ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1536 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30701 - 30720 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30701 | การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาเรื่อง การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้หารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นสมควรกำหนดเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากยังมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งหากได้ข้อยุติเรื่องดังกล่าวแล้วจะได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
30702 | ข้อเสนอแผนงาน/โครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัดในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การพิจารณาแผนงาน/โครงการตามข้อเสนอของกลุ่มจังหวัดหรือของจังหวัดในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่เป็นไปอย่างเหมาะสมและรอบคอบ ให้ถือเป็นหลักปฏิบัติว่า ให้กลุ่มจังหวัดและจังหวัดที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการและส่งคำของบประมาณและรายละเอียดแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณารวบรวมและประมวลข้อมูลคำขอล่วงหน้าก่อนการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย ๑ สัปดาห์ ดังนั้น ในการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ณ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ ๑๘ - ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ จึงให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้กลุ่มจังหวัดและจังหวัดที่เกี่ยวข้อง (จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) จัดทำคำของบประมาณพร้อมทั้งรายละเอียดของแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องของกลุ่มจังหวัดและของจังหวัดให้แล้วเสร็จและส่งไปถึงสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ สัปดาห์ ก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ณ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ ๑๘ - ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||
30703 | การแก้ไขปัญหาพืชเกษตรมีราคาตกต่ำ | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหาพืชเกษตรมีราคาตกต่ำ ดังนี้
๑. แนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาพืชเกษตรมีราคาตกต่ำเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดผลดีทั้งแก่เกษตรกรผู้เพาะปลูก และประชาชนผู้บริโภค คือ การส่งเสริมการปลูกพืชผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ มีคุณภาพดี ที่มีต้นกำเนิดและเพาะปลูกได้ดีในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งมีการกำหนดพื้นที่ (Zoning) สำหรับเพาะปลูกพืชดังกล่าวให้เหมาะสม เพื่อให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น กรณีส้มโอซึ่งถือว่าเป็นพืชผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์และเพาะปลูกได้ดีในเขตพื้นที่ ๓ จังหวัด คือ จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม จึงควรมีการส่งเสริม พัฒนาสายพันธุ์ และสนับสนุนให้เพาะปลูกในพื้นที่ ๓ จังหวัดดังกล่าว โดยอาจจะกำหนดเป็นสินค้า ๑ จังหวัด ๑ ผลิตภัณฑ์ ชนิดหนึ่งเพื่อส่งเสริมการตลาดด้วย จึงมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการและประยุกต์ใช้กับพืชเกษตรชนิดอื่น ๆ ต่อไป ๒. จากการลงพื้นที่สำรวจสินค้าในตลาดพบว่า ราคาสินค้าโดยเฉพาะพืชผักชนิดต่าง ๆ ที่กำหนดจากแหล่งผลิตไปถึงขั้นตอนการค้าส่ง ค้าปลีก ไปจนถึงผู้บริโภค นั้น ในแต่ละขั้นตอนมีราคาแต่ละช่วงสูงขึ้นมาก ทำให้ราคาจำหน่ายปลีกแก่ผู้บริโภคเป็นราคาที่สูงเกินสมควร จึงมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษาแนวทางการคำนวณราคาต้นทุนและราคาจำหน่ายสินค้าพืชผักต่าง ๆ ให้เป็นระบบ เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้มีส่วนได้เสียในทุกขั้นตอน จากต้นทางถึงปลายทางสู่ผู้บริโภค แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||
30704 | ผลการเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนและประเทศกาตาร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (14 - 17 พฤษภาคม 2555) | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนและประเทศกาตาร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านอาหาร การค้าและการลงทุนในผลิตภัณฑ์และโภคภัณฑ์การเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล รวมทั้งได้หารือและแลกเปลี่ยนทั้งในประเด็นทวิภาคี ภูมิภาค และระดับโลก พร้อมทั้งย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีบาห์เรนจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ หากกระทรวงใดมีประเด็นเกี่ยวข้องกับการหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีของบาห์เรน ให้เร่งแจ้งไปที่กระทรวงการต่างประเทศโดยด่วน ทั้งนี้ งานก่อสร้างที่กำลังขยายตัวในบาห์เรนจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งแรงงานไทยและผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างไทย จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานศึกษาในรายละเอียดและแสวงหาแนวทางสนับสนุนส่งเสริมแรงงานไทยและผู้ประกอบการก่อสร้างไทยไปทำงานในบาห์เรนต่อไป ๒. ผลการเยือนประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามในความตกลงร่วมกัน จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐกาตาร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านอาหาร การค้าและการลงทุนในผลิตภัณฑ์และโภคภัณฑ์การเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล ความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานในกาตาร์และร่างสัญญาจ้างแรงงานในกาตาร์ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับกาตาร์ และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐกาตาร์ ซึ่งในเรื่องพลังงาน ประเทศไทยตกลงในหลักการจะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จำนวน ๒ ล้านตัน จากกาตาร์เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยกระทรวงพลังงานจะเจรจาในรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป รวมทั้งจะมีความร่วมมือทางการแพทย์และสาธารณสุขเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กาตาร์แสดงความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจด้านต่าง ๆ รวมทั้งในตลาดทุนของไทย และความมั่นคงทางอาหาร ตลอดจนตกลงที่จะซื้อผลผลิตทางการเกษตรของไทย สำหรับธุรกิจการบิน สายการบินกาตาร์แอร์ไลน์ยังจะเปิดเส้นทางการบินตรงไปยังสนามบินเชียงใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||
30705 | การบริหารจัดการการระบายน้ำ | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการการระบายน้ำ) ให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยรับไปดำเนินการจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเพื่อทำหน้าที่บูรณาการการบริหารจัดการระบายน้ำทั้งระบบ โดยให้นายรอยล จิตรดอน เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และให้คณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าว รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ นั้น เพื่อให้การกำกับดูแลการบริหารจัดการการระบายน้ำเป็นไปอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ครอบคลุมถึงการควบคุมปริมาณการระบายน้ำ และการกำหนดทิศทางไหลของน้ำ รวมถึงปริมาณและช่วงเวลาการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอย่างเหมาะสม จึงขอให้คณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการการระบายน้ำประสานงานและเชื่อมโยงข้อมูลในการปฏิบัติงานกับคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง และให้มีการจัดประชุมหารืออย่างเป็นทางการทุกสัปดาห์ ๆ ละ ๑ ครั้ง และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ รวมทั้งให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ และการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สาธารณชนทราบโดยด่วนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
30706 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 3 | กค | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ซึ่งบรรจุการก่อหนี้ใหม่ของสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ในแผนการก่อหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากประมาณการฐานะของกองทุนฯ ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีฐานะติดลบสุทธิ ๒๒,๐๖๓ ล้านบาท ซึ่งติดลบเพิ่มขึ้น จาก ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ จำนวน ๓,๓๖๔ ล้านบาท โดยมีประมาณการหนี้สินที่ครบกำหนดชำระภายใน ๑ เดือน จำนวน ๗,๑๑๘ ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราชดเชย LPG ที่นำเข้าจากต่างประเทศสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก และปริมาณการนำเข้า LPG ที่สูงขึ้นกว่าเดือนก่อน ประกอบกับกองทุนฯ ยังมีภาระชดเชยราคาสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซปิโตรเลียมอื่น ๆ ได้แก่ น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ E85 และก๊าซ NGV เป็นรายวัน ซึ่งสูงกว่าการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ๒. อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ที่องค์การสวนยางกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท |
|||||||||||||||||||||
30707 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง โรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม | ศธ | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาจ้างของโรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๙ จังหวัดสุพรรณบุรี ในวงเงินทั้งสิ้น ๒๐,๘๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ๓๒๔ ล. ตอกเข็ม จำนวน ๑ หลัง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๒,๘๙๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีกจำนวน ๑๗,๙๔๐,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
30708 | แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการศึกษา | ศธ | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการศึกษา ประกอบด้วยรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ บุคคล ผู้แทนกระทรวง กรม สำนัก และสมาคมที่เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่พิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสิ่งของที่นำมาใช้เพื่อการศึกษาและการวิจัยของหน่วยงาน/ส่วนราชการ/สมาคมและมูลนิธิต่าง ๆ ที่เสนอขอยกเว้นอากรนำเข้าว่าเป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๓ (๑๙) หรือไม่ แล้วจึงมีหนังสือรับรองให้หน่วยงานผู้เสนอขอยกเว้นอากรนำเข้าได้ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าวัสดุการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมตามความตกลงฟลอเรนซ์ขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติด้วย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
30709 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชุกกูดี นิววิงตัน โอกาฟอร์ (Mr. Chukwudi Newington Okafor) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายอูมารุ อุซอเรส สุไลมาน (Mr. Umaru Azores Sulaiman) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30710 | รัฐบาลสาธารณรัฐมาลาวีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชาลส์ อีน็อก นามอนดเว (Mr. Charles Enoch Namondwe) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมาลาวีประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทนนายรูสเวลต์ ลาสตัน กอนด์เว (Mr. Roosevelt Laston Gondwe) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30711 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2555 | กษ | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการ กนป. เสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ มติ กนป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๕) เรื่อง การแต่งตั้งคณะทำงาน ๒ คณะ ผลการดำเนินโครงการการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มเพื่อพลังงานอย่างยั่งยืน และมติคณะอนุกรรมการน้ำมันพืชบริโภค เรื่อง การกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันพืชปาล์ม เกี่ยวกับการคำนวณค่าวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบ รายละเอียดค่าใช้จ่ายการผลิต และส่วนเหลื่อมการตลาดและกำไร ๒. ที่ประชุมมีมติให้กำหนดเกณฑ์การพิจารณาปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศ ๒ ระดับ และให้กระทรวงพาณิชย์ใช้ในการติดตามสถานการณ์น้ำมันปาล์มของประเทศ ได้แก่ ระดับปกติ ๑.๕ เท่าของความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน (๒๐๒,๕๐๐ ตัน) ระดับเตือนภัย ๑.๒๕ เท่าของความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน (๑๖๘,๗๕๐ ตัน) และระดับวิกฤต ต่ำกว่า ๑ เท่าของความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน <= ๑๓๕,๐๐๐ ตัน) (ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยเดือนละ ๑๓๕,๐๐๐ ตัน เป็นฐานคำนวณ) ทั้งนี้ ให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและโรงกลั่นน้ำมันปาล์มรายงานข้อมูลสต๊อกน้ำมันปาล์มให้กระทรวงพาณิชย์ทุก ๑๕ วัน ๓. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับการเปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ปี ๒๕๕๕ ดังนี้ ๓.๑ กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ให้เปิดตลาดนำเข้าทั้งปริมาณและอัตราภาษีตามข้อผูกพันคือ ปริมาณในโควตา ๔,๘๖๐ ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๒๐ นอกโควตาร้อยละ ๑๔๓ การบริหารการนำเข้าให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้าและกระจายให้ผู้ผลิตภายในประเทศตามที่สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มจัดสรร ๓.๒ กรอบการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ให้เปิดตลาดเสรีนำเข้าไม่มีโควตาภาษี อัตราภาษีร้อยละ ๐ ๓.๓ กรอบเขตการค้า FTA ๓.๓.๑ อาเซียน - จีน ปริมาณเปิดตลาดนำเข้าตามข้อผูกพัน WTO อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๒๐ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๔๓ ๓.๓.๒ ไทย - AUS - NZ เสรีนำเข้าและไม่มีโควตาภาษีอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ ๐ โดยกรอบการค้า ไทย - ออสเตรเลีย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๘ กรอบการค้า ไทย - นิวซีแลนด์ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ๓.๓.๓ ไทย - ญี่ปุ่น ปริมาณเปิดตลาดนำเข้าตามกรอบ WTO ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๙.๐๙ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๔๓ ๓.๓.๔ ไทย - เกาหลี ปริมาณเปิดตลาดนำเข้าตามกรอบ WTO อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๘.๘๙ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๔๓ ๓.๔ การบริหารการนำเข้าตามกรอบการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และกรอบเขตการค้า FTA ให้บริหารการนำเข้าเช่นเดียวกับกรอบ WTO ๓.๕ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ แจ้งให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป ๓.๖ ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงพาณิชย์ประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยแนวทางดังกล่าวจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และสอดคล้องกับโครงสร้างราคาน้ำมันปาล์มที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้นำผลการหารือเข้าพิจารณาในที่ประชุม กนป. ครั้งต่อ
|
|||||||||||||||||||||
30712 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเชค ซีด อะห์เมด เอล เบกาเย อูลด์ ฮะมาดี (Mr. Cheikn Sid Ahmed El Bekaye Ould Hamady) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโดฮา สืบแทนนายบาล มุฮัมมัด อัล หะบีบ (Mr. BAL Mohamed El Habib) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง ตามที่กระทรวงต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30713 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามโครงการปราบปรามการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อปลูกไม้ยางพารา ในท้องที่จังหวัดภาคใต้ | ทส | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อไปดำเนินการตามโครงการปราบปรามการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่ต้นน้ำลำธารเพื่อปลูกไม้ยางพารา ในท้องที่จังหวัดภาคใต้ในโอกาสแรก และหากมีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ให้เสนอขอตั้งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปลูกฝังแนวคิดที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่เห็นคุณค่าของการดำรงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ การมีส่วนร่วมในการป้องกัน ปราบปราม และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ การเสริมกำลังทั้งด้านกำลังคนและด้านค่าใช้จ่ายอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการยับยั้งการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อปลูกไม้ยางพาราในท้องที่จังหวัดภาคใต้และพื้นที่อื่นไปพร้อมกันด้วย สำหรับการรื้อถอนพืชอาสินและสิ่งปลูกสร้าง เห็นควรดำเนินการเฉพาะในพื้นที่ที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์แล้วเสร็จ และ/หรือ มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการปลูกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
30714 | การถอนคำแถลงตีความข้อบทที่ 6 วรรค 5 และ ข้อบทที่ 9 วรรค 3 ภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง | ยธ | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อการถอนคำแถลงตีความข้อบทที่ ๖ วรรค ๕ (เรื่อง การพิพากษาประหารชีวิตบุคคลอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี) และข้อบทที่ ๙ วรรค ๓ (เรื่อง ระยะเวลาในการนำผู้ถูกจับกุมไปศาล) ภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง โดยมีสาระสำคัญดังนี้ ๑.๑ ข้อบทที่ ๖ วรรค ๕ เรื่อง การพิพากษาประหารชีวิตบุคคลอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ซึ่งประเทศไทยได้ทำคำแถลงตีความเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการปฏิบัติของไทยตามประมวลกฎหมายอาญาว่า ตามกฎหมายดังกล่าวในทางปฏิบัติประเทศไทยไม่เคยมีการพิพากษาประหารชีวิตบุคคลอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๔ บัญญัติว่า เด็กอายุไม่เกิน ๑๔ ปี ไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดที่กระทำ และมาตรา ๗๕ บัญญัติว่า เด็กอายุกว่า ๑๔ ปี แต่ยังไม่เกิน ๑๗ ปี หากศาลจะพิพากษาลงโทษ ศาลต้องลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดลงกึ่งหนึ่ง ส่วนผู้ที่มีอายุกว่า ๑๗ ปี แต่ไม่เกิน ๒๐ ปี นั้น มาตรา ๗๖ บัญญัติมีผลว่า แม้กระทำความผิดที่มีโทษถึงประหารชีวิต แต่กฎหมายไทยก็ได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจว่าจะลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งก็ได้ และในทางปฏิบัติศาลได้ใช้ดุลยพินิจลดมาตราส่วนโทษให้เสมอ จึงไม่เคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ประหารชีวิตบุคคลอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ๑.๒ ข้อบทที่ ๙ วรรค ๓ เรื่อง ระยะเวลาในการนำผู้ถูกจับกุมไปศาล ซึ่งกติกาใช้คำว่า “โดยพลัน” นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของไทย (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๘๗ วรรคสาม ได้ให้อำนาจพนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหาก่อนนำตัวไปศาลไว้ได้ ๔๘ ชั่วโมง แต่หากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ก็สามารถควบคุมตัวต่อได้ถึง ๗ วันนั้น ไม่สอดคล้องกับกติกา ดังนั้น ประเทศไทยจึงได้ทำคำแถลงชี้แจงว่า ไทยจะปฏิบัติตามพันธกรณีในข้อนี้ในลักษณะที่กฎหมายไทยกำหนดไว้ในขณะนั้น ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการถอนคำแถลงตีความ ข้อบทที่ ๖ วรรค ๕ และข้อบทที่ ๙ วรรค ๓ ภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
|
|||||||||||||||||||||
30715 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามที่กำหนดไว้โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง ในท้องที่ตำบลปิงโค้ง ตำบลเชียงดาว ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว ตำบลสันทราย ตำบลป่าไหน่ ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่าตุ้ม ตำบลน้ำแพร่ ตำบลแม่แวน ตำบลแม่ปั๋ง ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว และตำบลบ้านเป้า ตำบลช่อแล ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30716 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2555 | ทส | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคม ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงสามเสน - บางบำหรุ และการปรับปรุงมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางกะปิ - สามเสน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยเพิ่มเติมมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และให้ดำเนินการในส่วนของมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก รฟม. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๒. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีน้ำตาล ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยให้ สนข. ปรับปรุงมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก สนข. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๓. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลืองเข้ม ของ สนข. โดยให้ สนข. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก สนข. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๔. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลืองอ่อน ของ สนข. โดยให้ สนข. รับข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการฯ และให้ สนข. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก สนข. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๕. เห็นชอบความเห็นของคณะอนุกรรมการพิจารณารายงานการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบการขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ต่อรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ แร่หินปูนเพื่อทำปูนขาวสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนังหรืออุตสาหกรรมน้ำตาล และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ประทานบัตรที่ ๒๔๘๘๙/๑๔๗๕๖ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ของบริษัท พงษ์ศักดิ์ไทย จำกัด สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ต่อคณะรัฐมนตรี โดยให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานฯ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากบริษัทฯ มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และ/หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในรายงานฯ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตให้ดำเนินการโครงการตามกฎหมายเป็นผู้พิจารณา และให้คณะทำงานเฉพาะกิจติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ดำเนินการติดตามตรวจสอบการฟื้นฟูพื้นที่จากการทำเหมืองแร่ และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่เสนอไว้ในรายงานฯ ภายหลังการทำเหมืองแร่ ปีละ ๑ ครั้ง และรายงานให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบทุกครั้ง และให้กรมป่าไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานฯ เป็นเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ของโครงการ รวมทั้งให้กรมป่าไม้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๖. เห็นชอบความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ต่อรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ประทานบัตรที่ ๒๔๙๑๓/๑๔๕๖๑ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรที่ ๒๔๙๑๔/๑๔๕๔๘, ๒๔๙๑๕/๑๔๕๖๒, ๒๔๙๑๖/๑๔๕๔๙, ๒๔๙๑๗/๑๔๕๖๓, ๒๔๙๑๘/๑๔๕๖๔, ๒๔๙๑๙/๑๔๕๔๖, ๒๔๙๒๐/๑๔๕๔๗, ๒๗๓๑๔/๑๔๕๑๘, ๒๗๓๑๕/๑๔๕๑๗, ๒๗๓๓๒/๑๔๖๖๘, ๒๗๓๓๓/๑๔๖๖๙ และ ๒๗๓๓๔/๑๔๖๗๐ และของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด ประทานบัตรที่ ๓๒๔๕๑/๑๕๖๘๗, ๓๒๔๕๔/๑๕๖๘๘, ๓๒๔๕๒/๑๕๖๘๙, ๑๙๙๑๗/๑๕๖๙๐ และ ๓๒๔๕๓/๑๕๖๙๑ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งซ้อนทับกับพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้ผู้ขออนุญาตปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานฯ เพื่อประกอบการขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ทั้งนี้ หากบริษัทฯ มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และ/หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในรายงานฯ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตให้ดำเนินการโครงการตามกฎหมายเป็นผู้พิจารณา และให้คณะทำงานเฉพาะกิจติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ดำเนินการติดตามตรวจสอบการฟื้นฟูพื้นที่จากการทำเหมืองแร่ และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่เสนอไว้ในรายงานฯ ปีละ ๑ ครั้ง และรายงานให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบทุกครั้ง และให้กรมป่าไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานฯ เป็นเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ของโครงการ รวมทั้งให้กรมป่าไม้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณามาตรการในการควบคุมปริมาณฝุ่นละอองไม่ให้เกินกว่าค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป ๗. เห็นชอบความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ต่อรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและชนิดหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ สำหรับประทานบัตรที่ ๓๒๔๔๔/๑๕๕๔๑ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรที่ ๓๒๔๓๙/๑๕๕๓๗, ๑๔๐๘๓/๑๕๕๓๘, ๑๔๐๘๔/๑๕๕๓๙, ๑๔๐๘๕/๑๕๕๔๐, และ ๑๔๐๘๗/๑๕๕๔๒, ๓๒๔๔๓/๑๕๕๔๓, ๓๒๔๔๐/๑๕๕๔๔, ๓๒๔๓๖/๑๕๕๔๕, ๓๒๔๔๕/๑๕๕๔๖ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลทับกวาง ตำบลท่าคล้อ ตำบลบ้านป่า อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาขออนุมัติผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ผู้ขออนุญาตปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานฯ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากบริษัทฯ มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และ/หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในรายงานฯ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานทีมี
|
|||||||||||||||||||||
30717 | รายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT ครั้งที่ 8 และการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 | พม | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT (Coordinated Mekong Ministerial Initiative against Trafficking) ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ และการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT ครั้งที่ ๘ ที่ประชุมได้หารือถึงหลักการขยายประเทศสมาชิกของกระบวนการ COMMIT และความยั่งยืนของกระบวนการ และเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT ครั้งที่ ๙ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรี COMMIT ครั้งที่ ๓ รัฐมนตรีของประเทศสมาชิกได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๒ (COMMIT Joint Declaration) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ระหว่างประเทศสมาชิกว่าจะร่วมกันต่อต้านสภาวะการเป็นทาสในทุกรูปแบบ และยืนยันความมุ่งมั่นที่มีต่อบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๗ ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อีกทั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่ากระบวนการ COMMIT เป็นกลไกความร่วมมือที่สำคัญในระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในการยุติการละเมิดสิทธิและการแสวงประโยชน์จากผู้ที่เสี่ยงต่อการเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกที่ต้องการเห็นความก้าวหน้าในโครงการสำคัญต่าง ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖)
|
|||||||||||||||||||||
30718 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 และ 2553 | คค | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ๑.๑ งบแสดงฐานะการเงิน สบพ. มีสินทรัพย์รวม ๑,๐๑๘,๒๕๐,๕๑๐.๑๐ บาท มีหนี้สินรวม ๕๑๒,๐๐๙,๙๗๖.๔๖ บาท มีหนี้สินและส่วนของทุนรวม ๑,๐๑๘,๒๕๐,๕๑๐.๑๐ บาท ๑.๒ งบกำไรขาดทุน สบพ. มีรายได้รวม ๔๐๔,๙๙๔,๖๗๘.๖๕ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม ๓๔๖,๐๘๒,๑๔๒.๘๕ บาท มีกำไรสุทธิ ๕๘,๙๑๒,๕๓๕.๘๐ บาท ๑.๓ งบกระแสเงินสด สบพ. มีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานรวม ๙๖,๕๔๓,๓๗๘.๙๖ บาท เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนรวม ๗๑,๕๐๑,๖๖๒.๐๙ บาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นงวด ๓๙,๔๒๗,๖๔๘.๑๓ บาท ๒. งบการเงินของ สบพ. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ๒.๑ งบแสดงฐานะการเงิน สบพ. มีสินทรัพย์รวม ๙๗๒,๐๕๖,๗๑๙.๗๖ บาท มีหนี้สินรวม ๕๒๔,๗๒๘,๗๒๑.๙๒ บาท มีหนี้สินและส่วนของทุนรวม ๙๗๒,๐๕๖,๗๑๙.๗๖ บาท ๒.๒ งบกำไรขาดทุน สบพ. มีรายได้รวม ๔๔๑,๔๖๖,๖๒๑.๐๔ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม ๔๑๖,๒๖๒,๘๖๙.๒๑ บาท มีกำไรสุทธิ ๒๕,๒๐๓,๗๕๑.๘๓ บาท ๒.๓ งบกระแสเงินสด สบพ. มีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานรวม ๒๕๓,๗๒๘,๖๐๑.๕๖ บาท มีเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนรวม ๖๐,๔๐๘,๙๓๓.๓๒ บาท และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นงวด ๖๓,๙๗๗,๔๒๑.๘๔ บาท
|
|||||||||||||||||||||
30719 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๕ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ๒. กำหนดให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัว
|
|||||||||||||||||||||
30720 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมประชาสัมพันธ์และสถานีวิทยุเสียงเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและการกระจายเสียงและภาพ | นร | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมประชาสัมพันธ์และสถานีวิทยุเสียงเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและการกระจายเสียงและภาพ โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นการแลกเปลี่ยนรายการวิทยุและโทรทัศน์ การแลกเปลี่ยนด้านสารสนเทศและข่าว การร่วมผลิตรายการวิทยุและโทรทัศน์ การแลกเปลี่ยนการเยือน คณะกรรมการเทคนิคร่วม ค่าใช้จ่าย ข้อจำกัดเรื่องการกระจายเสียง การแก้ไข และกำหนดเวลาที่ใช้บังคับและสิ้นสุด (อย่างน้อย ๑ ปี) ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ หรือไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สามารถเปลี่ยนแปลงในเรื่องนั้น ๆ ได้ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ลงนามในนามของกรมประชาสัมพันธ์ โดยไม่จำเป็นต้องลงนามในนามของรัฐบาลไทย เนื่องจากร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นความตกลงที่จัดทำขึ้นระหว่างกรมประชาสัมพันธ์และสถานีวิทยุเสียงเวียดนามซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความร่วมมือแลกเปลี่ยนสารสนเทศและการกระจายเสียงและภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ภายในอำนาจหน้าของกรมประชาสัมพันธ์ที่สามารถกระทำได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
.....