ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1620 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 32381 - 32400 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32381 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2554 | กษ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “นกเตน” ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ทำให้ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลทำให้เกิดผลกระทบด้านการเกษตรรวมทั้งสิ้น ๖๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน นครสวรรค์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก แพร่ เพชรบูรณ์ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ บึงกาฬ นครพนม นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มุกดาหาร มหาสารคาม ยโสธร หนองคาย หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี เลย กรุงเทพ ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ระนอง ชุมพร ตรัง ภูเก็ต พังงา สตูล และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ๒. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๓๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี เลย นครราชสีมา นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครนายก ปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ๓. ผลกระทบด้านการเกษตร (ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔- ปัจจุบัน) ๓.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๐๑๘,๑๕๕ ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย ๑๐,๒๐๙,๘๙๑ ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๘,๔๑๖,๘๓๖ ไร่ พืชไร่ ๑,๓๖๔,๘๕๔ ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๔๒๘,๒๐๑ ไร่ ๓.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๐๕,๐๗๐ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๑๕๘,๗๔๑ ไร่ กุ้ง/ปู/หอย ๑๙,๙๒๑ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๑๔๐,๗๔๓ ตารางเมตร ๓.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๕๑,๙๘๖ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๑๒,๓๓๑,๕๘๙ ตัว แบ่งเป็น โค - กระบือ ๒๒๗,๐๗๗ ตัว สุกร ๑๗๔,๖๙๖ ตัว แพะ - แกะ ๑๓,๑๒๕ ตัว สัตว์ปีก ๑๑,๙๑๖,๖๙๑ ตัว แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ ๑๐,๗๖๓.๒๕ ไร่ ๔. การดำเนินการช่วยเหลือด้านการเกษตร ได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ จำนวน ๑๑ ฉบับ ของกรมชลประทาน และการคาดการณ์การเกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก จำนวน ๒๕ ฉบับ ของกรมพัฒนาที่ดิน รวมทั้งการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ รถยนต์บรรทุกน้ำ พืชอาหารสัตว์ และดูแลสุขภาพสัตว์ สำหรับความก้าวหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๔ กรณีพิเศษ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขออนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว รวมทั้งสิ้น ๓,๕๓๒.๔๓ ล้านบาท เกษตรกร ๑๒๙,๓๘๗ ราย ซึ่งสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินงวดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว จำนวน ๒,๐๗๐.๘๐๓ ล้านบาท เกษตรกร ๖๑,๒๑๖ ราย และ ธ.ก.ส. สาขา ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้ว จำนวน ๑,๘๖๗.๘๔ ล้านบาท เกษตรกร ๔๘,๖๔๔ ราย (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔)
|
||||||||||||||||||||||||
32382 | การติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และสภาพพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทภัยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยสถานการณ์น้ำท่วมและผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่บริเวณเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา พบว่ามีขยะที่ส่งกลิ่นรบกวนและสภาพน้ำที่เริ่มเน่าเสียไปทั่วบริเวณ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดดำเนินการในการกำจัดขยะบริเวณพื้นที่น้ำท่วม รวมถึงการควบคุมขยะซึ่งเกิดจากนิคมอุตสาหกรรมที่อาจมีสารพิษเจือปน และให้ตรวจคุณภาพน้ำบริเวณที่เสี่ยงภัยจากสารพิษด้วย ส่วนการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปทุมธานี พบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงบริเวณแยกสันติสุขเขตเทศบาลเมืองปทุมธานีในอำเภอลาดหลุมแก้ว บริเวณพื้นที่เชียงรากน้อย และบริเวณประตูน้ำคลองบ้านพร้าว จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดดำเนินการในการกำจัดขยะบริเวณพื้นที่น้ำท่วม รวมทั้งให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำประสานกับจังหวัดปทุมธานีปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อทำคันกั้นน้ำในพื้นที่บริเวณตำบลเชียงรากน้อย บริเวณแยกสันติสุข และดำเนินการแก้ไขปัญหาคันกั้นน้ำชำรุดบริเวณประตูน้ำคลองบ้านพร้าว โดยนำเสาเข็มแบบแผ่นเหล็ก (Sheet Pile) เพื่อซ่อมแซมบริเวณที่เสียหาย ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดและกรมชลประทาน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยผู้ประสบอุทภัยในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ และได้แจกถุงยังชีพและน้ำดื่มเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าว ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมและดำเนินการเพื่อเยียวยาราษฎรผู้ประสบภัยจังหวัดเลย เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยได้ตรวจเยี่ยมผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งมอบเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย นอกจากนี้ ได้รับมอบเงินบริจาคจากข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนชาวจังหวัดเลย และทำการปล่อยขบวนคาราวานรถสิบล้อบรรทุกเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมสิ่งของบริจาคอื่น ๆ เพื่อนำส่งมอบที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ณ ที่ทำการสนามบินดอนเมือง
|
||||||||||||||||||||||||
32383 | การแต่งตั้งข้าราชการ | รง | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวส่งศรี บุญบา ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32384 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง กระทรวงมหาดไทย | มท | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประชา เตรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32385 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายดิฐ อัศวพลังพรหม) | พณ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง [(นายดิฐ อัศวพลังพรหม) ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์)] ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
32386 | รายงานผลการดำเนินงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย | สธ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเฝ้าระวัง และเป็นผู้ประสานการดำเนินงานของคณะกรรมการและคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ และการสาธารณสุขแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย รวมทั้งได้มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งต่อผู้ป่วย เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อให้โรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑลเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในระยะต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดระบบส่งต่อผู้ป่วยหนัก สำหรับจังหวัดที่น้ำท่วมรอบกรุงเทพฯ ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ (ในกรณีที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ) ๑.๑ จำนวนเตียงทั้งหมดของโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ประมาณ ๓๕,๐๐๐ เตียง ให้สำรองเตียงว่างพร้อมรับผู้ป่วยส่งต่อจากจังหวัดที่ประสบภัยร้อยละ ๕ ของแต่ละโรงพยาบาล (ประมาณ ๑,๕๐๐ เตียง) ในจำนวนที่เป็นเตียงผู้ป่วยหนักร้อยละ ๑๐ (ประมาณ ๑๕๐ เตียง) ๑.๒ สำรวจโรงพยาบาลเอกชนที่ได้มาตรฐาน เตรียมรองรับการส่งต่อ ๑.๓ กรณีกรุงเทพฯ ถูกน้ำท่วม ได้เตรียมโรงพยาบาลของจังหวัดปริมณฑลรองรับ ได้แก่ ชลบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครราชสีมา ให้ทุกโรงพยาบาลสำรองเตียง ร้อยละ ๕ ๒. การบริการทางการแพทย์ในจังหวัดที่น้ำท่วมหนัก อาทิเช่น ๒.๑ การตั้งโรงพยาบาลสนามให้บริการ ๒๔ ชั่วโมง รับผู้ป่วยไว้สังเกตอาการและรักษาเป็นผู้ป่วยในไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมงได้ ๑๐ - ๓๐ เตียง ๒.๒ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ บริการช่วงเวลากลางวัน รักษาผู้ป่วยทั่วไปและโรคเรื้อรัง จังหวัดพระนครศรีอยุธยามี ๖ แห่ง ๒.๓ การจัดทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชพร้อมเวชภัณฑ์จากต่างพื้นที่เข้ามาช่วยให้บริการ ทั้งโรงพยาบาลสนามและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ๒.๔ การส่งกำลังทีมแพทย์ฉุกเฉิน (DMAT) จากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตและโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และทีม Medical Emergency Response Team : MERT มีอัตรากำลังประมาณ ๑๖ - ๔๐ คน ตามสถานการณ์ความรุนแรง ไปตั้งโรงพยาบาลสนาม ๓. แผนการสนับสนุนทรัพยากรที่สำคัญ ๓.๑ ยาและเวชภัณฑ์สำหรับน้ำท่วม ได้สนับสนุนไปแล้วกว่า ๑,๓๐๐,๐๐๐ ชุด มีการสำรองไว้ในคลังไม่น้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ ชุด ๓.๒ วัสดุอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติงานและเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และผู้ป่วย ได้แก่ เรือ เสื้อชูชีพ เปล เตียงสนาม เครื่องกรองน้ำ เป็นต้น ๓.๓ รถยกสูง รถออฟโรด สำหรับพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง โดยระดมจากจังหวัดในภาคเหนือเพื่อช่วยในการขนย้ายผู้ป่วยและอุปกรณ์ที่จำเป็น ๔. การบริหารจัดการศูนย์อพยพ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑๒ แห่ง จังหวัดนครสวรรค์ ๘ แห่ง ๔.๑ กรมอนามัย กรมควบคุมโรค จัดบริการด้านสุขอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม ได้แก่ อาหาร น้ำ ส้วม ขยะ และความสะอาดบริเวณที่พัก พร้อมทั้งวางระบบควบคุมโรค ๔.๒ ด้านสุขภาพจิต จัดบริการร่วมกับการบริการทางการแพทย์ และให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ประชาชนในศูนย์อพยพด้วยการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง เพื่อการวินิจฉัยและรักษาตามอาการของโรค
|
||||||||||||||||||||||||
32387 | การเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกระหว่างวันที่ 17 - 19 ตุลาคม 2554 | วท | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลการเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามสถานการณ์อุทกภัยด้วยดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยผลการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ปี ๒๕๕๔ สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วง ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กันยายน ถึง ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีน้ำท่วมขังในทุกภาคของประเทศ โดยมีน้ำท่วมขังใน ๔๙ จังหวัด รวม ๓๕๖ อำเภอ และ ๒,๓๖๔ ตำบล คิดเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งสิ้นประมาณ ๑๒,๑๑๙,๓๘๗ ไร่ และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังติดต่อกันนานเกิน ๑๕ วัน ทั้งสิ้น ๑๕,๓๒๘,๓๙๘ ไร่ ใน ๔๘ จังหวัด รวม ๔๓๕ อำเภอ และ ๕,๑๙๙ ตำบล การคาดการณ์พื้นที่ต้องเฝ้าระวัง พบความเสี่ยงที่จะเริ่มเกิดน้ำท่วมขังได้ในช่วงสัปดาห์นี้ มีทั้งสิ้น ๑๔๖ อำเภอ ใน ๓๒ จังหวัด ๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) พบว่าประเทศไทยจะมีฝนตก ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ทำให้มีพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยคือ พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ เนื่องจากมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่เดิม และจะมีฝนตกเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดตาก ขอนแก่น สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร และพื้นที่เฝ้าระวัง เนื่องจากจะมีฝนตกในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เลย มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง เพชรบุรี ชุมพร กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา
|
||||||||||||||||||||||||
32388 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 10 - 16 ตุลาคม 2554 และวันที่ 18 - 24 ตุลาคม 2554) | ทก | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. สรุปประเด็นสำคัญของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ ๑๘ - ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลงและอุณหภูมิลดลง ส่งผลให้มีอากาศเย็นลง ส่วนร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน จะเลื่อนลงไปพาดผ่านทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้น และมีฝนตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ ๒๒ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำลังอ่อนลง และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกกระจาย ๒. สรุปประเด็นสำคัญของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในช่วงวันที่ ๑๗ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก เป็นพื้นที่เฝ้าระวังภัยที่อาจเกิดจากฝนตกในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเกิดน้ำท่วมอาจเกิดซ้ำอีก ส่วนพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มให้เฝ้าระวังบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ที่เคยเกิดมาแล้ว ทั้งนี้ พื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ราบลุ่ม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนเตรียมระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก (ในบางพื้นที่) สำหรับพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมบริเวณกว้าง จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี บางพื้นที่ของจังหวัดนครปฐม กรุงเทพมหานคร และจังหวัดข้างเคียง ยังคงอยู่ในภาวะประสบภัยและเสี่ยงภัยอยู่ต่อไป ทั้งนี้ น้ำจากภาคเหนือยังลงมาไม่หมดและน้ำทะเลยังคงหนุนสูง
|
||||||||||||||||||||||||
32389 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2554) | มท | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔) สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๒๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี ร้อยเอ็ด กำแพงเพชร ตาก มหาสารคาม และจังหวัดสมุทรสาคร รวม ๑๙๕ อำเภอ ๑,๕๑๑ ตำลบล ๑๑,๖๕๐ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๘๒๔,๘๔๘ ครัวเรือน ๒,๔๘๔,๓๙๓ คน โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยและมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖๒ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๓๑๕ ราย สูญหาย ๓ คน ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู จำนวน ๓๕ จังหวัด ๒. การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ๒.๑ รัฐบาลได้มีการช่วยเหลือเยียวยาครัวเรือนที่ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ไปเกือบทุกพื้นที่แล้ว รวมทั้งได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้น ณ สนามบินดอนเมือง โดยมี พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และนายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทวงมหาดไทย เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ โดยการปฏิบัติงานได้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการประจำศูนย์ฯ เพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบอุทกภัย เพื่อตัดสินใจในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัย ๒.๒ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ ได้มีมติอนุมัติในหลักการในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๒ ใน ๓๖ จังหวัด กรอบครัวเรือน จำนวน ๓๓๔,๐๓๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๖๗๐,๑๙๕,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว ๒๘๖,๕๑๔ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๔๓๒,๕๗๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๗๗ (ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๔) ๒.๓ การขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีอุทกภัย ประกาศภัยพิบัติตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม - ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ได้มีการขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน ๓๖ จังหวัด (กระทรวงการคลังอนุมัติแล้ว จำนวนเงิน ๓,๗๒๘,๖๓๑,๗๓๕ บาท) และอยู่ระหว่างกระทรวงการคลังพิจารณา ๘ จังหวัด อยู่ระหว่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการ ๓ จังหวัด คือ จังหวัดสกลนคร อุบลราชธานี และจังหวัดปราจีนบุรี (ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔) ๒.๔ กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติให้ใช้เงินกองทุนเพื่อจัดหาสิ่งของอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์ที่จำเป็น ได้แก่ ถุงยังชีพ เต้นท์ และสุขาประเภทต่าง ๆ ในวงเงิน ๑๕๘,๘๗๗,๕๐๐ บาท (ณ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔)
|
||||||||||||||||||||||||
32390 | ขอส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 193/2554 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2554 ฯลฯ) | นร | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๓/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดังนี้ ๑.๑ จัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” เรียกโดยย่อว่า ศปภ. ๑.๒ ให้ ศปภ. มีภารกิจในการพิจารณาเสนอนโยบาย วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับดูแล และดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร่งด่วน และปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี และมีผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ผอ.ศปภ.) เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบและเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ๑.๓ ให้พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ผอ.ศปภ.) ปลัดกระทรวงกลาโหม และนายพระนาย สุรรณรัฐ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รองอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (รอง ผอ.ศปภ.) ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๔/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพิ่มเติม โดยแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในกลุ่มสนับสนุน ฝ่ายอำนวยการร่วม ศปภ. เพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ๒.๒ นายสุภาพ คลี่ขจาย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๕/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๑ ฝ่ายอำนวยการร่วม ๓.๑.๑ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓.๑.๒ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ๓.๒ กลุ่มสนับสนุน ฝ่ายอำนวยการร่วม ๓.๒.๑ นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ๓.๓ ฝ่ายสารสนเทศและโฆษก ๓.๓.๑ นายแพทย์สัญญา จันทรัตน์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ๔. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๖/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพิ่มเติม ดังนี้ ๔.๑ พลตำรวจตรี บุญเลิศ นันทวิสิทธิ์ ๔.๒ พลตำรวจตรี เกษม รัตนสุนทร ๔.๓ นายชาติชาย สุทธิกลม ๔.๔ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ๔.๕ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ๔.๖ นายภานุ แย้มศรี
|
||||||||||||||||||||||||
32391 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวน ๑๑ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางพรรณี สถาวโรดม ประธานกรรมการ ๒. นาย ช.นันท์ เพ็ชญไพศิษฏ์ กรรมการ ๓. นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการ ๔. นางสาวนงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ กรรมการ ๕. นายปสันน์ เทพรักษ์ กรมการ ๖. นายวีระพันธ์ จักรไพศาล กรรมการ ๗. นายประเสริฐ หลุยเจริญ กรรมการ ๘. นายเทอดศักดิ์ เหมือนแก้ว กรรมการ ๙. นายอดุลย์ ตั้งศัตยาภิรมย์ กรรมการ ๑๐. นายนันทพล กาญจนวัฒน์ กรรมการ ๑๑. นายชานนท์ โชติวิจิตร กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
32392 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในการขนย้ายและจัดหาสถานที่จัดเก็บเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ | นร | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม และมีความจำเป็นต้องขนย้ายเครื่องจักรกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปเก็บยังสถานที่ปลอดภัย โดยให้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการทั้งในด้านการขนส่ง และการจัดหาสถานที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการขนย้ายและจัดหาสถานที่เก็บเครื่องจักรกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในเบื้องต้นอาจใช้กลไกและเครื่องมือของรัฐในการดำเนินการก่อน เช่น กระทรวงกลาโหมในการขอใช้ยานพาหนะ เป็นต้น และหากมีความจำเป็นก็อาจจ้างภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ หรือบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาร่วมดำเนินการ ส่วนการจัดหาสถานที่อาจพิจารณาขอใช้โกดังเก็บสินค้า (cargo) ของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ในการจัดหาสถานที่เช่าของภาคเอกชนเพื่อให้เพียงพอกับปริมาณความต้องการต่อไปด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32393 | การแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (นายประเวช องอาจสิทธิกุล) | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (นายประเวช องอาจสิทธิกุล ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย แทนนางจันทรา บูรณฤกษ์ ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32394 | ขออนุมัติเพิ่มเงินค่าจ้างก่อสร้างตามปริมาณงานที่ทำจริง ตามสัญญาแบบ Unit Price Contract รายการกำแพงป้องกันน้ำท่วมคลองมหาชัย (เพิ่มเติม) จังหวัดสมุทรสาคร | กษ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมชลประทานสามารถเพิ่มเงินค่างานก่อสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมคลองมหาชัย (เพิ่มเติม) จังหวัดสมุทรสาคร ได้ตามปริมาณงานที่ทำจริง ตามสัญญาแบบ Unit Price Contract จากวงเงินสัญญาเดิม ๔๙,๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๕๘,๔๑๒,๑๗๔ บาท (เพิ่มขึ้น ๙,๐๑๒,๑๗๔ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๘.๒๔ ของวงเงินสัญญาเดิม) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32395 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินในที่จำแนกออกจากป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดลำปาง และจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวม 4 ฉบับ | กษ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองน้อย ตำบลอีปาด ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ และตำบลลิ้นฟ้า อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลเมืองน้อย ตำบลอีปาด ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ และตำบลลิ้นฟ้า อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน และตำบลบ้านค่า ตำบลบ้านเอื้อม อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน และตำบลบ้านค่า ตำบลบ้านเอื้อม อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปางหมู ตำบลจองคำ และตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลปางหมู ตำบลจองคำ และตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||
32396 | ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ | กษ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายเวลาการชำระหนี้โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ออกไปจนกว่าจะได้รับการจัดสรรงบประมาณชดเชยผลขาดทุนเสร็จสิ้น ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะต้องมีการคำนึงถึงต้นทุนและผลประโยชน์ และผลดีผลเสียจากการจัดทำโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางบริหารจัดการกองทุนฯ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32397 | การทบทวนความจำเป็นต้องคงอยู่ของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (ขอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย) | ทส | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ปรับรายชื่อกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ลำดับที่ ๒๔ ผู้อำนวยการสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และลำดับ ๒๕ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง (กรมทรัพยากรน้ำ) เนื่องจากสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และสำนักบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย อยู่แล้ว ๒. ขอแก้ไขชื่อตำแนห่งของกรรมการลำดับที่ ๑๕ จาก “อธิบดีกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี” เป็น “อธิบดีกรมเจ้าท่า”
|
||||||||||||||||||||||||
32398 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๙ และระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. กำหนดให้ระเบียบนี้ใช้บังคับแก่ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการการเมือง และข้าราชการตำรวจ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทนั้น กรณีมีเหตุพิเศษซึ่งจะต้องวางหลักเกณฑ์และขั้นตอนวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการลาแตกต่างจากที่ระเบียบกำหนด ให้ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีกำหนดระเบียบเป็นการเฉพาะได้ โดยให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา ๓. กำหนดให้ส่วนราชการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการเสนอใบลา อนุญาตให้ลาและยกเลิกวันลา สำหรับการลาป่วย ลาพักผ่อน หรือลากิจส่วนตัว ๔. กำหนดให้ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตรให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่คลอดบุตร และให้มีสิทธิไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกิน ๑๕ วันทำการ ๕. เพิ่มจำนวนวันลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งให้แก่ข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศในเมืองที่กำลังพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกา ลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง เมืองที่มีความเป็นอยู่ยากลำบาก เมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ และเมืองที่มีสถานการณ์พิเศษ อีก ๑๐ วันทำการ ๖. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลาของข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ๗. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ
|
||||||||||||||||||||||||
32399 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ยและเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 338 สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข 338 (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด พ.ศ. .... | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๘ สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๓๘ (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๘ สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๓๘ (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด ในท้องที่อำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจร และการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32400 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2524) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522) | คค | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. ตัดข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดวัสดุเพื่อบังหรือกรองแสงแดดที่กระจกกันลมหน้าของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารมาตรฐาน ๒(จ) ที่มีจำนวนที่นั่งไม่เกิน ๑๒ ที่นั่ง และมาตรฐาน ๓(ฉ) ออกไป เนื่องจากปัจจุบันเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการติดฟิล์มกรองแสงขึ้นอยู่กับจำนวนที่นั่งของรถ จึงทำให้รถประเภทและลักษณะเดียวกันแต่มีจำนวนที่นั่งเกินกว่า ๑๒ ที่นั่ง ไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อกำหนดการติดฟิล์มกรองแสงดังกล่าว ๓. เพิ่มเติมให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกมีอำนาจประกาศกำหนด ประเภท ลักษณะของรถที่จะอนุญาตให้ติดวัสดุเพื่อบังหรือกรองแสงแดดที่กระจกกันลมหน้าและหลัง รวมทั้งกำหนดคุณลักษณะ ขนาด และประสิทธิภาพของวัสดุเพื่อบังหรือกรองแสงแดด ๔. กำหนดให้อุปกรณ์ป้องกันด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้ายของรถเป็นเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถเพิ่มเติม ๕. ตัดข้อกำหนดเกี่ยวกับส่วนยื่นท้ายของรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และเพิ่มเติมให้การติดตั้งอุปกรณ์อื่นซึ่งไม่รวมถึงกันชนท้าย เช่น บันไดขึ้นลงโดยต้องมีความยาวตามที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกำหนด ๖. กำหนดให้ความสูงของรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของต้องไม่ทำให้การทรงตัวของรถต่ำกว่าเกณฑ์ที่อธิบดีกรมการขนส่งประกาศกำหนด ๗. แก้ไขส่วนยื่นท้ายของรถจากไม่เกินกึ่งหนึ่งเป็นไม่เกินสองในสามของช่วงล้อ และตัดข้อยกเว้นที่กำหนดส่วนยื่นท้ายของรถที่มีส่วนบรรทุกเป็นตู้ทึบ และรถที่มีทางขึ้นลงหรือติดตั้งอุปกรณ์ในการขนถ่ายที่ด้านท้ายส่วนบรรทุก กำหนดให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมการขนส่งทางบกประกาศกำหนดเพื่อไม่ให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีขนาดยาวเกินไปและมากเกินความจำเป็น
|
.....