ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1612 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32221 - 32240 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32221 | รายงานผลการดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายความรับผิดชอบป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล | กษ | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายความรับผิดชอบป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การระบายน้ำสู่ทะเล ได้ดำเนินการลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน ป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนเจ้าพระยา ตลอดจนประตูระบายน้ำพลเทพ และบรมธาตุ เพื่อให้ปริมาณน้ำและระดับน้ำในแม่น้ำลดลง ปิดช่องขาดตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อลดปริมาณน้ำที่ไหลเข้าพื้นที่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ และระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังโดยการสูบน้ำจากเครื่องสูบน้ำถาวรและเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพิ่มเติมและระบายน้ำผ่านอาคารบังคับน้ำด้วยระบบแรงโน้มถ่วง รวมทั้งการระบายน้ำฝั่งตะวันออก โดยสูบระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา สูบน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ผ่านอาคารอัดน้ำกลางคลอง ๑๒ - ๑๓ สูบน้ำออกจากคลองหกวาสายล่างเพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำบางปะกงผ่านประตูระบายน้ำ/สถานีสูบน้ำสมบูรณ์ และสถานีสูบน้ำคลอง ๒๑ เป็นต้น และการระบายน้ำฝั่งตะวันตก ซึ่งได้กำหนดมาตรการดำเนินงานโดยการลดปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา โดยรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนที่ + ๑๗.๗๐ ม. รทก. ลดการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำบรมธาตุและประตูระบายน้ำพลเทพวันละประมาณร้อยละ ๑๐ ของปริมาณการระบายน้ำ และเร่งซ่อมแซมอาคารชลประทานตามคันกั้นน้ำฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองบางบัวทอง ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ให้แล้วเสร็จก่อนน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๒. การบำบัดน้ำเน่าเสียและขจัดกลิ่นเหม็น โดยใช้น้ำหมักชีวภาพ พด.๖ ได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งมีจำนวน ๒๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี ชัยนาท นครนายก นครปฐม นนทบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรปราการ สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย และอุทัยธานี ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้น้ำหมักชีวภาพ พด.๖ จำนวนประมาณ ๒๑.๔๐ ล้านลิตร ทั้งนี้ ผลการดำเนินการ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ปริมาณน้ำหนักที่ใช้ จำนวน ๑๗.๔๖ ล้านลิตร พื้นที่บำบัด ๒๙๖,๓๗๓ ไร่ ๓. การช่วยเหลือด้านการเกษตรอื่น ๆ ๓.๑ ด้านปศุสัตว์ ได้แก่ การสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ แร่ธาตุและเวชภัณฑ์ ดูแลสุขภาพสัตว์ อพยพสัตว์ และดำเนินมาตรการผ่อนปรนการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัย เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้พ้นจากน้ำท่วมเพื่อลดความสูญเสีย ๓.๒ ด้านประมง ได้แก่ การออกตรวจพื้นที่ ขนย้ายประชาชน แจกอาหารและถุงยังชีพ ลำเลียงผู้ป่วย ช่วยเหลือเกษตรกรขนย้ายปลา จับและขนย้ายจระเข้ และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเก็บเกี่ยวผลผลิตและมอบอาหารสัตว์น้ำให้แก่วัดที่ถูกน้ำท่วม ๓.๓ ด้านสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการสหกรณ์เอื้ออาทรผู้ประสบอุทกภัย โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่ายในราคาถูก เพื่อลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชน
|
|||||||||||||||
| 32222 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2554) | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ ๖ - ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔) ๑.๑ ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ใน ๒ พื้นที่ คือ ประเทศไทยตอนบน ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร รวม ๘๒ อำเภอ ๕๖๒ ตำบล ๓,๖๕๖ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๖๕๕,๒๑๑ ครัวเรือน ๔,๔๐๗,๑๙๒ คน และสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ มีพื้นที่ประสบอุทกภัยจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ และมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พัทลุง และตรัง มีผู้เสียชีวิต ๑๐ ราย ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู ๑.๒. การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (กรณีอุทกภัย) ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔) ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ประสบอุทกภัย ๓๐ เขต จำนวน ๖๒๑,๓๕๕ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓,๑๐๖,๗๗๕,๐๐๐ บาท รวมส่งออมสิน ๓๖,๔๖๔ ครัวเรือน ธนาคารออมสินจ่ายเงินแล้ว ๔,๗๑๓ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒๓,๕๖๕,๐๐๐ บาท คงเหลือ ๓๑,๗๕๑ ครัวเรือน สำหรับในพื้นที่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย ๖๒ จังหวัด กรอบครัวเรือน จำนวน ๒,๒๘๙,๕๖๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑๑,๔๔๗,๘๑๐,๐๐๐ บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว ๕๑๕,๕๑๔ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๕๗๗,๕๗๐,๐๐๐ บาท และธนาคารออมสินจ่ายเงินแล้ว ๑๘๓,๓๐๓ ครัวเรือน ๒. สรุปสถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ ๒ พฤศจิกายน - ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔) มีจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ ๘.๐ - ๑๕.๙ องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า ๘.๐ องศาเซลเซียส) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย สะเมิง จอมทอง ฝาง กัลยาณิวัฒนา และแม่อาย) และจังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอปางมะผ้า) รวม ๗ อำเภอ ๓๗ ตำบล ๔๓๑ หมู่บ้าน
|
|||||||||||||||
| 32223 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 2 - 8 ธันวาคม 2554 และ วันที่ 10 - 16 ธันวาคม 2554) | ทก | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และการพยากรณ์อากาศใน ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศใน ๗ วันที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ ๒ - ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น สำหรับบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนตกเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ๑.๒ ลักษณะอากาศใน ๗ วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔) ช่วงต้นสัปดาห์ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังเข้าปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง หลังจากนั้นบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนมีกำลังอ่อนลงแต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๓ - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ มีการแจ้งเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม รวมทั้งได้มีการแจ้งข่าวแผ่นดินไหว ซึ่งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้เฝ้าระวังสภาวะอากาศและติดตามประเมินผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมพร้อมเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้เกิดภัยพิบัติได้ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายที่อาจเกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบริเวณเชิงเขาและพื้นที่ต้นน้ำ และดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ด้วย
|
|||||||||||||||
| 32224 | การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายก่อนสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้
๑. การประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในแต่ละพื้นที่ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ ห้องประชุม ๒ กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ พื้นที่จังหวัดนนทบุรีจะสามารถระบายน้ำของพื้นที่ท่วมขังได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๐ ของพื้นที่ ภายในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ และหมู่บ้านพฤกษา ๓ ภายในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑.๒ พื้นที่จังหวัดปทุมธานีจะสามารถระบายน้ำของพื้นที่ท่วมขังและเส้นทางคมนาคมสำคัญสามารถสัญจรได้ ภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑.๓ พื้นที่จังหวัดนครปฐมจะสามารถระบายน้ำของพื้นที่ท่วมขังในพื้นที่ส่วนใหญ่ได้ ภายในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑.๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานคณะกรรมการเพื่อให้การช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) เสนอให้ ๒๕ จังหวัด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจัดเข้าสนับสนุนเขต ๒๒ เขตของกรุงเทพมหานคร (๑ จังหวัด ๑ เขต) และต่อมาเขตนั้น มีสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้จังหวัดที่กระทรวงมหาดไทยมอบหมาย ๒๕ จังหวัด นั้น สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้เพิ่มเติมในพื้นที่ ๒๒ เขต และจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และจังหวัดนครปฐม ตามที่กระทรวงมหาดไทยมอบหมายเพิ่มเติม ๑.๕ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะจัดหาเครื่องสูบน้ำสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังให้กับจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม เพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่ท่วมขังบรรลุผลตามที่วางแผนไว้ ๒. การประชุมหารือเกี่ยวกับการบริหารจัดการพื้นที่น้ำท่วมขังในกรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ ห้องประชุม ๓๕๒ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์และผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ ของกรมชลประทาน กรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่จะใช้ในการระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ โดยแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้อยู่ในระดับต่ำ เอื้อต่อการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังได้โดยเร็ว โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ส่วนแม่น้ำท่าจีน ระดับน้ำค่อนข้างสูง การระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังให้ได้ทั้งหมดอาจใช้เวลาถึงต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕ ๒.๒ พื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และฉะเชิงเทรา เขาสู่ภาวะปกติเกือบทั้งหมด พื้นที่น้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ส่วนใหญ่เข้าสู่ภาวะปกติ บางส่วนอยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยจะระบายออกได้ทั้งหมดภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ พื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดนครปฐม ส่วนใหญ่เข้าสู่ภาวะปกติ บางส่วนอยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยจะระบายออกได้ทั้งหมดภายในต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕ ๒.๓ ประธานคณะทำงานขอให้ส่วนราชการอื่น ๆ ให้การสนับสนุนกรุงเทพมหานครและจังหวัดในการระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงการทำความสะอาดพื้นที่ภายหลังการระบายน้ำ และให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดในการจ่ายเงินทดแทนให้กับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||
| 32225 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2554 | กษ | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบอุทกภัย ๗๖ จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๙ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๒๘๔,๑๐๖ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๑๒.๖๑ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๙.๙๙ ล้านไร่ พืชไร่ ๑.๘๗ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๗๕ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๓๐,๒๖๒ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๑๕,๗๑๙ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๕๓,๕๖๗ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๒๘๘,๘๑๙ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๕๔,๖๗๐ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๓๐.๓๒ ล้านตัว ๓. สรุปความก้าวหน้าการช่วยเหลือ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ เกษตรกร ๓๖๗,๘๙๘ ราย วงเงิน ๘,๐๘๖.๗๕๔ ล้านบาท สำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกร ๓๔๖,๐๔๑ ราย วงเงิน ๗,๙๒๙.๒๓๘ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว เกษตรกร ๒๙๗,๕๑๑ ราย วงเงิน ๗,๓๐๑.๐๑๘ ล้านบาท ๔. การดำเนินการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ได้แก่ การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ การผลิตและใช้น้ำหมัก พด.๖ ในพื้นที่ ๒๓ จังหวัด การสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ ดูแลสุขภาพสัตว์ การอพยพสัตว์ รวมทั้งมาตรการผ่อนปรนการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยเพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้พ้นจากน้ำท่วม เป็นต้น
|
|||||||||||||||
| 32226 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | ทก | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||
| 32227 | การแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง | กษ | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายดำรง จิระสุทัศน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายประสงค์ เสี่ยงโชคอยู่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
|||||||||||||||
| 32228 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดความปลอดภัยในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร พ.ศ. .... | คค | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดความปลอดภัยในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ดังนี้
๑. กำหนดข้อปฏิบัติของผู้ขับรถยนต์สาธารณะและรถยนต์บริการ เช่น ในกรณีเป็นรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ต้องใช้รถที่ผ่านการตรวจและทดสอบส่วนควบและอุปกรณ์ รวมทั้งการติดตั้งส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ตามที่กำหนด ไม่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับรถไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น ๒. กำหนดข้อปฏิบัติของผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ เช่น ต้องมีหมวกนิรภัยที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะโดยสารไว้สำหรับให้คนโดยสารสวมในขณะโดยสาร ไม่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นใดในขณะขับรถรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร เป็นต้น ๓. กำหนดคุณสมบัติและข้อปฏิบัติของผู้ขับรถยนต์รับจ้างรับส่งนักเรียน เช่น ต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ ปี หรือใบอนุญาตสาธารณะ หรือใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก รวมทั้งต้องเป็นผู้ไม่มีประวัติเสียหายอันเกิดจากการขับรถมาก่อน ต้องมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น และจัดให้มีผู้ควบคุมดูแลนักเรียนซึ่งมีอายุไม่น้อยกว่า ๑๘ ปี ประจำอยู่ในรถตลอดเวลาที่ใช้รับส่งนักเรียน เป็นต้น
|
|||||||||||||||
| 32229 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 33 และการประชุมที่เกี่ยวเนื่อง | กษ | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry - AMAF) ครั้งที่ ๓๓ และการประชุมที่เกี่ยวเนื่อง ระหว่างวันที่ ๕ - ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยสาระสำคัญของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของความร่วมมือทางวิชาการด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำไปสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน และการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ๒. ที่ประชุมให้ความเห็นชอบเอกสารต่าง ๆ อาทิ แนวทางปฏิบัติสำหรับการนำเข้ามันฝรั่งเพื่อการบริโภคภายในภูมิภาคอาเซียน (Intra - ASEAN Phytosanitary Guidelines for Importation of Potato - tuber for Consumption) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าภายในภูมิภาคอาเซียนค่าสารพิษตกค้างสูงสุดของอาเซียน (ค่า MRLs) สำหรับสารกำจัดศัตรูพืชเพิ่มเติมอีก ๕ ชนิด (Pesticides) รวม ๘ ค่า (MRLs) ได้แก่ acephate ในน้ำมันปาล์ม methamidophos ในน้ำมันปาล์ม monocrotophos ในน้ำมันปาล์ม cypermethrin ในมะละกอ cypermethrin ในถั่วฝักยาว propiconazole ในข้าวโพดเมล็ดแห้ง propiconazole ในข้าวโพดหวาน และ propiconazole ในอ้อย, มาตรฐานพืชสวนของอาเซียน ได้แก่ กระเจี๊ยบเขียว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกหวาน หอมหัวใหญ่ และพริก (ASEAN Standards for Okra, Cashew Kernels, Sweet Pepper, Onion, Chilli Peppers), บันทึกความเข้าใจระหว่างสมาชิกอาเซียนกับองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศเรื่องระบบข้อมูลโรคระบาดสัตว์ของอาเซียน MOU between Members of the Association of South East Asian Nations (ASEAN) and the World Organisation for Animal Health (OIE) on Linkage of ASEAN Regional Animal Health Information System (ARAHIS) with World Animal Health System (WAHIS) เป็นต้น ๓. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน (ASEAN Integrated Food Security (AIFS Framework) แผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน (Strategic Plan of Action on Food Security in the ASEAN Region : SPA - FS) โดยขอให้มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับคู่เจรจา องค์กรและประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ การพัฒนา รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศ เพื่อการประสานและเร่งดำเนินกิจกรรม ๔. ที่ประชุมรับทราบและสนับสนุนการดำเนินโครงการริเริ่ม และความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตาม AIFS Framework โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการสำรองข้าว การค้าข้าว และระบบสารสนเทศเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ๕. ที่ประชุมรับทราบ Declaration of Joint Response to Climate Change อันเป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๖ ซึ่งมอบหมายให้ภาคเกษตรและป่าไม้มีส่วนร่วมในความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา และการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยที่ประชุมยืนยันที่จะดำเนินการตามกลไกเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า [Reduced Emission from Deforestation and Forest Degradation (REDD)-plus] ๖. ที่ประชุมสนับสนุนข้อเสนอโครงการจัดตั้ง Regional Coordination Mechanism on Animal Health and Zoonoses (RCM) รวมทั้ง Terms of Reference of the Preparatory Committee to Implement the Preparatory Phase of the RCM ๗. ที่ประชุมรับทราบความสำเร็จของการประชุมอาเซียน - ซีฟเดค “การประมงอย่างยั่งยืนเพื่อความมั่นคงทางอาหารในทศวรรษหน้า” ซึ่งประเทศไทยร่วมกับซีฟเดคจัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||
| 32230 | การรณรงค์ซื้อสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ซื้อสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อเป็นการเสริมสร้างรายได้เป็นการเร่งด่วนให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่ประสบปัญหาอุทกภัย สามารถพลิกฟื้นและเริ่มประกอบการได้อย่างมีศักยภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้อีกครั้งหนึ่ง อันเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ รวมทั้งเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ได้รับความเดือดร้อนโดยเร่งด่วนและทั่วถึง โดยให้มีการดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑.๑ การรณรงค์ให้ซื้อสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ในการทำความสะอาด ซ่อมแซมสถานที่ราชการ สถานประกอบการ ที่พักอาศัย ๑.๑.๒ การรณรงค์ให้ซื้อสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ประเภทอาหาร และเครื่องดื่มในศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงในการจัดประชุมสัมมนาต่าง ๆ ของภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๑.๓ การรณรงค์ให้หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนซื้อสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ ๑.๒ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจให้ความร่วมมือ สนับสนุนในการซื้อสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ๑.๓ ให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานหลักเพื่อดำเนินการและจัดการด้านการประชาสัมพันธ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนประชาสัมพันธ์การรณรงค์ซื้อสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งจัดเตรียมระบบสนับสนุนการขาย และการกระจายสินค้า OTOP ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการซื้อสินค้า ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ กระทรวงพลังงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนเพื่อเร่งรัดการจัดงานหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ให้ทันก่อนเทศกาลวันขึ้นปีใหม่นี้ โดยบูรณาการกับการจัดงานอื่น ๆ เช่น โครงการสินค้าเบอร์ ๕ ช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ของกระทรวงพลังงาน และงานสินค้าธงฟ้า ของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งในรูปแบบของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การจัดนิทรรศการ และกิจกรรมต่าง ๆ โดยให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดงานนี้ทุกช่องทาง เช่น การแถลงข่าว และรายการโทรทัศน์เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ได้มีโอกาสในการสร้างรายได้ รวมทั้งการให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบรรจุภัณฑ์แก่ผู้ผลิต เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้โดดเด่นและสวยงามสามารถแข่งขันได้ในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ |
|||||||||||||||
| 32231 | ขอความเห็นชอบถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำเมืองอินส์บรุค สาธารณรัฐออสเตรีย | กต | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถอดถอน นายอาร์มิน เซาท์เตอร์ (Armin Sautter) ออกจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำเมืองอินส์บรุค สาธารณรัฐออสเตรีย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||
| 32232 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่อำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่ทั้งแปลงประมาณ ๑๔๑ ไร่ ๒ งาน ๔๘ ตารางวา เพื่อมอบให้จังหวัดสมุทรสาครสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสมุทรสาคร ศูนย์ ๓ วัยสานสายใยรักแห่งครอบครัวอำแพง จังหวัดสมุทรสาคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32233 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๙ ไร่ ๒ งาน ๕๕ ๓/๑๐ ตารางวา เพื่อมอบให้เทศบาลตำบลทุ่งเสลี่ยมใช้ก่อสร้างอาคารสำนักงานและศูนย์รวมราชการของเทศบาลตำบลทุ่งเสลี่ยม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32234 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค (ครั้งที่ 4) | กษ | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค (ครั้งที่ ๔) ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค (ครั้งที่ ๔) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ มี ดังนี้ ๑.๑ รับคำเสนอขายที่ดิน จำนวน ๒๒ จังหวัด เนื้อที่ ๓๐,๗๙๓ - ๐ - ๗๔ ไร่ ๑.๒ เกษตรกรมาตรวจสอบสิทธิ จำนวน ๑,๗๑๘ ราย มีคุณสมบัติครบ ๑,๔๘๘ ราย ๑.๓ เกษตรกรแสดงความประสงค์และพึงพอใจในที่ดิน จำนวน ๑,๐๐๒ ราย เนื้อที่ ๑๔,๒๒๘ - ๓ - ๙๕ ไร่ ๑.๔ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) เห็นชอบแผนการจัดซื้อที่ดิน จำนวน ๒๑ จังหวัด เกษตรกร ๙๒๘ ราย เนื้อที่ ๑๓,๑๒๙ - ๐ - ๘๘ ไร่ ๒. ส.ป.ก. ได้ดำเนินการตามแนวทางตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ในการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ให้เกษตรกรแสดงตน ณ ส.ป.ก.จังหวัด ที่ประสงค์จะให้จัดซื้อที่ดิน ภายในที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ มีหนังสือแจ้งเกษตรกรที่ยังไม่มาแสดงตนให้มาแสดงตน และให้เจ้าหน้าที่ติดตามเกษตรกรยังภูมิลำเนา โดยในส่วนของเกษตรกรที่แสดงตนแล้วได้เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เกษตรกรคัดเลือกแปลงที่ดินโดยเร็ว ๓. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ได้กำหนดให้เกษตรกรที่แสดงความประสงค์และพึงพอใจในแปลงที่ดินที่ผ่านความเห็นชอบจากอนุกรรมการและ คปจ. แล้ว ห้ามมิให้ย้ายไปขอรับการจัดที่ดินแปลงอื่น ซึ่งหากเกษตรกรยืนยันไม่ประสงค์ขอรับการจัดที่ดินแปลงเดิมที่ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว ถือว่าเกษตรกรรายนั้น สละสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกิน ๔. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ได้เห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้องในการดำเนินงานโดยการสร้างความสามัคคี ปรองดอง และการประสานประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย/กลุ่ม ในสภาประชาชน ๔ ภาค เพื่อลดความขัดแย้งและเพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายในการจัดที่ดินให้แก่สมาชิก ๕. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินที่ ส.ป.ก.จังหวัด จะจัดซื้อตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดหาที่ดินและจัดที่ดินให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาไปได้ก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินลดลง ๖. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประสานงานกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้แจ้งหน่วยงานในสังกัดพิจารณาให้ความร่วมมือในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค ตามมติคณะรัฐมนตรีในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตลอดจนการรังวัดสอบเขตแปลงที่ดินให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว |
|||||||||||||||
| 32235 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... (ตั้งสถานธนานุบาลฯ) | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ประมาณ ๒ งาน ๗ ตารางวา เพื่อมอบให้เทศบาลตำบลประโคนชัยใช้เป็นที่ตั้งสถานธนานุบาล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32236 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๑๙๒ ไร่ ๑ งาน ๙๓ ๖/๑๐ ตารางวา เพื่อมอบให้มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชใช้เป็นที่ตั้งวิทยาเขตและศูนย์ให้การศึกษาแก่ประชาชนในพื้นที่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32237 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. ... | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๕๗ ไร่ ๒ งาน ๒๐ ตารางวา โดยที่ดินแปลงที่ ๑ เนื้อที่ประมาณ ๑๑ ไร่ ๒ งาน ๗๐ ตารางวา มอบให้เทศบาลตำบลอุบลใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานเทศบาลอุบล แปลงที่ ๒ เนื้อที่ประมาณ ๔๒ ไร่ ๓ งาน ๙๘ ตารางวา มอบให้กรมทางหลวงใช้เป็นที่ตั้งที่ทำการสำนักงานแขวงการทางอุบลราชธานีที่ ๒ และแปลงที่ ๓ เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๓ งาน ๕๒ ตารางวา มอบให้กรมทางหลวงใช้เป็นที่ตั้งที่ทำการสำนักงานหมวดการทางอุบลราชธานีที่ ๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32238 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนจันจว้า จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนจันจว้า จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลจันจว้า และตำบลจันจว้าใต้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32239 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลสระแก้ว อำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลสระแก้ว อำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลสระแก้ว อำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น ทั้งแปลง เนื้อที่ประมาณ ๑๑ ไร่ ๒ งาน ๕๖ ตารางวา เพื่อมอบให้เทศบาลตำบลเปือยน้อย ใช้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลและอาคารประกอบอื่น ๆ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
| 32240 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 13/12/2554 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด เนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ ๑ งาน ๔๙ ๘/๑๐ ตารางวา เพื่อมอบให้เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดใช้เป็นที่ตั้งศูนย์บริการสาธารณสุข ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
.....
