ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1537 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30721 - 30740 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30721 | กรอบการเจรจาเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับองค์การการค้าโลก | พณ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับองค์การการค้าโลก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ สาระสำคัญของกรอบการเจรจาฯ มีดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ของกรอบการเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางการเจรจาเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของไทยที่เกี่ยวข้องกับองค์การการค้าโลกในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อไทยในภาพรวม ๑.๒ เป้าหมายของการเจรจา ได้แก่ สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ไทยในภาพรวมตามหลักการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน พัฒนาสร้างเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศในสาขาต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อไทย และให้มีระยะเวลาในการปรับตัวและมีมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเสรี ๑.๓ กรอบการเจรจานี้จะใช้กับการเจรจาเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับองค์การการค้าโลก โดยครอบคลุมใน ๓ ประเด็นหลัก คือ การเจรจาการค้าในรอบโดฮาภายใต้ปฏิญญาโดฮา (Ministerial Declaration) ซึ่งประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลกมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ การดำเนินการและการเจรจาในกรอบความตกลงว่าด้วยการก่อตั้งองค์การการค้าโลก และการเจรจาเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์การการค้าโลก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กรอบการเจรจาฯ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งองค์การการค้าโลก และประเด็นใหม่ ๆ ซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาคมโลก เช่น ความมั่นคงด้านอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการตัดแต่งพันธุกรรมพืชและสัตว์ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาคการเกษตรและเกษตรกรเป็นสำคัญ รวมทั้งเห็นควรเพิ่มประเด็นการเจรจาฯ เรื่องการค้าและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การยืนยันให้ใช้ระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมายภายในประเทศที่มีอยู่ และเปิดโอกาสให้กำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมภายในประเทศเพิ่มเติมในอนาคต การยืนยันการปฏิบัติตามพันธกรณีหรือข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่ไทยเป็นสมาชิกในปัจจุบันและในอนาคต และการส่งเสริมให้มีการช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างองค์ความรู้ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Change) นอกจากนี้ ควรมีการหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคเอกชนในการกำหนดท่าทีของประเทศไทยต่อประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีเวลาปรับตัวที่เหมาะสมในกรณีที่จะได้รับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และควรประเมินผลลัพธ์จากการทำความตกลงในกรอบต่าง ๆ ให้เป็นระบบและมีความต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางและการเจรจาการค้าในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30722 | ข้อเสนอเชิงนโยบายที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล พ.ศ. 2554 | พม | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี ๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายและแผนการพัฒนา โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๑ ข้อเสนอต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการมุ่งสร้างความเข้มแข็งในภาคเกษตรโดยการลดภาระหนี้สินของเกษตรกร สนับสนุนระบบเกษตรปลอดสารเคมีและเกษตรอินทรีย์ พัฒนาระบบตลาดที่เป็นธรรมด้านราคาของพืชผลการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร อันจะนำไปสู่ความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ของเกษตรกร รวมถึงสร้างระบบความมั่นคงทางอาหารในสังคมไทย เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประชาคมอาเซียน โดยมีประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ หนี้สินเกษตรกร การสร้างรายได้ ราคาผลผลิตทางการเกษตร เกษตรพันธะสัญญาและความมั่นคงทางอาหาร การค้าเสรีและประชาคมอาเซียน ๑.๒ ข้อเสนอต่อนโยบายสังคม มุ่งพัฒนาสังคมโดยเน้นแนวทางปลูกจิตสำนึกคุณธรรมจริยธรรม ใช้ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือและให้ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทหลักในการจัดการปัญหายาเสพติดและการพนัน แรงงานข้ามชาติ เด็กและเยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์และคนไร้รัฐ บนหลักการสิทธิมนุษยชน โดยมีประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ ศาสนาและวัฒนธรรม ยาเสพติดและการพนัน แรงงานข้ามชาติ ผู้หญิง เด็กและเยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มคนไร้รัฐ ๑.๓ ข้อเสนอต่อนโยบายกฎหมาย โครงสร้าง และวิธีปฏิบัติราชการ รัฐบาลควรดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างในทุกระดับ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงโครงสร้างรัฐและออกแบบโครงสร้างองค์กรปกครองท้องถิ่นให้เหมาะกับบริบทพื้นที่ เนื้อหาสำคัญคือ “การกระจายอำนาจในรูปแบบชุมชน/ท้องถิ่น/จังหวัด จัดการตนเอง” หรืออาจจะเรียกชื่ออื่น ๆ ที่ภาคประชาชนสามารถเข้าใจได้ ภารกิจปฏิรูปประเทศไทยมีเนื้อหาสองประการ คือ นวัตกรรมปรับปรุงกลไกองค์กรและการสร้างขบวนการภาคประชาชน ในการเข้าร่วมภารกิจปฏิรูปประเทศไทย ภารกิจสองประการนี้จะต้องดำเนินการเป็นองค์รวมร่วมกันเพื่อให้เกิดความคืบหน้าความสำเร็จที่วัดผลได้ โดยมีประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ กำจัดการทุจริตคอรัปชั่น การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การพัฒนาภาคใต้ การเสริมสร้างความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ปกครองพิเศษเพื่อให้จังหวัดจัดการตนเอง ๑.๔ ข้อเสนอต่อนโยบายคุณภาพชีวิต ยกระดับการพัฒนาสุขภาวะชุมชนท้องถิ่นสู่การจัดการตนเอง สร้างคุณภาพการศึกษาเพื่อชีวิต จัดให้มีกองทุนชุมชนท้องถิ่นและกองทุนสวัสดิการชุมชนเพื่อยกระดับสังคมไทยให้เป็นสังคมสวัสดิการตลอดชีพ โดยมีประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ สุขภาพ กองทุนชุมชนท้องถิ่นและกองทุนสวัสดิการชุมชน การศึกษา ๑.๕ ข้อเสนอต่อนโยบายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการดูแลอนุรักษ์จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงต้นทุนชีวิต สิทธิชุมชน ระบบนิเวศ เปิดโอกาสให้องค์กรชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และบริหารจัดการบนหลักการมีส่วนร่วม “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตรวจสอบ ร่วมติดตามประเมินผล ร่วมรับประโยชน์” โดยมีประเด็นข้อเสนอ ได้แก่ ที่ดิน/ที่อยู่อาศัย การจัดการน้ำ/ลุ่มน้ำ/น้ำโขง การจัดการน้ำและลุ่มน้ำ ป่าไม้ เหมืองแร่ การจัดการภัยพิบัติ การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง การจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พลังงาน และมาตรการเร่งด่วนด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบายการบริหารและอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะแล้ว จึงให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน จึงควรต้องมีการศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนนำมาสู่การปฏิบัติว่า ข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแผนการดำเนินการต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วหรือไม่อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความซ้อนซ้ำในการทำงาน และเพื่อให้ข้อเสนอเชิงนโยบายขององค์กรชุมชนและของภาครัฐเกื้อหนุนซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ของชุมชนต่อไป นอกจากนี้ บางประเด็นข้อเสนอที่เป็นแนวทางไปสู่การปฏิบัติอาจมีผลกระทบต่อภาคส่วนอื่น ควรมีข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะการวิเคราะห์เชื่อมโยงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อความเหมาะสมในการนำมากำหนดเป็นนโยบายและแผนงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น และระดับชาติต่อไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30723 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. 2497 | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๔ (บางวัว) ทางแยกเข้าชลบุรี ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าพัทยา ตอนกรุงเทพมหานคร - เมืองพัทยา รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๔ (บางวัว) ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าพัทยา และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอนบางปะอิน - บางพลี เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวง ๒. กำหนดให้ผู้ใช้ยานยนตร์ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง ณ สถานที่ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียม โดยพนักงานเจ้าหน้าที่จะออกบัตรให้เพื่อเป็นหลักฐานหรือโดยชำระเงินผ่านบัตรอัตโนมัติตามที่อธิบดีกรมทางหลวงประกาศกำหนด ๓. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องรักษาต้นขั้วของบัตรที่ออกให้แก่ผู้เสียค่าธรรมเนียมไว้เป็นหลักฐานในทางราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30724 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคณะกรรมการประจำจังหวัดและเงื่อนไขการขอจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. .... | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคณะกรรมการประจำจังหวัดและเงื่อนไขการขอจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยคณะกรรมการประจำจังหวัดและเงื่อนไขการขอจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ๒. กำหนดคำนิยาม “คณะกรรมการประจำจังหวัด” ๓. กำหนดให้มีคณะกรรมการประจำกรุงเทพมหานครคณะหนึ่ง ประกอบด้วย อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน ๕ คน และให้ผู้อำนวยการสำนักการขนส่งผู้โดยสาร เป็นกรรมการและเลขานุการ ๔. กำหนดให้มีคณะกรรมการประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดนอกจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน ๓ คน และให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง เป็นกรรมการและเลขานุการ ๕. กำหนดให้คณะกรรมการประจำจังหวัดมีอำนาจและหน้าที่ เช่น กำหนดสถานที่รอรับผู้โดยสาร กำหนดเส้นทาง ออกหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะ กำหนดค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารหรือค่าบริการอื่น แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประจำท้องที่ เป็นต้น ๖. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ โดยให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น มีหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะจากคณะกรรมการประจำจังหวัดหรือคณะอนุกรรมการประจำท้องที่ที่ได้รับมอบหมาย รถจักรยานยนต์ต้องมีส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ตามที่กำหนดให้กฎกระทรวง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
30725 | ปัญหาการขอมีสถานะของราษฎรกลุ่มไทยลื้อ | นร | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการหารือร่วมกันระหว่างสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติกับผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับปัญหาการขอมีสถานะของราษฎรกลุ่มไทยลื้อ จังหวัดเชียงราย รวมทั้งข้อเสนอแนวทางแก้ปัญหาการขอมีสถานะของราษฎรกลุ่มไทยลื้อ จังหวัดเชียงราย และให้กระทรวงมหาดไทยถือปฏิบัติตามข้อเสนอดังกล่าวต่อไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ปัญหาอุปสรรคที่นำไปสู่การเรียกร้องของกลุ่มราษฎรไทยลื้อ ๑.๑ ปัญหาความล่าช้าในการกำหนดสถานะให้กับชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบกลั่นกรองตั้งแต่ระดับพื้นที่จนถึงส่วนกลางโดยหลายหน่วยงานหลายระดับ เพื่อความรอบคอบและป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การดำเนินการตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๔๘ ) ซึ่งเห็นชอบให้กลุ่มเป้มหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลได้รับการกำหนดสถานะที่ชัดเจนและได้รับสิทธิอย่างเหมาะสม และทั้งนี้กรณีการให้สัญชาติไทยต้องพิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด และให้สัญชาติเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ๑.๒ ปัญหาในการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย มาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ กำหนดคุณสมบัติของคนต่างด้าวที่จะขอแปลงสัญชาติเป็นไทย รวม ๕ ประการ กรณีที่เป็นปัญหาและอุปสรรคของชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ คือ มาตรา ๑๐ (๓) กำหนดว่า ต้องมีอาชีพเป็นหลักฐาน เนื่องจากหลักเกณฑ์ประกอบการใช้ดุลยพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในประเด็นนี้ได้วางหลักเกณฑ์ไว้ค่อนข้างสูง เน้นการประกอบอาชีพเชิงธุรกิจ โดยกำหนดไว้ว่า จะต้องมีหนังสือรับรองการประกอบอาชีพจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าวหรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด และต้องมีหลักฐานที่แสดงว่ามีรายได้ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและประกอบอาชีพค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่สามารถยื่นขอใบอนุญาตเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการประกอบอาชีพได้ ๒. แนวทางแก้ไขปัญหาการร้องเรียนของกลุ่มไทยลื้อ ๒.๑ ความล่าช้าในการกำหนดสถานะให้กับชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการ โดยพิจารณากำหนดระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒.๒ หลักเกณฑ์ในประเด็นเรื่องอาชีพเป็นหลักฐานที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ อาจพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ประกอบการใช้ดุลยพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยการตีความเรื่องอาชีพ ให้เน้นสถานะความเป็นอยู่ที่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ และให้หน่วยราชการที่รับผิดชอบดูแลชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้เป็นผู้กลั่นกรองและรับรอง ๒.๓ กรณีกลุ่มราษฎรไทยลื้อ จำนวน ๙๐ คน ที่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบและการสัมภาษณ์ระดับจังหวัดแล้ว เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเร่งรัดดำเนินการ และประสานแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการให้กลุ่มเป้าหมายทราบ เพื่อผลดีด้านจิตวิทยา |
|||||||||||||||||||||||||||
30726 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ตัวถังของรถยนต์นั่งที่ใช้แล้วและโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามา ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ตัวถังของรถยนต์นั่งที่ใช้แล้วและโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ตัวถังของรถยนต์นั่งที่ใช้แล้ว และโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร แต่มิให้ใช้บังคับในกรณีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อเป็นต้นแบบในการผลิตหรือการศึกษาวิจัยในปริมาณเท่าที่จำเป็น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตดำเนินการติดตามและประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ และผู้บริโภค ภายหลังการออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว เพื่อให้สามารถปรับมาตรการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ภาครัฐ และลดผลกระทบที่จะเกิดกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์เร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจในเรื่องประกาศห้ามนำเข้าตัวถังรถยนต์ที่ใช้แล้ว และโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้ว ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันและสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
30727 | ข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (AFAS) และแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์การเปิดเสรีการค้าบริการภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน | พณ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้นำข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญคือ การให้ต่างชาติซึ่งอยู่นอกอาณาเขตไทยสามารถให้บริการข้ามพรมแดนเข้ามาในประเทศไทยได้ (โดยให้บริการผ่านสื่อ เช่น โทรศัพท์ โทรสารหรืออินเตอร์เน็ต) การอนุญาตให้คนไทยเดินทางไปใช้บริการในต่างประเทศได้ และการให้ต่างชาติเข้ามาจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทยในรูปแบบของบริษัทจำกัด โดยการจำกัดสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์หารือกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในขั้นตอนของการทำข้อตกลงในรายละเอียดในชั้นของการเจรจาเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาปรับปรุงเพิ่มเติมตารางข้อผูกพันสาขาโทรคมนาคมให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความเข้าใจกับนักลงทุนของอาเซียน และเห็นควรเพิ่มเติมประเด็นเรื่องการปรับตัวของประเทศไทยเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพการผลิตของสินค้าและบริการ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการของไทยที่มีลำดับความสำคัญ มีการติดตามและเปรียบกับประเทศอาเซียนในการดำเนินมาตรการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในระยะต่อไป และให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ (แรงงานที่มีทักษะความชำนาญ) การให้ข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึงและเข้าใจง่าย ครอบคลุมผู้ประกอบการในภาคการผลิตและบริการของไทยทั้งในเรื่องข้อกำหนด ข้อตกลงและผลกระทบจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งการสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องผลกระทบจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งนี้ เพื่อให้กรอบยุทธศาสตร์การเปิดตลาดการค้าบริการของไทยมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาด้วย ๓. เมื่อรัฐสภาเห็นชอบข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ ๘ ฯ แล้ว ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการยื่นข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ ๘ ฯ ต่อฝ่ายเลขาธิการอาเซียน ๔. เห็นชอบต่อแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์การเปิดเสรีการค้าบริการภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่ การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันภาคการค้าบริการเป็นวาระแห่งชาติ และมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ส่งออกการบริการชั้นนำระดับโลก การปรับแนวทางการเจรจาจากการตั้งรับเป็นการรุก การปรับบทบาทองค์กร ปรับปรุงระบบสภาพแวดล้อมภายในประเทศที่ยังไม่เอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ และกำหนดมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจบริการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรองรับการเปิดเสรีโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละสาขาบริการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ มาตรการ กฎเกณฑ์ และกลไก สำหรับสาขาบริการหรือกิจกรรมที่อยู่ในการกำกับดูแลของ หน่วยงาน |
|||||||||||||||||||||||||||
30728 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย และกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าจากสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย พ.ศ. .... (มาตรการคว่ำบาตรอาวุธต่อลิเบีย) | พณ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย และกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าจากสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย และกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าจากสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย พ.ศ. ๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย ๓. ให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบียเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๔. ความในข้อ ๒. มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้ ๔.๑ การส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงที่มีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้ในด้านมนุษยธรรม ฯลฯ ทั้งนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเป็นการล่วงหน้า ๔.๒ การส่งออกเครื่องแต่งกายที่ใช้ในการป้องกัน เสื้อเกราะ และหมวกสนาม สำหรับบุคลากรของสหประชาชาติ ฯลฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสำหรับการนำไปใช้เฉพาะตัวของบุคคลดังกล่าวเท่านั้น ๔.๓ การส่งออกอาวุธและวัสดุ วัสดุที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ช่วยเหลือในด้านความมั่นคงหรือการลดอาวุธแก่รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย ๔.๔ การส่งออกอาวุธขนาดเล็ก อาวุธเบา และวัสดุที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว ที่มีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเพื่อการใช้ของบุคลากรของสหประชาชาติ ฯลฯ ๔.๕ การส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์นอกเหนือจากข้อ ๔.๑ ถึง ๔.๔ ที่คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ให้ความเห็นชอบเป็นการล่วงหน้า
|
|||||||||||||||||||||||||||
30729 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. .... | สธ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑.๒ กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดเกี่ยวกับอาหารเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ๑.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการอาหาร ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง ผู้แทนองค์กรเอกชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ องค์ประชุม และกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตผลิตและการนำเข้าอาหาร การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการหรือรายละเอียดที่ได้รับการอนุญาต การแจ้งเลิกกิจการ ตลอดจนระบบคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ๑.๕ กำหนดให้ผู้ผลิตอาหาร ผู้นำเข้า และผู้ว่าจ้างผลิต มีหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๖ กำหนดลักษณะอาหารที่ต้องควบคุมการผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายซึ่งอาหาร ลักษณะของอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ อาหารปลอม อาหารผิดมาตรฐาน อาหารเสื่อมคุณภาพ และอำนาจของผู้อนุญาตในการควบคุมอาหาร ๑.๗ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณาอาหาร ๑.๘ กำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๙ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพักใช้ใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาต การอุทธรณ์คำสั่ง และการขอใบอนุญาตกรณีถูกเพิกถอนใบอนุญาต ๑.๑๐ กำหนดบทกำหนดโทษกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งมีโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ๑.๑๑ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการอนุญาต ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร ประกาศของรัฐมนตรีเกี่ยวกับอาหารควบคุม อาหารที่ต้องมีฉลาก และสถานที่ผลิตอาหารเพื่อจำหน่ายหรือนำเข้าอาหารเพื่อจำหน่ายที่ได้รับยกเว้นตามที่กำหนด การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการอาหาร ตลอดจนบรรดากฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรกำหนดบทยกเว้นการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. .... กับหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว และเห็นว่า การกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจประกาศกำหนดเกี่ยวกับอาหารเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค อาจมีปัญหาการในการใช้อำนาจที่ซ้ำซ้อนกับกฎหมายของหน่วยงานอื่นได้ และควรแต่งตั้งผู้แทนระดับกรมที่เกี่ยวข้องในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมเป็ฯคณะกรรมการอาหารเพิ่มด้วย นอกจากนี้ ในการกำหนดให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อาจมอบอำนาจให้หน่วยงานอื่นเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ ตามมาตรา ๔๗/๑ อาจมีปัญหาในทางปฏิบัติในกรณีที่หน่วยงานอื่นมีกฎหมายใช้บังคับอยู่แล้ว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
30730 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เรื่อง ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น | สว | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เรื่อง ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พร้อมข้อเสนอแนะกับผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ต่อรัฐบาลและกระทรวงต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐบาลต้องให้ความสำคัญแก่เด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพ โดยให้การพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชน เป็นวาระแห่งชาติ ๒. กระทรวงศึกษาธิการต้องดำเนินการเร่งด่วนในการจัดหลักสูตรการเรียนรู้เพศศึกษารอบด้านให้กับเยาวชนทุกระดับชั้นอย่างเหมาะสมกับอายุและต่อเนื่อง ๓. การแก้ปัญหาควรให้เจ้าของพื้นที่ได้ร่วมหาทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับพื้นที่ ๔. กระทรวงสาธารณสุขจะต้องรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และขยายบริการการคุมกำเนิดป้องกันการตั้งครรภ์สำหรับวัยรุ่น ๕. กระทรวงวัฒนธรรมต้องสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับความรับผิดชอบระหว่างเพศ สร้างวัฒนธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมในวัยรุ่นภายใต้การไหลบ่าของวัฒนธรรมต่างชาติ ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรมแก่เยาวชนและครอบครัว ๖. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารควรสนับสนุนให้สื่อภาครัฐประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในเรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้องและง่ายแก่การเข้าใจ ให้ทั่วถึงทั้งในโรงเรียนและในชุมชน ควบคุมและกลั่นกรองสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์อันตราย ๗. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายด้านความเสี่ยงของเยาวชนจะต้องติดตามดูแลการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
30731 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 เพื่อขอเพิ่มอัตรากำลังพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 2,438 อัตรา | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานการประชุม ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๑ ตามมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สามารถเพิ่มอัตรากำลังพนักงาน จำนวน ๒,๔๓๘ อัตรา ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. บริหารจัดการเพิ่มรายได้ให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายจ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. เร่งรัดการจัดทำแผนการบริหารจัดการกิจการรถไฟในภาพรวม โดยให้ครอบคลุมถึงการปรับโครงสร้างองค์กร กรอบอัตรากำลัง และการกำหนดกลุ่มบุคลากรในสายงานที่ควรจะใช้วิธีการจ้างพนักงานจากภายนอกองค์กร (Outsource) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมทั้งจัดทำแผนการเพิ่มทุน การบริหารจัดการหน่วยธุรกิจ และบริษัทดำเนินโครงการ Airport Rail Link ให้แล้วเสร็จตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕) แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
30732 | ขออนุมัติในหลักการให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗) เพื่อให้กรมการขนส่งทางบกสามารถขอรับจัดสรรงบประมาณจากงบกลางประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับเป็นค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการฯ และค่าเวนคืนที่ดินและค่าชดเชยให้ราษฎรที่ใช้ประโยชน์จากที่ดินในครอบครองของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ทั้งนี้ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานีปรับเปลี่ยนการขนส่งระหว่างประเทศไปสู่ภายในประเทศ รวมถึงเชื่อมต่อระบบการขนส่งจากถนนไปสู่ทางรถไฟ รองรับการขนส่งสินค้าจากจีนตะวันตกที่ทำการส่งมาทางถนนสาย R3E หรือ R3A ผ่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เข้ามาในประเทศไทยโดยข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ ๔ รวมทั้งเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์หรือสินค้าบรรจุหีบห่อ (Break - Bulk Cargoes) และเป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ทำให้สามารถดำเนินพิธีการที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เนื่องจากโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นโครงการลงทุนที่มีวงเงินมากกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท และมีการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการด้วย หน่วยงานเจ้าของโครงการจึงต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๖ ก่อนด้วย จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ โดยใช้จ่ายจากเงินกันเหลื่อมปีที่ยังไม่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันของกระทรวงคมนาคม ภายในวงเงิน ๓๐ ล้านบาท ในลักษณะของการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน และทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย เข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลำดับ ๒๗.๑ กำหนดประเภทโครงการหรือกิจการ อาคารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ฝั่งทะเล ทะเลสาบหรือชายหาด หรือที่อยู่ใกล้หรือในอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม และเห็นควรเตรียมการขยายพื้นที่หรือจัดหาพื้นที่สำรองไว้ในอนาคต เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในพื้นที่ จัดหาเครื่องมือที่ทันสมัยในการตรวจสินค้า ยาเสพติด โรคติดต่อ ฯลฯ รวมทั้งเร่งเจรจาข้อตกลงระหว่างประเทศในด้านการค้า การผ่านแดน การขนส่ง และการตรวจปล่อย เพื่อให้เป็นข้อตกลงร่วมกัน ก่อนที่สะพานเชียงของจะก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากนี้ ควรประสานจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในด้านการบริหารจัดการพิธีการนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านแดน การพัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อรองรับรูปแบบการขนส่งสินค้าข้ามแดนหรือผ่านแดนทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยเฉพาะในกรณีที่การดำเนินงานตามความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border transport Agreement : CBTA) มีผลในทางปฏิบัติแล้ว และเร่งศึกษาความเหมาะสมของโครงการฯ ในรายละเอียดตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยให้ความสำคัญในประเด็นด้านความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับแผนการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30733 | การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการเลื่อนชั้นเงินเดือนเพื่อชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของกระทรวงกลาโหม | กห | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งอนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ และร่างคำสั่งกระทรวงกลาโหม จำนวน ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร และการให้ได้รับเงินเดือน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดคุณวุฒิและอัตราเงินเดือนของบุคคลที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงนี้ และอาจกำหนดให้ข้าราชการทหารที่มีคุณวุฒิเดียวกันอาจได้รับเงินเดือนแตกต่างกันได้โดยมีคุณสมบัติตามปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ๑.๒ กำหนดอัตราเงินเดือนของบุคคลที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร โดยกรณีบุคคลที่มีคุณวุฒิการศึกษาตรงตามบัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงนี้ให้ได้รับเงินเดือนตามบัญชี และกรณีบุคคลที่มีคุณวุฒิการศึกษาตรงตามบัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงนี้ และเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพ การปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่กระทรวงกลาโหมกำหนดให้ได้รับเงินเดือนไม่เกินอัตราที่กำหนดบัญชีอัตราเงินเดือน ๑.๓ กำหนดให้บุคคลที่มีคุณวุฒิที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง นายทหารประทวนซึ่งเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตรฯ และนายทหารประทวนที่ได้เลื่อนฐานะเนื่องจากสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรเทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาจากสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ รวมทั้งผู้ที่เคยรับราชการกลับเข้ารับราชการใหม่ในสังกัดกระทรวงกลาโหม ได้รับเงินเดือนตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ๑.๔ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ๒. ร่างคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุสำหรับข้าราชการทหารที่มีคุณสมบัติตามปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของกระทรวงกลาโหม มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุสำหรับข้าราชการทหารที่มีคุณสมบัติตามปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ๓. ร่างคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเลื่อนชั้นเงินเดือนเพื่อชดเชยแก่ข้าราชการทหารที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเลื่อนชั้นเงินเดือนเพื่อชดเชยแก่ข้าราชการทหารที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ๔. ส่วนค่าใช้จ่ายในการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของกระทรวงกลาโหม จำนวนเงิน ๙๕๒,๔๕๔,๐๒๐ บาท นั้น อนุมัติตามความเห็นของผู้แทนสำนักงบประมาณ โดยให้กระทวงกลาโหมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของแต่ละส่วนราชการไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้ขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายการปรับเพิ่มเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานราชการ และทหารกองประจำการในลำดับต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การปรับค่าตอบแทนพนักงานราชการ) |
|||||||||||||||||||||||||||
30734 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนคนเกิดและคนตายที่มีขึ้นนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | กต | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนคนเกิดและคนตายที่มีขึ้นนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดบุคคลผู้สามารถแจ้งขอจดทะเบียนคนเกิดและคนตายต่อนายทะเบียน ๒. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนคนเกิดและคนตาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
30735 | โครงการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) | มท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กรมการปกครองเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จากรายการเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อจัดทำระบบให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ ซึ่งเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๓๔๑,๙๓๗,๙๕๗ บาท เป็นรายการจัดซื้อบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) โดยให้กรมการปกครองเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไปรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. เนื่องจากรายการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวมีผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี แผนงานบริหารจัดการภาครัฐ ผลผลิตการพัฒนาการให้บริการทะเบียน บัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลข่าวสารมีความล่าช้า กรมการปกครองต้องนำเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๒) จากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
30736 | รายงานผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี | มท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) ได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ มอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้โอนเงินงบประมาณโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานเบิกแทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๑๓๓,๐๐๕,๐๐๐ บาท ๒. กิจกรรมภายในงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเทิดไท้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ๔ ภาค ผลิตภัณฑ์ชุมชน ๔ ภาค OTOP คัดสรรเพื่อเจรจาธุรกิจเฉพาะ OTOP ชุมชน OTOP รักษ์สุขภาพ และเวทีกลางและเวทีเล็กเพื่อการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งกิจกรรมในงานสร้างนักธุรกิจ OTOP โดยมีการเสวนาโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ เป็นได้มากของชาวสวน กลยุทธ์การค้าและต่อยอดธุรกิจ การหาพื้นที่จำหน่ายในส่วนค้าปลีกและเทคนิคการค้าปลีกให้ประสบความสำเร็จ ธรรมะดิลิเวอร์รี่ของนักธุรกิจ เจาะใจผู้บริโภค กลยุทธ์การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้วยการตลาดเพื่อสังคม มาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาลเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดสู่สากล ทำ OTOP ให้ลูกค้า OK ธุรกิจเพื่อชีวิตพิชิตใจลูกค้า และนวัตกรรมกับการสร้างสินค้า OTOP ๓. ผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ได้รับความสำเร็จและตอบรับจากประชาชนผู้เข้าชมงาน ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP เป็นอย่างดี โดยมียอดการจำหน่ายสินค้า ๕ ประเภทสูงสุด ได้แก่ ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ อาหาร เครื่องดื่ม และสมุนไพร รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ รวมเป็นเงิน ๖๖๓,๘๙๒,๖๙๗ บาท และรวมกับยอดประมาณการมูลค่าการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจต่าง ๆ กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ตามโครงการสร้างนักธุรกิจ OTOP (OTOP Business Leader Development : OBLD) ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของการจัดงาน โดยให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ OTOP โดยการนำนักธุรกิจมาพบกับงานศิลปาชีพ ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP อีกจำนวน ๑๒๐,๗๐๐,๐๐๐ บาทแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๘๔,๕๙๒,๖๙๗ บาท สำหรับผู้เข้าชมงานมีจำนวนทั้งสิ้น ๙๒๒,๙๓๐ คน ๔. ผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าชมงาน ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการจัดงานมากที่สุด ร้อยละ ๘๓.๑๘ ส่วนผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มีความพึงพอใจต่อการจัดงานในภาพรวมมากที่สุดร้อยละ ๘๕.๑๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
30737 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถที่ใช้แล้ว พ.ศ. .... | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถที่ใช้แล้ว พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้งดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถที่ใช้แล้วในเขตกรุงเทพมหานครและในเขตจังหวัดอื่นทุกจังหวัด ดังนี้
๑. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน ๗ คน ๒. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน ๗ คน แต่ไม่เกิน ๑๒ คน ๓. รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ๔. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล |
|||||||||||||||||||||||||||
30738 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 รวม 3 ฉบับ | นร | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งสภาวัฒนธรรมเพิ่มเติม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้จัดตั้งสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สภาวัฒนธรรมเขต สภาวัฒนธรรมแขวง สภาวัฒนธรรมเทศบาล สภาวัฒนธรรมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ และสภาวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดการจดแจ้งเป็นเครือข่ายวัฒนธรรม ๒.๒ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมตำบล ๒.๓ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมอำเภอ ๒.๔ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมจังหวัด ๒.๕ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม หารบริการจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ๒.๖ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมอื่น ๆ ๒.๗ กำหนดหลักเกณฑ์ การออกเสียงลงคะแนน และองค์ประชุมในการประชุมสภาวัฒนธรรม ๒.๘ กำหนดการบริหารจัดการและการดำเนินการของสภาวัฒนธรรม ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๓.๑ กำหนดให้ศิลปินแห่งชาติมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะในสาขาทัศนศิลป์ สาขาศิลปะการแสดง และสาขาวรรณศิลป์ ๓.๒ กำหนดคุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ ๓.๓ กำหนดให้ศิลปินแห่งชาติจะต้องมีผลงานทางด้านศิลปะที่มีคุณค่าและมาตรฐานตามที่กำหนด ๓.๔ กำหนดให้สภาวัฒนธรรม องค์กรวิชาชีพ สถาบันการศึกษา สถาบันทางศิลปะ และเครือข่ายทางวัฒนธรรมทั่วประเทศเป็นผู้เสนอรายชื่อและผลงานของบุคคลซึ่งสมควรหรือเหมาะสมเป็นศิลปินแห่งชาติ ๓.๕ กำหนดให้จ่ายเงินจากกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมเพื่อให้ประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ ๓.๖ กำหนดให้ศิลปินแห่งชาติได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
30739 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก พ.ศ. .... | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก ดังนี้
๑. กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ดำเนินการสนามบินอนุญาตที่ประสงค์จะเรียกเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก ต้องยื่นคำขอต่ออธิบดีตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐาน เช่น ใบอนุญาต เอกสารแสดงอัตราค่าบริการที่จะเรียกเก็บ รายงานการเงิน แผนการพัฒนาสนามบินห้าปี เป็นต้น ๒. กำหนดให้เมื่ออธิบดีได้รับคำขอพร้อมเอกสารและหลักฐานแล้ว ให้ดำเนินการ เช่น ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเอกสารและหลักฐาน จัดทำความเห็นและส่งคำขอพร้อมเอกสารหลักฐานให้แก่คณะกรรมการการบินพลเรือน เป็นต้น รวมทั้งให้คณะกรรมการการบินพลเรือนพิจารณา และจัดทำความเห็นและคำแนะนำต่อรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นและเอกสาร
|
|||||||||||||||||||||||||||
30740 | (ร่าง) นโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 | วท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔) ตามที่คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดย (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ฉบับที่ ๑ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑.๑.๑ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพและสุขภาวะของประชาชน การสร้างเสริมสังคม ฐานความรู้ และสร้างเสริมขีดความสามารถของท้องถิ่นและชุมชน ให้เกิดโอกาสการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องที่ขับเคลื่อนด้วยการเชื่อมโยงบทบาทพื้นที่ ท้องถิ่น ชุมชน ในการเพิ่มศักยภาพที่มีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเป็นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต นำไปสู่การพึ่งพาตนเองและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำยากจน ๑.๑.๒ เพื่อยกระดับความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพรายสาขา สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างคุณค่า และนวัตกรรมรายสาขา มีการวางแผนและการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงและการกีดกันทางการค้า ให้มีโครงสร้างเศรษฐกิจสีเขียวและคุณค่า (Green and Value Creation) ของสินค้าและบริการบนฐานความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๑.๑.๓ เพื่อสร้างแบบจำลองพยากรณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปรับตัว การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการพัฒนา ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและคุณค่าความหลากหลายทางชีวภาพควบคู่กับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เป็นฐานที่มั่นคงของการพัฒนาประเทศและการดำรงชีวิตของคนไทยในอนาคต ๑.๑.๔ เพื่อสร้างระบบการพัฒนาและผลิตกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ การยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถทางด้านทักษะ องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสร้างแรงจูงใจ ให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกัน (Safety Net) มีมาตรฐาน และเพียงพอต่อความต้องการของภาคเศรษฐกิจและสังคม ๑.๑.๕ เพื่อสร้างเครื่องมือการเงินการคลัง ตลาด ความเข้มแข็งของโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมาย กฎระเบียบ ระบบการบริหารจัดการ ข้อมูล กลไกและการบริหารจัดการที่ดีในการสนับสนุนงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ สังคมที่มีคุณภาพ และความมั่นคงและคุณภาพของพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้มีระบบที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ และสามารถกระจายผลประโยชน์จากการพัฒนาสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการประเทศของภาครัฐ สู่ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ในทุกระดับโดยการมีส่วนร่วมของพื้นที่ ท้องถิ่นและชุมชน ๑.๒ ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเสนอต่อคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ และดำเนินการตามนโยบายและแผนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละปีงบประมาณ และในการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินการส่งเสริมประสิทธิภาพภาคการผลิตตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า และการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ในการพัฒนาภาคสังคมและชุมชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข็งให้ภาคเศรษฐกิจและสังคมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....