ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1311 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26201 - 26220 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26201 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) (นายอัครเดช เจิมศิริ) | มท | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัครเดช เจิมศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
26202 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 (กระทรวงมหาดไทย) (นายวิทยา ผิวผ่อง) | มท | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวิทยา ผิวผ่อง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (เกษียณอายุราชการในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ กรณีการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาข้างต้นเป็นเรื่องที่ค้างการพิจารณาก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งข้าราชการดังกล่าวเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริหารราชการของจังหวัดมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์
|
||||||||||||||||||||||||
26203 | รัฐบาลสหสาธารณรัฐแทนซาเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอะซีซ โพนารี อึมลีมา (Mr.Aziz Ponary Mlima)] | กต | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามที่รัฐบาลสหสาธารณรัฐแทนซาเนียเสนอขอแต่งตั้งนายอะซีซ โพนารี อึมลีมา (Mr. Aziz Ponary Mlima) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทน นายอับดุล ซิสโก อึมทีโร (Mr. Abdul Cisco Mtiro) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26204 | รัฐบาลนิวซีแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายรูเบน แอนโทนี โจแอนนีส เลฟเวอร์มอร์ (Mr. Reuben Anthony Joannes Levermore)] | กต | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามที่รัฐบาลนิวซีแลนด์เสนอขอแต่งตั้งนายรูเบน แอนโทนี โจแอนนีส เลฟเวอร์มอร์ (Mr. Reuben Anthony Joannes Levermore) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งประเทศนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายแอนโทนี จอห์น ลินช์ (Mr. Anthony John Lynch) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26205 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 120 ปี วันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. .... | กค | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๒๐ ปี วันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นสมควรปรับคำบรรยายลวดลายของเหรียญตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงฯ จากเดิม “ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้าย ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยจุลจอมเกล้า ทรงสายสะพายและสายสร้อยแห่งเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ...” เป็น “ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้ายทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
26206 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานลดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๕๗ ให้เขื่อนรัชชประภา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยให้คิดเป็นค่ารายปีเป็นจำนวน ๕๓,๙๙๓,๘๔๒.๒๔ บาท และค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นจำนวน ๖,๗๔๙,๒๓๐.๒๘ บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน รวมทั้งการคำนวณค่ารายปีของเครื่องจักรให้มีมาตรฐานที่ชัดเจนและเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26207 | ขอความเห็นชอบปรับปรุงสภาพการจ้างของพนักงานโรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต | กค | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต เบิกค่าธรรมเนียมแพทย์หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นให้แก่พนักงานและบุคคลในครอบครัว กรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลคลินิกนอกเวลาในสถานพยาบาลของทางราชการ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๓,๖๐๐ บาท ต่อครอบครัวต่อปี ๑.๒ ให้โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต เบิกค่าตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Specific Antigen : PSA) สำหรับพนักงานที่มีอายุ ๕๕ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๓๐๐ บาทต่อคนต่อปี ๒. ให้กระทรวงการคลัง (โรงงานไพ่) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะการเงินในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26208 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร | สธ | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกเป็นอาคาร คสล.๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ๑ หลัง โดยใช้เงินบำรุงของโรงพยาบาลกำแพงเพชร จำนวน ๕,๐๗๗,๐๐๐ บาท สมทบกับวงเงินที่สำนักงบประมาณอนุมัติไว้เดิม จำนวน ๖๒,๔๑๓,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๖๗,๔๙๐,๐๐๐ บาท ๒. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๘ |
||||||||||||||||||||||||
26209 | มูลนิธิทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร | นร05 | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความร่วมมือหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) เพื่อร่วมสมทบทุนการศึกษาในมูลนิธิทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ข้อเสนอความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว) ๒. เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีและคณะเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท และถวายเงินดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26210 | ร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... | รง | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... ของกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายที่คุ้มครองเจ้าของเรือและคนประจำเรือโดยเฉพาะ ตลอดจนให้มีกฎหมายที่สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับดังกล่าวในอนาคต ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงแรงงานที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการทางทะเล เนื่องจากเป็นเรื่องจำเป็นในการบริหารกฎหมายฉบับดังกล่าว และเห็นควรเพิ่มบทบัญญัติในบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับใบอนุญาตจัดหางานที่ออกตามกฎหมายจัดหางานและคุ้มครองคนหางานให้มีผลต่อเนื่องตามกฎหมายนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และเมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการให้สัตยาบันอนุสัญญาแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
26211 | ร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 5 ฉบับ | สลธ.คสช. | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม ๕ ฉบับ ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และเมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วให้เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาในวาระแรกต่อไป ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๕ ให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. .... (กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ต้องจดทะเบียนประกอบธุรกิจทวงถามหนี้) ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขบทบัญญัติในส่วนค้ำประกันและจำนองเพื่อคุ้มครองสิทธิและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ค้ำประกันและจำนองซึ่งมิใช่ลูกหนี้ชั้นต้น โดยกำหนดให้ข้อตกลงที่ให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดอย่างเดียวกับลูกหนี้ร่วมหรือในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมเป็นโมฆะ) ๓. ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. .... (กำหนดให้มีกฎหมายกลางเพื่อกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต และให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมเพื่อรับคำร้องและคำขออนุญาต ณ จุดเดียว) ๔. ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องออกคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด) ๕. ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลผู้ประกอบอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ) |
||||||||||||||||||||||||
26212 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นนโยบายขาดดุล จำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท รายได้สุทธิ จำนวน ๒,๓๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณ โดยมีรายละเอียดระบุวงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และจำแนกตามกระทรวง การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้รัฐสภา ศาล และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ให้ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง วงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๗,๗๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปปรับใช้ในโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน เช่น โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง และบำรุงรักษาเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ทั่วประเทศที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางคมนาคมสู่ภาคใต้ รวมทั้งใช้สำหรับโครงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการในระยะแรก ทั้งนี้ หากมีงบประมาณ (งบกลาง) เหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ก็ให้นำมาปรับใช้ในการดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นด้วย ๓. รับทราบการปรับปรุงวงเงินงบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิม ๕๒๗,๑๓๒.๕ ล้านบาท เป็น ๔๙๒,๑๖๔.๘ ล้านบาท และให้จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเกี่ยวกับการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมเพิ่มอีก ๑ เรื่อง ทั้งนี้ ให้หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยาเป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินการเกี่ยวกับการกำจัดขยะและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการเรื่องนี้ ๔. อนุมัติให้คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน ๕. ให้สำนักงบประมาณนำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณโดยตรง
|
||||||||||||||||||||||||
26213 | ขออนุมัติเปิดสถานเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย | กต | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26214 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. เรื่องเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาการปรับปรุงบทบาทหน่วยงานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งมีหน่วยงานด้านนโยบายคือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานหลักในการปฏิบัติคือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) นั้น โดยปรับปรุงให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ กสทช. มีบทบาทในการกำกับดูแลการสื่อสารเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการดูแลสื่อสังคมออนไลน์เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นภัยต่อเยาวชน สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งปรับปรุงให้บริษัท ทีโอทีฯ และบริษัท กสทฯ มีการจัดองค์กรที่เหมาะสม มีศักยภาพในการหารายได้เพื่อเลี้ยงตนเอง มีกระบวนการทำงานที่ประสานกับหน่วยงานด้านนโยบายโดยเฉพาะกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ทั้งสองบริษัทและเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย ๑.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงแรงงาน กำหนดมาตรการเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนจัดตั้งโรงงานขนาดเล็กหรือขนาดย่อมตามแนวชายแดน เพื่อสร้างงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยอาจพิจารณาใช้พื้นที่ทหารหรือพื้นที่ราชพัสดุเพื่อจัดทำเป็นโครงการนำร่อง ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒. เรื่องพลังงาน ๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภาพรวมทั้งระบบ โดยเฉพาะโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน ๘๐๐ เมกะวัตต์ ที่ยังมิได้ดำเนินการเนื่องจากมีปัญหาในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้โครงการสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ติดตามการดำเนินการของโครงการดังกล่าวให้เป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใสต่อไปด้วย ๒.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมร่วมกันพิจารณากระบวนการในการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง และนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาโดยเร็ว โดยหากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องจัดทำเป็นประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ให้เร่งดำเนินการ แล้วเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๒.๓ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) แล้วรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบต่อไป ๓. เรื่องอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ให้มีการจัดตั้งศูนย์การช่วยเหลือผลิตผลทางการเกษตรในระดับจังหวัด เพื่อทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบริการช่วยเหลือเกษตรกร และเฝ้าระวังภัยพิบัติเพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรขยายขอบเขตหน้าที่ของศูนย์เพื่อให้บริการด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ด้านการพาณิชย์ ด้านแรงงาน ด้านอุตสาหกรรม และด้านกฎหมาย จึงให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกระดับศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service Centre) ในระดับจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรตามที่กำหนดไว้ในมติข้างต้น รวมถึงการให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบริการภาครัฐแก่ประชาชนและให้ความช่วยเหลือและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่าง ๆ ข้างต้น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าศูนย์ และมีผู้แทนจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์นี้ รวมทั้งให้ขยายการดำเนินการของศูนย์ไปสู่ระดับอำเภอและตำบล ทั้งนี้ ให้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมาใช้บริการศูนย์ดังกล่าวต่อไปด้วย นอกจากนั้น ในส่วนของการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืนโดยสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมและรณรงค์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย ๓.๒ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงสาธารณสุขเร่งชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบว่า ประชาชนทุกคนสามารถเข้ารับการบริการสาธารณสุขของรัฐภายใต้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ตามปกติเช่นเดิม โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังมิได้มีการปรับลดเงินงบประมาณหรือปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การเข้ารับบริการใด ๆ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์
|
||||||||||||||||||||||||
26215 | การชี้แจงของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) | สลธ.คสช. | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการติดตามและตรวจสอบโครงการของภาครัฐ รวมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตามที่ประธาน คตร. เสนอ โดย ๑.๑ การดำเนินการของงบลงทุนผูกพันรายการใหม่ของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๒๘ โครงการ ซึ่งให้ดำเนินการต่อไปได้ จำนวน ๒๔ โครงการ และให้พิจารณาทบทวน จำนวน ๔ โครงการ ๑.๑.๑ โครงการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาให้ดำเนินการต่อไปได้ ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเร่งรัดดำเนินการเพื่อขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปี เพื่อให้สามารถดำเนินงาน/ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ทุกหน่วยงานเตรียมการให้พร้อมเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ ๑.๑.๒ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการปรับแผนโครงการ เช่น การแก้ไขขอบเขตของงาน (TOR) การปรับราคากลาง และการปรับแบบการก่อสร้าง เป็นต้น ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ เพื่อนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๑.๑.๓ สำหรับรายการค่าก่อสร้างอาคารและชิ้นงานนิทรรศการศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมชั้นสูงเพื่อการท่องเที่ยว ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติซึ่งไม่สามารถดำเนินการเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ มอบหมายให้ คตร. และส่วนราชการเจ้าของโครงการพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ โครงการที่ คตร. เข้าติดตามและได้สรุปผลการตรวจแล้ว จำนวน ๑๐ โครงการ มอบหมายให้ คตร. แจ้งข้อเสนอแนะของ คตร. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อเร่งดำเนินการทบทวน/ปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะฯ โดยหากมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๑.๓ โครงการที่ คตร. เข้าติดตามและอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๔ โครงการ ๑.๓.๑ มอบหมายให้ คตร. แจ้งข้อเสนอแนะของ คตร. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อเร่งดำเนินการทบทวน/ปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะฯ ๑.๓.๒ ให้ชะลอการดำเนินโครงการ (๑) กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ (๒) การเบิกค่าเบี้ยประชุมของรัฐสภา (๓) การก่อสร้างอาคารที่พักสวัสดิการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไปพิจารณาทบทวนความเหมาะสมและความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยหากมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๑.๔ โครงการที่ คตร. จะเข้าติดตามและตรวจสอบในห้วงต่อไป จำนวน ๗ โครงการ มอบหมายหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ (พลเอก ประจิน จั่นตอง) คณะรักษาความสงบแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ไปดำเนินการพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคาร One Stop Service ณ จังหวัดนครราชสีมา ของกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์บริการร่วม (One Stop Service) ของส่วนราชการดังกล่าวเพื่อเป็นการลดขั้นตอน บรรเทาความเดือดร้อน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการติดต่อราชการ และให้พิจารณาถึงความจำเป็นในการจัดตั้งศูนย์บริการร่วม (One Stop Service) ตามภูมิภาคต่าง ๆ ด้วย ๑.๕ รายการหรือโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ แต่ไม่มีรายละเอียดชัดเจน (งบแปรญัตติ) จำนวน ๓๓ โครงการ มอบหมายให้ คตร. ประสานกับฝ่ายต่าง ๆ ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดรายการหรือโครงการที่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ให้มีความชัดเจน แล้วนำเสนอฝ่ายที่อยู่ในความรับผิดชอบและ คตร. ตามลำดับต่อไป ๒. หากโครงการใดที่ คตร. เข้าติดตามและตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่มีความจำเป็นและ/หรือไม่มีความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการ ก็ให้ยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ สำหรับโครงการที่ได้ตรวจสอบแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการ หากพบข้อร้องเรียนหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการทุจริต ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับไปติดตามและตรวจสอบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26216 | ผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2557 | พณ | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ประกาศผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) เช่นเดียวกับในปี ๒๕๕๐-๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับภาพรวมการที่ประเทศไทยได้ถูกจัดไว้ในบัญชี PWL อีกครั้งน่าจะส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และเจตนารมณ์ทางการเมืองของไทยที่จะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง รวมทั้งอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทำให้นักลงทุนบางรายขาดความเชื่อมั่นในการได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน การที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญต่อการรักษาผลประโยชน์ของผู้ประกอบการสหรัฐฯ ด้วยการนำประเด็นเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาบรรจุไว้ในเวทีเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การเร่งพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้เป็นรูปธรรม การเจรจากับสหรัฐฯ โดยพิจารณาใช้หลักการที่ว่าการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาควรมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกภาคส่วนโดยอาศัยความรู้จากความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม และควรคำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสาธารณชนอย่างสมดุล ตลอดจนการดำเนินการโดยสอดคล้องกับพันธกรณีสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ของไทยและสหรัฐฯ รวมทั้งกรมทรัพย์สินทางปัญญาควรพิจารณาการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบของการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น เพื่อให้กระบวนการปฏิบัติงานมีความรวดเร็ว สามารถครอบคลุมประเด็นปัญหา ความท้าทายด้านต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น และนำไปสู่ผลการปราบปรามในภาพรวมของประเทศที่สอดคล้องตามเงื่อนไขของข้อตกลงและสนธิสัญญาในมาตรฐานสากล รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบสิทธิบัตรและจดทะเบียนสิทธิบัตรให้รวดเร็วขึ้น และเร่งรัดดำเนินการแก้ไขกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่ยังค้างอยู่ให้สำเร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ตามร่างกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาที่อยู่ระหว่างดำเนินการนั้น มีบทบัญญัติในส่วนใดบ้างที่มีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่ควรจะดำเนินการออกเป็นประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อให้มีผลใช้บังคับได้โดยเร็วในระยะแรก ก่อนมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การจัดอันดับประเทศไทยตามกฎหมายการค้าของสหรัฐฯ ในระยะต่อไปดีขึ้น เช่น การกำหนดฐานความผิดสำหรับผู้ที่บันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานความผิดสำหรับเจ้าหน้าที่ของพื้นที่ที่อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้พื้นที่เพื่อการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า เป็นต้น และเร่งดำเนินการเพื่อเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วน ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกวดขันการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26217 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2557 | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนต้นเงินกู้จากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน-๒ จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท และปรับโครงสร้างหนี้วงเงินที่เหลือ จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ ๔ ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศ และงานทั่วไป เล่ม ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๗๗ ง เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
26218 | รายงานผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 8 ของแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (The Eighth IMT-GT Summit) | นร11 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๘ ของแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (The Eighth Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Summit : IMT-GT) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยประเด็นสำคัญในการประชุม ได้แก่ การรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการของแผนงาน IMT-GT ระหว่างปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ตามที่ผู้แทนรัฐมนตรี IMT-GT เสนอ ความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้แทนพิเศษของผู้นำสามประเทศ ได้แก่ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายกรัฐมนตรีไทย รวมทั้งแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๘ ของแผนงาน IMT-GT (The Eighth IMT-GT Summit Joint Statement) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ ๒.๑ การเจรจาหารือและการเข้าร่วมการประชุมกับต่างประเทศในเรื่องต่าง ๆ ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องกำหนดยุทธศาสตร์ในการเจรจาหารือให้ชัดเจนว่าจะเจรจาเรื่องใด อย่างไร โดยให้ถือผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของชาติเป็นหลัก ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ๒.๒ การขยายและยกระดับโครงการเมืองยางพารา (Rubber City) เป็นโครงการระเบียงยางพารา (Rubber Corridor) สมควรเร่งดำเนินการ ซึ่งจะช่วยให้สามารถขยายตลาดยางพาราไปยังภูมิภาคอาเซียนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ๒.๓ การจัดทำเมืองสีเขียว (Green City) ประเทศมาเลเซียได้เสนอให้รัฐมะละกาเป็น Green City ส่วนประเทศไทยจะเสนอจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดนำร่อง อย่างไรก็ตาม เมืองสีเขียวควรจะดำเนินการในทุกจังหวัด จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อจัดทำแผนแม่บท (Roadmap) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้แต่ละจังหวัดดำเนินการตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนต่อไป ๒.๔ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เห็นควรดำเนินการ ดังนี้ ๒.๔.๑ เส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor : NSEC) แนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งนี้ สายทางใดที่เป็นจุดคอขวดและมีปริมาณการจราจรจำนวนมาก ให้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ๒.๔.๒ ด่านศุลกากรที่สำคัญ ๕ ด่าน ได้แก่ ด่านปาดังเบซาร์ ด่านสะเดา ด่านอรัญประเทศ ด่านแม่สอด และด่านคลองใหญ่ มอบหมายให้รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปประสานงาน โดยให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการขยายและปรับปรุงด่านศุลกากรที่สำคัญทั้ง ๕ ด่าน อย่างน้อย ๑ ด่าน ให้ทันในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ และที่เหลือภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดระเบียบการจราจรบริเวณด่านศุลกากรแต่ละแห่งให้มีความคล่องตัวด้วย ๒.๕ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องที่สมควรเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยยึดผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นหลัก และต้องพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งข้อจำกัดของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย จึงมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และให้รายงานผลการดำเนินการให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบเป็นรายไตรมาสด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26219 | การจัดหาเงินทุนเพื่อเยียวยาเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 | กค | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อชำระคืนเงินทุนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้สำรองจ่ายไปจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. กู้เงินในรูปแบบ Term Loan วงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๓ ปี โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน รัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย และได้มีการเปิดซองพิจารณาเงื่อนไขรายละเอียดที่สถาบันการเงินต่าง ๆ เสนอแล้วเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีสถาบันการเงินจำนวน ๓ แห่ง คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด เป็นผู้เสนออัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขและรายละเอียดการกู้เงินที่ดีที่สุด รวมจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท โดย ๑) ธนาคารออมสิน เสนออัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ลบร้อยละ ๐.๑๐ ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และอัตรา BIBOR ระยะ ๖ เดือน ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เสนออัตรา BIBOR ระยะ ๖ เดือน ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และ ๓) ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด เสนออัตรา BIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกร้อยละ ๐.๐๕ ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เมื่อรวมวงเงินกู้ที่กระทรวงการคลังได้มีการจัดหาแล้วเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท จะทำให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26220 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (จำนวน 5 ราย 1. นายจิระพันธ์ กัลลประวิทย์ ฯลฯ) | นร11 | 08/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์เป็นต้นไป จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นายจิระพันธ์ กัลลประวิทย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ ๒. นายมนตรี บุญพาณิชย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๓. นายประพันธ์ มุสิกพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๔. นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ๕. นายดนุชา พิชยนันท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
|
.....