ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1398 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 27941 - 27960 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27941 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดอัตราส่วนของไอโอดีนที่โรงงานจะนำมาใช้เพื่อการผลิตเกลือบริโภค พ.ศ. .... | อก | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดอัตราส่วนของไอโอดีนที่โรงงานจะนำมาใช้เพื่อการผลิตเกลือบริโภค พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้โรงงานซึ่งประกอบกิจการผลิตเกลือบริโภคที่ใช้ปรุงหรือแต่งรสอาหารต้องผลิตเกลือซึ่งมีปริมาณของไอโอดีน (Iodine) ผสมอยู่ไม่น้อยกว่า ๒๐ มิลลิกรัม และไม่เกิน ๔๐ มิลลิกรัม ต่อเกลือบริโภค ๑ กิโลกรัม ยกเว้นการผลิตเกลือบริโภคที่มีวัตถุประสงค์ผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27942 | การปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม) | นร09 | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวง รวม ๔ ฉบับ ที่ได้ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้ สำนักบริหารกลาง กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ๑-๒ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ ๑-๑๑ สำนักบริหารยุทธศาสตร์ สำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม สำนักพัฒนาผู้ประกอบการ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน และสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้ สำนักบริหารกลาง กองบริหารยุทธศาสตร์ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักกฎหมาย สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต ๑-๓ สำนักบริหารสิ่งแวดล้อม สำนักโลจิสติกส์ สำนักวิศวกรรมและฟื้นฟูพื้นที่ สำนักเหมืองแร่และสัมปทาน และสำนักอุตสาหกรรมพื้นฐาน ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้ สำนักงานเลขานุการกรม กองกฎหมาย กองกำหนดมาตรฐาน กองควบคุมมาตรฐาน กองตรวจการมาตรฐาน ๑-๓ กองบริหารมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน กองบริหารมาตรฐานระหว่างประเทศ กองบริหารยุทธศาสตร์ กองส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐาน ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติ ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้ สำนักงานบริหารกลาง กองความร่วมมือการลงทุนต่างประเทศ กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ ศูนย์บริการลงทุน ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ ๑-๖ สำนักการตลาดเพื่อการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนในต่างประเทศ สำนักบริหารการลงทุน ๑-๔ สำนักพัฒนาปัจจัยสนับสนุนการลงทุน สำนักยุทธศาสตร์และนโยบายการลงทุน และสำนักสารสนเทศการลงทุน
|
||||||||||||||||||||||||
27943 | แผนปฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านเด็กปฐมวัย (แรกเกิดถึงก่อนเข้าประถมศึกษาปีที่ 1) ตามนโยบายรัฐบาลด้านเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2555 - 2559 | ศธ | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านเด็กปฐมวัย (แรกเกิดถึงก่อนเข้าประถมศึกษาปีที่ ๑) ตามนโยบายรัฐบาลด้านเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการให้บังเกิดผลต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามนโยบายรัฐบาลด้านเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยแผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วยโครงการ/แผนงานใน ๔ ยุทธศาสตร์ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์ที่ ๑ เด็กทุกคนได้รับบริการในการพัฒนาเต็มศักยภาพ เช่น โครงการจัดทำบัตรประชาชนเด็กแรกเกิด-๖ ปี โครงการพัฒนาระบบการจดทะเบียนการเกิด โครงการส่งเสริมโภชนาการและอนามัยแม่และเด็กบนพื้นที่สูง โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันและอาหารเสริมนมสำหรับเด็กปฐมวัยในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน การส่งเสริมการเจริญเติบโตโภชนาการของเด็กปฐมวัยในศูนย์เด็กเล็ก คลินิกเด็กสุขภาพดี โครงการพัฒนาการดีเริ่มที่นมแม่อย่างมีส่วนร่วม โครงการส่งเสริมพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีส่วนร่วม โครงการพัฒนาสวัสดิการแรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยบุตรผู้ใช้แรงงานศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ มุมนมแม่ในศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง ๖๘ แห่ง เป็นต้น ๒. ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ไอโอดีนกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น โครงการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารอาหารไอโอดีน ปี ๒๕๕๖ โครงการเฝ้าระวังโรคขาดสารไอโอดีนแบบบูรณาการ โครงการบริหารจัดการและสร้างความเข้มแข็งภาคีเครือข่าย โครงการสื่อสารสาธารณสุขเพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์ไอโอดีน โครงการยกระดับมาตรฐานการผลิตเกลือบริโภค ใช้มาตรการบังคับกำหนดให้การใช้เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) ต้องใช้เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) เสริมสร้างไอโอดีนเป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ ถ่ายทอดความรู้ประโยชน์ของเกลือ (โซเดียมคลอไรด์) เสริมไอโอดีนให้ผู้ประกอบการอาหารสัตว์ เฝ้าระวังปริมาณไอโอดีนในอาหารไก่ไข่ รณรงค์การใช้เครื่องปรุงรสที่มีส่วนประกอบของสารไอโอดีนในการประกอบอาหารให้แก่เด็ก เป็นต้น ๓. ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย เช่น โครงการส่งเสริมเด็กไทยให้รักการอ่าน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันพระราชสมภพ ๒ เมษายน เป็นวันหนังสือเด็กแห่งชาติ การประชุมสัมมนาผู้ปกครองของเด็กที่รับบริการที่สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน การฝึกอบรมแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านเด็กปฐมวัยในสถานรองรับเด็กเอกชน (สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานสงเคราะห์เด็ก สถานแรกรับ สถานพัฒนาและฟื้นฟู) การส่งเสริมจัดมุมความรู้สำหรับผู้ปกครองในสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัยในชุมชนด้อยโอกาส เสริมทักษะชีวิตของครอบครัว ส่งเสริมสวัสดิภาพเด็กปฐมวัยในชุมชน โครงการพัฒนาพ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย โครงการให้ความรู้ครูปฐมวัย โครงการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนเอกชน โครงการพัฒนาบุคลากรและผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาในโรงเรียนอนุบาลเอกชน เป็นต้น ๔. ยุทธศาสตร์ที่ ๔ กลไกการดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น การประชุมคณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ การประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัย เด็กไทย สูง-สมส่วน สมองดี แข็งแรง การตรวจติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญเอกชน โครงการวิจัยเพื่อติดตามสภาวการณ์เด็กปฐมวัยในถิ่นทุรกันดาร โครงการวิจัยและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยในถิ่นทุรกันดาร โครงการพัฒนาระบบส่งต่อข้อมูลและเชื่อมต่อการทำงานเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและเชาว์ปัญญาเด็กไทย เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
27944 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ๒. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชารัฐศาสตร์ ๓. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ๔. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชารัฐศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||
27945 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ และสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชานิเทศศาสตร์ และสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||
27946 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาเพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาการแพทย์แผนไทย และสาขาวิชานิติศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาการแพทย์แผนไทย และสาขาวิชานิติศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||
27947 | รายงานผลการปฏิบัติงานของ กสทช. ประจำปี 2555 | กสทช | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)รายงานผลการปฏิบัติงานของ กสทช. ประจำปี ๒๕๕๕ ซึ่งประกอบด้วย ความเป็นมาของ กสทช. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ปฏิบัติหน้าที่ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และผลการปฏิบัติงานด้านการบริหารคลื่นความถี่และการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมของ กสทช. ที่ได้รับการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่เข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ และ กทช. ปฏิบัติหน้าที่ กสทช. ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม-๖ ตุลาคม ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
27948 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ | กต | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ มีสาระสำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก และพำนักเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในดินแดนของแต่ละฝ่ายของบุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ๓. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายแอลเบเนียเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
27949 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ (โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู) | คค | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้า ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมทั้งธุรกิจอื่นเพื่อประโยชน์แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและประชาชนในการใช้บริการกิจการรถไฟฟ้า ตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการขนส่งมวลชน ตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพ ลักษณะและการใช้ประโยชน์บน เหนือ หรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ำ เพื่อการวางแผนหรือออกแบบกิจการขนส่งมวลชน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและกระทรวงคมนาคมเร่งเสนอรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอน โดยควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาความเหมาะสมทางเทคนิค รูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน และการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างเหมาะสมและคุ้มค่าทั้งในด้านการรองรับการขยายตัวของปริมาณการเดินทาง และสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27950 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตบางเขน และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตบางเขน และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว) | คค | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตบางเขน และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตบางเขน และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้า ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดสร้างโครงการขนส่งด้วยระบบรถไฟฟ้า สถานที่จอดรถสำหรับผู้โดยสาร กิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟฟ้า และกิจการอื่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาเมือง และการลดจำนวนเงินที่รัฐบาลอาจต้องอุดหนุนชดเชยการขาดทุนจากการดำเนินกิจการรถไฟฟ้า ตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตบางเขน และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และเขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตบางเขน และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการขนส่งมวลชน ตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพ ลักษณะและการเข้าใช้ประโยชน์บน เหนือ หรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ำ เพื่อการวางแผนหรือออกแบบกิจการขนส่งมวลชน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและกระทรวงคมนาคมเร่งเสนอรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอน โดยควรให้ความสำคัญกับการพิจารณารูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน และการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างเหมาะสมและคุ้มค่าทั้งในด้านการรองรับการขยายตัวของปริมาณการเดินทาง และสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27951 | ข้อมติวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 180 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย - สหรัฐอเมริกา | นร04 | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับข้อมติที่ S.RES.77 “A Resolution expressing the sense of Congress relating to the commemoration of the 180th anniversary of diplomatic relations between the United States and the Kingdom of Thailand” ของวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา โดยข้อมติมีสาระสำคัญเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ ๑๘๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-สหรัฐฯ ร่วมเฉลิมฉลองและถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๕ พรรษา แสดงความยินดีต่อไทยและประชาชนชาวไทยในการยึดมั่นกับค่านิยมประชาธิปไตย แสดงความยินดีและปรารถนาดีแก่ความเจริญรุ่งเรืองของไทย และแสดงความหวังให้ไทยและสหรัฐฯ มีมิตรภาพที่ยั่งยืนและต่อเนื่องสืบไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27952 | สรุปผลการเยือนปาปัวนิวกินีอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | นร | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการเยือนปาปัวนิวกินีอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี ปาปัวนิวกินี ของกระทรวงการต่างประเทศ และมอบหมายส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ตารางติดตามผลที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำ ได้แก่ การเชิญนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินีเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการและเชิญเข้าร่วมประชุม Asia-Pacific Water Summit ครั้งที่ ๒ การจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้กรอบการหารือดังกล่าวเป็นเวทีเพื่อทบทวนส่งเสริมความร่วมมือของสองฝ่าย โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งแรก การเร่งรัดการเจรจาความตกลงที่คั่งค้าง โดยเฉพาะความตกลงเพื่อส่งเสริมและปกป้องการลงทุน และความตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อน การเพิ่มการส่งออกข้าวไปยังปาปัวนิวกินี และการส่งผู้เชี่ยวชาญไปให้คำแนะนำในการปลูกข้าว การลงทุนเพื่อพัฒนาและหาแหล่งก๊าซธรรมชาติในปาปัวนิวกินี การเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมการประมงของปาปัวนิวกินี การให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของปาปัวนิวกินี การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเปิดสถานเอกอัครราชทูตปาปัวนิวกินีประจำประเทศไทย และการเปิดสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี การตรวจลงตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองให้กับคนปาปัวนิวกินี และการใช้ประโยชน์จากความตกลงว่าด้วยการบริการเดินอากาศไทย-ปาปัวนิวกินี (Air Service Agreement) การให้ความร่วมมือทางวิชาการในสาขาที่ปาปัวนิวกินีมีความสนใจ และการสนับสนุนปาปัวนิวกินีในการเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปี ค.ศ. ๒๐๑๘ รวมทั้งขอรับการสนับสนุนจากปาปัวนิวกินีในการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
27953 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27954 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยศูนย์วิจัย 5 กับซอยพระรามเก้าแยก 18 พ.ศ. .... | มท | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยศูนย์วิจัย ๕ กับซอยพระรามเก้าแยก ๑๘ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างซอยศูนย์วิจัย ๕ กับซอยพระรามเก้าแยก ๑๘ ในท้องที่แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27955 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) (นายถาวร จำปาเงิน) | นร | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายถาวร จำปาเงิน ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรี (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27956 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดการศึกษา สำหรับคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดการศึกษา สำหรับคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา และผลการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามข้อสังเกตดังกล่าว และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในการยกร่างกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาควรมีการกำหนดรูปแบบของร่างกฎหมายให้มีความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น การกำหนดบทนิยาม กรณีการใช้คำที่มีนิยามก่อนและหลังของการปรากฏคำที่มีนิยามนั้น และการใช้คำสันธานและบุพบท (และ-หรือ) เพื่อประโยชน์ในการพิจารณากฎหมายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๒. กรณีครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษระดับปริญญาตรีที่ไม่ผ่านการประเมินทักษะการสอนคนพิการตามที่คณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการกำหนด ควรมีการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมให้แก่ครูที่มีวุฒิการศึกษาพิเศษระดับปริญญาตรีที่สำเร็จการศึกษาใหม่หรือไม่ผ่านการประเมินทักษะการสอนคนพิการ ทั้งนี้ ควรกำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรมตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ๓. คำว่า "หน้าที่อื่น" ในบทนิยามคำว่า "ครูการศึกษาพิเศษ" ควรที่คณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าหน้าที่ลักษณะอย่างไรที่จะเป็นหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการอันจะมีคุณสมบัติเป็นครูการศึกษาพิเศษ
|
||||||||||||||||||||||||
27957 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "มาตรการเร่งด่วนในการจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมื่อเกิดวิกฤตภัย" | สสป | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "มาตรการเร่งด่วนในการจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมื่อเกิดวิกฤตภัย" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดวิกฤตภัย ได้แก่ กำหนดแผนการแก้ไขปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว เสริมสร้างบทบาทขององค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็งและเป็นองค์กรหลักในการพัฒนาการท่องเที่ยวในระดับประเทศและนานาชาติทั้งในยามปกติและเกิดวิกฤตภัย จัดตั้งศูนย์การข่าวและการประชาสัมพันธ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยสร้างความเข้มแข็งแก่สายการบิน และสร้างความสะดวกด้านการเดินทาง และบูรณาการความพร้อมในการอำนวยความปลอดภัย ในกรณีเกิดวิกฤตภัย และแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพร้อมไปกับผู้ประกอบการ ๒. การดำเนินการในช่วงวิกฤตภัย ได้แก่ การสื่อข่าวและประชาสัมพันธ์ต้องเป็นเอกภาพจากแหล่งข่าวเดียว มีความชัดเจนถูกต้อง เสนอข่าวที่สร้างความน่าเชื่อถือจากข้อมูลที่อ้างอิงได้ในระดับสากล ร่วมประชาสัมพันธ์ข่าวและกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นปัจจุบันของพื้นที่ท่องเที่ยวให้เห็นภาพข้อเท็จจริงว่ายังคงปลอดภัยและน่าท่องเที่ยว รวมทั้งควบคุมการนำเสนอข่าวของสื่อต่าง ๆ ให้เป็นไปโดยเอกภาพจากศูนย์การข่าวที่จัดตั้งขึ้นเป็นหลัก และให้องค์กรภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวเป็นแกนหลักในการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ๓. การดำเนินการภายหลังวิกฤตภัย ได้แก่ สร้างความเชื่อมั่นโดยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในระดับชาติและนานาชาติโดยทันทีหลังเหตุการณ์คลี่คลาย มีมาตรการเยียวยา ฟื้นฟู และกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ควรนำมาใช้หลังเกิดวิกฤตภัยและดำเนินการอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย ๖ เดือน ประกอบด้วย การเยียวยาผู้ประกอบการในด้านการเงินและภาษีที่รัฐควรดำเนินการ จัดหาแหล่งเงินทุน และผ่อนปรนเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถกู้เงินได้จริงในทางปฏิบัติ เป็นต้น รวมทั้งกระตุ้นบทบาทให้เกิดการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดอบรมภายในประเทศ และส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติและสร้างกิจกรรมในระดับนานาชาติเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว ตลอดจนใช้นโยบายส่งเสริมการตลาดให้ภาคเอกชน เช่น การให้รางวัลแก่ผู้ประกอบการที่มีความสามารถนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศและสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ๆ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
27958 | รัฐบาลสาธารณรัฐคาซัคสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายมารัต เยเซนบาเยฟ (Mr. Marat Yesenbayev)] | กต | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายมารัต เยเซนบาเยฟ (Mr. Marat Yesenbayev) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27959 | การเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 5 | นร04 | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) และการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ของกระทรวงการต่างประเทศ และมอบหมายส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำ ดังนี้
๑. การหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) กับนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ประเด็นติดตาม อาทิ การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีรัสเซีย การเร่งรัดเจรจาความตกลงทวิภาคีที่ยังคั่งค้างให้แล้วเสร็จเพื่อให้มีการลงนามในช่วงการเยือนระดับสูง การขายสินค้ายุทโธปกรณ์ เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซีย การลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมในภูมิภาค และโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย การขยายการนำเข้าสินค้าไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตร การจัดโครงการและกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้พลังงานปรมาณูของสหพันธรัฐรัสเซียกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติ และการเข้าร่วมการประชุม Asian and Pacific Energy Forum (APEF 2013) ที่เมืองวลาดิวอสต็อก ปี ๒๕๕๖ การพิจารณาการต่อยอดทุนรัฐบาลรัสเซียที่มอบให้แก่นักศึกษาไทย การเร่งรัดดำเนินโครงการชำระเอกสารทางประวัติศาสตร์ ไทย-รัสเซีย ช่วงที่ ๒ การสานต่อการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่จัดขึ้นเพื่อฉลอง ๑๑๕ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ๒๕๕๕ การเร่งรัดการเจรจาร่างพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ การสนับสนุนให้มีการเรียนการสอนภาษารัสเซียเพิ่มมากขึ้นในมหาวิทยาลัยไทย และการเรียนการสอนภาษาไทยในรัสเซีย การเร่งรัดจัดทำแผนการดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ค.ศ. ๒๐๑๒-๒๐๑๔ การติดตามผลการพิจารณาการขอเสียงสนับสนุนจากรัสเซียในการสมัครของไทยในฐานะสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ และการสนับสนุนรัสเซียในการสมัครเป็นสมาชิก ECOSOC รวมทั้งการหารือและรับรองร่าง Declaration on the Framework Principles of Strengthening Security and Developing Cooperation in the Asia-Pacific Region สำหรับการประชุมสุดยอด EAS ในปี ๒๕๕๖ และการสนับสนุนการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างอาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นต้น ๒. การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๕ ประเด็นติดตาม อาทิ ความร่วมมือระหว่างไทยกับรัสเซียในกรอบองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศและอนุภูมิภาคี การสานต่อการดำเนินแผนการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับรัสเซียระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๑๐-๒๐๑๔ การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับรัสเซียให้เพิ่มขึ้นสองเท่าภายในปี ค.ศ. ๒๐๑๖ การเร่งรัดเจรจาและลงนามในร่างพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย การเร่งรัดและติดตามฝ่ายรัสเซียให้ออกใบอนุญาตการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกของสถานประกอบการไทยไปรัสเซียเพิ่มเติม การเร่งรัดและติดตามการปรับปรุงรายชื่อสถานประกอบการสินค้าประมงไทยที่ได้รับการอนุมัติให้ส่งออกสินค้าประมงไปยังรัสเซียในเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายรัสเซีย การเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตร อาทิ ยางพารา ข้าว ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก ปลาและอาหารทะเล สับปะรด การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสการลงทุน ตลอดจนโครงการและความคิดริเริ่มด้านการลงทุนสองฝ่าย การส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง “Gazprombank” กับธนาคารในประเทศไทย การเร่งรัดการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานไทยกับรัสเซีย การขยายการเชื่อมโยงด้านการบินระหว่างรัสเซียและไทย และการจัดการหารือเกี่ยวกับการเปิดเสรีด้านการให้บริการทางอากาศในปี ๒๕๕๖ การเร่งรัดการจัดทำแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างรัสเซียและไทยระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๑๓-๒๐๑๕ การจัดตั้งความร่วมมือด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการจัดการน้ำและเทคโนโลยีชลประทาน การผลักดันให้มีผลบังคับใช้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียและประเทศสมาชิกอาเซียน การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงนามในร่างปฏิญญาร่วมเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศในอาณาเขตของไทยและรัสเซีย การสานต่อการเจรจาร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม และการสานต่อความร่วมมือเพื่อต่อต้านการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
27960 | ผลการประชุมคณะทำงานฝ่ายไทย - เมียนมาร์ (Myanmar-Thailand Taskforce) เพื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 2 | นร11 | 21/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะทำงานฝ่ายไทย-เมียนมาร์ (Myanmar-Thailand Taskforce) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ประธานคณะกรรมการประสานงานร่วมฯ ฝ่ายไทย เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้องเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างสัญญาข้อตกลงผู้ถือหุ้น (Shareholders Agreement) สำหรับการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle : SPV) โดยมีสำนักงานพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) และ Foreign Economic Relation Department (FERD) เป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยและเมียนมาร์ตามลำดับ และร่างข้อบังคับของบริษัทจำกัด (Article of Association) รวมทั้งร่างกรอบความตกลง (Framework Agreement) สำหรับการลงนามระหว่าง SPV กับคณะกรรมการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei Special Economic Zone Management Committee : DSEZ MC) เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในภาพรวมอย่างเป็นระบบ ๑.๒ ที่ประชุมรับทราบผลการศึกษาของคณะผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นที่ทำการศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงการทวายในภาพรวม โดยเสนอให้รัฐบาลเมียนมาร์พิจารณารูปแบบการลงทุนแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ สำหรับโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน คือ ท่าเรือและถนน เพื่อให้โครงการมีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์และสามารถหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนได้ โดยรูปแบบการลงทุนควรคำนึงถึงสถานะการคลังของรัฐบาลเมียนมาร์ และการลงทุนควรแบ่งออกเป็นระยะ ๆ ซึ่งฝ่ายไทยและเมียนมาร์ได้ชักชวนให้ภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วมให้การสนับสนุนต่อโครงการ อาทิ การให้ความช่วยเหลือการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistant : ODA) แก่รัฐบาลเมียนมาร์ ๑.๓ ที่ประชุมได้ตกลงกันในเรื่อง Relocation ว่า รัฐบาลเมียนมาร์จะเป็นผู้วางแผนและดำเนินการโยกย้ายคน โดยที่ SPC จะเป็นผู้จ่ายเงินผ่าน SPV และแผนการเคลื่อนย้ายคนจะต้องได้รับความเห็นชอบโดย SPV และเป็นไปตามมาตรฐานสากล ๒. เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. เข้าร่วมจัดตั้งและร่วมลงทุนในบริษัท ทวาย เอส อี แซด ดีเวลล๊อปเม้นท์ จำกัด (Dawei SEZ Development Company Limited) กับหน่วยงานของเมียนมาร์ ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ วงเงินไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท และให้ สพพ. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
.....