ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1397 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 27921 - 27940 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27921 | การแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล | นร | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล) กรณีมอบหมายให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เป็นหน่วยงานหลักในการศึกษาผลกระทบของการรักษาระดับน้ำของเขื่อนปากมูล ๑.๒ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๐ (เรื่อง ขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรักษาระดับน้ำเขื่อนปากมูล จ.อุบลราชธานี และเรื่อง ขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๔๗ เรื่อง การเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล) และ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การเปิด-ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล) กรณีมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด ๑.๓ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่มและมีเอกภาพในการดำเนินการ สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าว ให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายหารือร่วมกับผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและตัวแทนของกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งต่อไป ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำข้อมูลผลการศึกษาของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ผ่านมา และผลการจ่ายเงินชดเชยให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนไปแล้วมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกิดความต่อเนื่องและป้องกันการจ่ายเงินชดเชยซ้ำซ้อน ให้คณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลที่จะแต่งตั้งขึ้นใหม่รับไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
27922 | การแต่งตั้งประธานกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งแทนผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ (จำนวน 5 คน 1. พลอากาศเอก พงศธร บัวทรัพย์ ฯลฯ) | กห | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อดำรงตำแหน่งแทนผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลอากาศเอก พงศธร บัวทรัพย์ ประธานกรรมการ ๒. พลโท เอกชัย วัชรประทีป กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยี ป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๓. นายบุญญรักษ์ ดวงรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล ๔. นางสาวกริชผกา บุญเฟื่อง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชี และการงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผล และการบริหารความเสี่ยง
|
|||||||||||||||||||||
27923 | รายงานเหตุการณ์ไฟฟ้าดับภาคใต้ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 | พน | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานเหตุการณ์ไฟฟ้าดับภาคใต้ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับไปหารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาหามาตรการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งแผนการเตรียมความพร้อมรองรับในกรณีฉุกเฉินและแผนป้องกันปัญหาระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับในวงกว้างขึ้นอีก เช่น ให้มีระบบไฟฟ้าสำรองกรณีเกิดปัญหาไฟฟ้าดับเพื่อให้มีไฟฟ้าจากจุดอื่นมาทดแทนได้ในทันที การกำหนดมาตรการด้านความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ การพัฒนาการบริหารจัดการระบบสายส่งไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการใช้งานทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานงานกับการประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแผนบริหารจัดการระบบการประปา ให้สามารถให้บริการได้ตามตามปกติโดยไม่เกิดผลกระทบกรณีเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ ๓. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับไปประสานงานกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการระบบสายส่งสัญญาณ (CABLE) ให้สามารถให้บริการได้ตามปกติโดยไม่เกิดผลกระทบกรณีเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ
|
|||||||||||||||||||||
27924 | กรอบการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยปี 2556 | นร11 | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสถานการณ์ความเสี่ยงในเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อแนวโน้มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วงต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ๒. เห็นชอบกรอบการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจปี ๒๕๕๖ โดยการสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพระยะสั้น และการรักษาศักยภาพการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้ร้อยละ ๕ อย่างต่อเนื่อง และมาตรการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ประกอบด้วย มาตรการด้านการเงิน มาตรการด้านการคลัง และมาตรการเฉพาะด้าน ซึ่ง สศช. ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง ตามที่ สศช. เสนอ โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้พิจารณาแล้วเห็นว่า มีความชัดเจน เหมาะสม ครอบคลุมครบถ้วน ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรการทางการเงิน ซึ่งประกอบด้วย ๗ มาตรการ ได้แก่ (๑) ซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพและไม่แข็งค่ามากกว่าความสามารถในการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการ (๒) ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยอย่างเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ (๓) ดำเนินมาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (Macro Prudential Measures) เพื่อดูแลเสถียรภาพของสถาบันการเงินและเศรษฐกิจโดยรวม (๔) พิจารณาใช้มาตรการจำกัดเงินทุนไหลเข้าอย่างระมัดระวังเมื่อมีความจำเป็น โดยมีการประเมินผลผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนการดำเนินการ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด (๕) บริหารจัดการเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์โดยเพิ่มประเภทสินทรัพย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถลงทุนได้ (๖) ช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถบรรเทาผลกระทบของค่าเงินบาท และ (๗) สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเพื่อดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะดำเนินการและจะประสานงานกับกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีเสถียรภาพต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ได้แก่ ๒.๑ มาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ให้ปรับเป็นการดำเนินการภายในระยะเวลา ๖ เดือน ๒.๒ ให้เพิ่มมาตรการส่งเสริมการออมของประชาชน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานเจ้าภาพในการดำเนินการ เพื่อให้มีการวางแผนการใช้จ่ายในปัจจุบันและในอนาคตซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานชีวิตของประชาชนและครอบครัวให้มีความมั่นคงเพื่อนำไปสู่การสร้างฐานชุมชนที่เข้มแข็ง ๒.๓ มาตรการการค้าชายแดน ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดการผลักดันการใช้เงินบาทเป็นสกุลหลัก (settlement currency) สำหรับการค้าชายแดนเพื่อลดความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนในการทำการค้า รวมทั้งให้กำหนดมูลค่าเป้าหมายของการค้าชายแดนให้ชัดเจนเหมาะสมด้วย ๒.๔ มาตรการเฉพาะด้านเพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าและบริการ การส่งออก การลงทุน และรายได้ของประชาชน ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) และเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ๓. ให้หน่วยงานเจ้าภาพหลักรับมาตรการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ (มาตรการด้านการเงิน การคลัง และมาตรการเฉพาะด้าน) ตามที่ สศช. เสนอ รวมทั้งที่เพิ่มเติมตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. ให้ สศช. ติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจดังกล่าวเพื่อเสนอต่อคณะทำงานกำกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทุกสัปดาห์และรวบรวมผลการดำเนินการดังกล่าวเสนอให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือนต่อไป ๕. ให้ สศช. นำกรอบการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนครบถ้วนแล้วเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
27925 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลิขสิทธิ์ (จำนวน 12 คน 1. นายสมพร มณีรัตนะกูล ฯลฯ) | พณ | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลิขสิทธิ์ จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสมพร มณีรัตนะกูล ผู้แทนสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ๒. นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้แทนสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ๓. นายบูรพา อารัมภีร ผู้แทนสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ๔. นางสาวอ่อนอุษา ลำเลียงพล ผู้แทนสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ๕. นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร ผู้แทนสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ๖. นายบารมี เรืองกาญจนเศรษฐ์ ผู้แทนสมาคมโรงแรมไทย ๗. นายวิรัช อยู่ถาวร ผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นางสาวอรพรรณ พนัสพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นายสุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล ผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นายเศรษฐา ศิระฉายา ผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๑. นายพิเศษ จียาศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๒. นางมรกต กุลธรรมโยธิน ผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
27926 | การเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดกำแพงเพชร | นร11 | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดกำแพงเพชร ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ ประกอบด้วย โครงการในการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ จำนวน ๔ จังหวัด (จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร และพิจิตร) โดยประสานเรียนเชิญคณะรัฐมนตรีให้ลงพื้นที่ระหว่างวันที่ ๘-๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ และกำหนดการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) กำหนดในวันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๐๐-๑๗.๓๐ น. ณ ห้องประชุมลีลาวดี ชั้น ๒ อาคารทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27927 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (จำนวน 7 ราย 1. นายธวัช สุนทราจารย์ ฯลฯ) | สธ | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธวัช สุนทราจารย์ ประธานกรรมการ ๒. นายมานิต ธีระตันติกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายประเสริฐ เอื้อวรากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางสาวยุพิน ลาวัณย์ประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นางสาวกุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
27928 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นายบุญเรือง สายศร ฯลฯ) | ทส | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ พ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๗ คน และแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติใหม่แทน จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายบุญเรือง สายศร ๒. นายไพรัตน์ ธารไชย ๓. นายวิชิต พัฒนโกศัย ๔. นายชลธิศ สุรัสวดี ๕. นายชำนาญ พงษ์ศรี ๖. นายมาโนช การพนักงาน ๗. นายสำราญ รักชาติ
|
|||||||||||||||||||||
27929 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2555 กรณีพิเศษ | กษ | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย ภัยศัตรูพืชระบาด ภัยแล้ง วาตภัย ภัยฝนทิ้งช่วง และภัยอากาศแปรปรวน (ออกซิเจนในน้ำต่ำ) ช่วงประสบภัยระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๕๕ ถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและยืนยันความถูกต้องแล้ว จำนวนรวม ๑๔๓,๐๗๙ ราย เป็นเงิน ๑,๙๖๙,๑๓๙,๔๙๒ บาท ประกอบด้วย เกษตรกรผู้ประสบภัยด้านพืช จำนวน ๑๓๔,๑๑๖ ราย วงเงินช่วยเหลือ ๑,๘๖๕,๘๖๕,๑๕๕ บาท เกษตรกรผู้ประสบภัยด้านประมง จำนวน ๘,๐๐๐ ราย วงเงินช่วยเหลือ ๑๐๐,๓๖๑,๓๓๒ บาท และเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านปศุสัตว์ จำนวน ๙๖๓ ราย วงเงินช่วยเหลือ ๒,๙๑๓,๐๐๕ บาท โดยอัตราการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินเพื่อการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยดังกล่าวจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๑,๙๖๙,๑๓๙,๔๙๒ บาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการจัดทำร่างหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) พิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
27930 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | ปสส | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑ (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ในวันพุธที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๒ (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ในวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามสำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27931 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตและความเสียหายของทางราชการในการดำเนินโครงการระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย | นร | 28/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ในฐานะประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตและความเสียหายของทางราชการในการดำเนินโครงการะบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยไปศึกษาและพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ทันทีต่อไป ทั้งนี้ ให้ยึดหลักความถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และการมีส่วนร่วมของประชาชน สำหรับข้อเสนอแนะฯ เรื่องใดที่ยังไม่ชัดเจนหรืออาจมีปัญหาติดขัดในการดำเนินการก็ให้ประสานหารือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาแนวทางที่สามารถดำเนินการได้และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการต่อไป ๒. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เป็นผู้ชี้แจงและประชาสัมพันธ์การดำเนินโครงการระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
27932 | การแต่งตั้งคณะทำงานร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย - กัมพูชา ฝ่ายไทย | กต | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของฝ่ายไทยด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมเตรียมการฝ่ายไทย เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานความร่วมมือครอบคลุม ๕ ด้านหลัก ได้แก่ ๑.๑.๑ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-กัมพูชา ให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ๒ พื้นที่ ได้แก่ บริเวณอรัญประเทศ (จังหวัดสระแก้ว)-ปอยเปต (จังหวัดบันเตียเมียนเจย) และจังหวัดตราด-จังหวัดเกาะกง โดยในเบื้องต้นอาจพิจารณาจัดตั้งในรูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรม ๑.๑.๒ การพัฒนาเครือข่ายคมนาคม ให้พัฒนาเส้นทางคมนาคม ๓ ประเภท ได้แก่ ถนน (ทางหลวงหมายเลข ๕ หมายเลข ๖ และหมายเลข ๔๘) รถไฟ (ระหว่างอรัญประเทศ-คลองลึก-ปอยเปต-ศรีโสภณ และพัฒนาสะพานรถไฟข้ามแดนระหว่างคลองลึก-ปอยเปต) และจุดผ่านแดน (บ้านหนองเอี่ยน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว-สตึงบท จังหวัดบันเตียเมียนเจย) ๑.๑.๓ การพัฒนาสาธารณูปโภคและความร่วมมือด้านพลังงาน ให้ต่อยอดโครงการความร่วมมือด้านพลังงานกับกัมพูชา ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการขายไฟฟ้าเพิ่มให้แก่กัมพูชา โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงเมนัม และโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินที่จังหวัดเกาะกง ๑.๑.๔ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้ดำเนินโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๕ แนวทาง ได้แก่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านสาธารณสุข การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานกัมพูชา การส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยชายแดนกัมพูชา โครงการศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยงที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย และการสานต่อโครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบนถนนเชื่อมโยงไทย-กัมพูชา ๑.๑.๕ การสร้างงานและรายได้ให้แก่ประชาชนกัมพูชา เห็นชอบแผนการดำเนินงานสร้างงานและรายได้ให้แก่ชาวกัมพูชา ๕ ด้าน ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านปัจจัยการผลิตสำหรับการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร การกำหนดนโยบายการค้าและการลงทุน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาการผลิตที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมอุตสาหกรรมจากทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดบูรณาการการท่องเที่ยว ๑.๒ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย-กัมพูชาของฝ่ายไทย ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานคณะทำงาน และมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในคณะทำงานร่วมฯ ฝ่ายไทยอีก ๑๖ คน โดยมีอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ ตามที่ที่ประชุมเตรียมการฝ่ายไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้จัดตั้งเป็น “คณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติม โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นคณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เพิ่มเติม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประสานกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน เพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนต่อแนวทางความร่วมมือทั้ง ๕ ด้านดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
27933 | ร่างกฎ ก.พ.อ. การได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. การได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดมาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานจิตวิทยาคลินิก เพิ่มขึ้นอีก ๑ สายงาน และกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับชำนาญการขึ้นไปของสายงานจิตวิทยาคลินิก เป็นตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง ตามแนวทางเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดวันบังคับใช้ร่างกฎ ก.พ.อ.ฯ ควรให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับงบประมาณในส่วนที่เพิ่มขึ้นจากผลการกำหนดตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งดังกล่าว จำนวน ๙๕๑,๖๐๐ บาทต่อปี ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาปรับแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปดำเนินการรายการดังกล่าว เมื่อร่างกฎ ก.พ.อ.ฯ มีผลบังคับใช้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
27934 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนสำหรับพันธมิตรหลากอารยธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Alliance of Civilizations - UNAOC) | กต | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการเบิกจ่ายเงินสมทบกองทุนโดยสมัครใจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและกิจกรรมของ United Nations Alliance of Civilizations (UNAOC) ประจำปี ๒๕๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๖ งบเงินอุดหนุน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้รับอนุมัติจัดสรรแล้ว ๑.๒ อนุมัติในหลักการให้บริจาคเงินสมทบกองทุนโดยสมัครใจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและกิจกรรมของ UNAOC ประจำปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ รวม ๔ ปี ปีละจำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบเงินอุดหนุน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป โดยไม่ต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก หากไม่มีการเปลี่ยนหรือคำนวณอัตราการบริจาคใหม่ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการร่วมกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินบริจาค ซึ่งในฐานะประเทศผู้บริจาคเงินสมทบกองทุน สามารถร่วมกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินบริจาคได้ว่าต้องการใช้สนับสนุนกิจกรรมใดของ UNAOC เป็นการเฉพาะได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
27935 | การโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เฉพาะในส่วนของสำนักงานพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ ไนท์ซาฟารีให้กับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) | นร | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เฉพาะในส่วนของสำนักงานพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ให้กับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) เสนอ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่เห็นควรให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ประสานสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เฉพาะในส่วนของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา ให้กับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยเร็ว และให้มีการประเมินผลเพื่อแสดงความคุ้มค่าของการจัดตั้งหน่วยงานที่ชัดเจน เมื่อครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
27936 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ) | กค | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าก่อสร้างสถานที่จัดแสดง ค่าประกันภัย ค่าระวาง หรือค่าขนส่งสินค้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการหรืองานแสดงสินค้าในต่างประเทศ สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานของรัฐว่าได้เข้าร่วมงานจริง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
27937 | การติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน ประจำเดือนมีนาคม 2556 | นร04 | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย กระทรวงยุติธรรมได้จ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (เมื่อปี ๒๕๔๘-๒๕๕๓) จำนวน ๑๐ ราย เป็นเงิน ๘,๑๕๑,๐๒๔ บาท และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จ่ายเงินเยียวยาให้ผู้เสียหาย จำนวน ๒,๒๖๗ ราย เป็นเงิน ๑,๗๗๕ ล้านบาท ๒. กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน ๕๑,๑๕๘ หมู่บ้าน/ชุมชน และแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด โดยการนำเข้าสู่ระบบบำบัดรักษาทั้ง ๓ ระบบ จำนวน ๑๓๘,๓๖๘ ราย ๓. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักรู้ โดยมอบรางวัลเชิดชูเกียรติข้าราชการต้นแบบที่มีความประพฤติดี ทุ่มเทในการทำงาน ไม่ทุจริต ซึ่งโครงการได้เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนโครงการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ (๑ กรม ๑ ป้องกันโกง) มีหน่วยงานส่งข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านการอนุมัติ ๑๔๓ กรม และจังหวัด จำนวน ๗๖ จังหวัด ๔. ส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทาน สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติได้ดำเนินโครงการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๘ ลุ่มน้ำ และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ ๑๗ ลุ่มน้ำ การบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทานเพื่อส่งน้ำและระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูก ๒๔.๕๒ ล้านไร่ การป้องกันและบรรเทาอุทกภัยพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจลดลง ๖๐,๐๐๐ ไร่ รวมทั้งการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดใหญ่ ๑๐ โครงการ ๕. เร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้จัดทำโครงการและกิจกรรมตามนโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ภายใต้วัตถุประสงค์การเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้และทุกคนในพื้นที่ดำรงชีวิตได้ปกติสุข การขจัดและป้องกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่หล่อเลี้ยงและเอื้อต่อการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย เป็นต้น และได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาและบูรณาการแผนงาน/โครงการ และงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการบูรณาการในการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีโครงการที่ซ้ำซ้อนกัน ๖. เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ กระทรวงการคลังรายงานการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง และการประชุมทวิภาคีระดับสูงกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในอาเซียนของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๗. เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีนโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ๒ ล้านล้านบาท ภายในปี ๒๕๕๘ โดยร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสำรวจพื้นที่ติดตั้งสัญญาณ WiFi ในพื้นที่ ๑๓ จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ชลบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี เชียงราย เชียงใหม่ เลย นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ๘. สนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น (OTOP และ SMEs) กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรม ได้แก่ การจัดทำฐานข้อมูลผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP โดยในปี ๒๕๕๕ มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น ๓๕,๙๘๔ กลุ่ม และมีผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการ/กิจกรรม จำนวน ๗๑,๕๙๑ ผลิตภัณฑ์ และกระทรวงอุตสาหกรรมได้สนับสนุนภารกิจของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในงานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่า การยกระดับผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แบบบูรณาการ (OTOP Plus) เป็นต้น ๙. เร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง กระทรวงมหาดไทย ได้จัดการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีหมู่บ้านต้นแบบประชาธิปไตยเพิ่มขึ้น ๘,๗๘๐ หมู่บ้าน และอาสาสมัครเพิ่มขึ้น ๑๗๕,๖๐๐ คน และคาดว่าจะมีโครงการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๕๖ รวม ๑๐๘ เวที กลุ่มเป้าหมาย ๗๕,๗๐๐ คน
|
|||||||||||||||||||||
27938 | การติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านสังคมและคุณภาพชีวิตในส่วนของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์) ประจำเดือนมีนาคม 2556 | นร | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน ๑.๑ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชนได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเรื่องการจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัด โดยแจ้งว่ากรมการพัฒนาชุมชนได้โอนให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดดำเนินการตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรรจากคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาจากข้อมูลประชากรจังหวัดตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง ณ สิ้นปี ๒๕๕๓ แบ่งเป็น ๓ ขนาด ได้แก่ ขนาดเล็กไม่เกิน ๖๐๐,๐๐๐ คน จำนวน ๓๕ จังหวัด ๆ ละ ๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขนาดกลางตั้งแต่ ๖๐๐,๐๐๑ คน-๑,๐๐๐,๐๐๐ คน จำนวน ๒๒ จังหวัด ๆ ละ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และขนาดใหญ่ตั้งแต่ ๑,๐๐๐,๐๐๑ คน ขึ้นไป จำนวน ๑๙ จังหวัด ๆ ละ ๑๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒. กองทุนตั้งตัวได้ กระทรวงศึกษาธิการเห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาสถาบันการศึกษาที่สามารถขอจัดตั้งเป็น ABI (Authorized Business Incubator) และให้ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนตั้งตัวได้จัดทำ TOR การจัดตั้ง ABI เพื่อประกาศใช้ต่อไป ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ (กองทุนตั้งตัวได้) วงเงิน ๑,๓๐๐ ล้านบาท โดยมอบงบประมาณดังกล่าวให้กระทรวงศึกษาธิการไปดำเนินการทั้งหมด ๒. พัฒนาระบบประกันสุขภาพ ๒.๑ การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางจัดการธุรกรรมการเบิกจ่ายและระบบข้อมูลด้านบริการสาธารณสุข (National Clearing House) ในการบริการเรียกเก็บ (Claim center) ค่าบริการสาธารณสุขของสถานพยาบาลต่าง ๆ ๒.๒ การคุ้มครองสิทธิ ได้มีการปรับปรุงข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะหรือพิการ บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิม ๒.๓ การบริการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง และเสนอขอเพิ่มเติมรายการ “งบเพิ่มเติมด้านค่าแรงของหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข” ในข้อเสนองบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ๒.๔ การสร้างความมั่นคงทางการเงินการคลังของหน่วยบริการ ได้แก่ การติดตาม กำกับ และตรวจสอบหน่วยบริการที่มีภาวะวิกฤติทางการเงิน การอบรมการจัดทำต้นทุนบริการให้กับกลุ่มโรงพยาบาลที่มีภาวะวิกฤติทางการเงินเรื้อรัง การพัฒนาเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพการบริหารการเงินการคลัง การเสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารการเงินการคลังระดับเขตและระดับจังหวัด และการสนับสนุนการจัดทำข้อเสนอการบริหารงานสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคระดับเขต ๓. จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียน ๓.๑ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดประชุมหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) เพื่อจัดทำข้อมูลจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของโรงเรียนในแต่ละหน่วยงาน และการจัดซื้อในแต่ละโซน โดยให้แต่ละหน่วยงานที่เป็นเจ้าของงบประมาณแยกทำสัญญาตามผลการประกวดราคา และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแต่ละหน่วยงานต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้ สพฐ. ดำเนินการเฉพาะขั้นตอนการจัดหาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบและอนุมัติ ๓.๒ สพฐ. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการประกวดราคาการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งได้มีการพิจารณาร่าง TOR จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้กับ ๙ หน่วยงาน ขณะนี้ ร่าง TOR เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติ TOR เพื่อจัดซื้อ
|
|||||||||||||||||||||
27939 | การดำเนินการเกี่ยวกับการชำระหนี้ตามคำพิพากษารายบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) | กค | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการดำเนินการเกี่ยวกับการชำระหนี้ตามคำพิพากษารายบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงการคลังได้เจรจากับ BTSC เพื่อขอให้ลดดอกเบี้ยตามคำพิพากษา โดย BTSC ลดดอกเบี้ยให้จำนวน ๑๘,๗๑๕,๖๐๘.๒๘ บาท และกระทรวงการคลังได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วเป็นจำนวน ๑,๑๑๙,๒๗๖,๕๕๔.๔๕ บาท ๑.๒ กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ตามนัยพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการ ๑.๓ สำหรับเงินที่ชำระให้ BTSC เมื่อกรมธนารักษ์ดำเนินการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ในขั้นตอนของการคัดเลือกผู้รับสิทธิพัฒนาจะได้มีการประสานเพื่อกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่ได้รับสิทธิจ่ายเงินค่าชดเชยงานก่อสร้างฐานรากพร้อมดอกเบี้ยที่ทางราชการจ่ายให้กับ BTSC ทั้งหมดคืนให้กับรัฐด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดในการละเมิดตามนัยพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรเร่งพิจารณาเสนอโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการสนับสนุนการพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานคร และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่อประชาชนผู้ใช้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ และเห็นว่าการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดเพื่อหาผู้ต้องรับผิดสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางราชการนั้น ควรต้องดำเนินการโดยระมัดระวังมิให้การใช้สิทธิเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดขาดอายุความด้วย และในส่วนของการดำเนินการกับบริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัด (BKT) หากกรมธนารักษ์ประสงค์จะใช้สิทธิไล่เบี้ยกับ BKT กรมธนารักษ์จะต้องดำเนินการใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจาก BKT ภายในระยะเวลาการฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจากความเสียหายดังกล่าวเป็นเรื่องของความรับผิดตามสัญญาทางปกครอง ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
27940 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....