ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1615 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 32281 - 32300 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32281 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวุฒิไกร มุ่งหมาย ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
32282 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 14 - 20 ตุลาคม 2554 และวันที่ 22 - 28 ตุลาคม 2554) | ทก | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และพยากรณ์อากาศ ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันที่ผ่านมา (๑๔ - ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔) บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกลดลงและอากาศจะเย็นลง ส่วนภาคใต้ได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นและคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ๑.๒ การคาดหมายลักษณะอากาศใน ๗ วันข้างหน้า (๒๒ - ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔) โดยระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ บริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน มีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนตกบางแห่ง และระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ บริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบนทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนตกบางแห่ง โดยจะเริ่มที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนหลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง ในส่วนของภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ อ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ ๒ เมตร ในระยะนี้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปให้ระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงเวลาดังกล่าว ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในช่วงวันที่ ๒๔ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตอนล่างของประเทศจะมีฝนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ควรเฝ้าระวังสภาวะอากาศและติดตามประเมินผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องพร้อมเตรียมการรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาภัย สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ราบลุ่มในภาคใต้ ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก (ในบางพื้นที่) ส่วนพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างในจังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี บางพื้นที่ของจังหวัดนครปฐม กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเขตสายไหม ดอนเมือง มีนบุรี หนอกจอก ลาดกระบัง บางเขน คันนายาว และหลักสี่ และจังหวัดข้างเคียง ยังคงอยู่ในภาวะประสบภัยและเสี่ยงภัยและเฝ้าระวังอยู่ต่อไป และเนื่องจากการบริหารการระบายน้ำลงสู่ทะเลของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่จะดำเนินการระบายมวลน้ำเหนือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาอีกทางหนึ่ง และให้ไหลผ่านคลองในกรุงเทพมหานครอีกทางหนึ่ง อาจมีผลกระทบต่อระดับน้ำเจ้าพระยา ดังนั้น พื้นที่ที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองต่าง ๆ ตลอดจนพื้นที่นอกเขตคันกั้นน้ำ ควรเฝ้าระวังระดับน้ำในลำคลองที่อาจเอ่อล้นตลิ่งได้
|
|||||||||||||||||||||
32283 | การติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามสถานการณ์น้ำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจติดตามสภาพน้ำท่วมและน้ำเน่าเสียในบริเวณชุมชนฟ้าใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ พบว่ามีน้ำท่วมสูง ๐.๕๐ - ๑.๕๐ เมตร สภาพน้ำเริ่มเน่าเสียไปทั่วบริเวณ โดยได้ปล่อยจุลินทรีย์บอล เพื่อกำจัดน้ำเสียในบริเวณชุมชน พร้อมทั้งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย และได้ประชุมรับฟังปัญหาและความต้องการของพื้นที่ ซึ่งได้เสนอให้เร่งรัดดำเนินการขุดลอกบึงบอระเพ็ด และแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ เพื่อเป็นแก้มลิงป้องกันอุทกภัยในระยะยาว ๑.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจติดตามสภาพน้ำท่วมและน้ำเน่าเสียในบริเวณชุมชนวัดไผ่ขาด อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พบว่ามีน้ำท่วมสูง ๐.๕๐ - ๒.๐๐ เมตร สภาพน้ำเริ่มเน่าเสียไปทั่วบริเวณ โดยได้ปล่อยจุลินทรีย์บอล เพื่อกำจัดน้ำเสียในบริเวณชุมชน พร้อมทั้งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ๒. การตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๒.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมราษฎรผู้ประสบอุทกภัยและมอบอาหารปรุงสำเร็จ ณ บริเวณศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และตรวจติดตามสภาพน้ำท่วมในวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี และบริเวณชุมชนโดยรอบ รวมทั้งศาสนสถานในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งทางวัดสวนแก้วขอรับการสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคสำหรับผู้ประสบภัยและผู้สูงอายุที่พักพิงอยู่ที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ในความอุปการะของวัดสวนแก้ว ๒.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะได้ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยราชการในจังหวัด เพื่อรับทราบสถานการณ์น้ำท่วมและปัญหาน้ำเน่าเสียในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้มอบจุลินทรีย์บอลให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และแจกให้ประชาชนผู้ประสบภัยนำไปใช้ในการกำจัดน้ำเสียในพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||
32284 | การกำหนดรายการสินค้าควบคุมในภาวะวิกฤตจากอุทกภัย | พณ | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดรายการสินค้าควบคุมในส่วนที่ประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้ในการอุปโภคบริโภคและวัสดุที่ใช้ในการป้องกันน้ำท่วมเพิ่มเติม จำนวน ๑๖ รายการ โดยกำหนดระยะเวลาถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. น้ำดื่มบรรจุภาชนะปิดผนึก ๒. กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า ๓. ไฟฉาย ๔. ถ่านไฟฉาย ๕. ยาสีฟัน ๖. แปรงสีฟัน ๗. ทราย ทรายบรรจุถุง ๘. อิฐบล็อก ๙. เสื้อชูชีพ ๑๐. เรือขนาดเล็ก ไม่เกิน ๑๕ ที่นั่ง ๑๑. รองเท้าบู๊ทยาง ๑๒. เครื่องนอน ๑๓. ถังน้ำ ๑๔. เครื่องสูบน้ำ ๑๕. ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ ๑๖. เทียนไข
|
|||||||||||||||||||||
32285 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในการป้องกัน การให้ความช่วยเหลือและการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุทกภัย รวมทั้งแนวทางการดำเนินการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานภายหลังน้ำลด | คค | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในการป้องกัน การให้ความช่วยเหลือ และการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุทกภัย รวมทั้งแนวทางการดำเนินการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานภายหลังน้ำลด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. แผนการแก้ไขปัญหาและบูรณะซ่อมแซมเส้นทางคมนาคม ๑.๑ ระยะเร่งด่วน ๑.๑.๑ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้ตรวจสอบเส้นทางที่ประสบอุทกภัย ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีทั้งสิ้น ๑,๓๙๖ เส้นทาง ซึ่งมีเส้นทางสายหลักและโครงข่ายที่จำเป็นต้องเร่งบูรณะ ซ่อมแซมให้แล้วเสร็จเป็นการเร่งด่วน จำนวนทั้งสิ้น ๑๘ เส้นทาง เพื่อการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชน โดยเส้นทางเหล่านี้อยู่ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เช่น นครสวรรค์ พิจิตร สิงห์บุรี อ่างทอง ปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น โดยต้องใช้งบประมาณในส่วนของกรมทางหลวง จำนวน ๓๔๒.๙๕๗ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท จำนวน ๗๓.๓ ล้านบาท ๑.๑.๒ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีความจำเป็นต้องบูรณะเส้นทางสายหลักเป็นการเร่งด่วน รวมทั้งการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณในพื้นที่ที่น้ำท่วมในจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี แพร่ ปราจีนบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยใช้งบประมาณ จำนวน ๑๒๒.๗๗๖ ล้านบาท ๑.๒ ระยะถัดไป ๑.๒.๑ ภายหลังน้ำลด กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการรถไฟแห่งประเทศไทยจะสำรวจสภาพเส้นทางที่น้ำท่วมทั้งหมด เพื่อประมาณการค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟู และรายงานคณะรัฐมนตรีทราบเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณในการแก้ไขปัญหาต่อไป ๑.๒.๒ การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานสำหรับนิคม จะเร่งบูรณะซ่อมแซมเส้นทางสายหลักที่เข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งบูรณะเส้นทางโครงข่ายที่จำเป็น ต่อจากนั้น (ภายใน ๑ ปี) จะเร่งจัดทำคันกั้นน้ำโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมให้มีความมั่นคงแข็งแรงตามมาตรฐานทางวิศวกรรม โดยนิคมอุตสาหกรรมจัดหาพื้นที่การก่อสร้าง และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ตามแบบรายละเอียดที่กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงจะเร่งรัดออกแบบให้ต่อไป ๒. แนวทางดำเนินงานของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านโครงสร้างพื้นฐาน) ได้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านโครงสร้างพื้นฐาน) โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดำเนินงานในแต่ละด้าน ประกอบด้วย ด้านคมนาคมขนส่ง ด้านอาคาร และรบบสาธารณูปโภค ด้านศาสนสถานและโบราณสถาน ด้านสถานศึกษา และด้านระบบชลประทาน โดยให้คณะอนุกรรมการแต่ละด้านเร่งตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ โดยเริ่มจากจังหวัดที่ระดับน้ำเริ่มลดแล้ว และดำเนินการไปตามลำดับ และกระทรวงต้นสังกัดตรวจสอบแผนงานโครงการในขั้นต้น จัดลำดับความสำคัญและประมาณการค่าใช้จ่ายจัดส่งให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ เพื่อประมวลเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. กระทรวงคมนาคมได้จัดทำโครงการ “ส่งผู้ประสบอุทกภัยกลับบ้าน” เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยที่ประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนาเดินทางกลับโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้อนุมัติในหลักการให้ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว ทั้งในเรื่องของแนวทางดำเนินงน และหลักการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
32286 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 | กต | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาแม่น้ำฮันเพื่อสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี (Han - River Declaration of Establishing the Mekong - ROK Comprehensive Partnership for Mutual Prosperity) ซึ่งเป็นเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยร่างปฏิญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลีในสาขาต่าง ๆ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม อาทิ กระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ลดช่องว่างของการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เร่งรัดกระบวนการจัดตั้งประชาคมอาเซียน และส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคและการจัดตั้งประชาคมเอเชียตะวันออก โดยมีอาเซียนเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนฯ ดังกล่าวตั้งอยู่บนหลักการของการเปิดกว้าง โปร่งใส และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และสนับสนุนการประสานความสัมพันธ์กับกลไกความร่วมมือต่าง ๆ ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนร่วมรับรองเอกสารตามข้อ ๑ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
|||||||||||||||||||||
32287 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2554 | กษ | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “นกเตน” ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ทำให้ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลทำให้เกิดผลกระทบด้านการเกษตรทั้งสิ้นรวม ๖๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน นครสวรรค์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก แพร่ เพชรบูรณ์ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ บึงกาฬ นครพนม นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มุกดาหาร มหาสารคาม ยโสธร หนองคาย หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี เลย กรุงเทพ ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ระนอง ชุมพร ตรัง ภูเก็ต พังงา สตูล และสุราษฎร์ธานี ๒. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๓๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครราชสีมา สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครนายก ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ๓. ผลกระทบด้านการเกษตร (ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔-ปัจจุบัน) ๓.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๐๗๓,๒๙๗ ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย ๑๐,๖๘๗,๑๔๓ ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๘,๗๘๐,๒๙๔ ไร่ พืชไร่ ๑,๔๔๖,๐๖๖ ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๔๖๐,๗๘๓ ไร่ ๓.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๑๔,๐๘๒ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๐๕,๙๙๐ ไร่ กุ้ง/ปู/หอย ๒๘,๓๕๔ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๑๓๓,๒๖๒ ตารางเมตร ๓.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๕๘,๙๓๑ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๑๒,๕๘๕,๒๔๙ ตัว แบ่งเป็น โค - กระบือ ๒๔๙,๖๘๓ ตัว สุกร ๑๘๘,๖๘๕ ตัว แพะ - แกะ ๑๔,๙๘๒ ตัว สัตว์ปีก ๑๒,๑๓๑,๘๙๙ ตัว แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ ๑๐,๕๑๙.๒๕ ไร่ ๔. การดำเนินการช่วยเหลือด้านการเกษตร ได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ จำนวน ๑๑ ฉบับ ของกรมชลประทาน และการคาดการณ์การเกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก จำนวน ๒๕ ฉบับ ของกรมพัฒนาที่ดิน รวมทั้งการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ รถยนต์บรรทุกน้ำ พืชอาหารสัตว์ และดูแลสุขภาพสัตว์ สำหรับความก้าวหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๔ กรณีพิเศษ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขออนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว รวมทั้งสิ้น ๓,๖๔๕.๔๘ ล้านบาท เกษตรกร ๑๓๗,๙๑๖ ราย ซึ่งสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินงวดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว จำนวน ๓,๓๓๐.๔๑ ล้านบาท เกษตรกร ๑๒๓,๕๖๓ ราย และ ธ.ก.ส. สาขา ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้ว จำนวน ๒,๐๘๙.๑๔ ล้านบาท เกษตรกร ๕๙,๖๘๖ ราย (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔)
|
|||||||||||||||||||||
32288 | การขอเปิดสถานกงสุลและการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ประจำจังหวัดภูเก็ต | กต | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง ๒. แต่งตั้งนางจิรัฐา ถาวรว่องวงศ์ ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง
|
|||||||||||||||||||||
32289 | ร่างพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. .... | มท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดบทนิยามคำว่า “การเล่น” “การพนัน” “ผู้จัดให้มีการเล่น” เป็นต้น เพื่อความชัดเจนและสะดวกต่อการทำความเข้าใจอันจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพ ๑.๒ ให้มีการควบคุมการเล่นการพนัน โดยกำหนดให้การเล่นอันระบุไว้ในบัญชี ก. และบัญชี ข. หรือการเปลี่ยนการเล่นจากบัญชี ก. เป็นบัญชี ข. หรือจากบัญชี ข. เป็นบัญชี ก. ให้ออกเป็นกฎกระทรวง ๑.๓ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต ๑.๔ กำหนดห้ามยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าเล่นหรือเข้าพนันโดยเด็ดขาด เว้นแต่การเล่นในบัญชี ข. หมายเลข ๑ ๑.๕ กำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตและพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น การออกใบอนุญาต การเพิกถอนใบอนุญาต การปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง การเข้าไปในสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต การยึดหรืออายัดอุปกรณ์การเล่น เป็นต้น ๑.๖ กำหนดบทลงโทษ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับกรณีที่ต้องการให้การกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และให้ดำเนินการระงับการกระทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันได้โดยไม่ต้องร้องขอต่อศาล ต้องบัญญัติให้ชัดเจน แต่หากต้องการเพียงแต่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการพนันส่งเรื่องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ก็ควรแก้ไขถ้อยคำเพื่อให้เกิดความชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
32290 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | มท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทย ๒. นายขจรศักดิ์ สิงโตกุล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
|
|||||||||||||||||||||
32291 | ร่างพระราชบัญญัติการให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชค พ.ศ. .... | มท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชค พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชค โดยแยกการจัดให้มีการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชคโดยวิธีใด ๆ ในการประกอบกิจการค้าหรืออาชีพออกจากกฎหมายว่าด้วยการพนัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ ที่เสนอให้ยกเลิกมาตรา ๘ การจัดให้มีการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชคโดยวิธีใด ๆ ในการประกอบกิจการค้าหรืออาชีพ และมาตรา ๑๔ การกำหนดความผิดกรณีที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ไม่น่าจะถูกต้อง ควรที่จะเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ เป็นการเฉพาะอีกฉบับหนึ่ง รวมทั้งเห็นควรกำหนดนิยามคำว่า “ผู้ประกอบการ” ตามมาตรา ๔ ของร่างพระราชบัญญัติฯ ให้ครอบคลุมไปถึงคำว่า “ผู้ใด” ตามนัยมาตรา ๗ ของพระราชบัญญัติฯ ด้วย นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วย ในกรณีเป็นการให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชคทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และมีผลบังคับใช้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
32292 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง | มท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้คณะกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวงพ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๓ คน ดังนี้ ๑.๑ นายจิตเกษม แสงสิงแก้ว ๑.๒ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ๑.๓ นายวีระชัย คล้ายทอง ๒. อนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง ชุดใหม่ จำนวน ๑๒ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๒.๑ นายวัชร บุญชูเศรษฐ์ ประธานกรรมการ ๒.๒ นายศุภชัย จงศิริ กรรมการ ๒.๓ นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการ ๒.๔ นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ กรรมการ ๒.๕ นายสุรพล สุประดิษฐ์ กรรมการ ๒.๖ พลตำรวจเอก ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ กรรมการ ๒.๗ นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ กรรมการ ๒.๘ นายมารุต สิมะเสถียร กรรมการ ๒.๙ นายโชคชัย เดชอมรธัญ กรรมการ ๒.๑๐ นายวัลลภ พริ้งพงษ์ กรรมการ ๒.๑๑ พลโท อธิชาติ เจริญยิ่ง กรรมการ ๒.๑๒ นายประเสริฐ เกษมโกเมศ กรรมการ ๓. ยกเว้นนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
32293 | รายงานผลการประชุมสมัชชาองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 37 | กษ | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมสมัชชาองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือ เอฟ เอ โอ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) สมัยที่ ๓๗ ระหว่างวันที่ ๒๕ มิถุนายน - ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีผลการประชุมฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. นาย Jose Graziano da Silva ผู้สมัครชาวบราซิล ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ เอฟ เอ โอ แทน Mr. Jacques Diouf ชาวเซเนกัล ซึ่งจะสิ้นสุดวาระในปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยจะเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. ประเทศไทยได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภามนตรี เอฟ เอ โอ ต่ออีกวาระหนึ่ง (๓ ปี) ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๓. ที่ประชุมฯ เห็นชอบแผนงานปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ซึ่งจะเน้นในเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร โภชนาการ และความปลอดภัยด้านอาหาร การปรับปรุงและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และป่าไม้ การจัดการทรัพยากรพันธุกรรมทางพืช ประมง และปศุสัตว์อย่างยั่งยืน การรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและความเสี่ยงทางการเกษตร รวมถึงเรื่องของโรคพืชและโรคสัตว์ต่าง ตลอดจนการป้องกันและรับมือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อภาคการเกษตร ๔. ที่ประชุมฯ เห็นชอบอัตราการจ่ายเงินสมทบค่าบำรุงสมาชิกสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่องค์การสหประชาชาติกำหนด ทั้งนี้ อัตราการจ่ายเงินสมทบของประเทศไทย เพิ่มขึ้นอีก ๐.๐๒๓ คือ จากร้อยละ ๐.๑๘๗ เป็นร้อยละ ๐.๒๑๐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๓๐ ส่งผลให้ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ประเทศไทยต้องจ่ายเงินสมทบค่าบำรุงสมาชิก จำนวน ๒.๑๓๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๖๖ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
32294 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ | สธ | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชัชวาลย์ ศิรินิรันดร์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลนครพิงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
32295 | การแต่งตั้งข้าราชการ | มท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายมงคล อินทสุวรรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
32296 | รายงานการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | พม | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘ โครงการ ซึ่งได้มีการดำเนินการแล้วเสร็จทุกโครงการ ประกอบด้วย ๑.๑ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับงบประมาณจำนวน ๒๔๑.๕๘๓๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๒๑๒.๙๙๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๑๖ โดยให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ฯ ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม ๗,๙๖๘ คน ๑.๒ โครงการเสริมสร้างพลังความรู้สู่สตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับงบประมาณจำนวน ๖.๐๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้แก่สตรี และจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้/เวทีระดมสมองในเรื่องที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สำคัญ ๑.๓ โครงการศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของครอบครัว) ได้รับงบประมาณ ๔.๗๓๕๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดตั้งและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (๔๑๗ ศูนย์) และการจัดกิจกรรมเสริมสร้างครอบครัวเข้มแข็งตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ๑.๔ โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตเด็กต่างวัฒนธรรม ได้รับงบประมาณจำนวน ๕.๖๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดทำโครงการค่ายเด็กเยาวชนสมานฉันท์สานสัมพันธ์แดนใต้ โดยนำเด็กและเยาวชนที่นับถือศาสนาและมีความเชื่อที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกัน ศึกษาวิถีชีวิตของกันและกัน และวัฒนธรรมประเพณีของพื้นที่อื่นเพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน ๑.๕ โครงการคาราวานเสริมสร้างเด็ก ได้รับงบประมาณจำนวน ๒.๗๓๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๒.๗๒๘๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๕ โดยมีการจัดคาราวานเสริมสร้างเด็กเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยพัฒนาให้มีความรู้คู่คุณธรรมเริ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิดและให้ความสำคัญแก่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ครอบครัวอบอุ่น ปลูกฝังความรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ๑.๖ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (พัฒนาศักยภาพในการอยู่ร่วมกันของชุมชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) ได้รับงบประมาณจำนวน ๖.๐๔๑๑ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยมีการจัดประชุม/จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ๑.๗ โครงการหน่วยเคลื่อนที่การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ประจำอำเภอเพื่อประชาผาสุก ได้รับงบประมาณจำนวน ๒๕.๑๙๘๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๒๔.๕๗๙๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๕๕ โดยมีการติดตามเยี่ยมเยียนและให้การช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ๑.๘ โครงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่น ได้รับงบประมาณจำนวน ๘๕.๗๙๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วร้อยละ ๑๐๐ โดยให้การสนับสนุนการซ่อมแซมปรับปรุงและก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ และแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน โดยเฉพาะกลุ่มปัญหาที่มีที่ทำกินแต่ไม่มั่นคงในสิทธิในที่ดิน ๒. โครงการ/กิจกรรมที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๘ โครงการ ซึ่งได้จัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้ว ประกอบด้วย ๒.๑ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๒๓๘.๗๖๘๐ ล้านบาท ๒.๒ โครงการเสริมสร้างพลังความรู้สู่สตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๓.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒.๓ โครงการศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของครอบครัว) จำนวน ๔.๒๙๕๐ ล้านบาท ๒.๔ โครงการสนับสนุนความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ด้อยโอกาสในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมาตรฐานการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้ด้อยโอกาส จำนวน ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒.๕ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (พัฒนาศักยภาพในการอยู่ร่วมกันของชุมชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) จำนวน ๗.๔๒๒๐ ล้านบาท ๒.๖ โครงการหน่วยเคลื่อนที่การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ประจำอำเภอเพื่อประชาผาสุก จำนวน ๔๖.๖๑๔๕ ล้านบาท ๒.๗ โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่น จำนวน ๑,๙๑๖.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒.๘ โครงการพัฒนาทักษะชีวิตเด็ก ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ภายใต้โครงการพัฒนาระบบการคุ้มครองเด็ก) จำนวน ๕.๒๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
32297 | แนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ระหว่าง กม. 0+000 - กม. 65+325 ในช่วงเกิดภัยพิบัติจากเหตุอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554 | คค | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ระหว่าง กม. ๐ + ๐๐๐ - กม. ๖๕ + ๓๒๕ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ระหว่าง กม. ๐+ ๐๐๐ - กม. ๓๐ + ๐๐๐ ตั้งแต่เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และระหว่าง กม. ๓๐ + ๐๐๐ - กม. ๖๕ + ๓๒๕ ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๓๑ ตุลสคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นการด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
32298 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... | กษ | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
32299 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กำหนดจำนวนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๖๓ คน ประกอบด้วย กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๕ คน และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๔๘ คน ๒. เห็นชอบในหลักการรายชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี จำนวน ๖ คน ได้แก่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ และนางจุฑาทิพย์ เตชชาติวนิช ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สำหรับกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีอีก ๙ คน ให้ผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลประสานกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เพื่อแจ้งรายชื่อให้สำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
32300 | ร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 18/10/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ดังนี้
๑. กำหนดให้สิ่งพิมพ์ที่เป็นหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือพิพม์และพิมพ์ในราชอาณาจักรต้องแสดงข้อความประเภทของสิ่งพิมพ์ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดประเภทสิ่งพิมพ์ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ๒. กำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจออกคำสั่งห้ามพิมพ์ เผยแพร่ สั่งเข้าหรือนำเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักรซึ่งสิ่งพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ๓. กำหนดให้ผู้ยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ต้องดำเนินการออกหนังสือพิมพ์ภายในหกสิบวันเมื่อได้รับหนังสือสำคัญแสดงการจดแจ้งการพิมพ์แล้ว และกำหนดอายุของหนังสือสำคัญแสดงการจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ ๔. กำหนดให้หนังสือพิมพ์ต้องแสดงข้อความประเภทของหนังสือพิมพ์และเลขมาตรฐานสากลประจำวารสารที่หอสมุดแห่งชาติออกให้และกำหนดให้ผู้พิมพ์ต้องส่งหนังสือพิมพ์จำนวนสองฉบับให้หอสมุดแห่งชาติ ๕. กำหนดลักษณะของชื่อหนังสือพิมพ์จะต้องไม่ซ้ำกับชื่อของหน่วยงานของรัฐ หรือเป็นตัวย่อ รวมทั้งต้องไม่ซ้ำกับชื่อหนังสือพิมพ์ที่ได้รับจดแจ้งไว้แล้ว หรือชื่อหนังสือพิมพ์ที่จัดพิมพ์ในต่างประเทศ ๖. กำหนดโทษทางปกครองแก่ผู้พิมพ์ที่ไม่ส่งหนังสือพิมพ์ให้หอสมุดแห่งชาติภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ๗. กำหนดโทษทางอาญาแก่ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่สั่งห้ามพิมพ์ เผยแพร่ สั่งเข้าหรือนำเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักรซึ่งสิ่งพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
|
.....