ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1396 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 27901 - 27920 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27901 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย (มีนาคม พ.ศ. 2556) | ทก | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย (มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ ร้อยละ ๖๕.๓ ระบุว่ามีปัญหายาเสพติด ในจำนวนนี้เห็นว่ามีปัญหารุนแรงที่สุดร้อยละ ๑.๔ รุนแรงร้อยละ ๖.๕ และค่อนข้างรุนแรงร้อยละ ๑๒.๓ โดยปัญหายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง-รุนแรงที่สุดพบในกรุงเทพมหานครมากกว่าภาคอื่นร้อยละ ๑๘.๕ ๒. การแพร่ระบาดยาเสพติดในปัจจุบัน (เดือนมีนาคม ๒๕๕๖) เทียบกับช่วงก่อนเดือนกันยายน ๒๕๕๕ พบว่า ปัญหาลดลงร้อยละ ๔๐.๖ เท่าเดิมร้อยละ ๔๗.๗ ส่วนผู้ที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมีร้อยละ ๑๑.๗ ในจำนวนนี้เห็นว่าสาเหตุเกิดจากการเพิ่มขึ้นของผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้า/ผู้ลักลอบค้ายาเสพติด และการไม่ปราบปรามอย่างจริงจัง ๓. ปัญหาด้านผู้ค้า/ผู้ลักลอบค้ายาเสพติด ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ ร้อยละ ๔๑.๑ ระบุว่ามีปัญหา ในจำนวนนี้เห็นว่ามีปัญหารุนแรงที่สุดร้อยละ ๐.๙ รุนแรงร้อยละ ๔.๗ และค่อนข้างรุนแรงร้อยละ ๙.๕ โดยปัญหาด้านผู้ค้า/ผู้ลักลอบค้ายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง-รุนแรงที่สุดพบในกรุงเทพมหานครมากกว่าภาคอื่นร้อยละ ๑๖.๕ ๔. ปัญหาด้านผู้ค้า/ผู้ลักลอบค้ายาเสพติดในปัจจุบัน (เดือนมีนาคม ๒๕๕๖) เทียบกับช่วงก่อนเดือนกันยายน ๒๕๕๕ พบว่า มีปัญหาลดลงร้อยละ ๓๐.๘ และเท่าเดิมร้อยละ ๕๓.๒ ส่วนผู้ที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมีร้อยละ ๑๖.๐ โดยปัญหาผู้ค้า/ผู้ลักลอบค้ายาเสพติดได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ ในเรื่องการลักขโมย ปล้น จี้ มากที่สุด ร้อยละ ๖๔.๑ รองลงมา ได้แก่ สุขภาพจิตเสียจากความหวาดกลัวร้อยละ ๒๙.๗ ผู้มีอิทธิพลร้อยละ ๒๘.๐ และการทำร้ายร่างกายร้อยละ ๑๖.๑ เป็นต้น ๕. ปัญหาด้านผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ ร้อยละ ๖๑.๒ ระบุว่ามีปัญหา ในจำนวนนี้เห็นว่ามีปัญหารุนแรงที่สุดร้อยละ ๑.๕ รุนแรงร้อยละ ๕.๖ และค่อนข้างรุนแรงร้อยละ ๑๑.๗ โดยปัญหาด้านผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง-รุนแรงที่สุดพบในภาค ๘ มากกว่าภาคอื่นร้อยละ ๑๗.๒ ๖. ปัญหาด้านผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในปัจจุบัน (เดือนมีนาคม ๒๕๕๖) เทียบกับช่วงก่อนเดือนกันยายน ๒๕๕๕ พบว่ามีปัญหาลดลงร้อยละ ๔๑.๔ และเท่าเดิมร้อยละ ๔๒.๕ ส่วนผู้ที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมีร้อยละ ๑๖.๑ โดยปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ ในเรื่องการลักขโมย ปล้น จี้ มากที่สุดร้อยละ ๗๔.๕ รองลงมา ได้แก่ แก๊งมอเตอร์ไซค์ซิ่งร้อยละ ๓๓.๓ คนเมายาอาละวาดร้อยละ ๑๖.๖ และการทำร้ายร่างกาย ร้อยละ ๑๔.๗ เป็นต้น ๗. ประชาชนร้อยละ ๕๘.๑ ระบุว่าในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ มีโรงเรียน/สถานศึกษา ในจำนวนนี้เห็นว่ามีปัญหาการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุดร้อยละ ๐.๓ รุนแรงร้อยละ ๑.๓ และค่อนข้างรุนแรงร้อยละ ๒.๕ โดยการแพร่ระบาดยาเสพติดในโรงเรียน/สถานศึกษาที่มีปัญหารุนแรง-รุนแรงที่สุดพบในภาค ๙ มากกว่าภาคอื่นร้อยละ ๕.๓ ๘. การหาซื้อยาเสพติด พบว่าประชาชนร้อยละ ๑๘.๐ ระบุว่าหาซื้อได้ง่าย ส่วนที่หาซื้อไม่ได้ และหาซื้อยาก มีร้อยละ ๒๗.๔ และร้อยละ ๑๐.๔ ตามลำดับ ขณะที่มีร้อยละ ๔๔.๒ ที่ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ โดยการหาซื้อยาเสพติดได้ง่ายพบในกรุงเทพมหานคร และภาค ๙ มากกว่าภาคอื่น คือ ประมาณร้อยละ ๓๓.๐ ๙. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ ร้อยละ ๑๒.๑ ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปสนับสนุน/กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และร้อยละ ๕๒.๐ ระบุว่าไม่มี โดยเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปสนับสนุน/กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในระดับมาก-มากที่สุดพบในกรุงเทพมหานครมากกว่าภาคอื่นร้อยละ ๖.๕ ๑๐. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ สูงถึงร้อยละ ๙๙.๑ ระบุว่ามีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของรัฐบาล ในจำนวนนี้มีความพึงพอใจมากที่สุดร้อยละ ๑๔.๗ มากร้อยละ ๒๒.๗ และค่อนข้างมากร้อยละ ๕๓.๕ ขณะที่ผู้มีความพึงพอใจค่อนข้างน้อยและน้อยมีร้อยละ ๖.๙ และ ๑.๓ ตามลำดับ ๑๑. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายฯ ร้อยละ ๘๔.๒ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการป้องกัน/แก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาอาชญากรรม ได้แก่ การปราบปรามอย่างจริงจัง/ต่อเนื่องร้อยละ ๖๑.๔ การใช้กฎหมายลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาดร้อยละ ๔๗.๙ และการประชาสัมพันธ์/เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดร้อยละ ๑๘.๐ เป็นต้น
|
|||||||||||||||
27902 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเทคโนโลยี การวิจัยและพลังงานปรมาณูแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเทคโนโลยี การวิจัยและพลังงานปรมาณูแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมกิจกรรมความร่วมมืออาจรวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์เชิงกล เทคโนโลยีสารสนเทศ มาตรวิทยา เทคโนโลยีการปรับคุณสมบัติของแร่ เทคโนโลยีการปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงานหมุนเวียน และสาขาความร่วมมืออื่น ๆ ที่เห็นพ้องร่วมกัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวและอาจนำมาซึ่งความขัดแย้ง จึงควรดำเนินการอย่างเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งควรพิจารณาสาขาความร่วมมือที่ศรีลังกามีศักยภาพเพิ่มเติม อาทิ พลังงานน้ำ และนวัตกรรมการสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
27903 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||
27904 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับรองและเสริมสร้างสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินของชุมชน พ.ศ. .... | นร01 | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ความมั่นคง การพัฒนาสังคม และแรงงาน) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับรองและเสริมสร้างสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินของชุมชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้ประชาชนที่รวมตัวกันเป็นชุมชนอย่างต่อเนื่อง มีสิทธิได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐที่ชุมชนได้ครอบครองใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยและการใช้ประโยชน์ในที่ดินของชุมชน รวมทั้งเสริมสร้างชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน) เสนอ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ความมั่นคง การพัฒนาสังคม และแรงงาน) เสนอ และให้ส่งร่างระเบียบฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับพื้นที่ที่เกิดปัญหาข้อเรียกร้องเกี่ยวกับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเมื่อผลการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบเป็นที่ยุติแล้ว |
|||||||||||||||
27905 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้พนักงานราชการศาลปกครองตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งมีวาระการจ้างไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และผู้ปฏิบัติงานในหน่วยบริการรูปแบบพิเศษตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งมีวาระการจ้างไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองและหัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตามลำดับเป็นผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
27906 | ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ดินบริเวณริมถนนรัชดาภิเษก แปลงที่ 42 - 53 | อส | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการทำบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ดินบริเวณถนนรัชดาภิเษก แปลงที่ ๔๒-๕๓ พื้นที่รวม ๒๐,๘๘๐ ตารางเมตร เพื่อสร้างอาคารที่ทำการ และสถานีบริการแก๊สรถยนต์ ในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ต่อไปอีกมีกำหนด ๑๖ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๒ ค่าเช่าเป็นเงินปีละ ๑๑,๔๑๘,๔๓๗ บาท โดยให้ปรับเพิ่มค่าเช่าในอัตราร้อยละ ๕ ของค่าเช่าครั้งสุดท้ายทุก ๑ ปี ทั้งนี้ เพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป จนกว่าจะครบกำหนดสัญญาเช่า โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณสำหรับเป็นค่าเช่าที่ดินดังกล่าว ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๕๔ และระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปีงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||
27907 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... | กค | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้คณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ อัยการสูงสุด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นกรรมการ โดยมีผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นเลขานุการ ๑.๒ กำหนดคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และความเชี่ยวชาญของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ กำหนดให้มีวิธีการได้มาซึ่งรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมเพื่อคัดเลือกเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย หน่วยงานจากภาคเอกชนเสนอชื่อ ขอบัญชีรายชื่อจากหน่วยงานที่มีการจัดทำบัญชีรายชื่อต่าง ๆ และคณะกรรมการสรรหาพิจารณาเสนอรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมได้เอง ๑.๔ กำหนดให้มีวิธีการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยให้คณะกรรมการสรรหาจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมเพื่อคัดเลือกเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแยกเป็นรายสาขา ตรวจสอบคุณสมบัติ ดำเนินการคัดเลือก และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่ได้สรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐแล้ว ควรเร่งดำเนินการในขั้นตอนที่สำคัญ ได้แก่ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ การกำหนดหลักเกณฑ์และประกาศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตามมาตรา ๓๕ และมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้การดำเนินการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในกิจการของรัฐมีความต่อเนื่องและสอดคล้องกับขั้นตอนตามกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
27908 | ร่างถ้อยแถลงร่วมไทย - มัลดีฟส์ ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ระหว่างไทยกับมัลดีฟส์ เพื่อใช้เป็นเอกสารสรุปผลการเยือนมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑-๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยเอกสารร่างถ้อยแถลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมและแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและรัฐบาลมัลดีฟส์ในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการศึกษา ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยก่อนมีการประกาศถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||
27909 | ร่างถ้อยแถลงร่วมไทย - อินเดีย ในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีอินเดีย | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ระหว่างไทยกับอินเดีย เพื่อใช้เป็นเอกสารสรุปผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีอินเดีย ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมและแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและอินเดียในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในประเด็นต่าง ๆ ๑.๒ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ก่อนมีการเผยแพร่ถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในข้อ ๔๒ ความว่า “...ฝ่ายไทยและอินเดียได้ลงนามในความตกลงดังต่อไปนี้ ในระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมันโมฮัน สิงห์ : (๓) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างไทยและอินเดีย...” ซึ่งในส่วนของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้มีการดำเนินการเพื่อเตรียมการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าวก่อนการลงนามแล้ว แต่ทราบในภายหลังว่าฝ่ายอินเดียยังไม่พร้อมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าว จึงขอให้ตัดข้อความในข้อ ๔๒ (๓) ออก เพื่อให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง และข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรเสนอให้ฝ่ายอินเดียพิจารณาเรื่องการนำเข้าแรงงานจากไทยไปทำงานในสาขาที่เป็นที่ต้องการในประเทศอินเดีย รวมทั้งการขยายความสัมพันธ์ของหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควรครอบคลุมความสัมพันธ์ทั้งสถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทั้งสองประเทศ เพื่อให้สถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษามีโอกาสได้รับความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทั้งสองประเทศได้อย่างครอบคลุมทั้งทางด้านการวิจัยและพัฒนา และการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
27910 | ร่างถ้อยแถลงร่วมไทย - ศรีลังกา ในโอกาสการเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ระหว่างไทยกับศรีลังกา เพื่อใช้เป็นเอกสารสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม-๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมและแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและศรีลังกาในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการและการพัฒนา การขยายความร่วมมือด้านการเกษตรและการประมง การผลักดันความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยง (Connectivity) การขยายความร่วมมือทางด้านศาสนา วัฒนธรรม และการศึกษา รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ๑.๒ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยก่อนมีการเผยแพร่ถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปแก้ไขร่างถ้อยแถลงร่วมฯ โดยตัดข้อความเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและเมืองแคนดี้ ออก และแก้ไขข้อความในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในข้อ ๑๗ จากเดิมความว่า “… to convert the existing MoU on Air Services to an “Open Skies” Air Services Agreement.” เป็น “…to strengthen Air Transpost Services between the two countries.” ก่อนการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
27911 | ขออนุมัติจัดทำความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างไทยและศรีลังกา | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (Agreement between the Govemment of the Kingdom of Thailand and the Govemment of the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka on Visa Exemption for Holders of Diplomatic and Official Passports) โดยสาระสำคัญของความตกลงฯ เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการติดต่อราชการระหว่างเจ้าหน้าที่การทูตและข้าราชการทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนความร่วมมือและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในความตกลงฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
|||||||||||||||
27912 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 | มท | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๖ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๖ เกิดอุบัติเหตุทางถนน ๒,๘๒๘ ครั้ง เปรียบเทียบกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๕ เกิดอุบัติเหตุทางถนน ๓,๑๒๙ ครั้ง ลดลง ๓๐๑ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๙.๒๖ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ ๑๐๔ ครั้ง รองลงมา คือ จังหวัดนครสวรรค์ ๙๗ ครั้ง และจังหวัดนครศรีธรรมราช ๙๓ ครั้ง ผู้ได้รับบาดเจ็บ ๓,๐๔๐ คน และผู้เสียชีวิต ๓๒๑ ราย ๒. การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๖ พบว่า การเมาสุราเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ถนนทางหลวงแผ่นดินเป็นถนนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ๑๖.๐๑-๒๐.๐๐ น. กลุ่มวัยแรงงานเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตมากที่สุด และผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่
|
|||||||||||||||
27913 | ขออนุมัติจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ (Memorandum of Understanding on the Establishment of Bilateral Consultations between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of the Republic of Maldives) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกการปรึกษาหารือ และทบทวนความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกมิติ ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
|||||||||||||||
27914 | ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินเดียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินเดียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามสนธิสัญญาฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายอินเดียต่อไป ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||
27915 | ขออนุมัติจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดียว่าด้วยการจัดตั้งโครงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการไทย - อินเดีย | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดียว่าด้วยการจัดตั้งโครงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการไทย-อินเดีย (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of India on the Establishment of the Thailand-India Exchange Programme) มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินเดียในระดับประชาชน ในด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การศึกษา วิชาการ และวัฒนธรรม ให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โครงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการฯ จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณรายปี จำนวน ๑๗,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากไทยและอินเดียในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายจะเป็นผู้บริหารงบประมาณและจัดกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศ รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจเร่งด่วนตามสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงด้านการต่างประเทศ และค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||
27916 | ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ) | กต | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการขอโอนและการรับโอนตัวผู้กระทำผิดระหว่างภาคี เพื่อความร่วมมือในการบริหารงานยุติธรรมระหว่างทั้งสองประเทศ ให้โอกาสคนชาติของตนที่ต้องโทษตามคำพิพากษาในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งสามารถขอกลับไปรับโทษต่อในประเทศของตน เพื่อช่วยให้ผู้กระทำผิดเหล่านั้นสามารถเตรียมตัวเพื่อกลับคืนสู่สังคมเมื่อพ้นโทษได้ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามสนธิสัญญาฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายมัลดีฟส์ต่อไป ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับภาษาในการทำสนธิสัญญาฯ กรณีกระทรวงการต่างประเทศกำหนดในร่างข้อบทสุดท้ายให้มีการจัดทำสนธิสัญญาดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น อาจมีปัญหาในภายหลังหากนำสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวเสนอต่อศาล เนื่องจากขาดสนธิสัญญาฉบับภาษาไทยอย่างเป็นทางการ และหากมีการแปลภาษาคลาดเคลื่อนย่อมอาจถูกฟ้องร้องจากบุคคลที่ได้รับความเสียหายได้ ทั้งนี้ ในสนธิสัญญาฉบับอื่น ๆ ล้วนแต่มีการจัดทำสนธิสัญญาเป็นภาษาไทยอย่างเป็นทางการให้รัฐคู่สัญญารับรองความถูกต้อง และในกรณีที่มีการใช้ภาษารัฐคู่สัญญาเพียง ๒ ภาษา ควรมีการกำหนดให้แต่ละภาษามีความถูกต้องเท่าเทียมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
27917 | รายงานการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 3 | กค | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๓ จำนวนรวม ๑๖,๘๖๕ ล้านบาท ภายใต้ขอบเขตพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ อายุ ๒ ปี อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (อัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ๔ แห่ง (FDR) ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย บวกด้วย Spread โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๓.๑๗๐ ต่อปี ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๑๑,๔๓๒.๕๐ ล้านบาท ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ อายุ ๖ เดือน อัตราดอกเบี้ยเท่ากับร้อยละ ๒.๙๑๘ ต่อปี ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
|||||||||||||||
27918 | การลงนามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย - สาธารณรัฐมัลดีฟส์ | พณ | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-สาธารณรัฐมัลดีฟส์ มีสาระสำคัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน โดยมีสาขาความร่วมมือครอบคลุมด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย การอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าและการลงทุน การส่งเสริมการลงทุนร่วมระหว่างภาคเอกชนสองฝ่าย และความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาที่สองฝ่ายมีศักยภาพ อาทิ เกษตร ประมง อาคารแปรรูป การพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม การท่องเที่ยว ธุรกิจก่อสร้าง การบริการ สุขภาพ โลจิสติกส์ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการศึกษา รวมทั้งเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายหารือเพื่อเพิ่ม/ขยายความร่วมมือด้านอื่น ๆ ด้วย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ หรือหากติดภารกิจ ให้มอบหมายผู้อื่นลงนามแทนต่อไป ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการกำหนดสาขาแบบกว้าง ๆ โดยเฉพาะด้านการสาธารณสุข อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและมีผลในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
27919 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับศรีลังกา | กก | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับศรีลังกา เพื่อขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผลประโยชน์ต่อทั้ง ๒ ฝ่าย ได้แก่ การอำนวยความสะดวกประชาชนจากประเทศภาคีหรือประเทศอื่นที่เดินทางมาราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับองค์กร การจัดการ ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศของตนเพื่อแลกเปลี่ยนสถิติและข้อมูลด้านการท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือภาคีอื่นในการจัดตั้งและการดำเนินการของสำนักงานนักท่องเที่ยวแห่งชาติและตัวแทนสำนักงานของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศของตน การช่วยเหลือหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อบรรลุผลโครงการและการศึกษาการพัฒนานักท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน รวมทั้งการสนับสนุนงานวิจัยในประเทศและระหว่างประเทศในสาขาการท่องเที่ยว ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ (โดยระบุตำแหน่ง) ระหว่างเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาของนายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม-๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ |
|||||||||||||||
27920 | รายงานการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 2 | กค | 28/05/2556 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการกู้เงินในประเทศเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน สำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXI-4 และสัญญาเงินกู้เลขที่ TXXII-3 ในส่วนเฉพาะเงินต้นเพื่อชำระหนี้แทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในวงเงิน ๙,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ภายใต้ขอบเขตพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ อายุ ๙ ปี ๒๗ วัน อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง [อัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ๔ แห่ง (FDR) ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย] บวกด้วย Spread โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๖ มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๓.๕๘๓ ต่อปี ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
.....