ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1395 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 27881 - 27900 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27881 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... | คค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสร้างสะพานข้ามรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ศก.๔๐๐๓ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27882 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... | คค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท พบ.๑๐๑๑ และบริเวณทางหลวงชนบท พบ.๑๐๑๐ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27883 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... | คค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท พท. ๔๐๐๙ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงชนบทเร่งเสนอผลการศึกษาทบทวนแผนการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอน พร้อมทั้งกำหนดแผนการก่อสร้างโครงการโดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างถนนและทางรถไฟในพื้นที่ที่มีปริมารการจราจรหนาแน่นเป็นลำดับแรก และประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการรูปแบบและแผนการก่อสร้างให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบรถไฟของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27884 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลโพนทอง ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | คค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลโพนทอง ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลโพนทอง ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ลบ. ๔๐๓๗ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27885 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคอกกระบือ และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... | คค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคอกกระบือ และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคอกกระบือ และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท สค.๒๐๓๒ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27886 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... | คค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท พบ.๑๐๓๙ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงชนบทเร่งเสนอผลการศึกษาทบทวนแผนการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอน พร้อมทั้งกำหนดแผนการก่อสร้างโครงการโดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างถนนและทางรถไฟในพื้นที่ที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่นเป็นลำดับแรก และประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการรูปแบบและแผนการก่อสร้างให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบรถไฟของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27887 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | คค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท สฎ.๒๐๐๗ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27888 | ขอความเห็นชอบวงเงินโครงการ พร้อมขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (โครงการแก้ไขปัญหาการจราจรฝั่งธนบุรี ย่านศิริราช ย่านบ้านช่างหล่อ และย่านอรุณอัมรินทร์ ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) | มท | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบวงเงินโครงการ พร้อมอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (โครงการแก้ไขปัญหาการจราจรฝั่งธนบุรี ย่านศิริราช ย่านบ้านช่างหล่อ และย่านอรุณอัมรินทร์ ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ดังนี้ ๑.๑ โครงการต่อขยายสะพานอรุณอมรินทร์พร้อมทางขึ้น-ลง และทางยกระดับข้ามแยกศิริราช ในวงเงิน ๑,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙) โดยค่าชดเชยที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และค่าก่อสร้างจำนวน ๑,๒๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้งบประมาณสัดส่วนเงินอุดหนุนรัฐบาล ร้อยละ ๑๐๐ โดยให้กรุงเทพมหานครใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว และให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป สำหรับค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน จำนวน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของกรุงเทพมหานคร โดยดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการต่อไป ๑.๒ โครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรของถนนสุทธาวาส และสะพานข้ามถนนจรัลสนิทวงศ์ ในวงเงิน ๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙) ให้ใช้งบประมาณสัดส่วนเงินอุดหนุนรัฐบาล ร้อยละ ๑๐๐ โดยให้กรุงเทพมหานครใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว และให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป ทั้งนี้ การกำหนดการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวอยู่นอกเหนือจากสัดส่วนเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้กรุงเทพมหานคร ให้กรุงเทพมหานครนำเสนอคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทดแทนสิ่งปลูกสร้างของกองทัพเรือที่ได้รับผลกระทบต่อพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างจากโครงการดังกล่าว และเห็นว่ากรุงเทพมหานครควรให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และการดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อสถานที่ราชการและประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณแนวสายทางอย่างเคร่งครัด รวมทั้งควรประสานกับกระทรวงคมนาคมในการพิจารณาความเชื่อมโยงของโครงข่ายถนนโดยรอบเพื่อให้สามารถบรรเทาปัญหาจราจรในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางหรือมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินการก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมขนส่งในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยเฉพาะการก่อสร้างถนนยกระดับและการก่อสร้างรถไฟฟ้า ๑๐ สายทาง ตามนโยบายรัฐบาล เช่น การให้บริการจุดจอดแล้วจรฟรีชั่วคราวให้แก่ประชาชนในช่วงก่อสร้าง การจัดรถบริการสาธารณะพิเศษในเส้นทางก่อสร้าง การเปิดเส้นทางลัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27889 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. .... | ศธ | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้สถาบันเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาโดยวิทยาลัยชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อสร้างความเข้มแข็งของท้องถิ่นและชุมชน ตอบสนองและสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นและชุมชน ๑.๒ กำหนดให้สถาบันแบ่งส่วนราชการออกเป็น สำนักงานสถาบันวิทยาลัย ส่วนราชการอื่น ๆ และให้การจัดตั้ง การรวม การโอนหรือการยุบเลิกวิทยาลัยหรือส่วนราชการอื่นจัดทำเป็นกฎกระทรวง เว้นแต่การแบ่งส่วนราชการภายในให้ทำเป็นประกาศสถาบัน ๑.๓ กำหนดให้สถาบันมีรายได้นอกจากเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณแผ่นดิน ได้แก่ เงินผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียม เบี้ยปรับ ค่าปรับ และค่าบริการต่าง ๆ ของสถาบัน เงินอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือเงินอุดหนุนที่สถาบันได้รับเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการของสถาบัน เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้ เป็นต้น และให้รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่นำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ๑.๔ กำหนดให้มีสภาสถาบัน ประกอบด้วย นายกสภาสถาบัน กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเลือกจากผู้แทนภาคเอกชน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งนายกสภาสถาบันและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและภาคเอกชนเป็นไปตามที่กำหนด และให้สภาสถาบันมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๕ กำหนดให้มีสภาวิชาการ สภาวิทยาลัย และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการวิทยาลัย โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด และให้จำนวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนการประชุม เป็นไปตามที่กำหนด ๑.๖ กำหนดให้มีผู้อำนวยการสถาบันเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของสถาบัน กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้เป็นไปตามข้อบังคับของสถาบัน และให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๗ กำหนดให้วิทยาลัยซึ่งเป็นส่วนราชการในสถาบันมีหน้าที่จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญา และฝึกอบรมด้านวิชาการหรือด้านวิชาชีพ และให้วิทยาลัยบริหารและจัดการศึกษาบนพื้นฐานของการประสานความร่วมมือระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน ตลอดจนการระดมทรัพยากรและการสนับสนุน ๑.๘ กำหนดห้ามมิให้วิทยาลัยปฏิเสธการรับบุคคลเข้าศึกษาในวิทยาลัยหรือยุติหรือชะลอการศึกษาของนักศึกษาด้วยเหตุเพียงว่าผู้นั้นขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาว่านักศึกษาผู้ใดเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เป็นไปตามระเบียบที่สภาสถาบันกำหนด ๑.๙ กำหนดให้มีผู้อำนวยการวิทยาลัยซึ่งแต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาเป็นไปตามข้อบังคับของสถาบัน วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๑๐ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณฯ การโอนบรรดาข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ การดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการต่าง ๆ การได้รับอนุปริญญาและประกาศนียบัตร ตลอดจนกฎกระทรวง กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาความเหมาะสมในการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีและเงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินกิจการของสถาบันวิทยาลัยชุมชนในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||
27890 | ขออนุมัติโครงการความร่วมมือจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านการศึกษาของประเทศไทย โดย UNESCO ร่วมกับ OECD | ศธ | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการความร่วมมือจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านการศึกษาของประเทศไทย โดยองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (The Organization for Economic Cooperation and Development : OECD) มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและประสิทธิภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานสากล การเรียนรู้อย่างเท่าทันต่อสภาวการณ์ปัจจุบัน และอนาคต ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จำนวน ๑๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท หรือ ๒๕๒,๐๐๐ ยูโร (อัตราแลกเปลี่ยน ๓๙.๙๘ บาทต่อ ๑ ยูโร) ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา แผนงานสร้างและกระจายโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ผลผลิตนโยบายและแผนด้านการศึกษา งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาของชาติที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และยังมีเงินคงเหลือเพียงพอไปดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ข้อ ๕ โดยที่ UNESCO มีสถานะเป็นทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ จึงสามารถอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันได้ตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของทบวงการชำนัญพิเศษ ค.ศ. ๑๙๔๗ (อนุสัญญาฯ ๑๙๔๗) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นกฎหมายรองรับพันธกรณี ดังนั้น ในหลักการร่างความตกลงฯ จึงไม่ควรมีข้อบทใด ๆ ที่กำหนดพันธกรณีเกินกว่าที่ไทยมีอยู่กับทบวงการฯ ตามอนุสัญญาฯ ๑๙๔๗ นอกจากนี้ การกำหนดให้ UNESCO และ OECD เป็นเจ้าของสิทธิ์ในรายงานผลการจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านการศึกษาของประเทศไทย ส่วนประเทศไทยจะได้รับเพียงสิทธิ์ในการทำสำเนา ใช้ และแจกผลงานภายใต้วัตถุประสงค์ที่มิใช่ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น (ข้อ ๔ ของความตกลงฯ) อาจไม่เหมาะสม เนื่องจากรัฐบาลไทยเป็นผู้ว่าจ้างให้มีการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการและเจรจากับ UNESCO และ OECD เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการนำผลที่ได้จากโครงการความร่วมมือจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านการศึกษาของประเทศไทย โดย UNESCO ร่วมกับ OECD ไปใช้ในการพัฒนาปรับปรุงระบบการเรียนการสอนของประเทศไทยต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27891 | ร่างกฎกระทรวงการจัดการการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน พ.ศ. .... | อก | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการจัดการการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดนิยามคำว่า “การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน” “การตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำใต้ดิน” “ความเสี่ยง” และ “สารปนเปื้อน” ๑.๒ กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจในการประกาศกำหนดค่าความเสี่ยงที่ใช้อ้างอิงในการคำนวณเกณฑ์การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน การประกาศกำหนดความเข้มข้นของสารปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงานโดยจะต้องไม่สูงกว่าเกณฑ์การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินที่ได้จากการคำนวณ การประกาศกำหนดให้ประเภท ชนิด หรือขนาดของโรงงานใดเป็นโรงงานที่มีความเข้มข้นของสารปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงานต้องไม่สูงกว่าเกณฑ์การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน และการประกาศกำหนดเกี่ยวกับการให้ผู้ประกอบกิจการตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน รวมทั้งบุคคลที่จะดำเนินการเรื่องดังกล่าว ๑.๓ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน ทั้งก่อนเริ่มประกอบกิจการโรงงาน และภายในระยะเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศกำหนด รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.๑ ร่างข้อ ๓ วรรคสอง รัฐมนตรีอาจประกาศค่าความเสี่ยงในวรรคหนึ่งแตกต่างกันสำหรับแต่ละกรณีที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองป้องกันสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันได้และอาจประกาศค่าความเสี่ยงดังกล่าวแตกต่างกันในแต่ละท้องที่ก็ได้ ข้อความในส่วนของค่าความเสี่ยงที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองป้องกันสุขภาพ ควรเพิ่มเติมว่า “ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายกำหนดให้ใช้กฎกระทรวงนี้” ๒.๒ ร่างข้อ ๑๐ ภายหลังจากเมื่อพ้นระยะเวลาตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้มีการตรวจสอบคุณภาพดินภายในบริเวณโรงงานต่อไปทุกสามปี ควรแก้ไขระยะเวลาจาก “ทุกสามปี” เป็น “ทุกหนึ่งปี” ๒.๓ ร่างข้อ ๑๓ ในกรณีที่เห็นสมควรกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือหน่วยงานอื่นในข้อ ๑๒ ที่มีอำนาจแล้วแต่กรณีอาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานซึ่งไม่ยอมเสนอรายงานหรือกำหนดเวลาในการลดความเข้มข้นของสารปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินดำเนินการลดความเข้มข้นของสารปนเปื้อนดังกล่าวให้ไม่สูงกว่าเกณฑ์การปนเปื้อนที่กำหนดในข้อ ๕ ภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ อาจเป็นช่องว่างให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ไม่เสนอรายงานแต่ไม่ถูกสั่งจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือหน่วยงานอื่นในข้อ ๑๒ ไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามข้อ ๕ |
||||||||||||||||||||||||
27892 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้ ที่ได้รับจากการซื้อรถยนต์ใหม่เพื่อทดแทนรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมของผู้ประสบภัยน้ำท่วม) | กค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้ที่ได้รับจากรัฐ อันเนื่องมาจากการซื้อรถยนต์ใหม่เพื่อทดแทนรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายของผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นจำนวนเท่ากับภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ที่ซื้อแต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ การยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าว ให้เป็นการยกเว้นสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าวให้เป็นที่รับทราบทั่วกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27893 | การประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประเมินการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ (รอบ ๑๒ เดือน) เบื้องต้นของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และเมื่อสำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับผลการประเมินที่ครบถ้วนและสมบูรณ์แล้ว ขออนุมัติเป็นหลักการในการปรับปรุงแก้ไขผลคะแนนให้มีความครบถ้วน เพื่อนำไปใช้จัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้กับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษาต่อไป ๑.๒ เห็นชอบการขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑,๔๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการจัดสรรเป็นเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้กับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ที่ได้จัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการและประเมินผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อจัดสรรเป็นเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพิ่มเติม จำนวน ๑,๔๐๐ ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษาที่มีเงินงบประมาณเหลือจ่าย และขอทำความตกลงตามขั้นตอนกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
27894 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "บทบาทขององค์การประชาสังคมในการพัฒนา" | สสป | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "บทบาทขององค์การประชาสังคมในการพัฒนา" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ควรให้ความสำคัญแก่บทบาทขององค์การประชาสังคม และส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานขององค์การประชาสังคมอย่างจริงจัง โดยจัดให้มียุทธศาสตร์การส่งเสริมองค์การประชาสังคม ๒. คณะกรรมการส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนาแห่งชาติควรจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการในการส่งเสริมองค์การประชาสังคมเพื่อการพัฒนา โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมตามที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๑๕(๑) ๓. ควรสนับสนุนบทบาทของภาคประชาสังคมในการส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีตามหนังสือที่ สศ ๐๐๐๑/๑๘๗๑ ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ๔. ควรส่งเสริมสนับสนุนองค์การประชาสังคมให้มีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยมีการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติ โดยการมีส่วนร่วมขององค์การประชาสังคมอย่างจริงจัง ๕. ฟื้นฟูการพัฒนาตามอุดมการณ์แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ที่น้อมนำจากพระบรมราชปณิธานในพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" และควรส่งเสริมสนับสนุนให้องค์การประชาสังคมได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูอุดมการณ์แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง เพื่อสร้างสรรค์แผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ๖. รัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุนให้องค์การประชาสังคมได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาแผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินแห่งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๗. รัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุนให้องค์การประชาสังคมมีส่วนร่วมในการน้อมเกล้าฯ รับพระราชดำรัสที่พระราชทานในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังและเผยแพร่พระราชดำรัสดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้ร่วมกันปฏิบัติ ๘. ควรแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมมือภาครัฐและเอกชนด้านสังคม (กรอ.ด้านสังคม) เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาด้านสังคม และเพื่อผนึกกำลังของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาสังคมที่เพิ่มมากขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาสังคมให้มีความเจริญมั่นคงอย่างยั่งยืน เพื่อให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นแกนหลักความมั่นคงของชาติ สถิตสถาพรตลอดไป
|
||||||||||||||||||||||||
27895 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินกับหน่วยข่าวกรองทางการเงินประเทศอินเดีย | ปง | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำความตกลงกับสาธารณรัฐอินเดีย โดยใช้ร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) เรื่องความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ร่าง MOU ระหว่างไทยกับอินเดียมีสาระสำคัญหลักตรงกับร่าง MOU ฉบับต้นแบบ โดยมีการปรับรูปแบบตอนท้ายเพียงเล็กน้อย ๒. ให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นผู้ลงนาม MOU ฝ่ายไทย |
||||||||||||||||||||||||
27896 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีอากรให้แก่กลุ่มประชาชนที่รับจัดทำอาหารช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย) | กค | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บุคคลธรรมดา กรณีการให้บริการรับจัดทำอาหารเพื่อนำไปแจกผู้ประสบอุทกภัย ที่ประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ทั้งนี้ เฉพาะเงินได้หรือค่าบริการที่ได้รับจากรัฐตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการในการตรวจสอบความถูกต้องของผู้ที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการยกเว้นภาษีอากรให้แก่กลุ่มประชาชนที่รับจัดทำอาหารช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เพื่อให้การดำเนินมาตรการเป็นไปตามหลักการและวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27897 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนเมษายน 2556 | พณ | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนเมษายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนเมษายน ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๖ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๑.๑๒ สาเหตุจากการสูงขึ้นของราคาหมวดผักและผลไม้ ร้อยละ ๖.๓๐ โดยเฉพาะหมวดผักสด ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๑๐.๙๔ หมวดผลไม้สด สูงขึ้นร้อยละ ๓.๓๓ และสินค้าอื่น ๆ ที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๑.๒๓ หมวดอาหารสำเร็จรูป ได้แก่ อาหารบริโภค-ในบ้าน สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๖ อาหารบริโภค-นอกบ้าน สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๔ หมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๖ หมวดเครื่องประกอบอาหาร ได้แก่ เครื่องปรุงอาหาร สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๔ เครื่องปรุงรส สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๗ หมวดนมและผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๘ สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๓๓ จากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกโดยเฉลี่ยในประเทศ ร้อยละ ๒.๘๔ ตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก สินค้าและบริการอื่น ๆ ที่มีราคาลดลง ได้แก่ ค่าอุปกรณ์การบันเทิง ลดลงร้อยละ ๐.๐๙ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางโอกาสพิเศษและท่องเที่ยว ร้อยละ ๐.๐๖ และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ ๐.๐๑ ๒. พิจารณาเทียบกับดัชนีราคาเดือนเมษายน ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๒.๔๒ จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๔.๑๕ โดยดัชนีหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ ๐.๗๔ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๖.๑๕ ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้นร้อยละ ๓.๑๑ ผักและผลไม้ สูงขึ้นร้อยละ ๑๓.๑๔ เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ ๐.๕๒ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๑.๕๗ และอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ ๑.๗๐ สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๑.๔๒ จากการสูงขึ้นของหมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๘ หมวดเคหสถาน สูงขึ้นร้อยละ ๓.๑๒ หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ ๐.๙๖ หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษา และการศาสนา สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๑ หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๗.๔๖ ขณะที่หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร ลดลงร้อยละ ๐.๐๘ ๓. พิจารณาดัชนีเฉลี่ย ๔ เดือนของปี ๒๕๕๖ เทียบกับระยะเดียวกันของปี ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๒.๙๒ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๔.๐๔ และดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๒.๒๐ ตามการสูงขึ้นของหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ ๐.๖๑ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ร้อยละ ๔.๕๘ ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้นร้อยละ ๒.๖๗ ผักและผลไม้ ร้อยละ ๑๒.๒๙ เครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ ๐.๔๙ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๑.๙๘ อาหารสำเร็จรูป ร้อยละ ๒.๑๘ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ ๐.๘๐ หมวดเคหสถาน ร้อยละ ๓.๒๒ หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ร้อยละ ๐.๑๔ หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร ร้อยละ ๑.๗๑ หมวดการบังเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนา ร้อยละ ๐.๕๙ และหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๗.๕๕ ๔. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๐๒.๙๓ เทียบกับเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๖ จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าและบริการ ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดค่าที่พักอาศัย หมวดค่าบริภัณฑ์อื่น ๆ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด หมวดค่าตรวจรักษาและค่ายา สำหรับสินค้าและบริการที่ราคาลดลง ได้แก่ หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนา และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
|
||||||||||||||||||||||||
27898 | การติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ ประจำเดือนมีนาคม 2556 | นร | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๑ ด้านราคาสินค้า ได้แก่ การดำเนินโครงการกำกับดูแลการชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขายพลังงานเชื้อเพลิง ผลผลิตทางการเกษตร และสินค้าต่าง ๆ โดยดำเนินการตรวจสอบรวมทั้งสิ้น ๓,๐๑๔,๓๘๔ เครื่อง/หีบห่อ พบผิดจำนวน ๑๐,๘๓๕ เครื่อง/หีบห่อ และการดำเนินโครงการลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย โครงการโชห่วยช่วยชาติ “ร้านถูกใจ” โดย ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ มีร้านถูกใจที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๖,๘๘๗ ราย ๑.๒ ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ การรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน ๓๐ บาท/ลิตร การส่งเสริมให้มีการใช้แก๊สโซฮอลเพิ่มขึ้น การตรึงราคาขายปลีก LPG โดยภาคครัวเรือน อยู่ที่ ๑๘.๑๓ บาท/กก. ภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ ๓๐.๑๓ บาท/กก. และภาคขนส่ง ปรับราคาขายปลีก LPG เป็น ๒๑.๓๘ บาท/กก. การคงราคาขายปลีก NGV ที่ ๑๐.๕๐ บาท/กก. (สำหรับประชาชน) ส่วนกลุ่มรถโดยสารสาธารณะที่ลงทะเบียนโครงการบัตรเครดิตพลังงาน ยังคงเติมก๊าซ NGV ในราคา ๘.๕๐ บาท/กก. สำหรับโครงการบัตรเครดิตพลังงาน รถรับจ้างสาธารณะ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๕-มีนาคม ๒๕๕๖ มีผู้สมัครจำนวนทั้งสิ้น ๖๖,๕๙๒ ราย มีผู้ใช้บัตร จำนวน ๗,๐๐๐ ราย ๒. ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค ได้แก่ การพักหนี้หรือลดภาระหนี้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรหรือสถาบันเกษตรกร เป็นระยะเวลา ๓ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) มีผู้ยื่นสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ๒,๒๖๕ แห่ง สมาชิก ๘๐๘,๗๙๙ ราย มูลหนี้ ๖๓,๘๖๔.๗๓๓ ล้านบาท การจัดตั้งศูนย์สนับสนุนผู้ประกอบการให้พร้อมจ่ายอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ จำนวน ๗,๓๑๖,๓๐๕ คน เป็นเงิน ๕๓,๘๘๒,๘๖๐,๒๐๐ บาท การดำเนินโครงการบ้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก (ร้อยละ ๐ ระยะเวลา ๓ ปี) มีผู้ยื่นกู้ ๑๔,๒๕๓ บัญชี อนุมัติแล้ว ๑๓,๕๒๐ บัญชี คิดเป็นเงิน ๘,๘๒๖.๑๔ ล้านบาท และการดำเนินมาตรการภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์คันแรก มียอดอนุมัติการจ่ายเงินคืนตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๕-มีนาคม ๒๕๕๖ (ยอดจ่ายจริง) จำนวน ๙๙,๒๖๘ คัน เป็นเงิน ๖,๘๘๙ ล้านบาท ๓. ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ การออกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละยี่สิบของกำไรสุทธิ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ๔. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน (กองทุนหมู่บ้าน SML) ได้แก่ การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชน (SML) โดย ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ได้โอนเงินให้กับหมู่บ้านและชุมชนตามโครงการฯ รวม ๑๑ ครั้ง จำนวน ๗๑,๕๓๗ หมู่บ้าน/ชุมชน และการดำเนินโครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๓ โดยโอนเงินให้กับกองทุนฯ แล้ว จำนวน ๓๖,๖๔๑ กองทุน จากเป้าหมาย ๗๙,๒๕๕ กองทุน คงเหลือยังไม่ได้โอน จำนวน ๔๒,๖๑๔ กองทุน ๕. ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน ได้แก่ บัตรเครดิตสำหรับเกษตรกร ได้มีการอนุมัติบัตรสินเชื่อให้เกษตรกร จำนวน ๒,๗๗๕,๕๑๗ ราย บัตรส่งมอบแล้ว จำนวน ๑,๓๘๓,๑๙๖ ราย วงเงินรวม ๔๓,๖๖๗.๔๘ ล้านบาท การขึ้นทะเบียนเกษตรกรในพืชสำคัญ ๓ ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ มีโรงสีสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๘๙๒ โรง เกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๑,๙๙๐,๑๑๓ ราย ปริมาณรับจำนำรวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๙๙,๕๕๐ ตัน การดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๕๕/๕๖ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๗๑๙ ราย เปิดจุดรับฝากแล้ว ๖๗๒ จุด ปริมาณรับจำนำรวมทั้งสิ้น ๙,๘๕๗,๗๐๙ ตัน การเยียวยาและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรจากภัยพิบัติด้านการเกษตร ในกรณีฝนทิ้งช่วง/ภัยแล้ง อุทกภัย และวาตภัย รวมทั้งการแก้ไขราคาสินค้าเกษตร ๖. ปฏิรูปการจัดการที่ดิน (นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ได้แก่ การจัดที่ดิน โดยการมอบเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ๔-๐๑ แก่เกษตรกร แบ่งเป็นที่ดินทำกิน ๒๐,๘๘๓ ราย พื้นที่ ๒๕๐,๒๖๖ ไร่ และที่ดินชุมชน ๖๒๓ ชุมชน เกษตรกร ๒๐,๕๐๓ ราย พื้นที่ ๑๒,๗๗๒ ไร่ การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์ โดยออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน (กสน.๓) ให้แก่สมาชิกนิคมสหกรณ์ ๕๐๑ ราย ๔,๖๑๘ ไร่ และการออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.๕) ให้แก่สมาชิกนิคมสหกรณ์ ๘๖๒ ราย ๙,๑๒๓ ไร่ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีจำนวนราษฎรที่ได้รับการรับรองสิทธิทำกินแล้ว ๒๓,๖๗๖ ราย (ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖) และดำเนินการรังวัดแปลงที่ดินของราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ รวม ๑๖๕ พื้นที่ ซึ่งผลการพิสูจน์การครอบครองที่ดินของราษฎรพบว่า อยู่ก่อนประกาศเขตป่าไม้ จำนวน ๖๓,๑๑๖ ราย เนื้อที่ ๔๖๙,๗๙๒-๐-๒๑ ไร่ และอยู่หลังประกาศเขตป่าไม้ จำนวน ๘๒,๑๗๐ ราย เนื้อที่ ๘๖๔,๐๙๕-๒-๗๑ ไร่
|
||||||||||||||||||||||||
27899 | สรุปผลการเยือนนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | นร | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการเยือนนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ของกระทรวงการต่างประเทศ และมอบหมายส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลการเยือนที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำขึ้น ได้แก่ การเชิญนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เยือนไทยอย่างเป็นทางการ การส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการสอนภาษาอังกฤษ การแลกเปลี่ยนทางการศึกษา และการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัย การให้ชาวนิวซีแลนด์เดินทางมาประเทศไทยและให้ทดลองใช้บริการด้านการแพทย์ในไทย การพิจารณาให้มีความร่วมมือด้านภาพยนตร์และวีดีทัศน์ระหว่างกัน การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันอีก ๒ เท่าตัวภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ การทบทวนมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๖ การเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์จากนมวัว และการเก็บผลผลิตทางการเกษตร (food storage) ของนิวซีแลนด์ การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Science Technology and Innovation : ST) ของนิวซีแลนด์ เพื่อพัฒนาด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรมของไทยให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ข้อเสนอของนิวซีแลนด์ที่ให้คงจำนวนเที่ยวบินกรุงเทพฯ-นครโอ๊คแลนด์ ของการบินไทยไว้เท่าเดิม ความร่วมมือในเรื่องเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) การเชิญนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เข้าร่วมการประชุม Asia-Pacific Water Summit ณ เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ การขยายความร่วมมือเกี่ยวกับการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การแลกเสียงสนับสนุนในการสมัครเข้าดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งการพิจารณาผู้สมัครผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ของนิวซีแลนด์
|
||||||||||||||||||||||||
27900 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร09 | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒. กำหนดภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ๓. ให้แบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการกรม กองต่างประเทศ กองนโยบายและแผนการวิจัย กองบริหารแผนงานและงบประมาณการวิจัย กองประเมินผลและจัดการความรู้การวิจัย กองมาตรฐานการวิจัย และศูนย์สารสนเทศการวิจัย ๔. กำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ในสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติขึ้นตรงต่อเลขาธิการ
|
.....