ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1613 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 32241 - 32260 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32241 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน | มท | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลแม่นาเติง บางส่วนของตำบลเวียงเหนือ บางส่วนของตำบลเวียงใต้ บางส่วนของตำบลแม่ฮี้ และบางส่วนของตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32242 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิของบุคคลในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิขององค์กรวิชาชีพในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ศธ | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิของบุคคลในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ศูนย์การเรียนจัดการศึกษาได้เพียงสองระบบ คือ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ๑.๒ กำหนดคุณสมบัติของบุคคลผู้มีสิทธิจัดการศึกษา ๑.๓ กำหนดวิธีการยื่นคำขอจัดตั้ง การพิจารณาคำขออนุญาตจัดตั้ง และข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการศูนย์การเรียน ๑.๔ กำหนดให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นผู้ประกาศกำหนดคุณสมบัติของผู้เรียนในศูนย์การเรียน ๑.๕ กำหนดให้มีการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน และการออกหลักฐานการศึกษาแก่ผู้เรียนหรือผู้สำเร็จการศึกษาจากศูนย์การเรียน ๑.๖ กำหนดให้ศูนย์การเรียนได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรเอกชน ๑.๗ กำหนดให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้คำปรึกษา คำแนะนำ และส่งเสริมสนับสนุนในด้านต่าง ๆ และมีหน้าที่ในการจัดหาที่เรียนให้แก่ผู้เรียนเมื่อมีการเลิกศูนย์การเรียน ๑.๘ กำหนดในการเลิกศูนย์การเรียน ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิขององค์กรวิชาชีพในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้องค์กรวิชาชีพมีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรูปแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ๒.๒ กำหนดวิธีการยื่นคำขอจัดตั้ง การพิจารณาคำขอจัดตั้ง และข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการศูนย์การเรียน ๒.๓ กำหนดให้มีการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน และการออกหลักฐานแก่ผู้เรียนหรือผู้สำเร็จการศึกษาจากศูนย์การเรียน ๒.๔ กำหนดให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้คำปรึกษา คำแนะนำ และส่งเสริมสนับสนุนในด้านต่าง ๆ และมีหน้าที่ในการจัดหาที่เรียนให้แก่ผู้เรียนเมื่อมีการเลิกศูนย์การเรียน ๒.๕ กำหนดเหตุในการเลิกศูนย์การเรียน
|
||||||||||||||||||||||||
32243 | การเตรียมความพร้อมในการป้องกัน แก้ไขสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเตรียมความพร้อมในการป้องกัน แก้ไขสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนรองรับการป้องกันและบรรเทาสถานการณ์อุทกภัยในภาวะฉุกเฉินตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ภายในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อรวบรวมจัดทำเป็นแผนแม่บท (master plan) ในการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเสนอให้รองนายกรัฐมตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) พิจารณา ก่อนแจ้งให้ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ผู้อำนวยการ ศปภ.) ทราบ เพื่อประโยชน์ในการประสานงานระหว่างกันต่อไป ๒. ให้กระทรวงและหน่วยงานของภาครัฐที่มีการจัดตั้งศูนย์อพยพหรือสถานที่พักพิงให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยแจ้งรายชื่อศูนย์อพยพและสถานที่พักพิงที่ได้จัดตั้งขึ้น โดยมีข้อมูลรายละเอียดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถประสานงานได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งรายชื่อของผู้ประสบอุทกภัยที่พักอาศัยอยู่ในสถานที่ดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยด่วนเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้ผู้อำนวยการ ศปภ. ทราบ เพื่อจะได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีภารกิจในการให้ความช่วยเหลือและบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านสาธารณูปโภค การคมนาคม และอื่น ๆ เตรียมความพร้อมในการดูแล เฝ้าระวังจุดเสี่ยงต่าง ๆ การเคลื่อนย้ายผู้ประสบอุทกภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัย รวมทั้งให้สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการได้ทันทีที่เกิดปัญหาขึ้น ทั้งนี้ ให้มีการแจ้งเตือนประชาชนในกรณีต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย เช่น การแจ้งเตือนและการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าและประปา การแจ้งข่าวเตือนภัยเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและสภาวะอากาศที่อาจทำให้เกิดผลกระทบเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ส่วนกรณีประตูระบายน้ำในแต่ละจุด ให้กรมชลประทานและกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ไปยัง ศปภ. เป็นระยะ ๆ รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับจังหวัดต่าง ๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำนำมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32244 | มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการด้านการเงินที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลังสำรวจและประเมินความเสียหายเพื่อให้สามารถเร่งดำเนินการได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ มาตรการด้านการเงินที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ได้แก่ ๑.๑.๑ การช่วยเหลือค่าเสียหายด้านที่พัก (ไม่เกินหลังละ ๓๐,๐๐๐ บาท) และทรัพย์สินที่ประสบอุทกภัย (ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท) ๑.๑.๒ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) (ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท) ๑.๑.๓ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายด้านพืช ประมงและปศุสัตว์ ๑.๑.๔ การลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินต่าง ๆ ๑.๒ เห็นชอบมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในวงเงินรวม ๓๒๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง จัดทำข้อมูลลงทะเบียนผู้ประสบความเสียหายเพื่อให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องพิจารณาดูแลโครงการสินเชื่อดังกล่าว ทั้งนี้ มาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้แก่ ๑.๒.๑ สินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประสบอุทกภัย วงเงิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๒.๑.๑ สินเชื่อสำหรับกลุ่มรายย่อย วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารออมสิน ๑.๒.๑.๒ สินเชื่อเพื่อการเคหะ วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน ๑.๒.๑.๓ สินเชื่อสำหรับกลุ่มเกษตรกร วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๑.๒.๒ สินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประสบอุทกภัยจากโครงการประกันสังคม วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๒.๒.๑ โครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย สำหรับสถานประกอบการ วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในกิจการหรือการซ่อมแซมสถานประกอบการ รายละไม่เกิน ๑ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ (คงที่ ๓ ปี) ๑.๒.๒.๒ โครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับผู้ประกันตน เพื่อซ่อมแซมบ้านที่ถูกน้ำท่วมของตนเองหรือของบิดามารดา รายละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕ (คงที่ ๕ ปี) ๑.๒.๓ การค้ำประกันสินเชื่อของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้การค้ำประกันสินเชื่อของผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูธุรกิจ ระยะเวลาค้ำประกัน ๗ ปี ซึ่งจะครอบคลุมวงเงินให้กู้ของธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดย บสย. รับผิดชอบส่วนสูญเสียในการจ่ายค่าประกันชดเชยสูงสุดไม่เกินร้อยละ ๓๐ และยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันร้อยละ ๑.๗๕ ให้เป็นเวลา ๗ ปี รวมถึงขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าที่ได้รับการค้ำประกันในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปีในช่วง ๓ ปี ๑.๒.๔ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการ ประกอบด้วย ๑.๒.๔.๑ โดยธนาคารออมสินร่วมให้สินเชื่อร้อยละ ๕๐ กับธนาคารพาณิชย์ที่ให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัย ดำเนินการโดยให้ธนาคารออมสินฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ที่ต้องการ และธนาคารออมสินรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี โดยกำหนดวงเงินของธนาคารออมสิน จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อรวมกับวงเงินของธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านนาท รวมเป็นวงเงินสินเชื่อรวม ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๔.๒ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยสำนักงานประกันสังคมนำเงินไปฝากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการเพื่อปล่อยกู้ให้แก่สถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ๑.๒.๕ สินเชื่อจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) โดยกระทรวงการคลังจะประสานกับ JBIC เพื่อให้พิจารณานำเงินเข้าฝากธนาคารพาณิชย์ที่ต้องการเงินเพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๖ สินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัย โดยรัฐบาลจะหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณชดเชยเพื่อให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้ประกอบการเพื่อการลงทุนในระบบป้องกันอุทกภัยของนิคมและโรงงานโดยมีวงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๓ รับทราบแนวทางการให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์การลงทุน ได้แก่ การขยายสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน โดยยืดเวลาหรือขยายสิทธิประโยชน์ให้แก่นักลงทุนที่ประสบความเสียหายจากอุทกภัย และการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่จะเข้ามาทำงานในประเทศเพื่อแก้ไขปัยหาและฟื้นฟูโรงงานที่ประสบความเสียหาย โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติมในส่วนของสินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประสบอุทกภัยจากธนาคารออมสิน ธอส. และ ธ.ก.ส. วงเงิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท เห็นควรปรับถ้อยคำให้ครอบคลุมชัดเจน จากเดิม “สินเชื่อสำหรับกลุ่มเกษตรกร วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ...” เป็น “สินเชื่อสำหรับกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท”
|
||||||||||||||||||||||||
32245 | การเฝ้าระวังฝนตกต่อเนื่องระหว่างวันที่ 24-30 ตุลาคม 2554 | วท | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับเฝ้าระวังอุทกภัยในช่วงที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาสและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามสถานการณ์อุทกภัยด้วยดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยผลการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ปี ๒๕๕๔ สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วง ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน ถึง ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีน้ำท่วมขังในทุกภาคของประเทศโดยมีน้ำท่วมขังใน ๔๗ จังหวัด รวม ๓๘๕ อำเภอ และ ๒,๓๙๗ ตำบล คิดเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งสิ้นประมาณ ๑๓,๓๕๔,๔๗๕ ไร่ และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังติดต่อกันนานเกิน ๑๕ วันทั้งสิ้น ๑๖,๖๗๕,๙๕๗ ไร่ ใน ๔๖ จังหวัด รวม ๓๙๒ อำเภอ และ ๒,๕๐๔ ตำบล ๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) พบว่าประเทศไทยจะมีฝนตก ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นเนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยตลอดช่วง ทำให้มีพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยคือ พื้นที่เฝ้าระวัง เนื่องจากจะมีฝนตกหนักในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นอกจากนี้ คลื่นในทะเลบริเวณอ่าวไทยอาจยกตัวสูงขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากลมทะเลพัดเข้าสู่ปากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอาจส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำดังกล่าวสูงกว่าที่คาดหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
32246 | การมอบหมายความรับผิดชอบป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล | นร | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลในบัญชีแนบท้ายคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๒/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การมอบหมายความรับผิดชอบป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ดังนี้
๑. เพิ่มเติมรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) รับผิดชอบในส่วนของโบราณสถานและวัดสำคัญ ๒. แก้ไขตำแหน่ง จากเดิมนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบในส่วนของโรงผลิตน้ำประปา โรงไฟฟ้า เป็น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบในส่วนของโรงผลิตน้ำประปา โรงไฟฟ้า ๓. แก้ไขตำแหน่ง จากเดิมนายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับผิดชอบในส่วนของการช่วยเหลือชาวต่างประเทศ สถานทูต และองค์การระหว่างประเทศ เป็น นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับผิดชอบในส่วนของการช่วยเหลือชาวต่างประเทศ สถานทูต และองค์การระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
32247 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งกระเชาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก พ.ศ. .... | มท | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งกระเชาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งกระเชาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก บางส่วน เพื่อมอบให้เทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานเทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะ และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของเทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32248 | ขอความเห็นชอบร่างปฎิญญาของรัฐมนตรีคมนาคม เอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 2 | คค | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจัดทำร่างปฏิญญาของรัฐมนตรีคมนาคมเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ ๒ เป็นการเข้าร่วมประชุมให้การรับรองเพื่อประกาศเจตนารมณ์ของร่างปฏิญญาฯ โดยไม่มีการลงนามในเอกสาร และไม่มีผลผูกพันหรือผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศ จึงไม่เข้าข่ายมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบการจัดทำร่างปฏิญญาของรัฐมนตรีคมนาคม เอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ ๒ ว่าด้วยการเชื่อมโยงเอเชีย - ยุโรป ที่มีประสิทธิภาพ มั่นคง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Declaration of the 2nd ASEAM Transport Ministers, Meeting on Green, Secure and Efficient Asia - Europe Connection) หรือปฏิญญาเฉิงตู (Chengdu Declaration) ทั้งนี้ หลักการของร่างปฏิญญาฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชีย - ยุโรป โดยให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการใช้พลังงาน และส่งเสริมการขนส่งเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาระบบการขนส่งอย่างยั่งยืน รวมทั้งการพัฒนาการอำนวยความสะดวกด้านการค้า เพื่อเอื้อต่อการค้า การลงทุน และการเดินทางของประชาชน อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาค นอกจากนี้ ยังเน้นความสำคัญของการขนส่งที่ปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ๒.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมให้การรับรองเพื่อประกาศเจตนารมณ์ของร่างปฏิญญาฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะผู้แทนไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
||||||||||||||||||||||||
32249 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่า พ.ศ. .... | ทส | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่า พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขออนุญาต เช่น การยื่นคำขอ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขออนุญาต เป็นต้น ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสภาพป่า เช่น การขออนุญาตในพื้นที่ป่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งเจ้าหน้าที่ออกไปทำการตรวจสภาพป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักจัดทรัพยากรป่าไม้ ภายใน ๑๕ วัน กำหนดระยะตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน และให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกิน ๓๐ วัน กำหนดพื้นที่ที่จะพิจารณาอนุญาตได้ เป็นต้น ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุญาต เช่น การอนุญาตเพื่อการสำรวจแร่ การอนุญาตเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ตามกฎหมายเหมืองแร่ การอนุญาตเพื่อการสำรวจปิโตรเลียม การอนุญาตเพื่อการอยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพเกษตรกรรมและปศุสัตว์ การอนุญาตเพื่อจัดสวนรุกขชาติหรือวนอุทยาน การอนุญาตเพื่อสร้างวัดหรือสำนักสงฆ์ การอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการศึกษาและวิจัยทางวิชาการ เป็นต้น ๑.๔ กำหนดให้ไม้ที่จำเป็นต้องทำออกจากพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ให้ผู้รับอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือให้จังหวัดทราบ และให้จังหวัดแจ้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ดำเนินการทำไม้ออก ๑.๕ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต ๑.๖ กำหนดเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม การชำระเงิน และบทเฉพาะกาล ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นว่า การขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่า อาจมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรมเจ้าท่า หากเป็นการเข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าที่มีลักษณะเป็นคลอง บึง ทะเล ที่ชายทะเล ซึ่งหากการอนุญาตตามร่างกฎกระทรวงฯ มีความเกี่ยวข้องหรือทับซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของกรมเจ้าท่า การพิจารณาอนุญาตก็ย่อมต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๕๔๖ ด้วย นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ กำหนดนิยามคำว่า “ป่า” หมายถึง ที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน แต่ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔ ต้นไม้ในเขตทางหลวงเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวง ดังนั้น ในการก่อสร้าง บูรณะ บำรุงรักษาทางหลวง หากมีต้นไม้ซึ่งมิใช่ไม้หวงห้ามในเขตทางหลวงกีดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่องานทาง กรมทางหลวงมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ในการตัด ขุดล้อม ทำลายหรือกระทำด้วยประการใดโดยมิต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32250 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๑๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช ๒๔๗๙ โดยแก้ไขเพิ่มเติมการจัดให้มีที่จอดรถ ลักษณะและขนาดของที่จอดรถสำหรับอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32251 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มีผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ และการเปลี่ยนแปลงเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น รวมทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ และการเปลี่ยนแปลงเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น รวมทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ต้องจัดหาเลื่อยโซ่ยนต์ภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดให้ถือว่าใบรับรองให้มีเลื่อยโซ่ยนต์นั้นสิ้นผล ๑.๒ กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ที่ได้เลื่อยโซ่ยนต์มาจากการขายทอดตลาดหรือศาลสั่งริบหรือที่ตกเป็นของแผ่นดิน และการรับโอนมรดก สามารถขอรับอนุญาตได้ไม่ต้องมีใบรับรองให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๓ กำหนดให้มีการทำตัวเลขประจำเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตผลิตเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๕ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๖ กำหนดเหตุแห่งการเพิกถอนใบอนุญาต ๑.๗ กำหนดแบบเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๘ กำหนดบทเฉพาะกาล ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรกำหนดลักษณะของเลื่อยโซ่ยนต์ให้ครอบคลุมถึงเลื่อยโซ่ยนต์ที่ใช้แผ่นบังคับโช่ ขนาดความยาวตั้งแต่ ๑๒ นิ้วลงมา รวมทั้งเลื่อยโซ่ที่ใช้พลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานลม พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนและขั้นตอนในการปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
32252 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าขอนยาง-ขามเรียง จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... | มท | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าขอนยาง - ขามเรียง จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลท่าขอนยาง และบางส่วนของตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32253 | การนำร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 51 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | กห | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๑ เพื่อใช้เป็นกรอบการประชุมและกรอบการเจรจาของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - มาเลเซีย ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ร่างบันทึกการประชุมฯ ประกอบด้วย การรับรองระเบียบวาระการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๑ การรายงานความก้าวหน้าของการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - มาเลเซีย การรายงานความก้าวหน้าของคณะกรรมการฝึกร่วม/ผสม ไทย - มาเลเซีย การรายงานความก้าวหน้าการประชุมคณะทำงานทบทวนความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศมาเลเซียว่าด้วยความร่วมมือชายแดน ฉบับลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๓ การมอบงานของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๑ ให้แก่คณะกรรมการระดับสูง รวมทั้งข้อเสนอฝ่ายมาเลเซียและฝ่ายไทย วัน และสถานที่ จัดการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๒ พิจารณาข้อความสำหรับการแถลงข่าวร่วม และทั้งสองฝ่ายได้ตกลงว่า หากมีการแก้ไขข้อมูลในร่างบันทึกการประชุมและเรื่องอื่น ๆ ที่มีการร้องขอ ตลอดจนหากมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมในร่างของเรื่องอื่น ๆ จะแจ้งให้อีกฝ่ายทราบ
|
||||||||||||||||||||||||
32254 | รายงานผลการดำเนินงานในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประจำไตรมาส 4 ปี 2553 | กค | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประจำไตรมาส ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ และงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บสท.) ที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว โดยในส่วนของผลการดำเนินงานในบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประจำไตรมาส ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. การบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ บสท. ได้บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจนได้ข้อยุติทั้งหมดแล้ว จำนวน ๑๕,๒๐๑ ราย มูลค่าทางบัญชี ๗๗๔,๙๕๒ ล้านบาท สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่บริหารจัดการจนได้ข้อยุติ แบ่งตามวิธีบริหารจัดการได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีข้อยุติโดยวิธีการปรับโครงสร้างหนี้หรือฟื้นฟูกิจการในศาลล้มละลายกลาง มีจำนวนทั้งสิ้น ๗,๕๘๖ ราย มูลค่าทางบัญชี ๔๒๖,๔๖๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๕.๐๓ ของมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้ข้อยุติทั้งหมด และกลุ่มที่มีข้อยุติโดยวิธีการบังคับหลักประกันหรือพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามมาตรา ๗๔ และ ๕๘ แห่งพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. ๒๕๔๔ จำนวน ๗,๖๑๔ ราย มูลค่าทางบัญชี ๓๔๘,๐๖๙ ล้านบาท และตัดจำหน่ายเป็นหนี้สูญจำนวน ๑ ราย มูลค่าทางบัญชี ๔๒๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๔.๙๒ และ ๐.๐๕ ของมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้ข้อยุติทั้งหมด ๒. การบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย บสท. ได้รับโอนทรัพย์สินจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (“ทรัพย์สินรอการขาย”) มูลค่ารวม ๒,๑๘๓ ล้านบาท ทั้งนี้ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ บสท. ได้รับโอนทรัพย์สินรอการขายด้วยมูลค่าตีโอนชำระหนี้ และรับโอนตามมาตรา ๗๖ รวมทั้งสิ้น ๑๔๑,๔๘๗ ล้านบาท แบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์มูลค่า ๑๑๗,๕๗๘ ล้านบาท และสังหาริมทรัพย์มูลค่า ๒๓,๙๐๘ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๓.๑๐ และร้อยละ ๑๖.๘๙ ตามลำดับ ๓. ความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงานเตรียมการเพื่อเลิกดำเนินกิจการ โดยยุบเลิก บสท. เมื่อสิ้นปีที่สิบ อาทิ การประกาศยกเลิกการสอบราคาจัดจ้างที่ปรึกษาในการจัดกองสินทรัพย์คงเหลือประเภทสิทธิเรียกร้องเพื่อประมูลขาย เนื่องจากมีการเสนอราคาค่าจ้างสูงเกินกว่าวงเงินงบประมาณการจัดจ้างที่ปรึกษาของ บสท. ที่ได้รับอนุมัติมาก การแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการชำระบัญชี บสท. เพื่อพิจารณาปรับปรุงร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการชำระบัญชี บสท. ให้ครอบคลุมการดำเนินการต่าง ๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องในการชำระบัญชี บสท. ตามที่กฎหมายกำหนด การจัดทำประมาณการการกันเงินสำรองเพื่อใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับการชำระบัญชีสำหรับระหว่างวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ - ๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ ซึ่งประกอบด้วยประมาณการรายจ่ายทั่วไป จำนวน ๖๖๐.๒๐ ล้านบาท และเงินชดเชยคดีความทั่วไปที่ บสท. ถูกฟ้อง (ไม่รวมคดีที่ถูกฟ้องเรื่องการจำนำเครื่องจักร) จำนวนเงิน ๑,๑๓๙.๘๐ ล้านบาท เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
32255 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. 2550 พ.ศ. .... | กษ | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้เจ้าของที่ดินมีสิทธิใช้ที่ดินของตนต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32256 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน ๗ คน ตามพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ ๑.๒ นายชัยเกษม นิติสิริ กรรมการ ๑.๓ พลตำรวจโท เจตน์ มงคลหัตถี กรรมการ ๑.๔ นายธงทอง จันทรางศุ กรรมการ ๑.๕ นางอาภัททรา ศฤงคารินกุล กรรมการ ๑.๖ นายบรรพต ตั้งศัตยาภิรมย์ กรรมการ ๑.๗ นายศุภสิทธิ์ ศิริศักดิ์ กรรมการ ๒. สำหรับนายชัยเกษม นิติสิริ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการ
|
||||||||||||||||||||||||
32257 | การจัดทำความตกลงต่างตอบแทนว่าด้วยพนักงานวิทยุสมัครเล่นไทย - ฝรั่งเศสในรูปแบบของหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต | กต | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำความตกลงต่างตอบแทนว่าด้วยพนักงานวิทยุสมัครเล่นไทย - ฝรั่งเศสในรูปหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานวิทยุสมัครเล่นของสาธารณรัฐฝรั่งเศสและราชอาณาจักรไทยสามารถจัดตั้งสถานีวิทยุสมัครเล่นขึ้นในประเทศของอีกฝ่ายหนึ่งได้ ก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสต่อไป ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32258 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ (ก่อสร้างอาคารหอศิลป์ร่วมสมัยพร้อมที่จอดรถ) | วธ | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการโครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างอาคารหอศิลป์ร่วมสมัยพร้อมที่จอดรถ ในวงเงินทั้งสิ้น ๙๔๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ แผนงานส่งเสริมและพัฒนาศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ผลผลิตนโยบาย แผนด้านศิลปะ ศาสนา และวัฒนธรรมได้รับการบริหารจัดการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๑๖,๑๗๙,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ จำนวน ๘๓๒,๘๒๑,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
32259 | มาตรการภาษีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ | กค | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นระยะเวลาสามรอบระยะเวลาบัญชี จากอัตราร้อยละสามสิบเหลืออัตราร้อยละยี่สิบสามและร้อยละยี่สิบ ตามลำดับ เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ และปรับปรุงการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปรับปรุงการลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและจูงใจการลงทุนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากต่างประเทศ ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน “ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ” เพื่อลดภาระภาษี และสนับสนุนการพัฒนาและยกระดับการประกอบกิจการของบริษัทดังกล่าวให้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งเพื่อจูงใจให้บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมนำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอมากขึ้น ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแจ้งยืนยันความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๒ ฉบับ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยตรง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32260 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ป่ากงเกวียน และป่าพุยาง และป่าพุสามซ้อน ในท้องที่ตำบลอ่างหิน ตำบลทุ่งหลวง ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ และตำบลหนองพันจันทร์ ตำบลบ้านคา ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน) (อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน) | ทส | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ป่ากงเกวียน และป่าพุยาง และป่าพุสามซ้อน ในท้องที่ตำบลอ่างหิน ตำบลทุ่งหลวง ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ และตำบลหนองพันจันทร์ ตำบลบ้านคา ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ป่ากงเกวียน และป่าพุยาง และป่าพุสามซ้อน ในท้องที่ตำบลอ่างหิน ตำบลทุ่งหลวง ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ และตำบลหนองพันจันทร์ ตำบลบ้านคา ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน) เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิมมิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในส่วนที่ต้องดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ต่อไป
|
.....