ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1616 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 32301 - 32320 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32301 | ขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | ศธ | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการนำเรื่อง ขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32302 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 19 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการปฏิบัติตามแผนการดำเนินงานสู่ประชาคมอาเซียนในทั้งสามเสา (การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการสร้างประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ โดยเฉพาะการเร่งรัดการรวมตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียนมาจากภายในภูมิภาคเป็นหลัก โดยลดการพึ่งพาเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเท่าเทียมกัน ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และอย่างยั่งยืน ๑.๒ ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity) รวมทั้งสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศนอกอาเซียนด้วย โดยให้ความสำคัญกับการระดมทุนในลักษณะหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชน (public - private partnership) และจากประเทศคู่เจรจา ๑.๓ ที่ประชุมยินดีต่อพัฒนาการที่ดีในกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยและการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมในพม่า พร้อมทั้งสนับสนุนให้พม่าเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๗ ๑.๔ ที่ประชุมตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานภายใต้คณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Council - ACC) เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ตามข้อ ๖ ของกฎบัตรอาเซียน ๑.๕ ที่ประชุมสนับสนุนการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องตาม Guidelines for the Implementation of the Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea (Guidelines on DoC) ซึ่งอาเซียนและจีนได้รับรองเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ และหวังว่าจะนำไปสู่ข้อสรุปในการจัดทำ Code of Conduct of Parties in the South China Sea (CoC) ในที่สุด โดยทุกประเทศสนับสนุนให้ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ได้รับการแก้ไขโดยการหารือและอย่างสันติ และเห็นว่าควรรักษาพัฒนาการที่ดีในเรื่องนี้ต่อไป ๑.๖ ไทยและกัมพูชาได้แจ้งที่ประชุมทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีพัฒนาการที่ดี และเห็นพ้องให้อินโดนีเซียมีบทบาทตรวจสอบ (monitor) การปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราวตามคำสั่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศต่อไป ๒. การประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ๒.๑ การประชุมสุดยอดอาเซียน - จีน สมัยพิเศษ ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ ๒๐ ปี ที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และได้หารือถึงมาตรการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน - จีน และการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนกับจีน ๒.๒ การประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๔ ที่ประชุมให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ โดยญี่ปุ่นได้ตกลงให้มีการเชื่อมโยงศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Centre) ที่กรุงเทพฯ กับศูนย์ลดภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asia Disaster Reduction Centre) ที่เมืองโกเบ และได้หารือเกี่ยวกับการขยายการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และการเสริมสร้างความเชื่อมโยง โดยญี่ปุ่นยืนยันที่จะสนับสนุนอาเซียนในการเสริมสร้างความเชื่อมโยง และแสดงความสนใจที่จะมาลงทุนในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ๒.๓ การประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑๔ ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน ภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี การลดช่องว่างด้านการพัฒนา การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเสริมสร้างความเชื่อมโยงและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน โดยเกาหลีเห็นพ้องกับข้อเสนอของไทยที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการน้ำระหว่างเกาหลีกับอาเซียน เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในภูมิภาค ๒.๔ การประชุมสุดยอดอาเซียน + ๓ (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี) ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากมาตรการความร่วมมือต่าง ๆ ที่มีอยู่ และสนับสนุนข้อเสนอของไทยที่จะให้มีความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงภายใต้กรอบอาเซียน + ๓ (ASEAN + 3 Partnership on Connectivity) และได้มีการหารือความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการภัยพิบัติ การเปิดเสรีการค้า และความมั่นคงทางอาหาร ๒.๕ การประชุมผู้นำอาเซียน - สหรัฐฯ ครั้งที่ ๓ ที่ประชุมสนับสนุนบทบาทและการมีส่วนร่วมในภูมิภาคอย่างสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ และเห็นพ้องส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติ อาทิ ความมั่นคงทางทะเล ความเชื่อมโยงในภูมิภาค การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ความมั่นคงด้านอาหาร และการศึกษา ๒.๖ การประชุมสุดยอดอาเซียน - สหประชาชาติ ครั้งที่ ๔ ที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการส่งเสริมและขยายความร่วมมือที่เป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติให้มากยิ่งขึ้นในทุกด้าน ทั้งการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ๒.๗ การประชุมสุดยอดอาเซียน - อินเดีย ครั้งที่ ๙ ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน - อินเดียมากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ถึง ๗๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๕๕ และเร่งรัดการเจรจาความตกลงด้านการค้าบริการและการลงทุนให้เสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเพิ่มพูนความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลและความปลอดภัยของเส้นทางเดินเรือในมหาสมุทรอินเดีย นอกจากนี้ ที่ประชุมตกลงที่จะเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนกับอินเดีย โดยจะเร่งพัฒนาถนนสามฝ่าย ไทย - พม่า - อินเดีย โดยขยายเส้นทางดังกล่าวไปยังลาว กัมพูชา และเวียดนาม และพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจแม่โขง - อินเดีย (โฮจิมินห์ - พนมเปญ - กรุงเทพฯ - ทวาย - เจนไน)
|
||||||||||||||||||||||||
| 32303 | ขออนุมัติขยายวัตถุประสงค์เพื่อให้จังหวัดและส่วนราชการใช้จ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย | มท | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้จังหวัดที่ได้รับอนุมัติงบประมาณจาก ๑ จังหวัด ๑ เขต ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบกลางเพื่อให้จังหวัดและส่วนราชการใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย) ขยายขอบเขตการให้ความช่วยเหลือได้มากกว่า ๑ จังหวัด ถ้าเขตที่จับคู่เดิมหมดปัญหาเดือดร้อนแล้ว (เดิมได้ ๑ จังหวัด ต่อ ๑ เขต) เป็น ให้จังหวัดที่กระทรวงมหาดไทยมอบหมาย ๒๕ จังหวัด สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้เพิ่มเติม ในทุกพื้นที่ของ ๒๒ เขต และจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม ตามที่กระทรวงมหาดไทยมอบหมายเพิ่มเติม สำหรับวัตถุประสงค์และหลักเกณฑ์อื่น ๆ คงเป็นไปตามเดิม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32304 | รายงานสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 25 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2554 และวันที่ 3 - 9 ธันวาคม 2554) | ทก | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และการพยากรณ์อากาศใน ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน - วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น สำหรับบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นลมแรงและเกิดคลื่นซัดเข้าฝั่งหลายพื้นที่ ๑.๒ ลักษณะอากาศใน ๗ วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ ๓ - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔) บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นในระยะนี้ หลังจากนั้นในช่วงกลางสัปดาห์ถึงปลายสัปดาห์ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในระหว่างวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน - วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้มีการแจ้งเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม รวมทั้งสิ้น ๑๒ ครั้ง และได้มีการแจ้งข่าวแผ่นดินไหว รวมทั้งสิ้น ๘ ครั้ง ซึ่งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้เฝ้าระวังสภาวะอากาศและติดตามประเมินผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายที่อาจเกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบริเวณเชิงเขาและพื้นที่ต้นน้ำ และดินโคลนถล่ม เนื่องจากดินในพื้นที่ภาคใต้เริ่มชุ่มน้ำในหลายพื้นที่แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
| 32305 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | อก | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุรวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จำนวน ๑๒ คน เพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิม ตามมาตรา ๖ และมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายชาติชาย พุคยาภรณ์ ๒. นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล ๓. นายอำพร เพ็ญธำรงรัตน์ ๔. นายปฏิมา จีระแพทย์ ๕. นางสาวเพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ชัย ๖. นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ๗. นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้แทนองค์การเอกชน ๘. นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ผู้แทนองค์การเอกชน ๙. นางรัตนา ร่มไทรทอง ผู้แทนองค์การเอกชน ๑๐. นายกงกฤช หิรัญกิจ ผู้แทนองค์การเอกชนซึ่งประกอบการในภูมิภาค ๑๑. นายชัยธวัช เสาวพนธ์ ผู้แทนองค์การเอกชนซึ่งประกอบการในภูมิภาค ๑๒. นายศุรอัฐ ณรงค์ฤทธิ์ ผู้แทนองค์การเอกชนซึ่งประกอบการในภูมิภาค
|
||||||||||||||||||||||||
| 32306 | การดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 | มท | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงคมนาคม โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เสนอ สรุปสาระสำคัญของแผนฯ ได้ดังนี้
๑. ช่วงเวลาการดำเนินการรณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๔ มกราคม ๒๕๕๕ รวม ๗ วัน ๒. เป้าหมายการดำเนินการ เพื่อให้สามารถลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ (Admit) ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ให้ลดลงร้อยละ ๕ ๓. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (เน้นหนัก) ให้หน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการเน้นหนัก ๕ มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านการบริหารจัดการ มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการด้านวิศวกรรมจราจร มาตรการด้านประชาสัมพันธ์ และมาตรการด้านการแพทย์ฉุกเฉินและการกู้ชีพ ๔. ช่วงเวลาในการดำเนินงาน ประกอบด้วย ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ ๑ - ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ ให้จังหวัดเตรียมความพร้อมทั้งด้านการปฏิบัติและงบประมาณเพื่อการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ตามมาตรการเน้นหนัก และช่วงปฏิบัติการเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ระดับจังหวัด อำเภอ และศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ส่วนกลาง ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การจัดจุดตรวจ/ด่านตรวจร่วมแบบบูรณาการ การตั้งจุดสกัดประจำชุมชน หมู่บ้าน และการจัดตั้งหน่วยงานสนับสนุนและบริการประชาชน เป็นต้น ๕. แผนการดำเนินงาน ให้ทุกจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยใช้งบประมาณปกติของแต่ละหน่วยงาน ดังนี้ ๕.๑ แผนงานที่ ๑ การจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ระดับจังหวัด อำเภอ ๕.๒ แผนงานที่ ๒ การจัดตั้งจุดตรวจร่วม/ด่านตรวจร่วม บนเส้นทางสายหลัก (เส้นทางหลวงแผ่นดิน) สายรอง (เส้นทางหลวงชนบท และเส้นทางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ๕.๓ แผนงานที่ ๓ การจัดตั้งจุดสกัดประจำชุมชน หมู่บ้าน โดยให้เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหัวหน้าชุมชน หมู่บ้าน ภาคประชาชนทำการตั้งจุดสกัดประจำชุมชน หมู่บ้าน เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเบื้องต้นในระดับพื้นที่ ๕.๔ แผนงานที่ ๔ การตั้งหน่วยสนับสนุน และบริการประชาชนระดับพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
|
||||||||||||||||||||||||
| 32307 | การพิจารณาแผนงาน/โครงการและงบประมาณด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ระยะที่ 3 (ระยะฟื้นฟูหลังน้ำลด) ของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และเรื่อง สรุปผลการพิจารณาแผนงาน/โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) | มท | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนงาน/โครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ระยะที่ ๓ (ระยะฟื้นฟูหลังน้ำลด) ของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต (กคช.) จากส่วนราชการ ๖ กระทรวง จำนวน ๑๙๘ โครงการ ในกรอบวงเงินรวม ๖,๘๐๓,๗๗๔,๔๐๑ บาท ประกอบด้วย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน ๑๔ โครงการ งบประมาณ ๒,๒๙๖,๓๕๘,๖๐๐ บาท กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๑๒ โครงการ งบประมาณ ๗๗๘,๑๙๙,๐๐๐ บาท กระทรวงแรงงาน จำนวน ๖ โครงการ งบประมาณ ๑,๒๘๓,๐๒๘,๖๐๐ บาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๕ โครงการ งบประมาณ ๑๓๐,๘๕๐,๘๐๐ บาท กระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๘ โครงการ งบประมาณ ๖๖๙,๔๐๑,๑๐๐ บาท และกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๕๓ โครงการ งบประมาณ ๑,๖๔๕,๙๓๖,๓๐๑ บาท ๒. อนุมัติในหลักการแผนงาน/โครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) ในกรอบวงเงินรวม ๑๒,๙๘๓,๖๒๙,๐๐๐ บาท ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ประธาน กฟย.) เสนอ ประกอบด้วย ด้านคมนาคมขนส่ง วงเงินรวม ๔,๔๔๔.๕๒๓ ล้านบาท ด้านสถานที่ราชการและระบบสาธารณูปโภค วงเงิน ๓๘๔.๙๐๙ ล้านบาท ด้านศาสนสถานและโบราณสถาน วงเงินรวม ๑,๕๙๓.๔๖๘ ล้านบาท ด้านสถานศึกษา วงเงินรวม ๑,๔๖๒.๔๔๗ ล้านบาท และด้านแหล่งน้ำและระบบชลประทาน วงเงินรวม ๕,๐๙๘.๒๘๒ ล้านบาท ๓. ให้ประธาน กฟย. รับแผนงาน/โครงการ ตามข้อ ๑ และ ๒ ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเป็นฝ่ายเลขานุการ เพื่อกลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญเฉพาะโครงการเดิมที่ชำรุดเสียหายและจำเป็นต้องซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ เช่น ถนน สะพาน หรือโรงเรียน เป็นต้น หากโครงการใดเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ก็ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอให้คณะกรรมการดังกล่าวให้ความเห็นด้วย ส่วนแผนงาน/โครงการส่วนที่เหลือจากการกลั่นกรองดังกล่าว ให้ฝ่ายเลขานุการ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงบประมาณ) รวบรวมและประสานงานกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามวันเวลาที่นายกรัฐมนตรีกำหนด โดยให้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบในแต่ละจังหวัดร่วมพิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการของจังหวัดที่รับผิดชอบด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32308 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 1/2554 | นร | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ กรอบการดำเนินงานของคณะกรรมการ กยอ. การจัดตั้งสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (สกยอ.) กรอบอัตรากำลัง และงบประมาณดำเนินงานของ สกยอ. ตามข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ กยอ. รวมทั้งรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านการประกันภัยและมาตรการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อธุรกิจประกันภัย ของกระทรวงการคลัง และผลการหารือแนวทางการฟื้นฟูธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทย ระหว่างนายวีรพงษ์ รามางกูร ในฐานะประธานกรรมการ กยอ. กับภาคเอกชนญี่ปุ่น ๑.๒ เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (สกยอ.) เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ กยอ. ๑.๓ เห็นชอบแนวทางการกำหนดกรอบอัตรากำลังของ สกยอ. ในเบื้องต้น จำนวน ๓๐ คน โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาให้การสนับสนุนข้าราชการจากโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ เพื่อปฏิบัติงานใน สกยอ. ๑.๔ เห็นชอบการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ สกยอ. ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ อนุมัติให้ดำเนินการภายในวงเงินจำนวน ๑๕๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ทั้งนี้ งบประมาณในการดำเนินงานเบื้องต้น ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดกรอบอัตรากำลังของ สกยอ. โดยให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดส่งข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างตามที่เห็นสมควร เพื่อปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ของ สกยอ. หรือในกรณีที่มีความจำเป็น คณะกรรมการ กยอ. โดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีอาจกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดส่งข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างมาปฏิบัติงานได้นั้น เป็นการบูรณาการงานของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ประหยัดการใช้อัตรากำลัง โดยในระยะต่อไปหากจำเป็นต้องเพิ่มอัตรากำลัง อาจพิจารณาจัดจ้างเป็นพนักงานราชการตามความเหมาะสมกับลักษณะงาน และควรมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการสำนักงานดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่และการจัดอัตรากำลังต่อไปด้วย ส่วนการให้ข้าราชการจากโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ ไปปฏิบัติงานใน สกยอ. นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. ในการคัดเลือกข้าราชการเพื่อไปปฏิบัติงานใน สกยอ. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32309 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงมหาดไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32310 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ | ทส | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป สำหรับบุคคลในลำดับที่ ๗ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ เป็นประธานกรรมการ ๒. พลเอก ภัทรินทร์ ลีลายุทธ เป็นกรรมการ ๓. นายไพรัช ชัยชาญ เป็นกรรมการ ๔. นายถิรเดช พรหมศริน เป็นกรรมการ ๕. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ เป็นกรรมการ ๖. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี เป็นกรรมการ ๗. นายเดชอุดม วีระวานิช เป็นกรรมการ ๘. นายปิยะ ยอดมณี เป็นกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32311 | การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (กรณีทดแทนผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออก) | ทก | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล ซึ่งคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เสนอชื่อในลำดับที่ ๑ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ แทนนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ที่ลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32312 | ขอความเห็นชอบการให้การรับรองร่างแถลงการณ์เพื่อรับรองกรอบการดำเนินงานเพื่อการจัดตั้งตลาดการบินร่วมอาเซียน | คค | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์เพื่อรับรองกรอบการดำเนินงานเพื่อการจัดตั้งตลาดการบินร่วมอาเซียน เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนในการจัดตั้งตลาดการบินร่วมอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และรับรองกรอบการดำเนินงานเพื่อการจัดตั้งตลาดการบินร่วมอาเซียน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมที่มิใช่สาระสำคัญ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมายเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมาย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างแผนงานภายใต้ร่างกรอบการดำเนินงานเพื่อการจัดตั้งตลาดการบินร่วมอาเซียนมีการวางนโยบายที่จะจัดทำความตกลงระหว่างประเทศในเรื่องต่าง ๆ ดังนั้น ในกรณีที่ส่วนราชการเจ้าของเรื่องพิจารณาแล้วเห็นว่า ความตกลงฉบับใดที่จะเจรจาจัดทำต่อไปตามที่ระบุไว้ในร่างแถลงการณ์ฯ น่าจะเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญฯ ก็อาจเริ่มพิจารณาขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการก่อนการเจรจาทำความตกลงตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๙๐ วรรคสามของรัฐธรรมนูญฯ เพื่อจะได้สามารถเจรจากับคู่ภาคีได้เมื่อถึงเวลานั้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32313 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ครั้งที่ 1/2554 | มท | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข้อมูลมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔] ในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๒๑๑.๖/๑๑๘๑๒ ลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ในส่วนของมาตรการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต หน้า ๗ จากเดิม “๔,๑๔๖,๓๘๘,๓๐๐ บาท” เป็น “๔,๑๔๖,๓๘๔,๓๐๐ บาท” และจากเดิม “๒๖๕,๔๖๐,๐๐๐ ล้านบาท” เป็น “๒๖๕,๔๖๐,๐๐๐ บาท”
|
||||||||||||||||||||||||
| 32314 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร ระดับสูง) | นร | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพันธุ์ชัย วัฒนชัย ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32315 | ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตอบรับการเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม IAEA/RCA Final Progress Review Meeting ภายใต้โครงการภูมิภาค RAS/8/111 “Diagnosing Industrial Multiphase System by Process Visualization using Radiotracers and Sealed Sources (RCA)” [การใช้เทคโนโลยีด้านรังสี ติดตามวินิจฉัยให้เห็นภาพกระบวนการผลิตแบบมัลติเฟสของอุตสาหกรรมภายใต้โครงการความร่วมมือทางวิชาการระดับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิค (อาร์ซีเอ)] ร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๒ เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่มิใช่สารัตถะของร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินการแทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่งหนังสือของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) และร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายไทยให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาอีกครั้งโดยด่วน หากกระทรวงการต่างประเทศไม่มีข้อขัดข้อง ก็ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 32316 | แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการเกิดโรคระบาดจากภาวะอุทกภัยในประเทศไทย | สธ | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการเกิดโรคระบาดจากภาวะอุทกภัยในประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และศูนย์ความร่วมมือไทย - สหรัฐ ด้านสาธารณสุข ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการเกิดโรคระบาดจากภาวะอุทกภัยในประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งปรากฏว่า ไม่มีสถานการณ์โรคระบาดรุนแรงแต่ประการใด เนื่องจากการเกิดโรคและภัยสุขภาพเกี่ยวกับภาวะน้ำท่วมอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างจากสภาวะการเกิดโรคในปีก่อน ๆ และกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งฟื้นฟูระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ประสบอุทกภัยให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32317 | รายงานความก้าวหน้าในการป้องกันและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และการช่วยเหลือสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | อก | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าในการป้องกันและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และการช่วยเหลือสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าในการป้องกันและฟื้นฟูอุตสาหกรรม โดยการป้องกันนิคมอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงที่จะประสบอุทกภัย กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนและดำเนินการป้องกันนิคมอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงที่จะประสบอุทกภัย โดยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำ และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยอยู่ในระดับที่ปลอดภัยจากวิกฤตอุทกภัย และโรงงานทุกแห่งในนิคมอุตสาหกรรมประกอบการได้ตามปกติ สำหรับการฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ส่วนใหญ่ระบายน้ำออกจากพื้นที่แล้วเสร็จ และเร่งดำเนินการซ่อมแซมบำรุงรักษาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้กลับมาใช้งานให้ได้ตามปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมเร่งทำความสะอาดซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหาย และมีโรงงานบางแห่งเริ่มประกอบการได้บางส่วนแล้ว ๒. ความก้าวหน้าการช่วยเหลือสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย มีดังนี้ ๒.๑ การเปิดรับลงทะเบียนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัย เพื่อรับทราบข้อมูลความเสียหายและความช่วยเหลือที่ต้องการรับการเยียวยาของทางราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด เช่น การพักชำระหนี้ เงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน เงินกู้ระยะยาว การลดหย่อนภาษีนำเข้าเครื่องจักร และความช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภคอื่น ๆ เป็นต้น ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน - ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น ๒,๔๔๔ ราย ๒.๒ การอนุญาตให้วัตถุดิบที่ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งได้รับความเสียหาย และไม่มีเศษซากเหลืออยู่ ไม่ต้องชำระภาษีอากรในลักษณะเป็นส่วนสูญเสีย และยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรที่นำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหาย ดำเนินการไปแล้วจำนวน ๒๑ โครงการ มูลค่าเครื่องจักรที่จะนำมาทดแทน ๓,๕๖๕ ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณา ๘ โครงการ มูลค่าเครื่องจักรที่จะนำมาทดแทน ๑,๗๘๘ ล้านบาท ๒.๓ การอนุมัติขยายสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนให้แก่โครงการที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๗ โครงการ เงินลงทุนรวม ๕๐๔ ล้านบาท และอยู่ระหว่างพิจารณาอีก ๙ โครงการ เงินลงทุนรวม ๒,๑๒๗ ล้านบาท ๒.๔ มาตรการช่วยเหลือในเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งต้องการผู้ชำนาญการต่างชาติมาฟื้นฟูโรงงานจากเหตุอุทกภัยเป็นการเร่งด่วน โดยขยายเวลาอนุญาตให้ทำงานได้ จากเดิมไม่เกิน ๑๕ วัน เป็นไม่เกิน ๓๐ วัน และผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเอกสารที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงประเภทวีซ่า เพื่อให้ผู้ชำนาญการต่างชาติได้รับอนุญาตให้ทำงานเกิน ๓๐ วัน มีบริษัทฯ มาขอใช้บริการรวม ๔๓ ราย
|
||||||||||||||||||||||||
| 32318 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2554 | กษ | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบอุทกภัย ๗๖ จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๑๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ พัทลุง และนราธิวาส ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร (ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ - ปัจจุบัน) ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๒๘๒,๒๖๒ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๑๒.๕๙ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๙.๙๘ ล้านไร่ พืชไร่ ๑.๘๗ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๗๔ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๓๐,๐๔๑ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๑๕,๕๓๑ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๕๓,๕๕๗ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๒๘๘,๓๘๗ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๕๔,๖๗๐ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๓๐.๓๒ ล้านตัว แปลงหญ้า ๑๗,๗๗๖ ไร่ ๓. ความก้าวหน้าการช่วยเหลือเป็นเงิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ เกษตรกร ๓๖๑,๑๓๘ ราย วงเงิน ๘,๐๕๐.๐๐๙ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกร ๓๓๓,๐๑๐ ราย วงเงิน ๗,๘๖๒.๕๖๔ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว ๒๒๐,๑๙๖ ราย วงเงิน ๖,๐๐๙.๙๑๙ ล้านบาท ๔. การดำเนินการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ได้แก่ การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ การผลิตและใช้น้ำหมัก การสนับสนุนด้านปศุสัตว์ (พืชอาหารสัตว์ ดูแลสุขภาพสัตว์) และการอพยพสัตว์ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 32319 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2554) | มท | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน - ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) ๑.๑ ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ใน ๒ พื้นที่ คือ ประเทศไทยตอนบน ๑๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร รวม ๙๑ อำเภอ ๖๙๙ ตำบล ๔,๓๕๓ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๗๑๖,๒๘๑ ครัวเรือน ๔,๖๑๒,๙๙๖ คน ส่วนสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง รวม ๑๑ อำเภอ ๕๘ ตำบล ๓๑๑ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๓๑,๐๐๘ ครัวเรือน ๑๑๐,๑๔๑ คน ๑.๒ การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่อนุมัติในหลักการในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๓) ใน ๖๒ จังหวัด กรอบครัวเรือน จำนวน ๒,๒๘๙,๕๖๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑๑,๔๔๗,๘๑๐,๐๐๐ บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๓๘๓,๑๒๘ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๙๑๕,๖๔๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๑๖.๗๓ และธนาคารออมสินจ่ายเงินแล้ว ๙,๔๑๑ ครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) ๒. สถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ ๒ พฤศจิกายน - ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) มีจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ ๘.๐ - ๑๕.๙ องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า ๘.๐ องศาเซลเซียส) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวม ๒ อำเภอ ๑๑ ตำบล ๑๔๐ หมู่บ้าน
|
||||||||||||||||||||||||
| 32320 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 06/12/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๑ กรมทรัพยากรน้ำบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำพร้อมปฏิบัติการติดตั้งและสนับสนุนการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยปัจจุบันได้ติดตั้งและเดินเครื่องสูบน้ำในพื้นที่โรงผลิตน้ำประปามหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา โครงการชลประทานภาษีเจริญ และดอนเมือง รวมจำนวน ๑๐๖ เครื่อง มีปริมาณการสูบน้ำ จำนวน ๒๗๘,๒๖๒ ลูกบาศก์เมตร/วัน ๑.๒ กรมทรัพยากรน้ำได้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเอกชน เพื่อรวบรวมเครื่องสูบน้ำในพื้นที่และมอบบุคลากรดูแลเครื่องสูบน้ำระหว่างสูบระบายน้ำในการกู้พื้นที่ประสบอุทกภัยในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร จำนวน ๒๑๙ เครื่อง โดยได้เดินเครื่องเพื่อสูบน้ำ จำนวน ๑๓๙ เครื่อง ปริมาณการสูบน้ำได้ ๘๒๖,๐๒๘ ลูกบาศก์เมตร/วัน ๒. การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด โดยมีผลการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้แก่ การฟื้นฟูเก็บขยะและทำความสะอาดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร บางเขน บางพลัด นนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา การจัดเตรียมอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การซ่อมแนวกระสอบทราย และสร้างแนวกระสอบทราย รวมทั้งการขนย้ายสิ่งของที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เป็นต้น ๓. แผนการเตรียมการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยภายหลังน้ำลด ประกอบด้วย ภารกิจหลัก ได้แก่ การแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย การระบายน้ำ ภารกิจสนับสนุน ได้แก่ การดำเนินโครงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยและจัดหาน้ำดื่มสะอาด การเตรียมการในการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัย และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยนำเสนอโครงการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัยต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งมาตรการอื่นในการช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ การนำไม้ของกลางมาช่วยบูรณะซ่อมแซมบ้านพัก และการเว้นค่าธรรมเนียมการต่อใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
.....
