ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1318 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26341 - 26360 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26341 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เพิ่มเติม | นร04 | 28/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงกลาโหมใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในกรอบวงเงิน จำนวน ๗๒,๘๙๕,๖๐๒ บาท (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำนวน ๓๙,๕๗๗,๑๐๐ บาท และกองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน ๓๓,๓๑๘,๕๐๒ บาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งกำลังบำรุงและค่าใช้จ่ายในการฝึกและศึกษาหลักสูตรต่าง ๆ ของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
26342 | การเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา เพื่อให้วุฒิสภาทำหน้าที่ตามมาตรา 132 (2) และ (3) ของรัฐธรรมนูญ | สว | 28/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามข้อชี้แจงของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นข้อแย้งทางข้อกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของผู้มีอำนาจดำเนินการนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ว่าโดยที่รองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา มีหนังสือวุฒิสภา ด่วนที่สุด ที่ สว ๐๐๐๗/๑๔๐๖ ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๗ เรื่อง การเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาเพื่อให้วุฒิสภาทำหน้าที่ตามมาตรา ๑๓๒ (๒) และ (๓) ของรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาในการเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา เป็นการดำเนินการถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ และแนวทางที่เคยปฏิบัติมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องกิจการภายในของรัฐสภา และผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภายืนยันอำนาจหน้าที่ดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของวุฒิสภา จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาเป็นวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และวันปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาเป็นวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ๒. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
26343 | การเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา เพื่อให้วุฒิสภาทำหน้าที่ ตามมาตรา 132 (2) และ (3) ของรัฐธรรมนูญ | สว | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑ รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการประสานงานในขั้นตอนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย และการยกร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ ๒. โดยที่หนังสือสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ด่วนที่สุด ที่ สว ๐๐๐๗/๑๓๗๔ ลงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ หนังสือวุฒิสภา ด่วนที่สุด ที่ สว ๐๐๐๗/๑๓๘๑ ลงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ และหนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ ๐๐๑๕/๒๙๔๗ ลงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ ทั้ง ๓ ฉบับ มีข้อความที่เป็นข้อแย้งทางข้อกฎหมายและอำนาจหน้าที่อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นขั้นตอนภายในขององค์กรรัฐสภา จึงมอบหมายให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการประสานเรื่องดังกล่าว เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่โดยเร็ว และให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกายกร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาเตรียมไว้ |
|||||||||||||||||||||
26344 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) (ศาสตราจารย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ) | วช | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของศาสตราจารย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ และให้มีผลดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๘๑ (๑) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||
26345 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 3 ราย 1. นายนภดล เทพพิทักษ์ ฯลฯ) | กต | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๓ ราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้มีผลดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๘๑ (๑) แล้ว ดังนี้
๑. นายนภดล เทพพิทักษ์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒. นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๓. นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
26346 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 (กระทรวงมหาดไทย) (นายวิทยา ผิวผ่อง) | มท | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวิทยา ผิวผ่อง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (เกษียณอายุราชการในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้มีผลดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๘๑ (๑) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||
26347 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์และแนวโน้มปี 2557 | นร11 | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ และแนวโน้มปี ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เครื่องชี้เศรษฐกิจสำคัญ ๆ ในช่วง ๒ เดือนแรกของปี ๒๕๕๗ ทั้งในด้านการใช้จ่ายและการผลิตยังอยู่ในภาวะทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อย โดยปรับตัวดีขึ้นในเดือนมกราคม ๒๕๕๗ ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ การส่งออก การผลิตภาคเกษตร และการท่องเที่ยว ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เป็นไปอย่างช้า ๆ ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และปัญหาในภาคการท่องเที่ยว ตามลำดับ ๑.๒ เศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เครื่องชี้เศรษฐกิจสำคัญ ๆ ยังปรับตัวลดลง โดยเฉพาะดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน และดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับฐานการใช้จ่ายและการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกปี ๒๕๕๖ อยู่ในระดับสูง ในขณะที่การส่งออกยังฟื้นตัวช้า จำนวนนักท่องเที่ยวยังลดลงต่อเนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ มาตรการเพิ่มคุณภาพนักท่องเที่ยว และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน สภาพอากาศที่หนาวผิดปกติในอเมริกาเหนือ และการอ่อนค่าของเงินเยน อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งในด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเล็กน้อย อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าเกินดุล จากการปรับตัวดีขึ้นของการส่งออกและการนำเข้าที่หดตัวสูง เช่นเดียวกับดุลบริการที่เกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ๑.๔ สถานการณ์ด้านการคลัง ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ การจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีและการเบิกจ่ายจากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวต่อเนื่อง ๑.๕ สถานการณ์ด้านการเงิน ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ ๒.๒๕ ต่อปี ขณะที่เงินบาทเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่อ่อนค่าลง ประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ค่าเงินบาทเฉลี่ยแข็งค่าเป็น ๓๒.๖๕ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ด้านสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ ๘.๔ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ ๑๐.๐ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๗ เป็นการชะลอตัวลงทั้งในสินเชื่อภาคครัวเรือนและสินเชื่อภาคธุรกิจ ในขณะที่เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ (รวม B/E) ขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากตึงตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ ๑,๔๔๗ พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เงินทุนเคลื่อนย้ายยังคงไหลออกสุทธิ ๔,๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๗ ประมาณการว่า มีแนวโน้มขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๐-๔.๐ โดยคาดว่าในปี ๒๕๕๗ มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๕.๐-๗.๐ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑.๔ และร้อยละ ๓.๑ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ ๑.๙-๒.๙ และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๐.๒ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
26348 | สรุปสถานการณ์ภาพรวมของปัญหาไฟป่าและหมอกควันของภาคเหนือ 10 จังหวัด ครั้งที่ 4 | นร | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์ภาพรวมของปัญหาไฟป่าและหมอกควันของภาคเหนือ ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา ตาก และอุตรดิตถ์ ครั้งที่ ๔ ณ วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คุณภาพอากาศ ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ รวม ๑๕ วัน ทุกจังหวัดมีคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน สูงเกินค่ามาตรฐาน ๑๒๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ๒. จุดความร้อน (Hot Spots) ในช่วงตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ มีจำนวนจุดความร้อน (Hot Spots) รวม ๗๓๖ จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อน (Hot Spots) มากที่สุด คือ จังหวัดน่าน จำนวน ๒๑๑ จุด รองลงมา คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๑๒๑ จุด และจังหวัดตาก จำนวน ๑๐๗ จุด ส่วนสถานการณ์การเกิดไฟป่า มีจำนวนการเกิดไฟป่า ๑๓๖ ครั้ง รวมพื้นที่ ๑,๐๑๕ ไร่ ๓. เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ไฟป่ายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ และน่าน จึงเห็นควรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) และรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ที่ได้ให้ไว้เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ และเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้ได้ผลอย่างจริงจังต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
26349 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 4 ปี 2556 และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกุมภาพันธ์ 2557 | อก | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๖ และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตและจำหน่ายคาดว่าจะชะลอตัวตามความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศ ประกอบกับปัญหาการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลให้ระดับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประชาชนลดลง ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนระมัดระวังมากขึ้น สำหรับการส่งออก คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นในทิศทางบวกและสามารถขยายการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นตามกรอบความร่วมมือสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ๒. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ประมาณการแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๓๐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะลดลงร้อยละ ๐.๓๗ จากการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๑๔ เนื่องจากเศรษฐกิจในตลาดหลักเริ่มฟื้นตัว
|
|||||||||||||||||||||
26350 | สรุปสาระสำคัญรายงานการพัฒนาคนของประเทศไทย ปี 2557 | นร11 | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสาระสำคัญรายงานการพัฒนาคนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การศึกษาสำหรับคนรุ่นใหม่ ประเทศไทยได้ขยายการเข้าถึงการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษาได้มากขึ้น แต่มีจุดอ่อนสำคัญคือ คุณภาพการศึกษาของประเทศไทยตกต่ำลง World Competitiveness Report 2555-2556 จัดให้คุณภาพการศึกษาโดยรวมของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำสุดในอาเซียน การขาดทักษะภาษาอังกฤษ รวมถึงผลผลิตของระบบการศึกษาไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน มีผู้เรียนอาชีวศึกษาน้อยเกินไป ปัญหาความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงบริการและปัญหาคุณภาพการศึกษาที่แตกต่างกัน เยาวชนจากครัวเรือนที่มีรายได้สูงที่สุด (ควินไทล์ที่ ๕) มีโอกาสดีกว่าเยาวชนจากครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ (ควินไทล์ที่ ๑) ถึง ๖ เท่าที่จะเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนส่งผลให้เกิดความตื่นตัวในการพัฒนาแก้ไขปัญหา และเปิดโอกาสให้คนไทยได้รับการจ้างงานที่ดีขึ้น โดยแรงงานต้องมีทักษะด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และภาษาประเทศสมาชิกอาเซียน มีคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการจ้างงาน สามารถปรับตัว มีความพร้อมที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ๒. การคุ้มครองทางสังคมและสุขภาพ ประเทศไทยมีความก้าวหน้าของบริการสุขภาพ และการคุ้มครองทางสังคม นโยบายหลักประกันสุขภาพช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ประชาชนกว่า ๕ แสนคนหลุดพ้นจากความยากจน และมาตรการการคุ้มครองทางสังคม อาทิ เรียนฟรี ๑๕ ปี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ๖๐๐-๑,๐๐๐ บาทต่อเดือน เบี้ยยังชีพคนพิการ ๕๐๐ บาทต่อเดือน ส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ การตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม (One Stop Crisis Center : OSCC) ซึ่งเป็นสายด่วน (โทร ๑๓๐๐) สำหรับแจ้งเบาะแสต่าง ๆ เกี่ยวกับความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มด้อยโอกาส ผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทางเพศ แรงงานเด็ก การค้ามนุษย์ การตั้งครรภ์ไม่พร้อมและก่อนวัยอันควร อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาหลายด้านจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รัฐบาลมีแผนจัดการกับความท้าทายนี้ด้วยแนวทางการคุ้มครองทางสังคมขั้นพื้นฐาน (Social Protection Floor) และมีนโยบายจะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ รวมทั้งบริการทางการแพทย์เป็นสาขาหนึ่งที่จะเปิดเสรีภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๓. ประชากรข้ามพรมแดน ประเทศไทยได้พัฒนาระบบการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติมากกว่าทศวรรษ แต่ขณะนี้ยังมีแรงงานจำนวนมากที่ไม่ได้จดทะเบียน อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิในรูปแบบต่าง ๆ ส่วนหนึ่งของความพยายามจัดระเบียบแรงงานข้ามชาติ คือ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบนโยบายการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เรียนหนังสือไม่ว่าจะมีสัญชาติใด พร้อมทั้งจัดสรรเงินสนับสนุนรายหัวให้ในอัตราเท่ากับเด็กสัญชาติไทย และตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ โรงพยาบาลได้รับงบประมาณสนับสนุนการรักษาพยาบาลโดยไม่คำนึงถึงสถานะทางสัญชาติ ๔. สิ่งแวดล้อม ภาคประชาสังคมเห็นว่าการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอาจนำไปสู่การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเกินขอบเขต ขณะที่กลไกในการบริหารจัดการประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคยังขาดประสิทธิภาพ รวมถึงอาเซียนยังขาดการแสดงพันธะผูกพันอย่างจริงจังกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอาเซียนได้ร่วมดำเนินการจัดการในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ก้าวหน้ามากขึ้น อาทิ การแก้ไขปัญหาหมอกควันจากไฟป่า และการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๕. การพัฒนาจังหวัดรอบนอก การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้แสดงให้เห็นถึงโอกาสของการพัฒนาพื้นที่จังหวัดรอบนอก ประเทศไทยมี ๓๘ จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหน้าต่างของประเทศไทยสู่อาเซียน และจะเป็นพื้นที่ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาคนเป็นจำนวนมากในภูมิภาคต่าง ๆ หากมีการพัฒนาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ทั้งนี้ การพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ แผนแม่บทการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน การพัฒนาโครงข่ายถนนและระเบียงเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงจุดต่าง ๆ ในภูมิภาค จะทำให้เมืองที่อยู่ตามเส้นทางเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากการค้าชายแดนและการลงทุนที่ขยายตัว ๖. ความมั่นคงและสิทธิมนุษยชน ประเด็นด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ได้แก่ การฟอกเงินข้ามชาติ การค้าผู้หญิงและเด็ก ความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร การกระทำอันเป็นโจรสลัดระหว่างประเทศ และความมั่นคงทางทะเล การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้แสดงให้เห็นถึงโอกาสของการเรียนรู้เรื่องความมั่นคงในรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความร่วมมือประเทศสมาชิกในการติดตามการระบาดของโรคซาร์สในปี ๒๕๔๖ และไข้หวัดนกในปี ๒๕๔๗ การให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อต่อสู้กับการค้ามนุษย์ การจัดตั้งอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย การจัดตั้งสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ การจัดตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนด้านสิทธิมนุษยชน การจัดตั้งคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็ก ๗. ชุมชน ประวัติศาสตร์ และประชาชน ประเทศอาเซียน ความหลากหลายทั้งภาษา ชาติพันธุ์ ระดับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ระบบการเมือง ศาสนา การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้แสดงให้เห็นถึงโอกาสของการพัฒนาชุมชน ภาคประชาชน และความเป็นประชาคม ภายใต้คำขวัญที่ว่า อาเซียนมีหนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งอัตลักษณ์ และหนึ่งประชาคม นอกจากนี้ เสาการเมืองและความมั่นคงให้ความสำคัญกับชุมชนที่เอื้ออาทรและแบ่งปันกัน ๘. ดัชนีความก้าวหน้าของคน [Human Achievement Index (HAI)] สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nation Development Programme : UNDP) ประเทศไทยได้จัดทำ HAI ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เพื่อเปรียบเทียบสถานการณ์การพัฒนาคนในระดับจังหวัด ชี้ให้เห็นจังหวัดที่มีความก้าวหน้าและล้าหลัง โดยมี ๔๐ ตัวชี้วัดที่ครอบคลุมการพัฒนาคนใน ๘ มิติ ประกอบด้วย สุขภาพ การศึกษา การจ้างงาน รายได้ สภาพแวดล้อมของผู้ที่อยู่อาศัยและการดำรงชีพ ครอบครัวและชีวิตชุมชน การคมนาคมและสื่อสาร และการติดต่อสัมพันธ์มีส่วนร่วมในสังคม จากผลการคำนวณ HAI ปี ๒๕๕๗ พบว่ากรุงเทพมหานครมีความก้าวหน้ามากที่สุด จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีความก้าวหน้าเป็นอันดับที่ ๒ และมีจังหวัดนนทบุรี ตรัง พะเยา นครนายก นครปฐม สงขลา พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม ติดอยู่ในสิบอันดับตามลำดับ |
|||||||||||||||||||||
26351 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. 2554 - 2559 ปีงบประมาณ 2556 | กษ | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙ ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ประกอบด้วย แผนงานเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาดส่งออก แผนงานส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้คุณภาพ แผนงานพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม แผนงานพัฒนาองค์กร แผนงานส่งเสริมการใช้และสนับสนุนการส่งออก และการบริหารจัดการโครงการ ทั้งนี้ ผลกระทบจากการดำเนินการ ปริมาณการส่งออกดอกกล้วยไม้ของไทยในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน ๒๕๕๖ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๕๖ (ปี ๒๕๕๕ และปี ๒๕๕๖ ปริมาณการส่งออก ๑๔,๔๑๕ และ ๑๖,๐๘๕ ตัน ตามลำดับ) แต่คิดเป็นมูลค่าลดลงร้อยละ ๓.๒๔ (ปี ๒๕๕๕ และปี ๒๕๕๖ มูลค่าการส่งออก ๑,๕๒๕ และ ๑,๔๗๖ ล้านบาท ตามลำดับ) ส่วนปริมาณการส่งออกต้นกล้วยไม้ของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๑๕ (ปี ๒๕๕๕ และปี ๒๕๕๖ ปริมาณการส่งออก ๒๒,๓๘๙ และ ๒๕,๓๓๔ พันต้น ตามลำดับ) เมื่อคิดเป็นมูลค่าแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๒๘ (ปี ๒๕๕๕ และปี ๒๕๕๖ มูลค่าการส่งออก ๔๓๗ และ ๔๕๒ ล้านบาท ตามลำดับ) เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกันเป็นสมาคม สหกรณ์ และคลัสเตอร์กล้วยไม้ ทำให้เกิดความเข้มแข็งในองค์กรเกษตรกร มีแผนยุทธศาสตร์ด้านการวิจัยกล้วยไม้ ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ เกิดการขับเคลื่อนในเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อทดแทนปัญหาแรงงานในสวนกล้วยไม้ รวมทั้งการใช้ปุ๋ยและสารเคมีให้มีประสิทธิภาพ และเกิดการขับเคลื่อนในเรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงานในสวนกล้วยไม้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการศึกษาวิเคราะห์ตลาดและแนวทางการขยายตลาดเพิ่มเติมเพื่อขยายกลุ่มคู่ค้าใหม่ รวมถึงการศึกษาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่มีต่อการส่งออกในตลาดคู่ค้าเดิม การส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกล้วยไม้ โดยประมวลผลงานและสรุปตามแต่ละห่วงโซ่การผลิตเพื่อให้สามารถประเมินได้ว่าห่วงโซ่ใดต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม การปรับปรุงพันธุ์กล้วยไม้ใหม่ ๆ โดยใช้วิธีการตัดแต่งพันธุกรรม การวิจัยยังต้องจำกัดอยู่ในขั้นห้องทดลองเพื่อความปลอดภัยไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการเกษตรควรปรับบทบาทให้สามารถดำเนินการติดตามงานและบูรณาการการขับเคลื่อนการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ผ่านกลไกของคณะกรรมการกล้วยไม้แห่งชาติเพื่อให้เกิดเอกภาพของการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ และสะท้อนภาพรวมของการพัฒนากล้วยไม้ของไทยได้อย่างชัดเจนมากขึ้น การทบทวนสถานการณ์เพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์ฯ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ฯ ที่กำหนดไว้ได้ การวิเคราะห์ปัญหาของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ อย่างรอบคอบเพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้อย่างชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม การใช้รูปแบบของคลัสเตอร์กล้วยไม้ราชบุรีเป็นต้นแบบในการจูงใจและส่งเสริมให้เกษตรกรเห็นความสำคัญและประโยชน์ที่เกิดขึ้นของการเข้าสู่ระบบ GAP อย่างเป็นรูปธรรม การใช้โครงการนำร่องที่ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ในคณะกรรมการกล้วยไม้แห่งชาติ โดยพิจารณาเลือกโครงการที่มีผลกระทบในวงกว้างและสามารถทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว (Quick-Win) มาดำเนินการก่อน รวมทั้งการส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิดให้มากขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ อย่างเข้มข้น ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
26352 | ขอโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จาก แผนงานบริหารหนี้ภาครัฐ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทาง มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ผลผลิตการให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้า งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ขาดหายไปจากการดำเนินการตามมาตรการฯ จำนวน ๕๖๖,๐๐๙,๐๐๐ บาท สำหรับชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๑ และระยะที่ ๑๓ โดยโครงการชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๑ เป็นไปตามผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง เป็นเงินจำนวน ๔๓๔,๖๗๑,๘๖๓ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๑๓๑,๓๓๗,๑๓๗ บาท จะนำไปชดเชยการดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ ๑๓ ในบางส่วนต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้แจ้งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบตามนัยระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า การพิจารณาเรื่องนี้ของคณะรัฐมนตรีเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและมิได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่อันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๘๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะรัฐมนตรีจึงสามารถดำเนินการได้ |
|||||||||||||||||||||
26353 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2556 | กค | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ กนง. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันให้กำหนดอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสที่ร้อยละ ๐.๕-๓.๐ ต่อปี เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี ๒๕๕๗ ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ แต่เนื่องจากมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ส่งเรื่องนี้คืนกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ๒. ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๖ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมาย โดยในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๗๔ และ ๐.๘๒ ตามลำดับ ชะลอลงต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปีตามแรงกดดันด้านต้นทุนและด้านอุปสงค์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ๓. เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๖ ขยายตัวชะลอลงเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีตามอุปสงค์ในประเทศที่หดตัวและการส่งออกสินค้าที่ยังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เป็นสำคัญ โดยการบริโภคภาคเอกชนหดตัวจากการที่ครัวเรือนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นตามภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองในประเทศในช่วงปลายปี ขณะที่การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐมีบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลงและบางส่วนมีแนวโน้มล่าช้าออกไปอีก เมื่อประกอบกับการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ภายใต้ข้อจำกัดด้านการแข่งขันและระดับเทคโนโลยี ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนหดตัว |
|||||||||||||||||||||
26354 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิรักขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายบาซิม ฮัฏฏอบ ฮะบัช อัฏฏัวะมะฮ์ (Dr. Bssim Hattab Habash AlTumma) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทน นางสาวอามาล มูซา ฮุซัยน์ อาลี อัรรุบัยอีย์ (Ms. Amal Mussa Hussain Ali Al-Rubaye) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26355 | รัฐบาลสาธารณรัฐมอลตาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายคลิฟฟอร์ด บอร์ก มากส์ (Mr. Clifford Borg Marks) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมอลตาประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26356 | รัฐบาลสาธารณรัฐกินีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอาลฟา ดียาลโล (Dr. Alpha Diallo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกินีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทนนายโมฮาเมด ซามปิล (Mr. Mohamed Sampil ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26357 | การทูลเกล้าฯ ถวายเงินสมทบทุนมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | นร04 | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินสมทบทุนมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในนามรัฐบาล โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
26358 | แต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (นายสมชาย โรจน์รุ่งวศินกุล) | มท | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งนายสมชาย โรจน์รุ่งวศินกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ในอัตราค่าตอบแทนคงที่เดือนละ ๔๕๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า กรณีนี้ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบก่อน ตามมาตรา ๑๘๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้แจ้งว่า การที่คณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งนายสมชาย โรจน์รุ่งวศินกุล เป็นผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบก่อน ตามมาตรา ๑๘๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||
26359 | รายงานผลการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ศธ | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพบปะหารือกับ ดร.คำพัน วิพาวัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาของ สปป.ลาว เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษา และกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการพัฒนาการศึกษาของไทยว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการปฏิรูปการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องโอกาสทางการศึกษาและการเข้าถึงการศึกษาของประชาชน และยังต้องดำเนินการในเรื่องของคุณภาพทางการศึกษาต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนทุกคน การแก้ปัญหาการออกกลางคันของนักเรียน การปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน เน้นให้ครูเปลี่ยนวิธีการสอนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน รวมทั้งได้มุ่งเน้นพัฒนาการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศซึ่งต้องเร่งพัฒนาให้ครูสอนเพื่อการสื่อสารได้ สำหรับการศึกษาในสายอาชีวศึกษา ได้มีนโยบายให้นักเรียนเลือกเรียนสายอาชีพเพิ่มมากขึ้นในอัตราส่วน ๕๑ : ๔๙ ภายในปี ๒๕๕๘ โดยได้จัดทำหลักสูตรร่วมกับภาคเอกชน บริษัทหรือโรงงานเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติและมีรายได้ระหว่างเรียน นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้มีความร่วมมือกับ สปป.ลาว สนับสนุนการพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียนของลาว โดยการสนับสนุนอุปกรณ์และจัดสร้างอาคารศูนย์การเรียนชุมชนต้นแบบใน สปป.ลาว จำนวน ๗ แห่ง ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาของ สปป.ลาว ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาของลาวว่า ได้ดำเนินการปฏิรูปการศึกษาระยะที่ ๑ เมื่อปี ๒๕๕๓ โดยปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและระบบการศึกษา จากเดิม ๑๑ ปี เป็น ๑๒ ปี (๕ : ๔ : ๓) เพื่อให้เทียบเท่ากับประเทศอาเซียน โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนต้องจบชั้นประถมศึกษาภายในปี ๒๕๕๘ และพบว่า นักเรียนสนใจเลือกเรียนสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ และนิยมเลือกเรียนระดับอุดมศึกษาในคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ นอกจากนี้ ยังพบว่า มหาวิทยาลัยประสบปัญหาขาดแคลนอาจารย์สอนในระดับปริญญาตรี
|
|||||||||||||||||||||
26360 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาวะค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 - 31 กรกฎาคม 2557 | กค | 22/04/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๓ เดือน (ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗) และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับเงินชดเชยเพื่อการนี้ อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินรวม ๑,๐๔๔ ล้านบาท ประกอบด้วยมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๗๘๑ ล้านบาท และมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๒๖๓ ล้านบาท โดยให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
.....