ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1611 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32201 - 32220 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32201 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปากคาด ตำบลโนนศิลา ตำบลสมสนุก ตำบลนาดง ตำบลหนองยอง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ และตำบลโพนแพง ตำบลนาทับไฮ ตำบลพระบาทนาสิงห์ อำเภอรัตนวาปี ตำบลวังหลวง ตำบลหนองหลวง ตำบลเฝ้าไร่ ตำบลนาดี ตำบลอุดมพร อำเภอเฝ้าไร่ ตำบลจุมพล ตำบลชุมช้าง ตำบลบ้านผือ ตำบลทุ่งหลวง ตำบลเหล่าต่างคำ ตำบลเซิม ตำบลวัดหลวง ตำบลสร้างนางขาว ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลนาหนัง อำเภอโพนพิสัย ตำบลสีกาย ตำบลหินโงม ตำบลหาดคำ ตำบลวัดธาตุ ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลสองห้อง อำเภอเมืองหนองคาย ตำบลบ้านฝาง อำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปากคาด ตำบลโนนศิลา ตำบลสมสนุก ตำบลนาดง ตำบลหนองยอง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ และตำบลโพนแพง ตำบลนาทับไฮ ตำบลพระบาทนาสิงห์ อำเภอรัตนวาปี ตำบลวังหลวง ตำบลหนองหลวง ตำบลเฝ้าไร่ ตำบลนาดี ตำบลอุดมพร อำเภอเฝ้าไร่ ตำบลจุมพล ตำบลชุมช้าง ตำบลบ้านผือ ตำบลทุ่งหลวง ตำบลเหล่าต่างคำ ตำบลเซิม ตำบลวัดหลวง ตำบลสร้างนางขาว ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลนาหนัง อำเภอโพนพิสัย ตำบลสีกาย ตำบลหินโงม ตำบลหาดคำ ตำบลวัดธาตุ ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลสองห้อง อำเภอเมืองหนองคาย ตำบลบ้านฝาง อำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอโพนพิสัย และอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๑ เพื่อกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินเฉพาะที่ดินที่มีการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเท่านั้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 32202 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์เพิ่มขึ้น และกำหนดให้สีแดงเป็นสีประจำสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 32203 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2554 ของไตรมาส 4 | ทก | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Govermment Contact Center : GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไตรมาส ๔ ประเด็นที่ประชาชนสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ๒๕๕๔ การทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี โครงการบ้านหลังแรก การคืนภาษีรถยนต์คันแรกให้กับผู้ซื้อ การทำบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการใช้สิทธิ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา การพยากรณ์อากาศ ราคาทองคำ และราคาน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 สามารถให้ข้อมูลแก่ประชาชนอย่างเหมาะสม ทำให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ เกิดความเข้าใจที่ดีต่อภาครัฐ รวมทั้งสามารถเตรียมรับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ๒. โครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือสังคม เช่น การรับเรื่องร้องเรียน รับแจ้งเบาะแสและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริการประชาชนในเรื่องต่าง ๆ เช่น เปิดให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมและภัยพิบัติต่าง ๆ แจ้งเข้ามาที่สายด่วน ๑๑๑๑ รวมทั้งรับแจ้งเบาะแสยาเสพติด และประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
|
||||||||||||||||||
| 32204 | การมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐเซอร์เบีย และให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐมาซิโดเนีย | กต | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ สาธารณรัฐเฮลเลนิก มีเขตอาณาครอบคลุม สาธารณรัฐเซอร์เบีย และให้เอกอัครรราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐเฮลเลนิกดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐเซอร์เบีย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเอเธนส์ อีกตำแหน่งหนึ่ง ๒. ให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี มีเขตอาณาครอบคลุม สาธารณรัฐมาซิโดเนีย และให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐตุรกีดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐมาซิโดเนีย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงอังการา อีกตำแหน่งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
| 32205 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | ศธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนของบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินหรืองบประมาณ ควรกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการไว้ให้ชัดเจนด้วย เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนงานที่สอดคล้องกับการงบประมาณและตามปฏิทินงบประมาณในแต่ละปี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้รวมมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล มาจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ๑.๒ กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่ การแบ่งส่วนราชการ อำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ๑.๓ กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีรายได้ส่วนหนึ่งจากเงินกองทุนที่รัฐบาลหรือมหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้น เงินอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน ๑.๔ กำหนดองค์ประกอบของสภามหาวิทยาลัย วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย อำนาจและหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย และให้มีคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ สภาคณาจารย์ และคณะกรรมการนโยบายวิชาการ ๑.๕ กำหนดตำแหน่งทางวิชาการ กำหนดปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ ๑.๖ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน งบประมาณและรายได้ องค์ประกอบสภามหาวิทยาลัย การดำรงตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ การโอนบรรดาข้าราชการและพนักงาน การคงฐานะของบรรดาคณะกรรมการ สิทธิการเข้าสู่ตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่ง การยุบเลิกตำแหน่ง ตลอดจนข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศต่าง ๆ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการหลอมรวม ยุบรวมสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อให้มีความมั่นใจว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพ เกิดความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อชุมชนและท้องถิ่นอย่างแท้จริง รวมทั้งควรจัดทำแผนบริหารจัดการทรัพยากรที่บูรณาการในมิติพื้นที่ทั้งด้านสถานศึกษา ด้านบุคลากร ด้านหลักสูตรการเรียนการสอน ด้านงบประมาณ และด้านการการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งติดตามประเมินผลการหลอมรวม ยุบรวมสถาบันอุดมศึกษา เพื่อนำมาปรับปรุง พัฒนาแนวทางและการบริหารจัดการให้เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการ |
||||||||||||||||||
| 32206 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 235 สายทางเลี่ยงเมืองนาแก ตอนทางเลี่ยงเมืองนาแกด้านเหนือ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๒๓๕ สายทางเลี่ยงเมืองนาแก ตอนทางเลี่ยงเมืองนาแกด้านเหนือ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๒๓๕ สายทางเลี่ยงเมืองนาแก ตอนทางเลี่ยงเมืองนาแกด้านเหนือ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 32207 | การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้ ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 | รง | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเกี่ยวกับกรณีอัตราเบี้ยเลี้ยงและค่าเช่าที่พักประเภทเหมาจ่าย โดยปรับปรุงจากเดิมอัตราไม่เกินวันละ ๑,๐๐๐ บาท เป็น ไม่เกินวันละ ๑,๕๐๐ บาท และกรณีค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลในการปฏิบัติงานนอกสถานที่ ที่กำหนดให้เบิกเงินชดเชยเป็นค่าพาหนะในลักษณะเหมาจ่ายให้แก่ผู้เดินทางไปราชการ ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ เนื่องจากค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ไม่ถือเป็นสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยเป็นการเบิกจ่ายให้แก่ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจในกรณีได้รับมอบหมายให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ทั้งนี้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. เห็นชอบการกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินที่รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งอาจดำเนินการได้เองตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ เกี่ยวกับการปรับปรุงค่าห้องและค่าอาหารในกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล สำหรับลูกจ้างเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกินวันละ ๑,๒๐๐ บาท และสำหรับบุคคลในครอบครัวเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกินวันละ ๘๐๐ บาท ทั้งนี้ สิทธิสำหรับบุคคลในครอบครัวจะต้องเป็นสิทธิที่มีอยู่เดิม และการกำหนดสภาพการจ้างดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงสถานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ และการจัดหารายได้เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย หรือสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมรายจ่ายที่จะเกิดขึ้น และขอบเขตสภาพการจ้างดังกล่าวไม่ใช่สภาพบังคับที่รัฐวิสาหกิจต้องดำเนินการ และเมื่อรัฐวิสาหกิจใดดำเนินการปรับปรุงสภาพการจ้างแล้ว ให้รัฐวิสาหกิจแจ้งการปรับปรุงดังกล่าวให้คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ทราบ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๘/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังไปดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่รัฐวิสาหกิจใดมีการพิจารณาปรับปรุงสภาพการจ้างให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งรายงานให้กระทรวงแรงงานทราบเพื่อรวบรวมเป็นฐานข้อมูลในการพิจารณาปรับปรุงสภาพการจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจในโอกาสต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 32208 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติม ประกอบด้วย ๑.๑ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ๑.๒ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ๑.๓ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ๑.๔ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยแร่ ๑.๕ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ๑.๖ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง ๑.๗ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ๑.๘ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยา ๑.๙ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ๑.๑๐ คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร คดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายและคดีความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง ๒. ให้ตัดคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร คดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายและคดีความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางออก คงเหลือเพียงจำนวน ๙ คดีความผิดเท่านั้น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) เสนอ และส่งร่างกฎกระทรวงฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 32209 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปี พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2552 | ปง | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการตรวจสอบข้อมูลเรื่องที่คณะรัฐมนตรีเสนอที่รัฐสภาหรือสภาผู้แทนราษฎรยังมิได้ให้ความเห็นชอบหรือรับทราบ ได้แก่ รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒. เห็นชอบให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และ พ.ศ. ๒๕๕๒ เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 32210 | ขออนุมัติลงนามในข้อตกลงระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตำรวจแห่งชาตินิวซีแลนด์ ว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ | ตช | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างข้อตกลงระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินิวซีแลนด์ ว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อความร่วมมือในด้านกิจการตำรวจระหว่างกัน เสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งความร่วมมืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อกิจการตำรวจทั้งสองประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามข้อตกลงฯ ในโอกาสเหมาะสมตามที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันต่อไป ๑.๓ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ยกเว้นกรณีหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า ข้อ ๒.๒ ของร่างข้อตกลงฯ ได้ระบุข้อความว่า “ข้อตกลงฯ มิได้ก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างกัน” (this Arrangement is not intended to create any legally binding obligations) ดังนั้น ร่างข้อตกลงฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญฯ ด้วยเหตุนี้เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ผู้ลงนามสามารถลงนามได้โดยไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนาม ประกอบกับข้อตกลงฯ มิได้เป็นหนังสือสัญญา แต่เป็นความตกลงระหว่างของรัฐทั้งสองประเทศ จึงไม่มีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในการลงนามข้อตกลงดังกล่าว ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับร่างข้อตกลงในส่วนของการดำเนินการให้ความร่วมมือเรื่องการประสานการปฏิบัติและการให้ความช่วยเหลือระหว่างกันตามข้อ ๓ (๒) และ (๓) ข้อ ๔.๒ และ ข้อ ๔.๓ ควรระบุให้ชัดเจนด้วยว่าการให้ความร่วมมือทั้งสองเรื่องดังกล่าวจะต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบภายในประเทศที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ เพื่อมิให้การดำเนินการให้ความร่วมมือตามข้อตกลงขัดแย้งกับกฎหมายและกฎระเบียบภายในของคู่ภาคีแต่ละประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
| 32211 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... ร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐโดยตำแหน่ง พ.ศ. .... และ ร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... | ยธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับประธานกรรมการ ป.ป.ท. ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา ๖๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเงินประจำตำหน่งในอัตรา ๔๒,๕๕๐ บาทต่อเดือน ส่วนกรรมการ ป.ป.ท. ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา ๖๑,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๕๐๐ บาทต่อเดือน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณากำหนดอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของคณะกรรมการ ป.ป.ท. ตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๕ การกำหนดสิทธิและอัตราการได้รับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ท. และการกำหนดสิทธิการได้รับเงินค่ารับรองของประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ท. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐโดยตำแหน่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการ ป.ป.ท. โดยตำแหน่ง และร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดอัตราเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการ ป.ป.ท. รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับกรรมการโดยตำแหน่งตามร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งฯ ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๕๐๐ บาทต่อเดือน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับความหมายของนิยามคำว่า “ค่ารับรอง” ตามร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งฯ นั้น เนื่องจากกำหนดรายการค่าที่พักและค่ายานพาหนะดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายไว้ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการและระเบียบกระทรวงการคลังที่ออกตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไว้แล้ว จึงสมควรตัดข้อความดังกล่าวออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเสนอความเห็นเกี่ยวกับอัตราเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการ ป.ป.ท. ตามร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมฯ ที่เหมาะสมเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากมีประเด็นที่ไม่สามารถตกลงได้ ให้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||
| 32212 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... (ตั้งศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนฯ) | มท | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๕ ไร่ เพื่อมอบให้เทศบาลตำบลประโคนชัยใช้เป็นที่ตั้งศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและประโยชน์อย่างอื่นในราชการของเทศบาลตำบล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 32213 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบภัยพิบัติปี 2554 โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการหารือของกระทรวงการคลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๔ (เรื่อง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบภัยพิบัติปี ๒๕๕๔ โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย) ที่ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยอีกร้อยละ ๒ ต่อปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย MLR ของธนาคารพาณิชย์เฉลี่ยประมาณร้อยละ ๗.๗ ต่อปี และควรยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นการลดภาระของผู้ประกอบการ รวมทั้งควรจัดให้มีมาตรการและแนวทางในการตรวจสอบผู้ประกอบการให้ตรงตามคุณสมบัติที่ได้มีการกำหนดอย่างเข้มงวด และเร่งดำเนินการติดตามและประเมินผลการปล่อยสินเชื่อในโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (SME POWER) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ระยะเวลาการปลอดชำระคืนเงินต้นกำลังจะหมดลงในช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสียและกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ในอนาคต ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ ซึ่งกระทรวงการคลังได้จัดให้มีการประชุมกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ ธพว. เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อนำความเห็นของหน่วยงานมาพิจารณาประกอบการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบภัยพิบัติปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดย ธพว. ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานรับทราบและเข้าใจรายละเอียดของมาตรการและไม่ขัดข้องที่ ธพว. จะดำเนินการตามหลักการกระทรวงการคลังที่ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๔ และเห็นควรให้ ธพว. เร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบภัยพิบัติปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยเร็วที่สุด
|
||||||||||||||||||
| 32214 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาแซง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | มท | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาแซง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาแซง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ ๘๘๘ ไร่ ๓๙ ตารางวา เพื่อมอบให้จังหวัดเพชรบูรณ์ใช้เป็นที่ตั้งศูนย์ราชการอำเภอหล่มเก่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 32215 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบ้านหว้า ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบ้านหว้า ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดบ้านหว้า ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่กรมทางหลวงเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๖ สายนครราชสีมา - อุบลราชธานี ตอนแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๘ (บุรีรัมย์) - สุรินทร์ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 32216 | สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทยซื้อที่ดินและอาคารที่พำนักของเจ้าหน้าที่การทูต | กต | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทยซื้อที่ดินและอาคารที่พำนักของเจ้าหน้าที่การทูต ซึ่งได้ดำเนินการภายใต้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน โดยจัดทำในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารเพื่อใช้เป็นที่ทำการและที่พำนักของสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยได้รับการยกเว้นค่าอากรและค่าธรรมเนียมการโอน ตลอดจนภาษีที่เกี่ยวข้อง ภายใต้เงื่อนไขของหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ พ.ศ. ๒๕๔๓
|
||||||||||||||||||
| 32217 | การขอยกระดับสถานกงสุลประจำนครโฮบาร์ต และเลื่อนฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำนครโฮบาร์ต เครือรัฐออสเตรเลีย | กต | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การยกระดับสถานกงสุลประจำนครโฮบาร์ต เป็นสถานกงสุลใหญ่ประจำนครโฮบาร์ต เครือรัฐออสเตรเลีย ๒. การเลื่อนฐานะนายอภิรัตน์ อจลบุญ กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครโฮบาร์ตเป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครโฮบาร์ต เครือรัฐออสเตรเลีย
|
||||||||||||||||||
| 32218 | รายงานประจำปี 2553 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | ศธ | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (International Institute for Trade and Development : ITD) สรุปสาระสำคัญของรายงานได้ ดังนี้
๑. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ITD ได้ดำเนินการจัดการศึกษาและฝึกอบรมให้บุคลากรภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตามวัตถุประสงค์การจัดตั้ง ITD ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๔ และตามพันธกรณีในความตกลงที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น งานวิจัย ๘ โครงการ งานฝึกอบรม ประชุม และสัมมนา ๓๓ กิจกรรม มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น ๒,๓๓๔ คน ทั้งนี้ ในการดำเนินการ ITD ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ประเทศไทยมีความโดดเด่นในสายตาของมิตรประเทศในเอเชีย และองค์การระหว่างประเทศ ในด้านการสร้างเสริมศักยภาพของบุคลากร (Capacity Building) ในด้านการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนา ๒. อำนาจหน้าที่หลักของ ITD คือ การจัดการศึกษาอบรม และให้การสนับสนุนเพื่อการค้นคว้าวิจัยแก่บุคลากรของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งในด้านการค้าระหว่างประเทศ การเงิน การคลัง การลงทุน การพัฒนา และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับกระแสโลกาภิวัตน์และแนวทางการยกเลิกข้อจำกัดทางการค้าต่าง ๆ ๓. ITD มีกิจกรรมหลักในการดำเนินงาน ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมการรวบรวมองค์ความรู้อย่างเป็นระบบและการวิจัย กิจกรรมการจัดการศึกษาอบรม และกิจกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ๔. ITD ได้ดำเนินโครงการวิจัยรวม ๘ โครงการ ได้แก่ ๔.๑ การเคลื่อนย้ายแรงงานวิชาชีพเข้าสู่ตลาดแรงงานตามมาตรฐานอาเซียน ๔.๒ ทิศทางการย้ายฐานการผลิตภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๔.๓ การสำรวจข้อมูลการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ๔.๔ การพัฒนายุทธศาสตร์กำลังคนและงานวิจัยเพื่อรองรบกระแสจีนภิวัตน์ ๔.๕ การอำนวยความสะดวกทางการค้าและผลกระทบต่อการค้าของประเทศไทย ๔.๖ การประเมินผลกระทบจากมาตรการการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Border Cardon Adjustment) และการเตรียมความพร้อมของไทย เพื่อรักษาขีดความสามารถการแข่งขันในการค้าระหว่างประเทศ ๔.๗ การศึกษามาตรการ Border Carbon Adjustments ในการลดโลกร้อน : มิติด้านกฎหมาย ๔.๘ เศรษฐกิจสร้างสรรค์กับการพัฒนาประเทศ
|
||||||||||||||||||
| 32219 | ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 324 ล.ตอกเข็ม โรงเรียนสารวิทยา | ศธ | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ๓๒๔ ล.ตอกเข็ม โรงเรียนสารวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒ กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ หลัง จากเดิมวงเงิน ๒๒,๓๗๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๕,๗๗๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 32220 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถีพร้อมรื้อถอนและปรับปรุงอาคารสำหรับผู้ป่วยนอกชั่วคราว | สธ | 13/12/2554 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กรมการแพทย์ดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถีพร้อมรื้อถอนและปรับปรุงอาคารสำหรับผู้ป่วยนอกชั่วคราว จำนวน ๑ หลัง ตามแบบเลขที่ ๑๐๕๓๙ และเอกสารเลขที่ ก.๔/ก.พ./๕๓ แบบเลขที่ ๑๐๖๙๓ และเอกสารเลขที่ ข.๖/ม.ค./๕๔ พร้อมแบบสถาปัตยกรรมของเอกชน และเอกสารเลขที่ ต.๖๑/พ.ค./๕๒ ในวงเงิน ๑,๙๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้จัดสรรให้แล้ว จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ จำนวน ๑,๕๐๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบอีก จำนวน ๒๓๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ กรมการแพทย์ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน ๒. ให้กรมการแพทย์เพิ่มเติมรายการค่าปรับปรุงอาคารโภชนบำบัด ชั้นที่ ๙ - ๑๐ ในส่วนที่จอดรถเป็นอาคารผู้ป่วยนอกชั่วคราว (OPD ชั่วคราว) และรื้อถอนอาคารสิรินธรเฉพาะกลุ่มงานรังสีและโถงพักคอย ซึ่งเป็นรายการเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม พร้อมการก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๙๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ก่อนลงนามในสัญญา ทั้งนี้ ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙
|
||||||||||||||||||
.....
