ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1320 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26381 - 26400 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26381 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และ 2554 (กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง) | รง | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีรายได้รวม จำนวน ๒๗,๐๑๙,๐๑๒.๐๖ ล้านบาท ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๓,๐๑๐,๑๘๐.๓๓ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม จำนวน ๑๑๐,๘๕๒,๘๖๖.๒๘ บาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๖๔,๑๗๘,๒๑๒.๕๒ บาท มีผลทำให้รายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๘๓,๘๓๓,๘๕๔.๒๒ บาท ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗๗,๑๘๘,๓๙๒.๖๕ บาท ๒. กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๓๑๗,๖๙๘,๓๕๓.๒๔ บาท ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘๓,๘๘๔,๐๓๕.๘๖ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
26382 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ศธ | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการและกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชน จำนวน ๑,๒๓๔.๐๒๙๙ ล้านบาท โดยให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่มีเงินเหลือจ่าย จำนวน ๑๗๑.๔๔๔๒ ล้านบาท และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่ยังขาดอยู่อีก จำนวน ๕๖๒.๕๘๕๗ ล้านบาท ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้จ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26383 | การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป | นร05 | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ส่งคำวินิจฉัยกลางไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติโดยทั่วไป คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องเชิญพรรคการเมืองเพื่อหารือแนวทางในการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยหากมีการยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดการเลือกตั้ง เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้แจ้งเรื่องให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) รายงาน และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีติดตามและรายงานต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26384 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 4 ราย 1. นางสุรีย์รัตน์ ฯลฯ) | วธ | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางสุรีย์รัตน์ วงศ์เสงี่ยม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอนันต์ ชูโชติ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางพิมพ์รวี วัฒนวรางกูร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง |
|||||||||||||||||||||||||||
26385 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานกิจการยุติธรรม (กระทรวงยุติธรรม) (นายวิทยา สุริยะวงค์) | ยธ | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวิทยา สุริยะวงค์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๘๑ (๑) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26386 | แต่งตั้งข้าราชการ (จำนวน 4 ราย 1. นายวิษณุ ปาณวร ฯ) | รง | 01/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายวิษณุ ปาณวร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอารักษ์ พรหมณี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวินัย ลู่วิโรจน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายกรีฑา สพโชค ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง |
|||||||||||||||||||||||||||
26387 | เร่งรัดการเสนอเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการในช่วงการยุบสภาผู้แทนราษฎร | นร09 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งกรรมการในกรณีต่าง ๆ ในช่วงการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การเสนอเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการในช่วงการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ให้แล้วเสร็จ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในการประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26388 | แต่งตั้งคณะบุคคลเป็นที่ปรึกษาในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย | นร04 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะบุคคลเป็นที่ปรึกษาในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๔/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานที่ปรึกษา นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และนายพีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26389 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่ และภาพรวมทั้งปี 2556 | นร11 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่ และภาพรวมทั้งปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายได้และการจ้างงาน ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๖ การจ้างงานลดลงร้อยละ ๑.๑ เป็นการลดลงทั้งภาคเกษตรและภาคนอกเกษตร อัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ ๐.๖๕ ค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนภาคเอกชนที่ยังไม่รวมค่าล่วงเวลาและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๗ จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน และจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๗ ทำให้ค่าจ้างแรงงานในไตรมาสที่สี่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๗ ทั้งนี้ โดยรวมตลอดทั้งปี ๒๕๕๖ แม้ว่าการจ้างงานจะลดลงและอัตราการว่างงานจะสูงขึ้นในไตรมาสที่สี่ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม ตลอดทั้งปีการจ้างงานลดลงเมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๕ ลดลงเล็กน้อยเพียงร้อยละ ๐.๐๕ ในขณะที่อัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ ๐.๗๒ ยังอยู่ในระดับที่ต่ำและใกล้เคียงกับระดับอัตราการว่างงานในช่วงสองปีที่ผ่านมาที่ร้อยละ ๐.๗ ค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนภาคเอกชนที่ยังไม่รวมค่าล่วงเวลาและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นในปี ๒๕๕๖ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๒ ค่าจ้างแท้จริงเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๘ ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๙ ๒. ภาวะสุขภาพ ๒.๑ ผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังมีแนวโน้มลดลงแต่ยังต้องเฝ้าระวังโรคในระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังลดลงร้อยละ ๒๕.๑ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๕ ภาพรวมทั้งปี ๒๕๕๖ มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๙ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๕ โดยผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นเกือบ ๒ เท่า ซึ่งแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๕ ส่วนใหญ่พบมากในกลุ่มนักเรียนอายุ ๑๐-๒๔ ปี รวมทั้งยังต้องเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบและไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๗ สำหรับการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สำคัญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี ๒๕๕๕ พบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙.๗ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๔ รองลงมา ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๖ ๓.๗ ๗.๔ และ ๖.๒ ตามลำดับ ๒.๒ ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดลงจาก ๔๓,๕๒๖ ล้านบาทในไตรมาสที่สี่ปี ๒๕๕๕ เป็น ๓๙,๖๖๔ ล้านบาทในไตรมาสที่สี่ปี ๒๕๕๖ หรือลดลงร้อยละ ๘.๙ เป็นผลมาจากการปรับภาษีสรรพสามิตของสุราและเบียร์ใหม่ทำให้ราคาสุราและเบียร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณร้อยละ ๗-๘ ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริโภคบุหรี่เพิ่มขึ้นจากมูลค่า ๔,๖๘๒ ล้านบาทในไตรมาสที่สี่ปี ๒๕๕๕ เป็น ๔,๗๓๔ ล้านบาทในไตรมาสที่สี่ปี ๒๕๕๖ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๑ ๓. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ๓.๑ จำนวนคดีอาญาโดยรวมลดลง ขณะที่คดียาเสพติดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๖ มีการรับแจ้ง ๑๑๘,๙๐๔ คดี ลดลงร้อยละ ๐.๖ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยคดียาเสพติดมีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ ๘๕.๑ ของคดีอาญารวม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๕ ร้อยละ ๐.๘ สำหรับภาพรวมทั้งปี ๒๕๕๖ มีการรับแจ้งคดียาเสพติด ๔๓๔,๕๕๗ คดี เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๗ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๕ ๓.๒ สถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๖ มีผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ ๒๔.๔ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๕ สำหรับภาพรวมทั้งปี ๒๕๕๖ มีผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ ๙.๑ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๕ ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๗ เกิดอุบัติเหตุ ๓,๑๗๔ ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๖ ร้อยละ ๐.๓ มีผู้บาดเจ็บ ๓,๓๔๕ คน ผู้เสียชีวิต ๓๖๖ คน สาเหตุหลักยังคงมาจากการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดที่ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกนิรภัย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26390 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2556 และแนวโน้มปี 2557 | นร11 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี ๒๕๕๖ และแนวโน้มปี ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๖ วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ ๐.๖ โดยเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสี่ขยายตัวจากไตรมาสสามของปี ๒๕๕๖ ร้อยละ ๐.๖ ในขณะที่เศรษฐกิจในภาพรวมยังมีเสถียรภาพ อัตราการว่างงานยังต่ำที่ร้อยละ ๐.๗ และอัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๑.๗ และเมื่อรวมทั้งปี ๒๕๕๖ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ๒. ภาวะเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๖ ๒.๑ เศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งปี ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ชะลอตัวค่อนข้างมากจากที่ขยายตัวร้อยละ ๖.๕ ในปี ๒๕๕๕ เนื่องจากฐานการใช้จ่ายครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชนในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๕ สูงกว่าแนวโน้มปกติ เป็นผลจากการดำเนินมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกที่ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งสูงถึง ๒๑๑,๔๗๔ คัน ในไตรมาสสี่ปี ๒๕๕๕ ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศรวมชะลอตัวลงมาก ประกอบกับในช่วงปลายปีความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง การใช้จ่ายของครัวเรือนโดยรวมทั้งปีจึงขยายตัวเพียงร้อยละ ๐.๒ การลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ ๒.๘ และการใช้จ่ายรัฐบาลและการลงทุนภาครัฐชะลอตัวลง นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการยังชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงแรกของการฟื้นตัว รวมทั้งสินค้าส่งออกเกษตรประสบปัญหาโรคตายด่วนในกุ้งและสินค้าอุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถปรับตัวทันกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิตหน่วยความจำของฮาร์ตดิสก์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น โดยรวมทั้งปี ๒๕๕๖ มูลค่าการส่งออกเท่ากับ ๒๒๕,๓๙๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๐.๒ ๒.๒ การใช้จ่ายและการส่งออกที่ชะลอตัวส่งผลให้การผลิตในทุกสาขาชะลอลงทั้งปี ๒๕๕๖ ภาคเกษตรกรรมขยายตัวร้อยละ ๑.๔ ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๐.๑ ภาคการก่อสร้างขยายตัวร้อยละ ๑.๒ และสาขาโรงแรมและภัตตาคารขยายตัวร้อยละ ๑๒.๑ โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้น ๒๖.๗ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๖ ๒.๓ เศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพที่มั่นคงโดยที่อัตราการว่างงานทั้งปีเท่ากับร้อยละ ๐.๗ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๒.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๐.๖ ต่อ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๗ ๓.๑ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๐-๔.๐ ดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ในปี ๒๕๕๖ โดยมีปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวจากภาคการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖ เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๓.๑ ในปี ๒๕๕๖ การท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ ๓.๐ ต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน และอัตราการขยายตัวในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในส่วนที่ได้มีการผูกพันไว้แล้ว รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ โดยเฉพาะการลงทุนที่ขอรับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนไว้แล้วและสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการอนุมัติในช่วงครึ่งหลังของปีได้ โดยคาดว่าการปรับปรุงนโยบายการส่งเสริมการลงทุนจะมีความชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ๓.๒ ข้อจำกัดของอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังอ่อนตัวจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำกว่าร้อยละ ๔.๐-๕.๐ เนื่องจากความล่าช้าของการดำเนินการตามแผนการลงทุนของภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศที่ยังคงอ่อนตัวต่อเนื่อง ๓.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงร้อยละ ๑.๙-๒.๙ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศยังขยายตัวไม่มาก ประกอบกับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นไม่มาก อัตราการว่างงานจะยังต่ำไม่เกินร้อยละ ๑ ดุลบัญชีเดินสะพัดซึ่งคาดว่าจะขาดดุลร้อยละ ๐.๒ ของ GDP ลดลงจากการขาดดุลร้อยละ ๐.๖ ของ GDP ในปี ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
26391 | สรุปสถานการณ์ภาพรวมของปัญหาไฟป่าและหมอกควันของภาคเหนือ 10 จังหวัด ครั้งที่ 1 | นร04 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปสถานการณ์ภาพรวมของปัญหาไฟป่าและหมอกควันของภาคเหนือ ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา ตาก และอุตรดิตถ์ ครั้งที่ ๑ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คุณภาพอากาศ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ รวม ๑๔ วัน ทุกจังหวัดมีคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน สูงเกินค่ามาตรฐาน ๑๒๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ๑.๒ จุดความร้อน (Hot Spots) ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗-๒๓ มีนาคม ๒๕๕๗ มีจำนวนจุความร้อน (Hot Spots) รวม ๔,๑๗๔ จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อน (Hot Spots) มากที่สุด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๑,๐๘๙ จุด รองลงมา คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๑,๐๑๔ จุด ส่วนสถานการณ์การเกิดไฟป่า มีจำนวนการเกิดไฟป่า ๗๐๙ ครั้ง รวมพื้นที่ ๖,๓๕๕ ไร่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ที่ได้ให้ไว้เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และภัยจากไฟป่าและหมอกควัน ปี ๒๕๕๗) อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันได้ผลอย่างจริงจังต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26392 | ขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อนำมาสนับสนุนเป็นเงินรางวัลกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 7 | นร04 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๕,๖๘๗,๑๐๐ บาท สมทบให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนเป็นเงินรางวัลตามวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติให้กับนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ผู้ฝึกสอน และสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ ๗ แข่งขันระหว่างวันที่ ๑๑-๒๑ มกราคม ๒๕๕๗ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
26393 | รัฐบาลมอนเตเนโกรเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวลาดีมีร์ ราดูโลวิช (Mr. Vladimir Radulovic) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมอนเตเนโกรประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงพอดกอรีตซา มอนเตเนโกร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26394 | รัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอีต โชเฟีย (Mrs. Eat Sophea) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนางยู ออย (Mrs. You Ay) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26395 | ขออนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐซิลีประจำจังหวัดภูเก็ตและแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ฯ | กต | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐซิลีประจำจังหวัดภูเก็ต และแต่งตั้งนางนันทนา วงศ์สัตยนนท์ เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ฯ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26396 | ขออนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ยูเครนประจำเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ฯ | กต | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ยูเครนประจำเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และแต่งตั้งนางสาวบังอร จานสันเทียะ เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ยูเครนประจำเมืองพัทยา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
26397 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะ | นร04 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะ เนื่องจากในภาพรวมทั้งประเทศมีบ่อขยะอยู่รวมทั้งหมดหลายพันแห่ง ประกอบกับการบริหารจัดการปัญหาขยะให้มีประสิทธิภาพจะต้องดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การทิ้งขยะที่ควรจะมีการคัดแยกประเภทขยะอย่างเคร่งครัดตั้งแต่ต้น การเก็บรวบรวมและขนย้ายขยะ การนำไปใช้ประโยชน์ การกำจัด และทำลายขยะ ซึ่งมีหน่วยงานที่รับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ตลอดจนมีข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องมากกว่า ๑๐ ฉบับ จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเจ้าภาพบูรณาการการปฏิบัติงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อตรวจสอบและกำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการบริหารจัดการขยะในจังหวัดในทุกขั้นตอนให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน ทั้งนี้ การดำเนินการในเรื่องใดเกี่ยวกับเรื่องข้างต้นที่ไม่ขัดแย้งกับข้อกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้เร่งดำเนินการโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26398 | การจัดทำความเห็นกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เรื่อง การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 | นร09 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๔๕ (๑) ว่า การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ นั้น เพื่อให้รัฐบาลมีแนวทางดำเนินการที่สอดคล้องกับคำนิวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งนำคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีดังกล่าวมาพิจารณารายละเอียด โดยให้ประสานหารือกับรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวราเทพ รัตนากร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย และให้จัดทำแนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26399 | แนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี | รง | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน ๔ ปี โดยผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน ๔ ปี ที่ถือหนังสือเดินทาง (Passport) หนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport) หรือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity) แต่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา ๑๘๐ วัน หรือจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ สุดแล้วแต่ระยะเวลาใดจะถึงก่อน เพื่อให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปขอรับการตรวจลงตราและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ขอรับใบอนุญาตทำงาน ตามขั้นตอนและสถานที่ที่กรมการจัดหางานกำหนด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของการประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าวให้ปฏิบัติตามแนวทางเดิมที่ให้ซื้อประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
26400 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 | มท | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๗ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๗ เกิดอุบัติเหตุทางถนน ๓,๑๗๔ ครั้ง (ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ เกิด ๓,๑๖๔ ครั้ง) เพิ่มขึ้น ๑๐ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๐.๓๒ มีผู้เสียชีวิต ๓๖๗ ราย (ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ผู้เสียชีวิต ๓๖๖ ราย) เพิ่มขึ้น ๑ ราย คิดเป็นร้อยละ ๐.๒๗ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ๓,๓๔๔ คน (ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ๓,๓๒๙ คน) เพิ่มขึ้น ๑๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๐.๔๕ และเกิดอุบัติเหตุใหญ่ ๓๑ ครั้ง (ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ เกิด ๓๙ ครั้ง) ลดลง ๘ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๕๑ ๑.๒ ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๗ ได้แก่ ด้านบุคลากร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีบุคคลในการปฏิบัติงานไม่เพียงพอ ด้านงบประมาณ หน่วยงานที่รับผิดชอบได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ด้านเครื่องมืออุปกรณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานไม่เพียงพอ มีสภาพชำรุดและไม่พร้อมในการใช้งาน และด้านการบริหารจัดการ ผู้บริหารบางหน่วยงานไม่ได้ให้ความสำคัญในการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเท่าที่ควรทำให้การบริหารจัดการขาดประสิทธิภาพ ๑.๓ ข้อเสนอแนะ ได้แก่ การบูรณาการบุคลากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการดำเนินงาน และกำหนดบทบาทหน้าที่ในการดำเนินงานให้มีความชัดเจน การนำข้อมูลสถิติการดำเนินงานช่วงเทศกาล ๓ ปีย้อนหลังมาวิเคราะห์สาเหตุ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางมาตรการดำเนินงานให้มีความชัดเจนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการขอจัดสรรงบประมาณ การจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ในการปฏิบัติงานให้เพียงพอ และซ่อมแซมเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ชำรุดให้มีความพร้อมในการใช้งาน รวมทั้งการให้ความสำคัญกับผู้บริหารทุกระดับ ทั้งระดับส่วนกลาง ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น สร้างความเข้าใจและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและผลกระทบที่เกิดจากปัญหาอุบัติเหตุทางถนน เพื่อให้ผู้บริหารได้ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนและเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มากขึ้น ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้สายด่วน ๑๙๑ เป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๗ และให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน
|
.....