ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ ๑๕ (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) และเขตตรวจราชการที่ ๑๖ (จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) ได้จัดประชุมติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบนโยบายเพื่อเร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาหมอกควันให้ลดลงโดยเร็วในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ระหว่างวันที่ ๖ - ๗, ๑๐ และ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามลำดับ โดยได้จัดกิจกรรมรณรงค์ลดปัญหาหมอกควัน “หยุดเผาเพื่อลมหายใจ” (NO BURN) ในทั้ง ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน และกำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน ซึ่งหลังจากการดำเนินกิจกรรมและมาตรการเร่งด่วนแล้ว พบว่าปริมาณการเผาและหมอกควันสามารถควบคุมได้และเริ่มทรงตัว ยกเว้นจังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน โดยจังหวัดเชียงรายมีปริมาณหมอกควันเพิ่มขึ้นสูงถึง ๔๓๗ ไมโครกรัม จึงได้จัดให้มีการประชุมแผนปฏิบัติการกับจังหวัดเชียงรายเป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๕ และสามารถลดปริมาณการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้ทั้งหมดจนกระทั่งลดปริมาณหมอกควันเหลือ ๓๒๙ ไมโครกรัม สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีปริมาณหมอกควันลดลงจาก ๓๕๙ ไมโครกรัม เหลืออยู่ที่ ๒๓๔ ไมโครกรัม เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีชนเผ่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นพื้นที่กว้างยากต่อการติดต่อสื่อสาร ประกอบกับเป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศพม่าทำให้มีปริมาณหมอกควันถูกพัดพาเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ปริมาณหมอกควันยังอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) จะได้ติดตามและแก้ไขปัญหาต่อไป ๒. ภาพรวมทุกจังหวัดจะมีมาตรการ ดังนี้ ๒.๑ ห้ามมิให้มีการเผาวัชพืช ขยะมูลฝอยทุกชนิด ฝ่าฝืนปรับ ๒,๐๐๐ บาท ๒.๒ ห้ามมิให้มีการเผาป่า ฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท และจำคุกสูงสุด ๑๕ ปี ๒.๓ ให้ศูนย์เฉพาะกิจควบคุมและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัด ประชาสัมพันธ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน (PM10) และคุณภาพอากาศ (AQI) ทุกวัน ค่าที่เกินมาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนดำเนินการฉีดพ่นน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน (PM10) จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ๒.๔ ให้ส่วนราชการทุกส่วนทั้งราชการบริหารส่วนกลางที่มีที่ทำงานตั้งอยู่ในจังหวัด ราชการส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การสนับสนุนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ทั้งในด้านงบประมาณ บุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือในการดับไฟ ๒.๕ ให้สถานีวิทยุและวิทยุชุมชนทุกสถานีออกข่าวประกาศมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝน โดยออกอากาศทั้งภาษาไทยและภาษาท้องถิ่น รวมทั้งขอความร่วมมือสถานศึกษาให้จัดทำประกาศจังหวัดเป็นภาษากลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง ทุกภาษา เพื่อครอบคลุมการประชาสัมพันธ์มาตรการของจังหวัดดังกล่าว ๒.๖ ให้สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลจัดเตรียมแพทย์และเวชภัณฑ์ให้เพียงพอในการให้บริการแก่ประชาชนกรณีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะหมอกควันและไฟป่า ตลอดจนให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤตหมอกควันและไฟป่า ๒.๗ จัดชุดประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่รณรงค์และแจ้งเตือนประชาชนขอความร่วมมือในการงดเผาทุกชนิด ทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมและในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ๒.๘ จัดให้มีหน่วยงานและผู้บริหารราชการรับผิดชอบเป็นรายพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน รวมถึงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ๒.๙ จัดให้มีอาสาสมัครรณรงค์และช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
|
.....