัยซ้ำซาก ควรทำความเข้าใจ สร้างความตระหนัก และสนับสนุนให้มีการปรับวิถีชีวิตและรูปแบบการประกอบอาชีพให้สามารถอยู่กับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32340 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี 2554 | กค | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การรวบรวมและพัฒนาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ และข้อมูลประกอบด้านอื่น ๆ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ ประกอบด้วย การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ๗ ประเภท (ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม - รีสอร์ท นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า) โดยนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปทาน ด้านอุปสงค์ ด้านราคา และด้านการเงิน ซึ่งสามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ครอบคลุม ๖ ประเภท และมีการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ ๑ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งได้ประมวลผลข้อมูลบ้านมือสองและทำการปรับปรุงข้อมูลหมวด “อสังหาริมทรัพย์เพื่อประชาชน” และจัดทำพิกัดที่ตั้งทรัพย์มือสอง จำนวน ๔,๔๐๐ พิกัด บนเว็บไซต์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป ๒. งานวิชาการ ประกอบด้วย การจัดทำวารสารศูนย์ข้อมูลฯ REIC Journal ประจำไตรมาสที่ ๑ และไตรมาสที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ และการนำเสนอบทวิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์และบทความพิเศษที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จัดสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลผลสำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (REIC Housing Developers Sentiment Index : REIC - HDSI) และดัชนีค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน โดยเผยแพร่ผลการสำรวจในไตรมาสที่ ๑ และไตรมาสที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งจัดทำ REIC Research Report เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน และเว็บไซต์ พร้อมทั้งจัดทำสรุปและวิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์รายสัปดาห์เผยแพร่บนเว็บไซต์ ๓. การส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร ในครึ่งปีแรก ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้สถิติการใช้บริการเพิ่มขึ้นในทุกช่องทาง โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อมวลชนสนใจเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข่าวจากศูนย์ข้อมูลฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งศูนย์ข้อมูลฯ กำหนดให้มีการแถลงข่าวข้อมูลและดัชนีอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญเป็นประจำทุกไตรมาส
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
