ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1615 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32281 - 32300 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32281 | โครงการศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค | วท | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายสังคม) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่อนุมัติในหลักการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินโครงการศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค โดยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค ใน ๘ ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคใต้ เพื่อทำหน้าที่ประสานดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และประสานในเชิงพื้นที่เพื่อการกระจายตัวในการให้บริการงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ประชาชนได้มากขึ้น ระยะเวลาดำเนินงาน ๔ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๕ ถึง กันยายน ๒๕๕๘) โดยให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๐ (เรื่อง แนวทางการจัดส่วนราชการในภูมิภาค) และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินโครงการศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาคในลักษณะโครงการนำร่องก่อน โดยเลือกจังหวัดตัวอย่างที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพ รวม ๔ จังหวัด ใน ๒ ภาค โดยให้หารือในรายละเอียดการพิจารณาเลือกจังหวัดตัวอย่างกับสำนักงาน ก.พ.ร. ก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เกี่ยวกับการพิจารณาเลือกจังหวัดที่มีศักยภาพและมีความพร้อม และพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงมาเป็นผู้ดูแลศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค การประสานความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาในแต่ละภูมิภาคในการดำเนินกิจกรรมการวิจัยและพัฒนา การเผยแพร่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งการประสานงานและเชื่อมโยงการทำงานรวมกับศูนย์อื่น ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขในภูมิภาค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ในส่วนของการจัดสรรอัตรากำลังเพื่อดำเนินโครงการนำร่อง ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้วิธีการเกลี่ยอัตรากำลังภายในหน่วยงานไปก่อน โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงาน ก.พ. ก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการนำร่อง ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการนี้ โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณและดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. เมื่อกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการโครงการนำร่องไปแล้ว ให้ประเมินผลโครงการเพื่อพิจารณาความเหมาะสมคุ้มค่าของการดำเนินการเพื่อประกอบการพิจารณาขออนุมัติดำเนินโครงการในระยะต่อ ๆ ไป |
|||||||||||||||||||||
| 32282 | ความร่วมมือในการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ทก | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติงานสนับสนุนภารกิจของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการสืบสวน สอบสวน ป้องกัน ปราบปราม รวมถึงปฏิบัติภารกิจอื่นที่ตอบสนองการแก้ไขปัญหาด้านความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในภาพรวมของประเทศ โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดตั้งงบประมาณประจำปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารและปฏิบัติราชการของ บก.ปอท. แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. หากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อใช้ในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มเติม ให้เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 32283 | ขออนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการตรวจสอบคุณภาพ/ปริมาณข้าวสารตามโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 | พณ | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ดำเนินโครงการตรวจสอบคุณภาพ/ปริมาณข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ในกรอบวงเงิน ๕๘,๔๒๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการดูแลรักษาปริมาณและคุณภาพข้าวสารตามโครงการฯ ได้ทันต่อการเริ่มดำเนินการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร เพื่อให้ได้คุณภาพข้าวสารที่สอดคล้องกับข้าวเปลือกที่รับจำนำ และข้าวสารที่ได้สามารถจำหน่ายได้ในประเทศและต่างประเทศ โดยให้กรมการค้าต่างประเทศขอตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหลักเกณฑ์และกรอบระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่ายของโครงการ โดยให้คำนึงถึงจำนวนคน ค่าใช้จ่ายต่อหัว และราคาต่อหน่วยให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาคัดเลือกและจัดจ้างบุคลากรผู้ช่วยปฏิบัติงานที่อยู่ในพื้นที่ มีการสุ่มตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างต่อเนื่อง และมีการตรวจสอบความสอดคล้องของปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำและข้าวสารที่แปรสภาพเพื่อป้องกันการแจ้งปริมาณการรับจำนำที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง นอกจากนี้ ควรมีแผนการระบายข้าวที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รับไปกำกับดูแลและติดตามการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือก รวมทั้งจัดหาเครื่องมือในการตรวจสอบคุณภาพข้าว เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใสในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับจำนำและการนำข้าวเปลือกของโครงการไปสีเป็นข้าวสารเพื่อจัดจำหน่ายต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 32284 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้านการประกันภัย | กค | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้านการประกันภัย ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. กรณีผู้ที่ทำประกันภัย ได้ดำเนินการเร่งรัดการชำระค่าสินไหมทดแทน โดยกำหนดอัตราชำระค่าสินไหมทดแทนและกำหนดระยะเวลาดำเนินการ โดยภาคอุตสาหกรรม อัตราชำระค่าสินไหมทดแทนอยู่ที่ร้อยละ ๗๕ กำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน ส่วนภาคครัวเรือน อัตราชำระค่าสินไหมทดแทนเทียบเท่าร้อยละ ๑๐๐ คาดว่าจะดำเนินการได้เสร็จภายใน ๓ เดือน ๒. กรณีผู้ที่ไม่ได้ทำประกันภัย สำนักงาน คปภ. ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย สมาคมสหมิตรการซ่อมรถยนต์แห่งประเทศไทย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยจัดทำโครงการบูรณาการซ่อมรถประสบภัยน้ำท่วม กำหนดราคาค่าแรง ค่าซ่อมรถเป็นมาตรฐานตามระดับความเสียหาย และให้ส่วนลดอะไหล่ รวมทั้งให้บริการตรวจเช็ครถยนต์และรถจักรยานยนต์ ๒๐ รายการฟรี และให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถจักรยานยนต์ฟรี ๓. กรณีที่อยู่อาศัย เห็นควรให้มีการจัดมหกรรมสินค้าราคาพิเศษหรือราคาต้นทุน โดยให้กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างหรือจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย
|
|||||||||||||||||||||
| 32285 | การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | ทส | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในส่วนของการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ของกรมทรัพยากรน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการระยะที่ ๑ จากปฏิบัติการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๑๑๕ เครื่อง เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ สามารถสูบน้ำเพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ทั้งสิ้น ๒๓,๖๗๘,๕๔๓ ลูกบาศก์เมตร มีผลทำให้พื้นที่ดำเนินการเข้าสู่สภาพปกติแล้ว ประกอบด้วย พื้นที่คลอง ๑๒ และคลอง ๑๓ เขตหนองจอก โรงกษาปณ์รังสิต โครงการบางชัน (คลองหลอแหล) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเดินเครื่องสูบน้ำในพื้นที่โรงผลิตน้ำประปามหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา โครงการชลประทานภาษีเจริญ ดอนเมือง และวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิตร (บางเขน) รวมเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๑๐๐ เครื่อง จากจำนวนเครื่องสูบน้ำที่ยังคงปฏิบัติการ จำนวน ๑๑๕ เครื่อง โดยได้เดินเครื่องเพื่อสูบน้ำ จำนวน ๕๗ เครื่อง มีปริมาณการสูบน้ำ จำนวน ๓๔๒,๓๗๒ ลูกบาศก์เมตร/วัน ๒. การดำเนินการระยะที่ ๒ ได้ดำเนินงานติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๒๓๙ เครื่อง ในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยได้เดินเครื่องเพื่อสูบน้ำ จำนวน ๑๖๒ เครื่อง ปริมาณการสูบน้ำ ๑,๐๓๔,๕๘๔ ลูกบาศก์เมตร/วัน ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่สูบได้ของการดำเนินการระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ สูบน้ำได้ทั้งสิ้น ๑๐,๐๑๖,๘๘๐ ลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว จำนวน ๔๒ แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๓๒ แห่ง ปทุมธานี จำนวน ๒ แห่ง และสมุทรสาคร จำนวน ๘ แห่ง
|
|||||||||||||||||||||
| 32286 | แผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 กระทรวงคมนาคม | คค | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยฯ ได้กำหนดช่วงระยะเวลาปฏิบัติงาน ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๔ มกราคม ๒๕๕๕ มีวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของแผน ดังนี้
๑. วัตถุประสงค์ของแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยฯ เพื่อจัดให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนอย่างเพียงพอ ทั้งด้านระบบขนส่งสาธารณะและระบบโครงข่าย รวมทั้งจัดเตรียมมาตรการรองรับเพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาโดยทันทีและเร่งด่วน ตลอดจนป้องกันและลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุและความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการเดินทางในช่วงเทศกาล ๒. เป้าหมายของแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยฯ ๒.๑ จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเดินทางของประชาชนในเส้นทางความรับผิดชอบลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ และจะต้องไม่มีผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะเสียชีวิตจากการเดินทางในช่วงเทศกาล ๒.๒ จัดอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในการเดินทางทั้งไปและกลับ รวมทั้งจัดเตรียมและบริหารจัดการด้านยานพาหนะและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับโดยเฉพาะเส้นทางที่เกิดจากอุทกภัยอย่างเพียงพอ (ไม่ล่าช้าและไม่มีผู้โดยสารตกค้าง) ๒.๓ ผู้ประจำรถโดยสารสาธารณะ (ผู้ขับรถ พนักงานประจำรถ นายตรวจ และผู้ให้บริการประจำรถ) จะต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นศูนย์มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในระหว่างการให้บริการเป็นจำนวนร้อยละ ๑๐๐ ๒.๔ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานอื่น ๆ บูรณาการการปฏิบัติงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการนำกฎหมายที่มีอยู่มาใช้บังคับอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุจากการเดินทางของประชาชน
|
|||||||||||||||||||||
| 32287 | รายงานความก้าวหน้าในการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และการช่วยเหลือสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าในการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และการช่วยเหลือสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๗ แห่ง ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ผลการดำเนินการประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม ระบายน้ำออกจากพื้นที่แล้วเสร็จ การซ่อมแซมสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำประปา ระบบสื่อสาร โทรคมนาคมส่วนใหญ่แล้วเสร็จ สามารถรองรับการฟื้นฟูโรงงานและเริ่มการผลิตสำหรับสายการผลิตบางส่วนได้ และปัจจุบันมีโรงงานเริ่มประกอบการแล้ว จำนวน ๑๑๕ แห่ง หรือร้อยละ ๑๓ ของโรงงานที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด จำนวน ๘๘๘ แห่ง คาดว่าภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ โรงงานส่วนใหญ่จะเริ่มประกอบการได้ และภายในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่าโรงงานสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ๒. การป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการป้องกัน ตรวจสอบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยต่อนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่ง โดยประสานความร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อตรวจสอบและควบคุมกำกับดูแลการระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เป็นไปอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของคณะทำงาน พบว่าคุณภาพน้ำที่ระบายออกจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ในมาตรฐานน้ำทิ้งอุตสาหกรรม และเมื่อมีการระบายน้ำแล้วเสร็จ กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำตรวจสอบโรงงานที่มีสารเคมี และกากของเสียอันตรายทุกแห่ง ให้มีการจัดเก็บอย่างปลอดภัย ๓. การสนับสนุนและช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยให้สามารถฟื้นตัวและกลับมาประกอบการได้โดยเร็ว ได้แก่ การดำเนินโครงการคลินิกอุตสาหกรรม เพื่อการฟื้นฟูสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยจัดส่งทีมงานเข้าสำรวจวินิจฉัยสถานประกอบการเพื่อทราบปัญหา วางแผนการฟื้นฟูการผลิต และกระบวนการด้านธุรกิจ โดยมีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ จำนวน ๕,๐๐๐ ราย และการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ประกอบด้วย การอนุญาตให้วัตถุดิบที่ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับใช้ในการผลิตเพื่อส่งออกซึ่งได้รับความเสียหายและไม่มีเศษซากเหลืออยู่ ไม่ต้องชำระภาษีอากรในลักษณะเป็นส่วนสูญเสีย และยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรที่นำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหาย มาตรการช่วยเหลือในเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทซึ่งต้องการผู้ชำนาญการต่างชาติมาฟื้นฟูโรงงานจากเหตุอุทกภัย และการอนุญาตให้ส่งออกเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ รวมทั้งการย้ายเครื่องจักรและวัตถุดิบไปอยู่นอกโครงการเป็นการชั่วคราว ๔. สำหรับข้อวิตกกังวลของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้รับความเสียหายในนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม เกี่ยวกับแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศที่จะป้องกันมิให้เกิดอุทกภัยอย่างรุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นอีก และแผนการป้องกันพื้นที่นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม ในการสร้างคันทำนบที่มั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยเชื่อถือได้ตามมาตรฐานทางวิศวกรรม นั้น ภาครัฐสมควรเร่งดำเนินการวางแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันควรให้การสนับสนุนการสร้างคันทำนบถาวรซึ่งเป็นการลงทุนที่มิได้ก่อให้เกิดรายได้ เพื่อให้นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม ดำเนินการได้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว โดยไม่เป็นภาระต่อนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจนเกินกว่าเหตุ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการดำเนินธุรกิจต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 32288 | การอนุมัติงบประมาณสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำหรับเป็นของที่ระลึกที่รัฐบาลทูลเกล้าฯ ถวายในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | นร | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๑๙๐,๕๘๓,๗๗๐ บาท จำแนกเป็นงบประมาณเพื่อเป็นของที่ระลึกทูลเกล้าฯ ถวาย ในนามรัฐบาล สมทบมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน ๑๘๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ของคณะกรรมการฝ่ายจัดทำของที่ระลึกทูลเกล้าฯ ถวาย (สำนักนายกรัฐมนตรี) และเพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖,๕๘๓,๗๗๐ บาท ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน ๑๐๖,๕๘๓,๗๗๐ บาท ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๘๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||
| 32289 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า | พณ | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พันตำรวจตรี ศราวุฒิ สกุลฃมีฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32290 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน ๓ คน แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธานกรรมการ ๒. นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายพงศธร คุณานุสรณ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
| 32291 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งและการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของเลขาธิการ ก.พ.ร. (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งและการปฏิบัติหน้าที่ของนายทศพร ศิริสัมพันธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. ต่อไปอีก ๑ ปี เป็นครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32292 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18 แทนตำแหน่งที่ว่าง | รง | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชัย สัจจพงษ์ เป็นกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๑๘ แทนนางอัจนา ไวความดี ซึ่งลาออกจากการเป็นกรรมการค่าจ้างตั้งแต่วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป และมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่แทน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32293 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน ๗ ราย เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยชุดเดิมได้ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมติ (๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ เป็นประธานกรรมการ ๑.๒ นายสราวุธ เบญจกุล เป็นกรรมการ ๑.๓ นายอำนวย ปรีมนวงศ์ เป็นกรรมการ ๑.๔ นายวัฒนา เตียงกูล เป็นกรรมการ ๑.๕ นายวิชาญ ธรรมสุจริต เป็นกรรมการ ๑.๖ นายประเทือง ช่างสลัก เป็นกรรมการ ๑.๗ พลตำรวจตรี สันติ วิจักขณา เป็นกรรมการ ๒. เว้นแต่นายวิชาญ ธรรมสุจริต ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการ
|
|||||||||||||||||||||
| 32294 | การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (วันที่ 19 ธันวาคม 2554 และวันที่ 4 มกราคม 2555) | นร | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๕ เนื่องจากเป็นวันหยุดชดเชยเพิ่มเติมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไปเป็นวันพุธที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32295 | สรุปผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 12/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณการฟื้นฟู เยียวยา จากสถานการณ์อุทกภัย สำหรับโครงการที่ดำเนินการได้ทันทีภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ เป็นเงินรวม ๒๐,๑๑๐.๕๕๗๒ ล้านบาท และรับทราบผลการดำเนินงานของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติซึ่งได้กำหนดเป้าหมายสำคัญเร่งด่วนในการช่วยเหลือประชาชน สถานประกอบการ และแรงงานภาคเกษตร/อุตสาหกรรมให้สามารถกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยเร็ว การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้สามารถตั้งหลักได้โดยเร็ว และการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายให้กลับมาใช้การได้ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาแผนงาน/โครงการ ได้แก่ มีความสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญเร่งด่วน มีความพร้อมในการดำเนินการ และความซ้ำซ้อนในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนมีข้อเสนอแนะเพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาและดำเนินการเกี่ยวกับการจัดส่งข้อมูลตัวเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ของประชาชนที่จะได้รับเงินชดเชยให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อรวบรวมข้อมูลของประชาชนในแต่ละพื้นที่ที่ต้องการรับความช่วยเหลือจากรัฐ การติดตามสถานประกอบการที่ได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการของรัฐให้สามารถกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติโดยเร็ว การดำเนินการเกี่ยวกับรูปแบบรายการ คุณลักษณะเฉพาะ การกำหนด TOR การจัดทำ EIA/HIA และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างไว้เป็นการล่วงหน้า เป็นต้น และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. หากส่วนราชการใดพิจารณาเห็นว่า ยังมีโครงการใดที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องดำเนินการโดยทันทีภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ เพิ่มเติมด้วย และเป็นโครงการที่อยู่ในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้แล้ว เช่น โครงการของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการซ่อมแซมโรงเรียนให้สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามกำหนด เป็นต้น ให้ส่วนราชการนั้นรีบแจ้งสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) พิจารณา หากเห็นชอบด้วย ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ โครงการที่จะเสนอเพิ่มเติมจะต้องเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ ๕ ประการ คือ ๒.๑ เป็นโครงการที่จำเป็นต้องดำเนินการทันที เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา และแก้ไขซ่อมแซมของเดิมที่ชำรุดเสียหายอันเนื่องจากเหตุอุทกภัยโดยตรง ๒.๒ เป็นโครงการที่ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นของส่วนราชการนั้น หรือกับส่วนราชการอื่น ๒.๓ เป็นโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เกิดรายได้และการจ้างงานแก่ชุมชนและประชาชนโดยตรง และไม่เป็นโครงการในลักษณะการจัดฝึกอบรม/สัมมนาภายในแก่ข้าราชการ/เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ ๒.๔ เป็นโครงการที่ไม่กระทบเกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อวางระบบการบริหารทรัพยากรน้ำของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยส่งโครงการให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาก่อน ๒.๕ ไม่เป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้โดยใช้งบประมาณปกติของส่วนราชการ หรืองบประมาณจากแหล่งอื่น ๆ เช่น เงินกองทุน เงินของชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ๓. มอบหมายดำเนินการในระดับจังหวัด ดังนี้ ๓.๑ ให้แต่ละจังหวัดที่เกี่ยวข้องเร่งรัดตรวจสอบความเสียหายของประชาชนทั้งในด้านที่อยู่อาศัย พืชผลการเกษตรและปศุสัตว์ และเร่งรัดติดตามการดำเนินการจ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือให้ตกถึงมือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบโดยผ่านระบบบัญชีธนาคารให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบการดำเนินการในระดับพื้นที่ให้ถูกต้อง โดยมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาคมในพื้นที่ด้วย ๓.๒ ในกรณีที่จังหวัดใดมีความประสงค์จะปรับเปลี่ยนแผนงาน/โครงการ ตามคำขอของจังหวัดให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ให้เสนอโครงการให้คณะกรรมการระดับจังหวัดและรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลจังหวัดพิจารณา แล้วส่งไปยังสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แล้วนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธาน กฟย. พิจารณา หากเห็นชอบด้วย ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการดำเนินการตรวจราชการร่วมกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น โดยให้จัดทำแผนการตรวจติดตามการดำเนินการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และรายงานผลการตรวจติดตามผ่านรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลจังหวัด แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะทุก ๆ ๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||
| 32296 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32297 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 | กษ | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช และปรับปรุงขั้นตอนในการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 32298 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พุทธศักราช 2474 | มท | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พุทธศักราช ๒๔๗๔ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พุทธศักราช ๒๔๗๔ เพื่อกำหนดตำแหน่งผู้ที่ทำหน้าที่นายตรวจเสียใหม่ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ดังนี้
๑. กำหนดให้อธิบดีกรมการปกครอง และข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกรมการปกครองตั้งแต่ตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไป ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้นขึ้นไป และตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้นขึ้นไป เป็นนายตรวจ ในกรุงเทพมหานคร ๒. กำหนดให้ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ปลัดอำเภอ เป็นนายตรวจ แต่สำหรับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่จังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครให้ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เป็นนายตรวจ |
|||||||||||||||||||||
| 32299 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างศูนย์กลางทำความสะอาด ศูนย์ซักฟอก ศูนย์โภชนาการ 1 หลัง | นร | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างศูนย์กลางทำความสะอาด ศูนย์ซักฟอก ศูนย์โภชนาการ ๑ หลัง จากเดิมวงเงิน ๖๗๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๗๐๑,๗๕๖,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาการดำเนินการ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๕ ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 32300 | การอำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลต่างชาติในการเดินทางเข้ามาช่วยเหลือฟื้นฟูโรงงานและสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย | กต | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินการเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญ และวิศวกรต่างชาติในช่วงระยะการฟื้นฟูและการบูรณะซ่อมแซมในระยะยาว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญและวิศวกรต่างชาติ เข้ามาแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูระบบการผลิตในบริษัทที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการตรวจลงตราประเภทอัธยาศัยไมตรี (Courtesy Visa) และได้รับอนุญาตให้พำนักได้ไม่เกิน ๙๐ วัน โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญและวิศวกรต่างชาติ ที่สังกัดหรือได้รับการติดต่อจากบริษัทและสถานประกอบการ ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุน แต่ให้รวมถึงบริษัทและสถานประกอบการต่างชาติที่มิได้รับการส่งเสริมการลงทุน แต่ประสบวิกฤติอุทกภัยเช่นกันด้วย ๑.๒ ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้แก่ รหัส “Non - EX” (เพื่อปฏิบัติงานด้านช่างฝีมือ) รหัส “Non - B” (การติดต่อหรือประกอบธุรกิจและการทำงาน) รหัส “Non - IM” (การลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง) รหัส “Non - IB” (การลงทุนหรือการอื่นภายใต้ข้อบังคับกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน) และรหัส “Non - O” (การอื่น ๆ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ) เป็นกรณีพิเศษชั่วคราว รวมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมและอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่ต่อหลังจากครบกำหนดอนุญาต ๙๐ วัน ๑.๓ ให้กระทรวงแรงงานพิจารณายกเว้นใบอนุญาตสำหรับคนต่างด้าว (ตามพระราชบัญญัติคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑) สำหรับผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญและวิศวกรต่างชาติ ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูระบบการผลิตในบริษัทที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เป็นกรณีพิเศษ ๒. ให้กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางาน) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
