ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1616 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 32301 - 32320 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32301 | ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน | พณ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน เพิ่มอีก ๑ ปี จากเดิม ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็น ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศได้มีโอกาสเข้าร่วมในโครงการนำร่องฯ และทดลองการใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองก่อนที่จะนำระบบนี้มาใช้จริงต่อไป ๒. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน ออกไปอีก ๑ ปี
|
||||||||||||||||||||||||
32302 | โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนคลองตรอน เขื่อนกิ่วคอหมา และท้ายเขื่อนจุฬาภรณ์ | พน | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนคลองตรอน เขื่อนกิ่วคอหมา และท้ายเขื่อนจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๗๓ Power Development Plan (PDP 2010) วงเงินลงทุน ๙๖๔.๗๕ ล้านบาท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ จำนวน ๔๐๗.๖๙ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ในประเทศและการก่อสร้าง จำนวน ๕๕๗.๐๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญกับการออกแบบรายละเอียดของการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารชลประทาน และให้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงในลักษณะเดียวกับที่กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้จัดทำร่วมกันไว้เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๐ เพื่อให้การบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากสุด ตามความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการดำเนินการด้วยว่า การบริหารจัดการน้ำเพื่อกักเก็บไว้ให้เพียงพอแก่การผลิตไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาจะต้องมีความเหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถและความพร้อมของเขื่อนในการรองรับปริมาณน้ำที่มีมากในช่วงน้ำหลากและมีฝนตกชุก รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรทบทวนและปรับปรุงแผนงานของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง ๓ แห่ง ให้เป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องของกรอบระยะเวลาการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการลงทุนในโครงการ และคำนึงถึงต้นทุนการผลิตต่อหน่วยและการวางแผนในการบริหารจัดการพลังงานทดแทนเพื่อสามารถนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมทั้งควรประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับชุมชนตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินโครงการเพื่อให้ชุมชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง ๓ แห่ง เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ติดตั้งท้ายเขื่อนซึ่งจะใช้ประโยชน์จากน้ำที่ไหลผ่านทางระบายน้ำที่มีอยู่เดิมของเขื่อนเพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้า โดยไม่กระทบต่อปริมาณน้ำที่ประชาชนใช้ในการเกษตร ตลอดจนพิจารณาหาแนวทางในการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในรูปแบบอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน ๑๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๖๕) เพื่อความมั่นคงในการจัดหาพลังงานให้กับประเทศต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32303 | การแก้ไขหนังสือรับรองให้แก่ ECAs สำหรับเงินกู้เพื่อชำระค่าจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 6 ลำ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ความเห็นชอบในเงื่อนไขพิเศษของสถาบันสินเชื่อเพื่อการส่งออกแห่งยุโรป (European Export Credit Agencies : ECAs) ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ของธนาคาร BNP Paribas & Credit Agricole CIB ภายใต้สัญญาเช่าซื้อเพื่อชำระค่าจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330 - 300 ลำที่ ๑๕ - ๒๐ จำนวน ๖ ลำ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และให้ออกหนังสือรับรองฉบับใหม่ให้แก่ ECAs ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นทางกฎหมายสำหรับการออกหนังสือรับรองฉบับใหม่ในครั้งนี้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากมีการปรับเงื่อนไขอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการจัดหาเครื่องบินในระยะต่อไป จึงเห็นควรบริหารความเสี่ยงด้านการเงินอย่างรอบคอบเพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับไปศึกษาเพิ่มเติมว่า การลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลัง จากถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๑ เป็นถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ จะมีผลในเชิงบวกและเชิงลบอย่างไร โดยเฉพาะสถานภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการค้ำประกันเงินกู้ของกระทรวงการคลัง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
32304 | แผนการดำเนินงาน ประมาณการรายได้ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) ดังนี้ ๑.๑.๑ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ดำเนินการตามแผนการดำเนินงานอย่างครบถ้วน โดยมีผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานที่สำคัญ ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านการกำกับกิจการพลังงานเพื่อให้การประกอบกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ใช้พลังงานเพื่อการพัฒนากิจการพลังงานและการกำกับกิจการพลังงาน รวมทั้งการดำเนินงานจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และด้านการพัฒนาองค์กรให้มีคุณภาพ โดยนำเกณฑ์การพัฒนาคุณภาพบริหารจัดการภาครัฐ (Public Sector Management Quality Award : PMQA) มาเป็นกรอบการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักงานให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๑.๑.๒ การจัดเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียมเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ คาดว่าจะมีจำนวนทั้งสิ้น ๖๕๕.๔๕ ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการรายได้ที่ได้ประมาณไว้จำนวน ๐.๒๐ ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถใช้จ่ายงบประมาณฯ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้จำนวนทั้งสิ้น ๖๐๙.๒๗ ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่างบประมาณรายจ่ายที่ได้รับอนุมัติฯ ไว้จำนวน ๔๕.๙๒ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบแผนการดำเนินงาน และประมาณการรายได้และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของ สกพ. ดังนี้ ๑.๒.๑ งานกำกับกิจการพลังงานเชิงรุก ได้แก่ การนำระเบียบ หลักเกณฑ์การกำกับกิจการพลังงานไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม (Regulatory Enforcement) และการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนงานการกำกับที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยการออกใบอนุญาต การกำกับอัตราค่าบริการพลังงาน การกำกับการรับซื้อไฟฟ้า และการกำกับการบริหารจัดการการใช้อสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กกพ. จะมุ่งเน้นการพัฒนาระบบติดตามตรวจสอบการประกอบกิจการพลังงาน และวิเคราะห์ผลกระทบเชิงการกำกับ (Regulatory Impact Assessment : RIA) เพื่อให้การออกกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์เป็นไปอย่างรอบคอบ รัดกุม และนำไปสู่การปรับตัวของกิจการพลังงานในทิศทางที่เหมาะสม ๑.๒.๒ งานส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ใช้พลังงานเพื่อพัฒนางานกำกับกิจการพลังงาน ได้แก่ การมุ่งเน้นการกระจายอำนาจการบริหารจัดการสู่ภูมิภาค การขยายบทบาทหรือเครือข่ายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการประกอบกิจการพลังงาน และการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการพัฒนาท้องถิ่นและติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ๑.๒.๓ งานพัฒนาองค์กร ได้แก่ การพัฒนาระบบการบริหารจัดการสำนักงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ การเพิ่มขีดความสามารถของทรัพยากรบุคคลในด้านการกำกับกิจการพลังงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ กกพ. ในการกำกับกิจการพลังงาน ๑.๒.๔ ประมาณการรายได้ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จะมีวงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๖๘๐.๐๔ ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการพลังงานรายปี ๒. ให้ สกพ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการเสนอแผนการดำเนินงานฯ สกพ. ควรมีการแสดงผลการดำเนินงานจริงในปีที่ผ่านมาโดยเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ได้ประมาณการไว้ เพื่อให้ทราบว่าได้มีการใช้งบประมาณไปอย่างคุ้มค่ากับผลงานที่ได้รับหรือไม่ อย่างไร และจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงด้านงบประมาณ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการจัดเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมจริงได้ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32305 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงิน วงเงิน ๕,๔๐๒.๘๐๘ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน ๓,๖๐๕.๗๐๐ ล้านบาท และค่าเหมาซ่อม จำนวน ๑,๗๙๗.๑๐๘ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ และปรับเงินกู้ตามยอดหนี้ที่ ขสมก. ต้องชำระจริง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณารายการและวงเงินที่ ขสมก. ขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะโดยเฉพาะในส่วนค่าเหมาซ่อม เพื่อลดปัญหาความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ และเห็นควรเร่งรัดหาแนวทางการบริหารเงินทุนหมุนเวียนสำหรับชำระค่าน้ำมันและค่าเหมาซ่อมให้ทันตามสัญญา ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๔๓ [เรื่อง ขออนุมัติกู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมัน ค่าเหมาซ่อม พร้อมดอกเบี้ย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๒ (ตุลาคม ๒๕๕๑ - กันยายน ๒๕๕๒)] ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่ให้กระทรวงคมนาคมหาแนวทางการบริหารเงินทุนหมุนเวียนสำหรับชำระค่าน้ำมันและค่าเหมาซ่อมให้ทันตามสัญญา ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32306 | ปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน | พณ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน (Joint Declaration between ASEAN and Canada on Trade and Investment) ซึ่งที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๓ (The 43rd Meeting of ASEAN Economic Ministers) เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองมานาโด ประเทศอินโดนีเซีย ได้เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างอาเซียนกับแคนนาดาที่จะมีความร่วมมือเพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันในด้านการค้าสินค้าและบริการ ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการลงทุน และเพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับแคนาดา ตลอดจนเพื่อพัฒนากลไกแลกเปลี่ยนข้อสนเทศการค้า การลงทุนและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงให้มีการจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจระหว่างกันเป็นครั้งคราวและอาจจะตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการในรายละเอียด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32307 | การจัดทำคำของบประมาณแบบบูรณาการ โครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ | พม | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดทำคำของบประมาณแบบบบูรณาการโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงิน ๑๐๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และให้สำนักงบประมาณเพิ่มเติมโครงการต่อการค้ามนุษย์ในแผนงานบูรณาการงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้สอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงาน หากเห็นว่าไม่เพียงพอกับการบริหารงาน ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอคำขอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดมาตรการหรือแผนการดำเนินงานที่เหมาะสม มีการตั้งงบประมาณสนับสนุน ค่าตรวจ วินิจฉัย และรักษาพยาบาลให้แก่ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่เป็นคนต่างชาติ มีการเก็บข้อมูลค่ารักษาพยาบาลผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่มารับบริการทุกราย เพื่อวิเคราะห์ค่ารักษาพยาบาลในแต่ละปีว่าใช้งบประมาณมากน้อยเพียงใด รวมทั้งให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32308 | โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าหลักเพื่อรองรับโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายเล็กระบบ Cogeneration ตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าปี พ.ศ. 2553 | พน | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าหลักเพื่อรองรับโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายเล็กระบบผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Cogeneration) ตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายเล็ก (Small Power Producer, SPP) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยในอนาคต โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการรับไฟฟ้าจาก ๒,๐๐๐ เมกะวัตต์ เป็น ๓,๕๐๐ เมกะวัตต์ วงเงินลงทุนโครงการฯ รวม ๑๐,๖๑๐.๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน ๒,๕๔๓ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ในประเทศและการก่อสร้าง จำนวน ๘,๐๖๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ [เรื่อง การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดของโครงการของหน่วยงานของรัฐที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๓๗)] ต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการบริหารจัดการในส่วนของการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยน การวางแผนทางการเงินขององค์กรในระยะยาว การจัดทำแผนการใช้จ่ายและแผนบริหารความเสี่ยงทางการเงิน การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และการจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ที่แนวสายส่งพาดผ่านเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการดำเนินงานโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32309 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 รุ่นอายุ 7 ปี ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ รุ่นอายุ ๗ ปี ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ รุ่นอายุ ๗ ปี จำนวน ๒๖,๖๙๖.๗๑ ล้านบาททั้งจำนวน โดยมีขั้นตอน ดังนี้
๑. การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรออมทรัพย์ฯ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๒๖,๖๙๖.๗๑ ล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินระยะสั้น อายุเงินกู้ไม่เกิน ๒ เดือน จำนวน ๑๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จากสถาบันการเงิน ๒ แห่ง ได้แก่ ธนาคารมิซูโฮ คอร์ปอเรต จำกัด สาขากรุงเทพฯ และธนาคารออมสิน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ ๓.๒๕ - ๓.๓๑ ต่อปี และทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวน ๘,๖๙๖.๗๑ ล้านบาท ๒. การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวนรวม ๒๖,๖๙๖.๗๑ ล้านบาท จะชำระโดย ๒.๑ เงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB170A) อายุคงเหลือ ๖.๑ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๐ ต่อปี จำนวน ๑๘,๖๙๖.๗๑ ล้านบาท จากวงเงินประมูล ๒๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๔ ๒.๒ เงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (LB236A) อายุคงเหลือ ๑๑.๗๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี โดยมีการประมูลในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ จำนวน ๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
32310 | รายงานประจำปี 2553 ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | สสป | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๓ ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญคือ การรายงานให้ทราบถึงผลการดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อนำมาสังเคราะห์และจัดทำเป็นความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ตุลาคม ๒๕๕๒ - กันยายน ๒๕๕๓) สภาที่ปรึกษาฯ ได้เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีทั้งหมด จำนวน ๑๔ เรื่อง จำแนกความเห็นและข้อเสนอแนะเป็นด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๓ เรื่อง ด้านสังคม จำนวน ๖ เรื่อง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๓ เรื่อง และด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
32311 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายศักดิ์สิทธิ์ โพธิสิทธิ์ เป็นโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (ฝ่ายการเมือง) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32312 | รายงานการรับและการใช้จ่ายเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ตามมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวม 2 ฉบับ ของกระทรวงการคลัง | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ตามมาตรา ๑๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรยังมิได้รับทราบและตกไปอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการรับและใช้จ่ายเงินของกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๑ รายงานแสดงฐานะการเงิน กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๔๖๓,๒๗๕.๒๓ ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๑.๖๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๐๐๓ โดยเป็นสัดส่วนการลดลงของเงินฝากธนาคารพาณิชย์จากการชำระคืนต้นเงินกู้ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ จำนวน ๐.๘๐ ล้านบาท ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๙๖.๗๔ และในส่วนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น ได้แก่ เงินกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ฯ ลดลง ๐.๘๐ ล้านบาท ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๐.๐๐๐๒ ส่วนรายได้มีเพียงจากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์เท่านั้น จำนวน ๑๘๙.๘๑ บาท ขณะที่สินทรัพย์สุทธิในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ มีจำนวน ๐.๐๓ ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๐.๐๓ ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๐.๘๐ ล้านบาท ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๙๖.๔๑ สำหรับรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ กองทุนฯ มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๐.๘๐ ล้านบาท ขณะที่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๐.๐๒ ล้านบาท ๑.๒ รายงานแสดงผลการดำเนินงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ กองทุนฯ มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๐.๘๐ ล้านบาท โดยมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๐.๗๘ ล้านบาท คิดเป็นการลดลงร้อยละ ๔,๘๓๙.๗๕ สำหรับในส่วนของรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ มีจำนวน ๐.๐๐๐๒ ล้านบาท เป็นรายได้จากการดำเนินการ อย่างไรก็ดี รายได้จากการดำเนินการดังกล่าวลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งมีจำนวน ๐.๐๒ ล้านบาท โดยลดลงคิดเป็นร้อยละ ๙๘.๘๘ ขณะที่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ไม่มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน มีเพียงค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงาน ซึ่งมีจำนวน ๐.๘๐ ล้านบาท มาจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของกองทุนฯ ๑.๓ รายงานรับ - จ่ายเงิน กองทุนฯ มีเงินคงเหลือ ณ วันต้นงวดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๐.๘๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๐.๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ ๒.๐๗ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ มีรายจ่ายอื่น จำนวน ๐.๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ทำให้เงินคงเหลือ ณ วันปลายงวดในปีงปบระมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ของกองทุนฯ คงเหลือ จำนวน ๐.๐๓ ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๔๑ ๒. รายงานการรับและใช้จ่ายเงินกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒.๑ รายงานแสดงฐานะการเงิน กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๙๔๐,๘๓๔.๖๑ บาท ประกอบด้วย เงินฝากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๙๔๐,๒๑๐.๑๙ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๓ ของสินทรัพย์รวม และรายได้ค้างรับ จำนวน ๖๒๔.๔๒ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๗ ของสินทรัพย์รวม ๒.๒ รายงานแสดงผลการดำเนินงาน กองทุนฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน ๑,๐๐๐,๗๐๖.๖๑ บาท มาจากรายได้จากเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรายได้ดอกเบี้ย จำนวน ๗๐๖.๖๑ บาท ซึ่งกองทุนฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน ๕๙,๘๗๒ บาท ทำให้กองทุนฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๙๔๐,๘๓๔.๖๑ บาท ๒.๓ รายงานรับ - จ่ายเงิน โดยรายรับของกองทุนฯ มาจาก ๒ แหล่ง คือ รายรับจากเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรายรับจากดอกเบี้ย จำนวน ๗๐๖.๖๑ บาท ส่วนรายจ่ายของกองทุนฯ มีเพียงรายจ่ายจากการดำเนินงาน จำนวน ๕๙,๘๗๒ บาท ทำให้กองทุนฯ มีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด จำนวน ๙๔๐,๘๓๔.๖๑ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
32313 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... | คค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๕ กับทางหลวงชนบท สส. ๓๐๕๗ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32314 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลมูโนะ ตำบลสุไหงโก - ลก บางส่วนของตำบลปูโยะ และบางส่วนของตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32315 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในโอกาสที่วันประสูติครบ 150 ปี พ.ศ. .... | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ แก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงและชื่อเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เป็น “เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในโอกาสครบ ๑๕๐ ปี วันประสูติ” ๒.๒ รายละเอียดของเหรียญในร่างกฎกระทรวงฯ และบัญชีท้ายกฎกระทรวง เห็นควรแก้ไข ดังนี้ ๒.๒.๑ หากระบุว่า “ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์” หมายถึง ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ทั้งสำรับ จึงไม่ต้องระบุ “ประดับดาราจักรี” ซึ่งรวมอยู่ในสำรับด้วยแล้ว ๒.๒.๒ หากประสงค์จะระบุแต่ละองค์ประกอบของเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ อาจแก้ไขข้อความเป็น “... ทรงสายสร้อยแห่งเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประดับดาราจักรี ทรงสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ ทรงสายสร้อยจุลจอมเกล้า และดวงตรารัตนวราภรณ์ ...”
|
||||||||||||||||||||||||
32316 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 100 ปี โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พ.ศ. .... | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ ๑๐๐ ปี โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาดอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงและบัญชีท้ายบรรยายเกี่ยวกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้ระบุเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตรารัตนวราภรณ์ ซึ่งปรากฏในพระรูปด้วย จึงสมควรแก้ไขข้อความเป็น “ด้านหน้า กลางเหรียญ มีพระรูปจอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบจอมพลทหารบก ฉลองพระองค์ครุย ทรงสายสร้อยแห่งเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประดับดาราจักรี ทรงสายสะพายและประดับดาราเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ทรงสายสร้อยจุลจอมเกล้า และดวงตรารัตนวราภรณ์ ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32317 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลริมกก ตำบลบ้านดู่ และตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลริมกก ตำบลบ้านดู่ และตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลริมกก ตำบลบ้านดู่ และตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32318 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
๑. ยกเลิกมาตรา ๖๓ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นการยกเลิกกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายเกินไป ที่ให้ยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งถูกหักภาษีเกินไป เมื่อยกเลิกมาตรการดังกล่าวแล้วมีผลให้กำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรในกรณีดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา ๒๗ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ๒. แก้ไขมาตรา ๑๒๒ แห่งประมวลรัษฎากร โดยปรับปรุงแก้ไขกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนเงินค่าอากรแสตมป์ โดยแก้ไขให้ยื่นคำร้องได้ภายในสามปี
|
||||||||||||||||||||||||
32319 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ. .... | มท | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้บุคคลใดที่จะประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่านอกจากการค้าของเก่าบางประเภทหรือบางชนิดที่รัฐมนตรีประกาศยกเว้นในราชกิจจานุเบกษา ต้องขอใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดทางอาญามีโทษถึงจำคุก ๑.๒ กำหนดให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตหากประสงค์จะประกอบอาชีพต่อไปให้ยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนวันที่ใบอนุญาตจะหมดอายุ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดทางอาญามีโทษปรับ และอาจถูกดำเนินคดีในข้อหาประกอบอาชีพโดยไม่มีใบอนุญาต ๑.๓ กำหนดให้ผู้ค้าของเก่านอกสถานที่ เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วสามารถนำของเก่าหรือของโบราณออกขายนอกสถานที่ได้ ๑.๔ กำหนดให้นายตรวจมีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้าได้ ๑.๕ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการขายทอดตลาด ใบอนุญาตค้าของเก่า และใบแทนใบอนุญาตขายทอดตลาดหรือค้าของเก่า ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ มาประกอบการพิจารณาเพื่อให้สอดรับกัน และให้เชิญผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรมมาร่วมตรวจพิจารณาด้วย รวมทั้งความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดหลักเณฑ์และวิธีการขายทอดตลาดและการขายทอดตลาดทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้สอดคล้อง มีผลบังคับ และเป็นไปในแนวทางเดียวกันตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ควรมีการนิยามความหมายของคำว่า “ของเก่า” ให้ชัดเจน โดยควรยกเว้นการค้าของเก่าประเภทที่เป็นวัตถุอันตรายที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
32320 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้บุคคลใดร้องขออนุญาตต่อพนักงานศุลกากร เพื่อกระทำกิจการเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือกิจการทั้งหลายทั้งปวงแทนบุคคลอื่น ถ้าไม่มีใบมอบอำนาจมาแสดงพนักงานศุลกากรอาจจะไม่ยอมรับรองหรือกระทำกิจการกับผู้นั้นได้ ๒. พนักงานศุลกากรอาจยอมกระทำกิจการที่ร้องขอกับผู้นั้น แต่ให้วางประกันโดยทำทัณฑ์บนหรือประการอื่นไว้ตามที่เห็นสมควรแก่กรณีก็ได้
|
.....