ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1531 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30601 - 30620 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30601 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
30602 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในโอกาสที่วันประสูติครบ 150 ปี พ.ศ. .... | กค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี ราคาสิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับแก้ไขข้อความในบัญชีท้ายกฎกระทรวงฯ คำบรรยายรูปแบบของเหรียญและรายละเอียดโครงการ เป็น “ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า และตรารัตนวราภรณ์” ส่วนคำบรรยายรูปแบบของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ ไม่สอดคล้องกับชื่อร่างกฎกระทรวง เนื่องจากในร่างกฎกระทรวงใช้ข้อความว่า “ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี พ.ศ. .... ซึ่งเป็นไปตามชื่อเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวงการคลังจัดทำ แต่คำบรรยายรูปแบบของเหรียญเป็น “ครบ ๑๕๐ ปี วันประสูติ จึงเห็นว่าในโอกาสต่อไป กระทรวงการคลังควรจัดทำรายละเอียดของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกที่จะจัดทำให้สอดคล้องกันทั้งในรายละเอียดของโครงการ รูปแบบของเหรียญและคำอธิบาย และร่างกฎกระทรวง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
30603 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เรื่อง "ปัญหาและข้อเสนอแนะต่อการวางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2553 - 2573 (PDP 2010)" | สว | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตเพิ่มเติมของวุฒิสภาเกี่ยวกับรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เรื่อง “ปัญหาและข้อเสนอต่อการวางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๗๓ (PDP 2010)” พร้อมผลการดำเนินการตามข้อสังเกตเพิ่มเติมของวุฒิสภา ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. การทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคม โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศควบคู่กับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้าด้วยระบบ Cogeneration สนับสนุนกรจัดการด้านการใช้ไฟฟ้าด้วยการพิจารณาผลประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency : EE) ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๗๓) เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนด้วยการปรับให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan : AEDP) ๒๕% ใน ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๔) ๒. รายละเอียดการดำเนินการตามแผน EE ๒๐ ปี และแผน AEDP ได้มีการนำเป้าหมายผลการประหยัดพลังงานไฟฟ้าตามแผน EE มาใช้เป็นกรอบในการปรับปรุงค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าโดยคณะอนุกรรมการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า โดยการจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าดังกล่าวได้ปรับปรุงตามค่า GDP ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้ประมาณการความต้องการไฟฟ้าใหม่ตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของนโยบายรัฐบาล ผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น และผลกระทบโครงการรถไฟฟ้า ๑๒ สายของรัฐบาลในการประมาณการเศรษฐกิจแล้ว สำหรับกรอบการปรับปรุงแผน PDP ตามแผน AED มีการพิจารณาปรับปรุงสัดส่วนปริมาณพลังงานหมุนเวียนให้เป็นไปตามแผน AEDP ซึ่งการกำหนดประเภทเชื้อเพิลงพลังงานหมุนเวียนที่เข้าระบบจะคำนึงถึงความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ความพร้อมของระบบส่งไฟฟ้า และผลกระทบราคาค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องรับภาระ ๓. การให้ความสำคัญกับแผน PDP ที่มีความเชื่อมโยงกับภาคสังคม ๓.๑ สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้า ๓.๑.๑ ในการจัดหาพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าเป็นหน้าที่ผู้พัฒนาโครงการในการจัดหาพื้นที่ที่มีศักยภาพเหมาะสมกับโครงการนั้น ๆ ทั้งทางด้านเทคนิคและการยอมรับของประชาชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยกระทรวงพลังงานจะเป็นผู้ติดตามการดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการด้านไฟฟ้าอย่างทั่วถึง เพียงพอต่อความต้องการไฟฟ้า ในราคาที่เป็นธรรม โดยคุณภาพไฟฟ้าอยู่ในเกณฑ์เชื่อถือได้ ๓.๑.๒ กระทรวงพลังงานได้กำหนดให้มีโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงตามแผน PDP โดยใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพโรงฟ้า
|
||||||||||||||||||||||||
30604 | รายงานต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยปี 2553 และ 2554 | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทย ปี ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยปี ๒๕๕๓ มีมูลค่ารวมประมาณ ๑,๖๔๔.๐ พันล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเท่ากับร้อยละ ๑๕.๒ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ณ ราคาประจำปี (GDP at Current Prices) ประกอบด้วย ต้นทุนค่าขนส่งสินค้า ๗๗๖.๔ พันล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๔๗.๒ ของต้นทุนทั้งหมด) ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง ๗๒๒.๕ พันล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๔๔.๐ ของต้นทุนทั้งหมด) และต้นทุนการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ ๑๔๕.๑ พันล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๘.๘ ของต้นทุนทั้งหมด) ทั้งนี้ สัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP ปี ๒๕๕๓ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ ๑๕.๑ ของ GDP ในปี ๒๕๕๒ เป็นร้อยละ ๑๕.๒ โดยมีมูลค่าต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ ๑๓.๙ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าบริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ปรับตัวสูงขึ้น และปัจจัยด้านราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ ๑๖.๘ จากปีก่อนหน้า ๒. ประมาณการต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP ปี ๒๕๕๔ คาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ ๑๔.๕ โดยมีสาเหตุสำคัญจากผลกระทบของอุทกภัยในช่วงไตรมาสที่ ๓ - ๔ ของปี ๒๕๕๔ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในพื้นที่ภาคกลางซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมและเป็นแหล่งการผลิตสินค้าต้นน้ำ (Upstream Industry) ที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ส่งผลให้คลังสินค้าและสินค้าคงคลังในพื้นที่อุทกภัยได้รับความเสียหายทันที และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการหยุดชะงักของกระบวนการส่งผ่านสินค้าไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องและผู้บริโภค (Supply Chain Disruption) ๓. ข้อเสนอแนะการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในระยะต่อไป มีดังนี้ ๓.๑ การพัฒนาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โดยเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งระบบรางและระบบขนส่งสินค้าทางชายฝั่งเพื่อปรับโครงสร้างการขนส่งในเส้นทางหลักของประเทศ โดยมุ่งเน้นรูปแบบการขนส่งที่ประหยัดต้นทุนพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบบริหารจัดการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบเชิงบูรณาการทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ๓.๒ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Optimization) โดยเฉพาะกิจกรรมโลจิสติกส์ภาคเกษตรซึ่งอยู่ในช่วงต้นน้ำ ด้วยการบริหารจัดการสินค้าเกษตรภายหลังการเก็บเกี่ยว (Post - harvest Management) และการพัฒนาระบบห่วงโซ่ความเย็น (Cool Chain System) เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และรักษาคุณภาพของสินค้าเกษตรทั้งประเภทเน่าเสียง่ายและสินค้าลักษณะเทกองที่มีศักยภาพสูงในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ประเทศ รวมทั้งให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อจัดการระบบโลจิสติกส์ภายในสถานประกอบการและมีส่วนร่วมในโซ่อุปทานการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๓ การผลักดันโครงการจัดตั้งระบบ National Single Window (NSW) ของประเทศ เร่งปรับปรุงกฎหมายและระเบียบปฏิบัติภายในของหน่วยงานรัฐ โดยเร่งรัดการเชื่อมต่อระบบข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการออกใบรับรอง/ใบอนุญาตสำหรับสินค้าส่งออก/นำเข้า และลดต้นทุนการบริหารจัดการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Paperless) ในขณะที่ภาคเอกชนควรวางแผนปรับปรุงระบบงานให้มีประสิทธิภาพและขยายระบบเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับภาครัฐ และระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน ๓.๔ การพัฒนาคุณภาพและศักยภาพของบุคลากรด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยเฉพาะระดับปฏิบัติการ และระดับบริหารขั้นกลางของสถานประกอบการในภาคการผลิต การค้า และธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วยการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานไปสู่ระดับมืออาชีพและเป็นสากล (Internationalization) ควบคู่ไปกับการสร้างมาตรฐานแรงงานและมาตรฐานวิชาชีพสาขาโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งและการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์
|
||||||||||||||||||||||||
30605 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นเงิน ๑๑๖,๗๐๕.๘๗๓ ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว จำนวน ๓,๑๐๘.๑๐๓ ล้านบาท เนื่องจากสำนักงบประมาณได้ดำเนินการดึงเงินประจำงวดกลับคืนในระบบ GFMIS จากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้แจ้งส่งคืนงบประมาณอย่างเป็นทางการ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายสะสม ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงพฤษภาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๘๐,๒๖๔.๑๐๕ ล้านบาท ๒. สถานะการเบิกจ่าย จำแนกออกเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๒.๑ มิติส่วนราชการ (Function) ผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จากระบบ GFMIS เป็นเงิน ๖๐,๒๖๓.๖๑๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๐๘ ของแผนการใช้จ่ายสะสม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๙๖,๑๗๙.๑๗๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๔๑ ของวงเงินจัดสรร ๒.๒ มิติพื้นที่ (Area) จำแนกตามจังหวัดที่ดำเนินการ ผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จากระบบรายงานแผน/ผลการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย สำนักงบประมาณ จำนวน ๗๔ จังหวัด เป็นเงิน ๔๘,๘๘๗.๐๘๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๙๑ ๓. การส่งคืนเงินงบประมาณ ส่วนราชการแจ้งอย่างเป็นทางการส่งคืนเงินงบประมาณเหลือจ่ายและเงินงบประมาณของโครงการ/รายการ ซึ่งยังมิได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนการประกาศประกวดราคา หรือกรณีงานดำเนินการเองที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติงานภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ จำนวน ๓๗ หน่วยงาน รวมเป็นเงิน ๔,๗๖๒.๔๘๙ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณจะดำเนินการดึงเงินประจำงวดกลับคืนตามจำนวนดังกล่าวในระบบ GFMIS ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
30606 | การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ (คณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ) | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ โดยปรับเปลี่ยนองค์ประกอบคณะกรรมการฯ ในฝ่ายเลขานุการ และเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการที่ดิน การวางแผน การบริหารที่ดินให้สอดคล้องกับผังเมือง การชลประทาน และการระบายน้ำ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบเสนอ โดยให้กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าเบี้ยประชุมกรรมการและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการของคณะกรรมการฯ ให้กรมที่ดินปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||
30607 | ขอปรับเปลี่ยนประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ | กษ | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
30608 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง (นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ) | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30609 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพัฒนาชาติ กฤดิบวร) | กก | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพัฒนาชาติ กฤดิบวร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30610 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30611 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการพัฒนาอาคารปฏิบัติการและสาธารณูปโภคของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต | มท | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโครงการพัฒนาอาคารปฏิบัติการและสาธารณูปโภคของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๑๘ ภูเก็ต ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทั้งหมด ตามนัยมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยรายงานว่าได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ให้ใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก ๒๖๔ (บางส่วน) ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๘ - ๑ - ๐๐ ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารเก็บเครื่องจักรกล และสนามฝึกอบรมสาธารณภัยของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๑๘ ภูเก็ต ทำให้สามารถดำเนินการโครงการพัฒนาอาคารปฏิบัติการและสาธารณูปโภคของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๑๘ ภูเก็ต ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้ทั้งหมด สำหรับงบประมาณที่ใช้ดำเนินการโครงการฯ ใช้งบประมาณภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว รวมทั้งสิ้น ๗๖,๐๙๙,๕๐๐ บาท แต่มีการขยายระยะเวลาดำเนินการออกไปโดยใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งกันเงินงบประมาณมาดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๓,๙๗๗,๕๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๖๒,๑๒๒,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
30612 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร โดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมีหน้าที่สอบสวนคดีอาญาในความผิดตามกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยกองอาสารักษาดินแดน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไร กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข กฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชน กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ กฎหมายว่าด้วยภาษีป้าย กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน กฎหมายว่าด้วยยศและเครื่องแบบผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน กฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ กฎหมายว่าด้วยโรงแรม กฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ และกฎหมายว่าด้วยสุสานและฌาปนสถาน ๑.๒ กำหนดให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมอบตัวผู้ต้องหาฝากควบคุมไว้ ณ สถานีตำรวจแห่งท้องที่นั้น และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบทำการควบคุมไว้ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ให้มีผลใช้บังคับในวันเดียวกันกับที่กฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ใช้บังคับ หรือขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงดังกล่าวออกไป โดยกำหนดให้กฎกระทรวงทั้งสองฉบับมีผลใช้บังคับพร้อมกัน และตัดร่างข้อ ๔ ออก เพื่อมิให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง รวมทั้งเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองสามารถนำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุได้เป็นเวลาไม่เกิน ๓ ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ โดยให้ฝ่ายปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย อาทิ การผัดฟ้อง ฝากขัง การนำตัวผู้ต้องหาส่งอัยการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
30613 | ร่างกฎกระทรวงการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ที่ต้องจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน พ.ศ. .... | พน | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ที่ต้องจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้เจ้าของโครงการต้องปฏิบัติในการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดคำนิยามต่าง ๆ ได้แก่ ประชาชน รายงานด้านสิ่งแวดล้อม ประมวลหลักการปฏิบัติงาน รายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข ลดและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการ และเจ้าของโครงการ เป็นต้น ๑.๒ กำหนดให้ก่อนเริ่มดำเนินโครงการ เจ้าของโครงการต้องจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการให้ประชาชนทราบ และต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ๑.๓ กำหนดข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่เจ้าของโครงการต้องเผยแพร่แก่ประชาชน เช่น เหตุผลความจำเป็น และวัตถุประสงค์ของโครงการ สาระสำคัญของโครงการ สถานที่ที่จะดำเนินการ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ประชาชน เป็นต้น ๑.๔ กำหนดวิธีการในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไว้ ๓ ประการ ได้แก่ การสำรวจความคิดเห็น การประชุมปรึกษาหารือ และวิธีอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ๑.๕ กำหนดเงื่อนไขให้เจ้าของโครงการต้องดำเนินการก่อนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ เสนอแผนการดำเนินงานของโครงการการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อกรมธุรกิจพลังงาน และประกาศให้ประชาชนทราบถึงวิธีการรับฟังความคิดเห็น ระยะเวลา สถานที่ ตลอดจนรายละเอียดอื่นเพียงพอแก่การที่ประชาชนจะเข้าใจและสามารถแสดงความคิดเห็นของประชาชนได้ ๑.๖ กำหนดเงื่อนไขให้เจ้าของโครงการต้องดำเนินการภายหลังการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ การจัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและประกาศให้ประชาชนทราบ การนำข้อมูลผลการดำเนินงานและการปรับปรุงแก้ไขประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ได้รับจากการรับฟังความคิดเห็นผนวกไว้กับรายงานด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ หรือรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข ลดและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เสนอต่อกรมธุรกิจพลังงาน และกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสมก่อนเริ่มดำเนินโครงการนั้น และประกาศให้ประชาชนทราบ ๑.๗ กำหนดให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลในการดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ ๑.๘ กำหนดให้โครงการที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญในร่างกฎกระทรวงฯ บางประเด็น และความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับคำนิยามคำว่า “ประชาชน” ในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑ ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ประชาชนผู้ซึ่งอาจได้รับความเดือดร้อนหรือความเสียหายโดยตรงจากการดำเนินงานโครงการ” แต่ในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๒ ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ผู้อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพอยู่ภายในระยะ ๑๐๐ เมตร จากระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อของโครงการ” และการกำหนดให้เจ้าของโครงการต้องจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทราบและต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพอยู่ในระยะ ๑๐๐ เมตร จากระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ จะเพียงพอและเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลโครงการให้ประชาชนรับทราบตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๓ มิได้มีการกำหนดช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลไว้ อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนและทำให้การเผยแพร่ข้อมูลของแต่ละโครงการอาจมีความไม่ทั่วถึง นอกจากนี้ การกำหนดให้สิทธิแก่ประชาชนที่เห็นว่าตนเองได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรงจากการดำเนินโครงการ แต่เจ้าของโครงการยังไม่มีการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ของตนนั้น อาจร้องขอต่อกรมธุรกิจพลังงานเพื่อวินิจฉัยให้มีการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาเปิดช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และสามารถนำไปปรับปรุง เพื่อให้การดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผังเมืองทั้งหมด เพื่อใช้ในการพิจารณาดำเนินโครงการต่าง ๆ มิให้มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำ |
||||||||||||||||||||||||
30614 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... | กค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย ๑.๒ กำหนดให้การให้บริการแก่ผู้รับบัตรจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต เช่น การให้บริการแก่ผู้รับบัตร การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและการให้บริการแก่ผู้รับบัตร และหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและการคุ้มครองผู้ถือบัตร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ (Rollout Plan) โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนระบบการรับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมภายในประเทศ (Local Switching) เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และผู้ให้บริการแก่ผู้รับบัตรสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที และการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการของผู้บริโภคให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่ลดลงภายหลังจากมีการใช้ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมภายในประเทศ (Local Switching) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30615 | ขออนุมัติกู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงานของ รฟท. จำนวน ๖,๙๒๓ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน และพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข รวมทั้งรายละเอียดตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ส่วนการนำเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) มาหักออกจากวงเงินกู้และการคิดค่าธรรมเนียมในการค้ำประกัน นั้น ให้สงวนสิทธิการคิดค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการทบทวนแนวทางการบริหารกิจการของ รฟท. โดยให้ความสำคัญในแนวทางการเพิ่มรายได้โดยเฉพาะรายได้ในเชิงพาณิชย์ และรายได้จากการบริหารจัดการสินทรัพย์และที่ดิน การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารใหม่ให้เป็นไปตามกรอบดำเนินการที่คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ และเร่งปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. และจัดทำระบบบัญชีแยกสินทรัพย์ที่เกิดจากการลงทุนตามแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๓ (เรื่อง ขออนุมัติกู้เงินเพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓) การจัดทำแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มเสริมสภาพคล่องทางการเงินในการแก้ไขปัญหาหนี้สินไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30616 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงาน พ.ศ. .... | อก | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้โรงงานประกอบกิจการทำเหล็กเพื่อใช้ในการก่อสร้างต้องใช้ชนิดของวัตถุดิบให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๑.๒ กำหนดให้โรงงานประกอบกิจการทำเหล็กเพื่อใช้ในการก่อสร้างที่จะตั้งหรือขยายโรงงานต้องทำผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณารายละเอียดของกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ประกอบกับกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อมิให้เกิดปัญหาในการใช้บังคับกฎหมายทั้งสองฉบับ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
30617 | ขอความเห็นชอบร่างบทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน ณ จุดผ่านแดน ลาวบาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และแดนสะหวัน สปป.ลาว และจุดผ่านแดน สะหวันนะเขต สปป.ลาว และ มุกดาหาร ราชอาณาจักรไทย | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน ณ จุดผ่านแดน ลาวบาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และแดนสะหวัน สปป.ลาว และจุดผ่านแดน สะหวันนะเขต สปป.ลาว และมุกดาหาร ราชอาณาจักรไทย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑.๑ เพื่อวัตถุประสงค์ของบันทึกความเข้าใจ ขอบเขตการประกอบการขนส่งของภาคีบันทึกความเข้าใจจากแนวเส้นทางเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) ที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารแนบ ๑ ของพิธีสาร ๑ ของความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง [(Greater Mekong Subregion : GMS) GMS Cross Border Transport Agreement : CBTA] จะขยายถึงแนวเศรษฐกิจใกล้เคียง รวมถึงเส้นทางถึงกรุงเทพฯ ประเทศไทย เวียงจันทน์ สปป.ลาว และ ฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๑.๑.๒ เส้นทางดังกล่าวกำหนดได้ ดังนี้ (๑) แหลมฉบัง - กรุงเทพฯ - ขอนแก่น - อุดรธานี - หนองคาย (ประเทศไทย) - ท่านาแล้ง - เวียงจันทน์ (สปป.ลาว) และ (๒) แหลมฉบัง - กรุงเทพฯ - ขอนแก่น - กาฬสินธุ์ - มุกดาหาร (ประเทศไทย) - สะหวันนะเขต - แดนสะหวัน (สปป.ลาว) - ลาวบาว - คำโล - เคเกียต - แถ็งเก - ชวนมาย - ฮว่าลัก - ฮานอย - ไฮฟอง (สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ๑.๑.๓ การอำนวยความสะดวกในการขนส่งผ่านแดน ณ กรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบัง จะเริ่มดำเนินการเมื่อประเทศไทยได้ให้สัตยาบัน ภาคผนวก ๖ ๘ และ ๑๔ แนบท้ายความตกลง CBTA แล้ว ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามฝ่ายไทย ๑.๓ หากมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบทเพิ่มเติมฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนามและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของ สปป. ลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตเดินรถในเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East West Economic Corridor : EWEC) และส่วนที่ขยายตามร่างบทเพิ่มเติมฯ ทั้งในเรื่องรายละเอียดของแนวเส้นทางและจุดแวะพักรถ กฎระเบียบที่สำคัญของแต่ละประเทศ และการประกันภัย ซึ่งรวมถึงการประกันภัยบุคคลที่สาม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30618 | ขออนุมัติกู้เงินตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ในวงเงินที่บรรจุอยู่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่จะต้องกู้เงินเพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ รวมทั้งสิ้น ๕,๘๔๒,๕๓๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และหากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่ำกว่ากรอบวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ ให้ ขสมก. ใช้วงเงินตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในการกู้เงินดังกล่าว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวนทั้งสิ้น ๒,๙๔๕,๒๔๒,๓๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้คืนต้นเงินกู้ที่อยู่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนไว้แล้ว สำหรับในส่วนภาระหนี้เงินกู้ในแผนฯ ที่ยังคงเหลืออยู่อีก จำนวน ๒,๗๓๐,๒๗๙,๐๐๐ บาท นั้น ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวนทั้งสิ้น ๒,๗๘๖,๕๘๑,๘๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้คืนต้นเงินกู้ จำนวน ๒,๗๓๐,๒๗๙,๐๐๐ บาท และค่าดอกเบี้ยเงินกู้ จำนวน ๕๖,๓๐๒,๘๐๐ บาท ไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยให้ ขสมก. เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง) โดยจัดทำต้นทุนที่แท้จริง และจัดให้มีการตรวจสอบต้นทุนในการดำเนินมาตรการที่แท้จริง รวมทั้งการเร่งพิจารณานำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ขสมก. แล้ว ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็ว เพื่อให้ ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกรอบแนวทางในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูกิจการของ ขสมก. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30619 | กรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท | ทส | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท โดยกรอบการเจรจา ฯ ครอบคลุมประเด็นหลัก ดังนี้ ๑.๑.๑ สนับสนุนให้กระบวนการเจรจาบรรลุวัตถุประสงค์ของ (ร่าง) มาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอทที่กำหนดขึ้น และบรรลุข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally - binding agreement) เพื่อยกระดับการดำเนินการในการปกป้องสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสารปรอท ๑.๑.๒ สนับสนุนให้กระบวนการเจรจาคำนึงถึงความยืดหยุ่น มาตรการชั่วคราว ศักยภาพขีดความสามารถ สถานการณ์ และความจำเป็นของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจในการใช้และการจัดการสารปรอท ๑.๑.๓ คำนึงถึงหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละประเทศ (Common but Differentiated Responsibilities and Respective Capabilities) ๑.๑.๔ สนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาข้อตกลงร่วมกับอนุสัญญา สนธิสัญญา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี และข้อตกลงที่สอดคล้องกับศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศ ๑.๑.๕ ประเทศพัฒนาแล้วควรสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ อาทิ การเงิน การถ่ายทอดองค์ความรู้ การเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี และการเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินการในการลดการใช้และการปลดปล่อยสารปรอทที่เหมาะสม โดยอยู่บนพื้นฐานความสามารถและสถานการณ์ของแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ให้นำเสนอกรอบการเจรจาดังกล่าวเพื่อขอรับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับมาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท การพิจารณากำหนดระยะเวลาการเลิกใช้อุปกรณ์ทางด้านสาธารณสุขที่มีสารปรอท การสนับสนุนและให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบหรือปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่กำหนด การจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวรองรับกับมาตรการต่าง ๆ ที่จะมีการบังคับใช้ในอนาคต และการจัดทำรายละเอียดท่าทีประเทศไทยในการเจรจาโดยแยกเป็นแต่ละประเด็นตามโครงสร้างของ (ร่าง) มาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท เพื่อให้ผู้รับผิดชอบในการเจรจาใช้เป็นท่าทีไทยในการเจรจาในรายละเอียด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30620 | การปรับปรุงแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 และ 2 รวม 8 จังหวัด ตามมติคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดกาญจนบุรี วันที่ 20 พฤษภาคม 2555 ของจังหวัดราชบุรี | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ และ ๒ รวม ๘ จังหวัด (จังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ตามมติคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดกาญจนบุรี วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ของจังหวัดราชบุรี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดและจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ และ ๒ รวม ๘ จังหวัด จำนวน ๒๐๓ โครงการ วงเงินรวม ๓๓,๐๙๓.๔๓ ล้านบาท ๑.๒ โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๖๑ โครงการ วงเงินรวม ๑,๐๔๑.๔๓ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รวมทั้งจังหวัดราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการกรณีการปรับลดงบประมาณโครงการฝายลำน้ำห้วยแห้ง ตำบลทุ่งหลวง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี จากเดิมวงเงิน ๔๐ ล้านบาท ลงเหลือ ๓๐ ล้านบาท (ปรับลด ๑๐ ล้านบาท) เพื่อมิให้กระทบต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการกักเก็บและระบายน้ำของโครงการดังกล่าว
|
.....