ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1620 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32381 - 32400 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32381 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดยกำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาศึกษาศาสตร์เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32382 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง และตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง และตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง และตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๐ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๕๕ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32383 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านธาตุ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... | คค | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านธาตุ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านธาตุ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับบนทางหลวงชนบท สบ. ๑๐๐๔ บริเวณจุดตัดทางรถไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32384 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกันตัง จังหวัดตรัง พ.ศ. .... | มท | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกันตัง จังหวัดตรัง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลย่านซื่อ ตำบลคลองลุ ตำบลบ่อน้ำร้อน ตำบลบางเป้า ตำบลกันตัง และตำบลกันตังใต้ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32385 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองหนองแค จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... | มท | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองหนองแค จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองไข่น้ำ ตำบลหนองปลาหมอ ตำบลหนองจรเข้ ตำบลหนองแค ตำบลไผ่ต่ำ และตำบลกุ่มหัก อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32386 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองแม่สอด จังหวัดตาก พ.ศ. .... | มท | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองแม่สอด จังหวัดตาก พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่ปะ ตำบลท่าสายลวด ตำบลแม่สอด ตำบลพระธาตุผาแดง และตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32387 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่ - ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่ - ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลศิลาลอย ตำบลศาลาลัย ตำบลไร่เก่า และตำบลไร่ใหม่ อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32388 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งว่าที่ร้อยตรี มังกร หริรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||
| 32389 | โครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | วท | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายสังคม) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย และเพื่อรณรงค์ฟื้นฟูสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส จำนวน ๘,๔๐๐ ราย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำนินการ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนให้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นในแต่ละปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มจังหวัดบึงกาฬในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้บริการครอบคลุมผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาสในทุกจังหวัด และขยายสิทธิประโยชน์ในการใส่รากฟันเทียมไว้ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและความยั่งยืนในการดำเนินการในระยะต่อไป รวมทั้งเร่งนำผลงานการวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางทันตกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ เพื่อลดการนำเข้ารากฟันเทียมและพัฒนาไปสู่การส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกลุ่มอาเซียน เพื่อเป็นการรองรับการเปิดเสรีทางด้านบริการสุขภาพภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
| 32390 | ปรับค่าใช้จ่ายต่อหัวในการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน | ศธ | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายสังคม) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่มีมติอนุมัติให้ปรับค่าใช้จ่ายต่อหัวในการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เท่ากับการจัดการศึกษาในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยระดับประถมศึกษา ๑,๙๐๐ บาท/คน/ปีการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ๒,๓๐๐ บาท/คน/ปีการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๒,๓๐๐ บาท/คน/ปีการศึกษา และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ๔,๙๐๐ - ๕,๕๐๐ บาท/คน/ปีการศึกษา [ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใช้เกณฑ์เดียวกับค่าใช้จ่ายระดับ ปวช. ในระบบ โดยให้แยกตามสาขาวิชา] โดยงบประมาณในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้กระทรวงศึกษาธิการเจียดจ่ายจากงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่จะได้รับจัดสรรดำเนินการไปก่อน ส่วนงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ สำนักงบประมาณจะจัดสรรให้กระทรวงศึกษาธิการตามอัตราดังกล่าวต่อไป ตามความเห็นของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขอปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว ควรนำผลการดำเนินงานจากการปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนที่ผ่านมา มาสะท้อนให้เห็นคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษานอกระบบ และนำผลการวัดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลการใช้งบประมาณ มาประกอบการพิจารณาถึงความเหมาะสมและความจำเป็นอย่างรอบคอบและไม่ลักลั่น รวมทั้งควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น ชุมชน ภาคเอกชนและภาคีเครือข่ายในการบริหารและจัดการทรัพยากรเพื่อการศึกษา เพื่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพ มาตรฐานการจัดการศึกษานอกระบบได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ ไปดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีกรณีเมื่อมีการปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่อหัวในการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เท่ากับการจัดการศึกษาในระบบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ แล้ว จะปรับลดอัตราค่าตอบแทนบุคลากรดำเนินการจำนวน ๔๐๐ บาทออกไป ซึ่งเป็นส่วนที่จะนำไปพัฒนาศักยภาพครู โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. โดยควรกำหนดค่าตอบแทนเป็นแบบมุ่งเน้นผลงานและมีตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงการพัฒนาศักยภาพของครู คุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษานอกระบบด้วย ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||
| 32391 | ขออนุมัติปรับอัตราเบี้ยเลี้ยงนักเรียนเตรียมทหารให้อยู่ในกลุ่มนักเรียนทหารซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตร | กห | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่มีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงกลาโหมในการขออนุมัติปรับอัตราเบี้ยเลี้ยงนักเรียนเตรียมทหารให้อยู่ในกลุ่มนักเรียนทหาร ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตร ในอัตราคนละ ๑๐๖ บาทต่อวัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๘,๕๐๐,๔๙๐ บาท จากแผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศของกองบัญชาการกองทัพไทย ตามที่เคยได้รับอนุมัติไว้เดิม ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณที่จะใช้ในเรื่องดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ กระทรวงกลาโหมควรเตรียมการขอตั้งงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รองรับ และควรมีการศึกษาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราเบี้ยเลี้ยงประจำปีของนักเรียนทหารประเภทต่าง ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||
| 32392 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เพิ่มเติม | นร | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการในคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เพิ่มเติม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||
| 32393 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 11 | ทก | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศและอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และร่างแถลงการณ์เนปิดอร์ว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร : กลไกขับเคลื่อนการพัฒนาในอาเซียน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนามหรือการรับรอง ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง สำหรับสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ และร่างแถลงการณ์ฯ มีดังนี้ ๑.๑.๑ สาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ประกอบด้วย การส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในเขตเมืองและชนบทห่างไกล การเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร การให้ความช่วยเหลือด้านนโยบายโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการภัยพิบัติโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งสนับสนุนข้อริเริ่มภายใต้แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015) สำหรับการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ๑.๑.๒ สาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๑ ซึ่งพม่าเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ในระหว่างวันที่ ๘ - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเนปิดอร์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า โดยจะเห็นชอบการดำเนินการในเรื่องที่สำคัญร่วมกัน ได้แก่ การดำเนินการตามข้อริเริ่มภายใต้แผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 โดยคำนึงถึงเป้าหมายของแผนแม่บทฯ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ การวางกรอบนโยบายเพื่อเพิ่มการแพร่กระจายบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและศึกษามาตรการในการส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในภูมิภาค สนับสนุนการเข้าถึงและการใช้ไอซีทีในราคาที่เหมาะสม พัฒนาสภาพแวดล้อมและนโยบายรองรับเส้นทางการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของอาเซียน การส่งเสริมความตระหนักเรื่องความมั่นคงปลอดภัยบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สร้างความร่วมมือที่ก้าวหน้าเรื่องการจัดการคลื่นความถี่และการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศและอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นว่าเอกสารบันทึกความเข้าใจฯ ระบุแนวทางดำเนินงาน (Implementation of the MOU) กว้าง ๆ ซึ่งอาจเป็นแนวทางปฏิบัติทั่ว ๆ ไป ดังนั้น ASEAN ควรจะพิจารณาและสร้างความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติและการใช้ประโยชน์จากบันทึกความเข้าใจฯ โดย ASEAN ในภาพรวมและโดยประเทศสมาชิกแต่ละประเทศเช่นกัน นอกจากนี้ ขอบเขตความร่วมมือ (Areas of Cooperation) มีความสอดคล้องกับ “ความริเริ่มกระบี่” (Krabi Initiative) สาขา “Digital Economy, New Media and Social Networking” ดังนั้น แนวคิดจาก “ความริเริ่มกระบี่” จึงอาจเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ตามขอบเขตความร่วมมือที่ระบุในบันทึกความเข้าใจฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||
| 32394 | มอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน รวม 58 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร | นร | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน รวม ๕๘ จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๗๒/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕๗/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๕/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ รวมถึงบันทึกสำนักงานรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พลตำรวจตรี ธวัช บุญเฟื่อง) ที่ นร. ๐๔๐๕/(ลน.๓)/๐๖๖ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง มอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน ซึ่งได้มอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดลพบุรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||
| 32395 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 | กษ | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบอุทกภัย ๗๐ จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๒๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี ยะลา ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร (ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ - ปัจจุบัน) ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๑๙๑,๓๒๒ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๑๒.๑๑ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๙.๗๗ ล้านไร่ พืชไร่ ๑.๗๗ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๕๗ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๒๕.๙๓๙ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๑๔,๔๖๑ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๕๓,๕๕๖ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๒๘๗,๓๐๗ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๒๐,๒๐๙ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๒๙.๔๑ ล้านตัว ๓. สรุปความก้าวหน้าการช่วยเหลือ ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๓.๑ ได้จัดส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติจากสำนักงบประมาณ จำนวนเกษตรกร ๓๔๑,๔๑๒ ราย วงเงิน ๗,๙๒๓.๒๗๔ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวนเกษตรกร ๓๓๓,๐๑๐ ราย วงเงิน ๗,๘๖๒.๕๖๔ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว จำนวนเกษตรกร ๒๒๐,๑๙๖ ราย วงเงิน ๖,๐๐๙.๙๑๙ ล้านบาท ๓.๒ การดำเนินการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ได้แก่ การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ จำนวน ๑,๐๖๗ เครื่อง ในพื้นที่ ๔๒ จังหวัด การผลิตและใช้น้ำหมัก ในพื้นที่ ๒๔ จังหวัด ปริมาณที่ผลิต จำนวน ๕.๐๑ ล้านลิตร ปริมาณที่ใช้ จำนวน ๔.๕๖ ล้านลิตร มีเป้าหมายการผลิตปริมาณ ๑๑.๑๙ ล้านลิตร การสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ ดูแลสุขภาพสัตว์ อพยพสัตว์ (สุนัข แมว กระต่าย นก ฯลฯ) ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงสัตว์ รวมทั้งจัดส่งเรือยนต์ตรวจการและเรือท้องแบนปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบอุทกภัยเพื่อขนย้ายประชาชน แจกอาหาร ลำเลียงผู้ป่วย และขนย้ายจระเข้ เป็นต้น
|
|||||||||||||||
| 32396 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ และระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๑ กรมทรัพยากรน้ำ โดยศูนย์สนับสนุนการดำเนินงานติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๒๑๖ เครื่อง จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๔๖ จังหวัด จำนวน ๑๙๑ เครื่อง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน ๕ เครื่อง และสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒๐ เครื่อง และได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากการประสานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน และกรุงเทพมหานคร โดยติดตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ รวมจำนวน ๑๓ จุด จำนวนเครื่องสูบน้ำ ๑๕๖ เครื่อง ซึ่งผลการดำเนินงานสูบน้ำ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ สามารถสูบน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ทั้งสิ้น ๑๗,๕๔๖,๖๘๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๒ กรมทรัพยากรน้ำ โดยศูนย์สนับสนุนการดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๒๕๓ เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำจากภาคเหนือ จำนวน ๔๔ เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน ๖๑ เครื่อง ภาคกลาง จำนวน ๑๑๘ เครื่อง ภาคตะวันออก จำนวน ๑๒ เครื่อง และภาคตะวันตก จำนวน ๑๘ เครื่อง โดยได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำในการกู้พื้นที่ประสบอุทกภัย โดยประสานจังหวัดพื้นที่เป้าหมายที่ยังมีน้ำท่วมขัง รวมจำนวน ๑๓ จุด มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเสร็จแล้ว จำนวน ๑๒๒ เครื่อง ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นประธานเปิดงาน “ชาวปากน้ำร่วมใจ คืนคลองสวยน้ำใส ป้องกันภัยน้ำท่วม” เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทัพเรือ และประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมมือในการกำจัดผักตบชวา จัดเก็บขยะมูลฝอย และขุดลอกคลองเลียบชายทะเลริมถนนสุขุมวิท ให้สามารถรองรับน้ำได้มากขึ้น เพื่อช่วยการระบายน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เดินทางไปตรวจติดตามสภาพความพร้อมเครื่องสูบน้ำที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดและเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำได้นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งในพื้นที่น้ำท่วมขังและเร่งระบายน้ำตามภารกิจ
|
|||||||||||||||
| 32397 | ผลการประชุมเรื่องความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง | นร | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า ตามผลการประชุมเรื่องความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง เป็นการดำเนินการในลักษณะความร่วมมือและการประสานงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะอยู่ภายใต้การบังคับของกฎหมายแต่ละประเทศ โดยประเทศไทยไม่อนุญาตให้เรือกองกำลังร่วมลาดตระเวนของ ๓ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพพม่า และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้ามาในเขตอธิปไตยของประเทศไทย จึงไม่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๒.๑ การจัดตั้งกลไกความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขงระหว่าง ๔ ประเทศฝ่ายไทย (กลไก ๔ ประเทศ) ตามถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ที่กรุงปักกิ่ง โดยมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเป็นประธาน และมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นรองประธาน โดยมีผู้แทนกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมอยู่ในกลไกนี้ด้วย ๒.๒ การเดินทางไปร่วมพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการผสม (Combine Operation Center) ที่มีรองนายกรัฐมนตรีจีนเป็นประธาน ของรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) หรือผู้แทนและคณะ ๒.๓ แนวทางการให้ความร่วมมือกับฝ่ายจีนในการร่วมลาดตระเวน โดยฝ่ายไทยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมในขบวนเรือลาดตระเวนคุ้มกันเรือพาณิชย์ที่ปล่อยลงมาจากท่าเรือกวนเหล่ยถึงสามเหลี่ยมทองคำ โดยฝ่ายไทยจะจัดเรือขึ้นไปให้คาวมร่วมมือในการลาดตระเวนจากสามเหลี่ยมทองคำถึงท่าเรือเชียงแสนเพื่อนำเรือพาณิชย์เข้ามาเทียบที่ท่าเรือเชียงแสน ทั้งนี้ โดยไม่อนุญาตให้เรือกองกำลังร่วมลาดตระเวนของ ๓ ประเทศ เข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ๒.๔ การจัดตั้งกลไกย่อยตามแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการฝ่ายไทย ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ และศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าซึ่งเป็นส่วนปฏิบัติการลาดตระเวนและส่วนประสานงาน (Contact Point) ที่อำเภอเชียงแสน พร้อมทั้งการส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไปปฏิบัติและประสานงานประจำในศูนย์ปฏิบัติการผสมของจีนที่เมืองท่ากวนเหล่ย โดยให้เป็นเรื่องที่ต้องเร่งรีบดำเนินการภายใต้ความจำเป็นเร่งด่วน
|
|||||||||||||||
| 32398 | การให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยจากสหรัฐอเมริกา | กห | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้แก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงกลาโหม ด่วนที่สุด ที่ กห ๐๒๐๗/๒๒๖๑ ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ข้อ ๑ เป็น “ตามที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เสนอการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ภายหลังประสบอุทกภัยแก่ประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมได้หารือร่วมกันเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของแนวทางในการรับความช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว นั้น” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. เห็นชอบผลการประชุมหารือระหว่างกระทรวงกลาโหมกับผู้แทนฝ่ายสหรัฐอเมริกาเพื่อพิจารณาการกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยจากสหรัฐอมริกา เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยผลการหารือสหรัฐอเมริกาตกลงที่จะให้การช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแก่ไทย โดยในขั้นต้นได้กำหนดพื้นที่ฟื้นฟูบูรณะบริเวณเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยมากที่สุด โดยดำเนินการภายใต้ศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการในส่วนที่กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบ ซึ่งชุดปฏิบัติการฟื้นฟูพื้นที่หลังประสบอุทกภัยประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ จำนวน ๓๐ คน เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จำนวน ๑ ลำ เครื่องสูบน้ำ จำนวน ๖ เครื่อง และเครื่องมือกู้ภัยอื่น ๆ โดยกำหนดปฏิบัติการฟื้นฟูในห้วงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ หรือเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอเพิ่มเติมว่า ได้กำหนดให้ฝ่ายสหรัฐอเมริกาดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ภายหลังประสบอุทกภัยในเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เฉพาะในเขตกองทัพอากาศเท่านั้น โดยให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า เรื่องนี้เป็นการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ภายหลังประสบอุทกภัยในฐานะมิตรประเทศ และการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้ศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการในส่วนที่กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบ จึงไม่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||
| 32399 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 21 - 27 พฤศจิกายน 2554 และวันที่ 29 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2554) | ทก | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอกาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และการพยากรณ์อากาศใน ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันที่ผ่านมา (ช่วงวันที่ ๒๑ - ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) โดยช่วงต้นสัปดาห์ถึงกลางสัปดาห์ บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น สำหรับบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นลมแรงและเกิดคลื่นซัดเข้าฝั่งหลายพื้นที่ หลังจากนั้นช่วงปลายสัปดาห์บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศอุ่นขึ้นและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนลดน้อยลง ๑.๒ ลักษณะอากาศใน ๗ วันข้างหน้า (ช่วงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน - ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) โดยต้นช่วงสัปดาห์บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน หลังจากนั้นช่วงกลางสัปดาห์ถึงปลายสัปดาห์บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ จะมีกำลังแรงขึ้นทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ มีการแจ้งเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม แจ้งข่าวแผ่นดินไหว และเฝ้าระวังสภาวะอากาศและติดตามประเมินผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งขอให้ประชาชนระวังอันตรายที่อาจเกิดจากภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบริเวณเชิงเขาและพื้นที่ต้นน้ำ และดินโคลนถล่ม เนื่องจากดินในพื้นที่ภาคใต้เริ่มชุ่มน้ำหลายพื้นที่
|
|||||||||||||||
| 32400 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2554) | มท | 29/11/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ๑.๑ ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ใน ๒ พื้นที่ คือ บริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้บางจังหวัด จำนวน ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก สมุทรสาคร สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร รวม ๑๐๗ อำเภอ ๘๖๙ ตำบล ๕,๐๘๑ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๘๒๐,๖๖๘ ครัวเรือน ๔,๘๘๑,๗๔๙ คน และสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ มีพื้นที่ประสบอุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) รวม ๗ จังหวัด ๔๙ อำเภอ ๒๔๗ ตำบล ๑,๔๗๗ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑๕๔,๑๔๔ ครัวเรือน ๓๒๔,๒๔๒ คน ได้แก่ จังหวัดพัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช นราธิวาส สงขลา และยะลา มีผู้เสียชีวิต ๗ ราย ๑.๒ การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๓) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว ๒๐๔,๕๒๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๐๒๒,๖๓๕,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๘.๙๓ ( ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ๒. สรุปสถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ - ปัจจุบัน) มีจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ ๘.๐ - ๑๕.๙ องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า ๘.๐ องศาเซลเซียส) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวม ๒ อำเภอ ๑๑ ตำบล ๑๔๐ หมู่บ้าน
|
|||||||||||||||
.....
